Make a plan to love me (รักนี้ มีแผน 2) #9




Make a plan to love me (รักนี้ มีแผน 2)



…9. บทรักครั้งที่ 2 ...


ลมเย็น ๆ ที่พัดมาปะทะกับใบหน้าเป็นระยะตอนนี้ ช่วยให้ใครบางคนที่ใจรุ่มร้อน ผ่อนคลายลงได้บ้าง แม้มันจะไม่มากเท่าที่อยากให้เป็นก็เหอะ
เค้าอยากจะลืมไปให้หมด ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ตัวเองต้องมาเดินย่ำอยู่บนถนนริมแม่น้ำสายนี้คนเดียว ในคืนที่มืดมิดและหนาวเหน็บซะขนาดนี้ เค้าอยากจะลืมไปเหมือนกัน ว่าอะไรทำให้เค้าต้องทุกข์ใจได้มากมายขนาดนี้ อยากจะลืมใครที่หัวใจเค้ากำลังร้องโหยหาแทบเป็นแทบตาย แต่ความเป็นจริง มันยังเด่นชัด และนั่น คือสิ่งที่ทำให้หัวใจเจ็บปวด ... เจ็บปวดไม่ยอมหายซะที


RRRRRRRRRRRRRRRRRR

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เค้าแทบไม่มีกะจิตกะใจจะคุยกับใคร แต่ในเมื่อคนโทรดูท่าว่าจะไม่ละความพยายามง่าย ๆ เค้าจึงตัดสินใจกดรับด้วยความจำใจ

“ฮัลโหล”

((ไอ่จินนี่ อยู่ไหนวะ))

“ผมอยู่บ้านฮะ”

(( ไม่ต้องโกหก ชั้นโทรถามไอ่ริคแล้ว มันบอกว่านายไม่ได้อยู่บ้าน))

“งั้นเหรอฮะ งั้นก็อยู่ข้างนอก”

((ไอ่บ้า อยู่ไหน บอกมา เดี๋ยวไปรับ))

“ผมอยู่ไหนน่ะเหรอ”
..

…

แค่ไม่กี่นาทีที่วางหู มินอูก็มายืนทำหน้าขรึมมองดูอีกคนที่แทบจะหมดสภาพตรงนี้ นึกขอบคุณที่จอนจินไม่ชิงโดดน้ำตายไปซะก่อน ก็หน้าตามันน่ะ เหมือนคนตายไปแล้วครึ่งตัวงั้นแหละ

“เฮ้อ!! เกินจะเยียวยาและน้องชั้น”

“มาเร็วดีจังเลยพี่”

“แน่แหละ เหยียบมาซะเกือบได้ใบสั่งไปและ ดีนะ เพราะคารมชั้นยังดีอยู่
.. แล้วนี่มานั่งทำไรอยู่นี่ รู้ป่ะ เอริคมันเป็นห่วง ขับรถหานายให้วุ่นไปหมด”

“เลยพลอยทำให้พี่ ๆ ต้องเดือดร้อนเลย ผมนี่แย่จริง ๆ”

“เออ รู้ก็ดีแล้ว ... หนาวจะบ้า มานั่งหาเห็บไรแถวนี้วะ” มินอูนั่งลงข้าง ๆ จอนจิน ยกมือสองข้างที่ล้วงกระเป๋าขึ้นมาเป่าลมบรรเทาอาการหนาวเหน็บ นี่ขนาดเค้าเพิ่งลงจากรถ แล้วไอ่คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้ว มันจะไม่รู้สึกอะไรเลยรึยังงัย หรือว่ามันด้านชาไปจนหมดแล้ว

“ทำมัยมันยากนักนะพี่ ทั้ง ๆ ที่ผมก็ขอโทษเค้าแล้ว ทำมัยถึงให้อภัยกันไม่ได้”

“นายต้องคิดถึงใจเค้าบ้างนะจินนี่ การที่โดนใครซักคนหลอก เค้าก็เจ็บไปไม่น้อยเลย มันเพิ่งเริ่ม นายก็ยอมแพ้แล้วเหรอ แล้วไหนบอกว่ารักเค้า”

“มันดูไม่มีวี่แววน่ะสิ ผมถึงท้อ”

“เอาน่า ความสำเร็จมันจะหลุดรอดไปได้งัย ถ้าเราพยายามซะอย่างน่ะ ใช่มั้ย นายไม่เชื่อมั่นในตัวเองเลยเหรอ”

“ไม่รู้สิฮะ บางทีผมก็คิดอยากจะหยุด ระหว่างเดินต่อกับพอแค่นี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าอันไหนมันจะเจ็บน้อยกว่ากัน”

“โธ่! ทำมัยขี้แพ้นักวะ ชั้นชักจะจำไม่ได้และว่าจอนจินคนที่เคยมาคะยั้นคะยอให้ชั้นช่วยเรื่องแอนดี้อย่างกระตือรือร้น คนเดิมนั่นมันหายไปไหน จอนจินคนที่วันก่อนเคยมั่นใจว่าจะไม่ทำความรักครั้งนี้พลาดอีกแล้ว คนที่ไม่เคยคิดหนีแม้ว่าปัญหามันจะหนักแค่ไหน นายรู้ป่ะ ว่านายทิ้งไอ่คนเดิมไว้ที่ไหน”

…
..
“น่าแปลก วันนี้มีเด็กหลงทางตั้ง 2 คนแน่ะ กลับบ้านไม่ถูกกันรึงัยนาย 2 คนน่ะ”

เอริคส่งเสียงตะโกนมาแต่ไกล ส่วนเจ้าของเสียงน่ะ ยืนพิงรถเบนซ์คันหรูของตัวเองพลางมองมาที่คนทั้งสองอย่างนึกขำ

“เออ ชั้นกะจินนี่เป็นเด็กหลงทาง แล้วแกล่ะไอ่ริค โจรปล้นเครื่องบินงั้นสิ” มินอูตะโกนกลับไปบ้าง ก่อนหันมามองหน้าคนข้าง ๆ อีกที

“เรื่องนั้นน่ะ นายลืมไปแล้วเหรอ ว่านายมีพี่หล่อ ๆ ฉลาด ๆ อยู่ใกล้ตัวตั้ง 2 คน เค้าไม่มีทางปล่อยให้น้องชายตัวเองผิดหวังหรอกน่า ไปเหอะ หาเหล้ากินดีกว่า อยู่ตรงนี้นาน ๆ หนาวว่ะ ”

จอนจินมองเงยหน้าเศร้า ๆ ของเค้ามองดูมินอูที เอริคที

“ผมก็สงสัยตัวเองเหมือนกัน ว่าผมจะรู้สึกแย่ไปทำมัย ถ้าพี่เฮซองไม่สนใจผมแล้ว ผมไปจีบพี่หมอซะก็สิ้นเรื่อง”

“เฮ้ย! ไอ่บ้าจินนี่ เด๋วก็ตบกะโหลกบาน พูดไรวะ ไป!!! ขึ้นรถ พี่นายเก็กท่าหล่อรอจนเมื่อยและ”


…………



กว่าจะตัดสินใจเดินออกมาจากห้องได้นั่นก็มืดค่ำไปแล้ว เฮซองค่อย ๆ เดินด้วยเสียงอันเงียบกริบลงมาด้านล่าง แต่เค้าก็พบว่า มีเพียงความว่างเปล่า จอนจินคงไปแล้ว ไม่รู้ว่าระหว่างอาการโล่งอกกับนึกเสียดาย อันไหนที่มันมีมากกว่ากัน

“แต่อย่างนี้ก็ดีแล้วแหละ”

ตอนนี้เสียงท้องร้องประท้วงขึ้นมา ทำให้นึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่เช้า แทบไม่มีอะไรตกถึงท้อง ว่าแล้วก็เดินลากรองเท้าหมีพูห์คู่เก่งไปในครัว จัดแจงหยิบจับโน่นนี่อย่างคล่องแคล่ว

“มาแล้วฮะ พี่ซองกี้” แอนดี้เดินมากอดพี่ชายเค้าไว้จากข้างหลัง พลางส่งเสียงออดอ้อน

“หายไปไหนมาแอนดี้”

“อ่าว พี่จินไม่ได้บอกเหรอ”

“ถ้าเค้าบอกแล้วชั้นจะถามนายมั้ย” แต่น้ำเสียงเฮซองตอนนี้ ไม่น่าจะอยู่ในภาวะที่แอนดี้จะอ้อนได้เท่าไหร่

“เป็นไรอ่ะพี่ โมโหไร”

“เปล่า กินข้าวมายัง” เค้าเริ่มรู้ตัวว่าใส่อารมณ์กับน้องตัวเองเกินไป ทั้ง ๆ ที่แอนดี้ก็ไม่ได้รู้อะไรด้วยซะหน่อย

“ยังฮะ หิวมั่ก ๆ ด้วย”

“ไปอาบน้ำป่ะ แล้วเดี๋ยวลงมากินข้าว”

“ฮะ” แล้วแอนดี้ก็เดินปากยื่นหน้างอขึ้นข้างบนไป ปล่อยให้พี่ชายบ่นไล่ตามหลังอยู่อย่างนั้นอีกนานสองนาน


….

อีกหลายวันต่อมา ในห้องทำงานของเอริค

“นายจะมองหน้าชั้นให้ทะลุไปเลยเหรอ แอนดี้” เอริคเอ่ยถามโดยที่หน้าของเค้ายังคงก้มอยู่กับเอกสารมากมายบนโต๊ะ

“เปล่า” ตอบหน้าตาเฉย แต่ก็ยังคงจ้องต่อตาปริบ ๆ

“มีอะไรก็พูดมาสิ”

“ไม่มีอ่ะ” ยังปฏิเสธแต่ดวงตา ยังไม่ละออกไปจากหน้าคม ๆ ของอีกคน ทำเอาเอริคเริ่มสงสัย เค้าเงยหน้ามามองหน้าอีกคนที่ยังคงมีสีหน้าแปลก ๆ ชอบกล

“แล้วนี่เมื่อไหร่จะฝึกงานเสร็จเหรอ”

“สิ้นเดือนหน้าน่ะฮะ ทำมัย อยากให้ผมไปเร็ว ๆ รึงัย”

“ฮึ ๆ ..หน้าชั้นมันบอกอย่างนั้นเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ สีหน้าพี่มันบอกว่า ตั้งแต่ผมมาอยู่ในห้องนี้ พี่ไม่เคยมีสมาธิในการทำงานเลย ...ถูกมะ..
......เฮ้อ! ผมไปหาพี่มินนะ”

“เดี๋ยว!! ไปทำมัย มีธุระอะไรเหรอ”

“ผมมีอะไรจะถามเค้าน่ะ”

“ถามชั้นก็ได้นี่”

“ถามพี่แล้วพี่จะตอบเหรอ”

“ก็ต้องดูก่อนว่าข้อแลกเปลี่ยนดีมั้ย”

“เชอะ ..แค่ถามยังจะเอาข้อแลกเปลี่ยน สมและที่เป็นนักธุรกิจ หน้าเลือดจริง ๆ”

หน้าตาแอนดี้ตอนนี้ ทำเอาคนฟังต้องกลั้นยิ้ม แม้มันจะเหมือนเป็นคำด่ากลาย ๆ ก็เหอะ แต่มันกลับน่าเอ็นดูในสายตาเค้าซะงั้น

“ชั้นคิดค่าตอบสำหรับนายไม่แพงหรอก ไม่ต้องห่วง ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า ทำมัยมองชั้นแปลก ๆ ”

...
.

“พี่ ๆ ทั้ง 3 คน มีอะไรปิดบังผมอยู่ใช่มั้ย? ” แอนดี้เริ่มตีสีหน้าจริงจัง

“หืม!” คราวนี้เอริควางปากกาในมือลง เอนกายพิงพนักมองหน้าแอนดี้ด้วยความแปลกใจ

“ทำมัยคิดอย่างนั้น”

“ผมไม่ใช่เด็ก 2 ขวบนะที่จะจับสังเกตไรไม่เป็นน่ะ จะให้เดาด้วยมะ ผมว่าคงต้องเป็นเรื่องพี่จินแน่ ๆ แล้วมันก็ต้องเกี่ยวกับพี่ซองกี้ด้วย”

“....” เอริคนิ่งไปนิด เค้าชักเริ่มเข้าใจอาการของแอนดี้ ความจริงแล้วเค้าเองก็พยายามหาโอกาสจะบอกแอนดี้มานาน แต่อีกใจก็กลัว หากบอกไป อะไรจะเกิดขึ้นมั่ง แค่เรื่องจอนจินคนเดียว ก็แทบหมดปัญญากันแล้ว

“นายอยากรู้จริง ๆ เหรอ หืม! … ถ้าอยากรู้งั้นก็เดินมานี่สิ”

“บอกตรงนี้ก็ได้”

“จะให้ชั้นตะโกนคุยกับนายหรืองัย”

“ไม่อ่ะ ไม่เดิน ถ้าไม่บอกเดี๋ยวไปถามพี่มินก็ได้ พี่มินอ่ะ ใจดีกว่าพี่เยอะ ” แล้วแอนดี้ก็เลิกสนใจเอริค ก้มหน้าขีด ๆ เขียน ๆ โน่นนี่ รู้สึกตัวอีกที เบาะข้าง ๆ ก็ยวบลง เอริคเดินมานั่งข้าง ๆ แล้ว อิอิ แอนดี้แอบอมยิ้มนิด ๆ

“ไม่ต้องดีใจไปหรอก ที่ชั้นยอมเดินมาหานาย เพราะเดี๋ยวจะเอาคืนให้เป็นสองเท่า” แป่ว ~~ แอนดี้เริ่มหน้าซีด

“โห เดินแค่ไม่ถึง 10 ก้าวนี่อ่ะนะ”

“ไม่กี่ก้าวก็เสียพลังงานนะ ...ว่างัย สงสัยอะไรเหรอ เราน่ะ”

“พี่จินกะพี่ซองเค้ามีปัญหากันเหรอฮะ เดี๋ยวนี่น่ะ พี่ซองหงุดหงิดง่ายมาก ยิ่งพอเอ่ยถึงพี่จินนิด ๆ หน่อย ๆ จากเจ้าชายเฮซอง ก็กลายเป็นปีศาลเฮซองซะงั้น ผมล่ะทำตัวไม่ถูก”
...
..

“ใช่ เค้ามีปัญหากันนิดหน่อย แต่นั่นมันเรื่องของผู้ใหญ่นะ นายเป็นเด็ก อยู่เฉย ๆ น่ะ ดีแล้ว”

“ว่าและ เอะอะก็เรื่องของผู้ใหญ่ ผมน่ะโตและนะ จะเรียนจบแล้วด้วย”

“ผู้ใหญ่ที่ไหนยังงอนเก่ง ชอบโวยวาย ไร้เหตุผลกันล่ะ”

“คิดไว้และว่าถามพี่ พี่ก็คงไม่บอก โธ่! ตัวเองน่ะมีเหตุผลมากเลยนะ ไปหาพี่มินดีกว่า ถอยไป”

“นี่นายโกรธชั้นเหรอ แอนดี้” เอริคยังคงดึงข้อมือ ฉุดให้แอนดี้นั่งลงที่เดิม

“ที่ชั้นไม่บอก เพราะไม่ต้องการให้นายไม่สบายใจ รู้มั้ย ดูจอนจินตอนนี้สิ ขืนนายมีปฏิกิริยาแย่ไปอีกคน ชั้นคงบ้าตาย”

“ก็ผมอึดอัดนี่ พี่ 3 คน เอาแต่สุมหัวซุบซิบกัน ทำอย่างกับผมเป็นคนอื่นงั้นแหละ” คราวนี้แอนดี้เริ่มไม้ตาย ทำหน้าซึม ๆ ตาแดง ๆ

“โอเค ๆ เล่าก็ได้”

“แหะๆ ๆ รักพี่ริคจัง” ว่าแล้วก็กลับมาสดใสเหมือนเดิม เอริคได้แต่มองอย่างอ่อนใจ

“เฮ้อ!! แล้วงี้ชั้นจะเริ่มจากไหนล่ะ”

“ก็พี่จินกะพี่ซองเค้าทะเลาะกันเรื่องอะไรน่ะฮะ”

“ก็เรื่องนั้นแหละที่ไม่รู้จะพูดยังงัย .... อืม! นายรู้มั้ยว่าทำมัยจอนจินถึงต้องเข้าไปอยู่ในบ้านนายตั้งหลายอาทิตย์”

“ก็พี่ซองน่ะสิ ขับรถชนพี่จิน เค้าช็อคจนจำอะไรไม่ได้ อันนี้พี่ซองบอก พี่ก็น่าจะรู้นะ”

“นั่นน่ะเหรอที่รู้ แล้วมาบอกว่าสังเกตเก่ง ....
...ความจริงแล้ว เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันคือแผน นายเข้าใจมั้ย จินนี่มันชอบนาย มันก็เลยหาทางใกล้ชิดนายด้วยวิธีนั้น”

“ห๋า .. ชอบผมเนี๊ยะนะ”

“ใช่ ฟังไม่ผิดหรอก”

“พี่จินหาเรื่องเข้ามาที่บ้านโดยยอมให้รถพี่เฮซองชนเอาเนี๊ยะนะ โห!! เท่ส์จริง ๆ ”

“ห๋า! นายว่างัยนะ”

“เอ่อ !!! เปล่าฮะ.. ถ้างั้นแสดงว่าเรื่องจูบนั่น ... อุ๊บ!!” แอนดี้รู้ว่าตัวเองเผลอตัว จึงรีบเอามือปิดปากไว้

“จูบ??? จูบอะไร ใครจูบใคร”

“ไม่มีฮะ” ว่าแล้วก็เสมองโน่นมองนี่หลบสายตาเอริค

“ไม่บอกงั้นไม่เล่าต่อ”

“พี่อ่ะ บอกก็ได้ ก็พี่จินน่ะสิ เคยจูบผม มันนานมาแล้วแหละ ตอนนั้นผมก็คิดว่าเค้าไม่ได้ตั้งใจ และเราก็เคลียร์กันแล้ว”

เอริคเริ่มตีหน้าขรึม เรื่องนี้ทำมัยเค้าจะไม่รู้ล่ะ ก็วันนั้น วันที่เค้าเริ่มรู้สึกผิดปกติกับตัวเองทันทีที่ได้ยินมินอูเล่าให้ฟัง แต่ตอนนี้เค้าต้องทำเป็นเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรสินะ

“พี่ริค ทำมัยเงียบอ่ะ โกรธเหรอ”

“นายไปทำอิท่าไหนให้เค้าจูบนายได้ล่ะ”

“ไม่ได้ทำอิท่าไหนหรอก ก็ตอนนั้นผมหลับอยู่น่ะสิ”

“หลับยังงัยไม่ระวังตัวเอาซะเลย”

“อ้าว! พี่นี่ก็แปลก คนมันหลับนะ จะให้ระวังอะไรเล่า นี่น่ะ แทนที่ผมจะต้องโกรธพี่ที่ปิดผมซะมิดเรื่องนี้ พี่จะหาเรื่องโกรธผมตัดหน้าใช่มั้ย”

“ไม่รู้!! เรื่องนี้ถือว่านายผิด เพราะนายไม่ระวังตัว ไม่งั้นจินนี่มันจะจูบนายได้เหรอ หรือว่าชอบให้เค้าทำงั้นด้วย”

“เอ่อ!! ไปกันใหญ่ โอเค ผมผิด ขอโทษ เล่าต่อได้ยัง”

“....” เอริคยังนิ่ง

“อ่ะ ขอโทษแล้วงัย เล่าต่อเหอะ นะ นะ ..”

“ก็ได้ แต่เรื่องนี้ยังไม่จบนะ ไว้ชั้นเอาคืนทีหลัง”

“อะไรอ่ะ ...” แอนดี้ได้แต่บ่นอุบอิบในใจ แต่เพราะมีเรื่องอื่นที่เค้าอยากรู้น่ะสิ ไม่งั้นไม่ยอมแน่ ๆ “แล้วงัยต่ออ่ะ”

“ก็ไม่งัยต่อหรอก คราวนี้พี่ชายนายดันเกิดจับได้น่ะสิ ว่าจินนี่น่ะ มันไม่ได้ความจำเสื่อมจริง ก็แค่นั้น”

“อ๋ออออ!!!!!!!! ..ถึงว่าสิ พี่ซองกี้ถึงโกรธ ก็เค้าไม่ชอบคนโกหกน่ะ แล้วทำมัยพี่จินต้องทำงั้นด้วยอ่ะ”

“มันก็ทำไปโดยไม่ทันได้คิด แค่ความคะนองของผู้ชายคนนึง ตอนนี้เค้าก็สำนึกผิดแล้วนะ นายไม่เห็นเหรอ อย่าไปโกรธมันเลย”
...
..
..
.

“อืม .. ผมไม่โกรธเค้าก็ได้ ผมรู้ว่าเค้าเสียใจ .. แต่พี่นั่นแหละผิด ไม่ดูแลน้อง ปล่อยให้น้องเล่นอะไรแผลง ๆ”

“อ่าว”

“เอ!!! แต่ตอนนั้นผมก็เห็นเค้าเข้ากันดีอยู่นะ ตอนที่อยู่ที่บ้านน่ะ .. เอาเป็นว่าให้ผมช่วยพูดกับพี่ซองกี้ดีมะพี่ริค”

“อย่าเลย พี่ชายนายยังโกรธอยู่ ขืนไปพูดไร เดี๋ยวมันจะยิ่งแย่ ดีไม่ดี นายพลอยซวยไปด้วย เรื่องนี้ปล่อยให้ผู้ใหญ่เค้าจัดการเองเถอะ”

“ผู้ใหญ่อีกและ...” แอนดี้เหลือบมองเอริคด้วยสายตาเคือง ๆ

“แต่ปกติพี่ซองเค้าเป็นคนใจอ่อน นี่ก็เห็นพี่จินง้อตั้งนานแล้ว ทำมัยยังโกรธอีกน้า ...

อ่ะ !!! รู้และ ผมไปหาพี่จินดีกว่า”

“ทำมัยอีกล่ะแอนดี้”

“ไปให้กำลังใจเค้างัย อยากรู้เรื่องต่อว่าเค้าจะทำงัย วันนี้เค้าทำงานวันแรกด้วย เดี๋ยวผมมานะฮะ”

“เดี๋ยวสิแอนดี้ ชั้นยังไม่ได้เคลียร์เรื่องนั้นกับนายเลยนะ”

ไม่ทันแล้ว แอนดี้ชิงวิ่งปรู๊ดไปยังประตู หันมาทำหน้าทะเล้นใส่เอริคอีกทีก่อนเปิดประตูออกไป เอริคได้แต่นึกขำกับท่าทีทะเล้น ๆ นั้น เค้าลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ โชคดีมากที่แอนดี้เป็นคนเข้าใจอะไรง่าย ไม่งั้นก็คงแย่ไปตาม ๆ กัน นึกถึงตรงนี้ มุมปากเอริคก็กระตุกยิ้มอบอุ่นขึ้นมา

“นายเนี๊ยะน๊า ช่างไม่รู้ตัวเอาซะเลยนะ .. แอนดี้”



…….


ดนตรีเบา ๆ ในท่วงทำนองหวาน ๆ ทำให้ใครบางคนเคลิบเคลิ้มตามไปกับมันได้เสมอ ๆ

นิ้วเรียวยาวหมุนไล้ขอบแก้วไปมา ปากบาง ๆ ฮึมฮัมตามจังหวะดนตรี ซักพักถึงจะยกแก้วน้ำนั้นขึ้นมาจิบครั้งนึง ก่อนวางมันลง เค้าทำแบบนี้ไปมาอยู่นานนับชั่วโมง จนอีกคนข้าง ๆ เริ่มสงสัย หลังจากเอาแต่นั่งพิจารณาใบหน้าสวยนั่นจนเพลินไปเลย

“มีความสุขดีนี่หว่า เป็นงัย หายเศร้าแล้วเหรอ”

“ชั้นดูเหมือนคนมีปัญหาอย่างนั้นเหรอวะ”

“อืม จะว่าไปก็ไม่ แต่ดีแล้วนี่ อะไรที่มันทำให้ทุกข์ใจมากนัก ก็ทิ้งๆ มันไปบ้าง ชั้นไม่อยากรับคนไข้เพิ่ม… ว่าแต่มันโอเคแล้วใช่มั้ย” ดงวานพูดพลางจับสังเกตสีหน้าเพื่อนไปด้วย แม้เฮซองเหมือนจะทำตัวสบาย ๆ เป็นปกติของเค้า แต่นั่นมันก็พอดูออกว่าเค้าพยายามเก็บอะไรไว้แค่ไหน ถึงจะเรียกได้ว่าเนียนพอดู แต่มันก็ปิดไม่มิดชิดซะทีเดียวหรอก

“ความจริงแล้ว นายรักเค้าอยู่ และจอนจินเองก็รักนาย แล้วงี้มันจะมีปัญหาตรงไหนวะ”

เหมือนจี้โดนจุดอ่อน สีหน้าที่อ่อนโยนเมื่อครู่ของเฮซองเปลี่ยนไป นิ้วมือที่ไล้ไปตามแก้วนั้นพลันหยุดชะงักทันที

“มันไม่ใช่ความรัก นายไม่รู้หรอก เค้าไม่ได้รักชั้น แต่มันคือการไถ่บาป..ก็แค่นั้นแหละ ..

ออ.. และชั้นขอเตือนนายอีกทีนะไอ่หมอ นายยังติดโทษหนักอยู่ เรื่องที่โกหกชั้นฉะนั้น เงียบไปเลย”

“อ่าว ก็ชั้นอยากให้นายสมหวังนี่หว่า”

“พอแล้วเลิกพูด หมอบ้าไรวะ ไม่มีจรรยาบรรณเอาซะเลย”

“อ่าว ปากเรอะนั่น”

แล้วเฮซองเลิกใส่ใจคำพูดเพื่อน หันมามองของเหลวสีอ่อน ๆ ในแก้วเค้าต่อ วันนี้ก็เหมือนวันนั้น วันที่เค้าคิดหนักจนต้องใช้แอลกอฮอล์เข้าช่วย แต่มันผิดกันตรงที่ หากวันนี้กลับไป คงไม่มีใครคนเดิมคนนั้นอีกแล้ว จอนจินเงียบหายไป 2 วัน เค้าน่าจะดีใจ แต่ทำมัยหัวใจกลับห่อเหี่ยวขนาดนี้ได้นะ

“หมอ หวัดดีคร้าบบ” เสียงคุ้น ๆ ดังขึ้น ทำให้ทั้งคู่ต้องละสายตาหันมองตามเสียงโดยพร้อมกัน

“อ้าว คุณเฮซองก็อยู่เหรอ ดีจังเลย” มินอูส่งยิ้มให้เฮซองอย่างกระตือรือร้น ก่อนหันมาหาดงวาน

“ไม่ยักรู้ว่าหมอก็มาที่นี่ งั้นนั่งด้วยคนเลยล่ะกันนะครับ”

“เอ่อ เชิญครับ ตามสบาย” ดงวานมึน ๆ ในคำพูดของมินอูนิดหน่อย ไม่รู้ได้งัยว่าอยู่ที่นี่ ก็ตะกี๊โทรมาถามอยู่แหม็บ ๆ แต่เค้างงอยู่ไม่นานหรอก สายตาดงวานกลับให้ความสนใจคนข้าง ๆ มินอูมากกว่า จอนจินนั่นเอง

“หวัดดีฮะพี่หมอ หวัดดีฮะ พี่เฮซอง” จอนจินโค้งนิดหน่อยพร้อมยิ้มอ่อนโยนให้คนทั้งคู่ วันนี้หน้าตาเค้าดูสดใสทีเดียว หรือว่าเค้าจะตัดใจได้แล้ว..

นี่คือสาเหตุที่ทำให้สีหน้าของเฮซองหน้าเครียดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่แม้แต่จะกล้าสบตาของอีกคน อาจเพราะกลัวว่าคำตอบ จะเป็นเหมือนสิ่งที่เค้าคิดอยู่ก็ได้กระมัง
....
...
..

ราตรีนี้ชักเริ่มสั้นลงสำหรับเฮซองซะแล้ว วงสนทนาที่มีมินอูเป็นตัวขับเคลื่อนแม้จะสนุกพอดู แต่เหมือนไม่มีอะไรที่พอจะผ่านเข้าหูเฮซองได้เลย เค้าเอาแต่เทเหล้าเข้าปากโดยไม่พูดอะไรซักคำ ผิดกับภายในหัวใจ ที่ตอนนี้กำลังสั่นไม่ต่างจากแรงแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เลยทีเดียว

จากวันนั้น ถึงวันนี้ ก็แค่ 2 วัน ทำมัยเหมือนอีกคนเปลี่ยนไปมากมาย อาจเพราะเสื้อผ้าที่ใส่ทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ถ้าพูดกันตรง ๆ เค้าดูดีมากทีเดียว และนั่นหรือเปล่าที่ทำให้ตัวเองเป็นไปได้เพียงนี้ หรือเพราะสายตาของอีกคนที่คอยลอบมองมาทางนี้บ่อย ๆ สายตานั่นหรือเปล่า ที่ส่งผลโดยตรงกับก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายก้อนนี้

และก่อนที่สีหน้าของตัวเองจะแสดงอาการให้ทุกคนรู้อะไรจนทะลุปรุโปร่งไปมากกว่านี้ เฮซองจึงลุกขึ้นยืนซะเฉย ๆ

“ผมขอตัวนะครับ พรุ่งนี้มีประชุมด้วย ยินดีที่ได้พบกันอีกนะครับคุณมินอู ... ไปนะไอ่หมอ แล้วจะโทรหา”

ดงวานได้แต่อ้าปากค้าง ไม่ทันที่จะเอ่ยปากพูด เฮซองก็เร่งฝีเท้าออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ปล่อยสายตาอีก 3 คู่มองตามอย่างงงงวย

“ไม่ตามไปหน่อยเหรอ” มินอูหันมาสะกิดจอนจินที่นั่งนิ่งแทบเป็นหิน

“มันจะดีเหรอพี่”

“ขนาดนี้แล้ว กลัวอะไรวะ”

จอนจินนิ่งคิดอยู่ซักพัก ก่อนตัดสินใจลุกขึ้นวิ่งตามร่างนั้นไป

ส่วน 2 คนที่เหลือ ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

“มันจะเป็นงัยเนี๊ยะ หวังว่าคงไม่เลวร้ายกว่าเดิมนะ” ดงวานพึมพำกับตัวเอง ก่อนหันไปมองหน้าคนข้าง ๆ และพบว่ามินอูกำลังจ้องมองหน้าเค้าอยู่ก่อนแล้ว

“มีไรรึเปล่าครับ มินอู”

“เปล่าครับ แค่ไม่เคยเห็นหมอหน้าแดงอย่างตอนนี้มาก่อนเท่านั้นเอง”

“คือปกติผมดื่มนิดเดียว แต่พอดีวันนี้มันเยอะไปนิด”

“ว้า งั้นเหรอครับ แอบนึกเข้าข้างตัวเองว่าคงเป็นเพราะผมซะอีก ผิดหวังจัง” มินอูพูดพลาง หยิบขวดวิสกี้เทเหล้าลงแล้วสีหน้าหงอย ๆ

“เอ่อ!! ความจริงจะว่าไปคุณก็มีส่วนนะครับ นิดนึง ...” แล้วหมอก็แก้เขินด้วยกันยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ อีกอึกใหญ่

มินอูอมยิ้มกับอาการที่ตอนนี้มือไม้ชักพันกันจนวุ่นของหมอ หน้าที่แดงอยู่แล้ว กลับแดงจัดเข้าไปอีก แต่ก็ได้เพียงแค่นั้น เพราะใจทั้งคู่ ต่างเป็นห่วงคนสองคนที่เพิ่งลุกจากไปมากกว่า ไม่รู้จะลงเอยยังงัยกันมั่ง


..


ขายาว ๆ ของจอนจิน วิ่งเหยาะ ๆ ไปจนทันร่างของเฮซอง เค้าเดินตามอีกคนติด ๆ ... ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน มันทำเอาหัวใจหล่นวูบพอดู เพราะนั่นเหมือนเป็นการบอกเป็นนัย ๆ ว่า เค้าคงไม่สามารถทะลายน้ำแข็งในใจของคนนี้ได้ เฮซองไม่มีทางยกโทษให้เค้าแล้วเป็นแน่ ... คิดถึงตรงนี้ หัวใจก็พลอยชาขึ้นไปอีก ..

“หยุดก่อนได้มั้ย”

“ออมม่า... พี่เฮซอง.... ผมบอกว่าให้หยุด”

เหมือนคำนั้นจะเป็นเพียงกระแสลมที่พัดเข้าหูแล้วเลยผ่านไป เฮซองยังคงก้าวเดินต่อไปโดยไม่แม้แต่จะหันมามอง ว่าแล้วจอนจินก็เร่งฝีเท้า เอื้อมมือไปรั้งข้อมืออีกคนไว้ พร้อมออกแรงดึงให้ร่างทั้งร่างหันมาเผชิญหน้ากัน

“ทำมัย แค่เห็นหน้าผมมันก็ทำให้พี่ทนมองไม่ได้เลยใช่มั้ย การมีผมอยู่นี่ มันทำให้พี่ลำบากใจขนาดนี้เลยเหรอ”

“...”
เงียบเหมือนเดิม สิ่งที่ทำให้จอนจินแทบบ้ามันก็คือความเงียบของเฮซองนี่แหละ เค้าพยายามข่มอารมณ์ที่เดือดพร่านของตัวเองไว้

“ทำมัยไม่ตอบผม ช่วยพูดอะไรซักคำเถอะ ขอร้อง”

“...” เฮซองทำได้เพียงจ้องหน้าของจอนจิน สายตาคู่นั้น เหมือนไม่มีวันที่จะให้อภัยเค้าได้อีกแล้ว

ทำมัยคน ๆ นึง ถึงได้เย็นชาได้ขนาดนี้ ในเมื่อเริ่มหมดหนทางที่จะทลายกำแพงน้ำแข็งนี้ได้อีกต่อไป และความอดทนของเค้ามันก็ชักจะร่อยหลอลงทุกที จอนจินตัดสินใจดึงแขนเฮซองฉุดให้ร่างนั้นเดินไปด้วยกัน และแม้เฮซองจะออกแรงขัดขืนแค่ไหน แต่ก็สู้อารมณ์โกรธไม่ได้อยู่ดี

“ปล่อย บอกให้ปล่อย” คำแรกจากหลาย ๆ นาที หลุดออกจากปากจนได้

“ไม่”

จอนจินยังคงเดินไปเรื่อยไม่ฟังคำขอร้องใด ๆ ทั้งสิ้น เค้าลากเฮซองมาหยุดตรงรถบีเอ็มสีดำสนิทคันเดิม เอื้อมมือเปิดประตูและดันร่างนั้นให้เข้าไปในรถ ก่อนจะปิดประตูแรง ๆ และวิ่งอ้อมไปประจำตำแหน่งคนขับสตาร์ทรถออกอย่างรวดเร็ว

“จะไปไหน”

“ไปส่ง”

“ชั้นเอารถมา”

“ผมจอด พี่ก็หนี ทำมัยเราจะคุยกันดี ๆ บ้างไม่ได้เหรอฮะ”

จอนจินเหลียบคันเร่งแทบมิด พาลเอาคนนั่งข้างแทบลืมหายใจ และสุดท้ายรถคันนั้นก็จอดสนิทลงตรงรั้วบ้านหลังเดิม

“ทำมัย... ทำมัยพี่ถึงให้อภัยผมไม่ได้ พี่รู้มั้ย ตอนนี้ผมรู้สึกยังงัย” จอนจินลดมือข้างหนึ่งซึ่งจับพวงมาลัยอยู่ กุมเอามือคนข้าง ๆ ไว้แน่น นึกขอบคุณในใจที่เฮซองไม่สะบัดมันออก ความจริงแล้วคือ เฮซองไม่ขยับเขยื้อนใด ๆ เลยมากกว่า
ท่าทีของเค้าเหมือนแข็งกร้าว แต่ดวงตานั้นแข็งกร้าวยิ่งกว่า
“แล้วนายรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ชั้นรู้สึกยังงัย จอนจิน”

“ชั้นรู้สึกเกลียดตัวเอง เกลียดเวลาที่คิดถึงเรื่องวันนั้นขึ้นมา ชั้นรู้สึกสมเพชตัวเอง เวลานึกถึงว่านายเคยหลอกชั้น ชั้นรู้สึกสงสารตัวเอง ที่ดันไปรักกับคนที่เค้ารักคนอื่นอยู่ทั้งคน ...

...ฉะนั้น ถ้านายจะเห็นแก่ชั้น นายช่วยออกไปให้ห่างชั้น และเราก็อย่าได้เจอกันอีกเลย ชั้นขอนายแค่นี้ .. ”

เฮซองดึงมือที่กุมเค้าไว้ออก ก่อนผลักประตูเปิด และเดินเข้าบ้านไป จอนจินได้แต่มองตามร่างนั้นอย่างคนน้ำท่วมปาก

“ดันไปรักกับคนที่เค้ามีคนอื่น งั้นเหรอ” ...


... ไวเท่าที่สมองน้อยนิดจะประมวลผลออกได้ว่ามันหมายถึงอะไร จอนจินเปิดประตูวิ่งตามร่างนั้นเข้าไปในบ้าน เค้าชิงผลักประตูบ้านไว้ได้ก่อนที่เฮซองจะทันปิดมัน มือนึงฉุดร่างที่ยังแข็งขืนดิ้นรน เข้าไปด้านใน

จอนจินลากเฮซองจนมาถึงครัว ผลักเบา ๆ ให้หลังของอีกคนพิงไว้กับตู้เย็น ก่อนยื่นหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้ ๆ ใกล้จนสัมผัสลมหายใจของกันและกันได้ ท่ามกลางความสลัวสายตาทั้งคู่ประสานกัน มือสองข้างยังคงถูกมัดแน่นตรึงอยู่กับมือของเค้า อย่างไม่มีทางที่จะสะบัดมันหลุด

“พี่รู้มั้ยว่าวันนี้มันเหมือนวันก่อนของเรายังงัย วันนั้นพี่เมา แต่ผมไม่ ฉะนั้นเรื่องวันนั้น มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการถูกบังคับ ความเมามาย หรือความไม่เต็มใจอะไรทั้งนั้น พี่เข้าใจมั้ย ...การที่ผมขอโทษ การที่ผมเฝ้าตอแยพี่ พี่คิดว่ามันคืออะไร คิดว่าผมจำใจต้องรับผิดชอบอย่างนั้นใช่มั้ย ...”

เฮซองยังคงนิ่ง มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะของอีกคนด้วยความตกใจ จอนจินตอนนี้ดูน่ากลัวมากกว่าที่เค้าเคยเห็นมากนัก

“...พี่ไม่รู้อะไรใช่มั้ย ..... พี่ไม่รู้งั้นสิว่าผมรักพี่ ผมรักออมม่าของผมคนนี้ รักจนแทบจะบ้าตายแล้วที่เห็นเค้าเย็นชาใส่ผมขนาดนี้......และถ้าทั้งหมดนี่คือสิ่งที่พี่ลงโทษผมอย่างที่พี่เคยบอก ผมก็จะบอกอะไรให้พี่สบายใจได้เลยว่าพี่ทำสำเร็จแล้ว ผมเจ็บแทบตายกับสิ่งที่พี่ทำกับผมหลายวันมานี่ เป็นงัย พอใจมั้ย”

“มันไม่ใช่ความรัก นายโกหก นายอย่าหลอกชั้นเลย นายไม่มีสิทธิ์จะพูดคำนั้น” เฮซองตะโกนใส่อีกฝ่าย ขณะที่ยังคงพยายามดึงตัวเองให้หลุดจากร่างของจอนจินที่ทาบทับเค้าอยู่ แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทาง แต่เค้าก็ยังคงดิ้นไม่หยุดซักที

“ไม่มีสิทธิ์งั้นเหรอ พี่รู้ป่ะ ว่าปกติผมเป็นคนอดทนอะไรไม่ได้นานอยู่แล้ว ถ้าพี่บอกว่าคำขอโทษ และความรักของผมมันเป็นเรื่องโกหก ผมก็จะเลิกทำ ผมปล่อยให้พี่ลงโทษผมมาเยอะจนผมจะไม่ทนกับการกระทำของพี่ และคราวนี้ผมจะทำอะไรตามใจตัวเองมั่ง”

“จอนจิน ปล่อย...”

“พี่ชอบกลิ่นครัวใช่มั้ย งั้นผมก็จะช่วยให้ร่างพี่ได้สัมผัสกับกลิ่นของครัวอย่างแท้จริงไปเลย หวังว่าพี่คงชอบ” เค้ายิ้มมุมปากอย่างยียวนกวนประสาทที่สุดในโลกเท่าที่ของเฮซองจะสามารถรู้สึกได้ เป็นยิ้มสุดท้ายก่อนที่จอนจินจะกดปากของตัวเองลงบนปากของเฮซองแรง ๆ บนขยี้ถูไถให้คุ้มกับที่เค้าต้องทนเห็นมันนิ่งสนิทมานานเหลือเกิน สองมือที่เคยจับแน่นอยู่กับข้อมือทั้งสองข้างของอีกคนถูกปล่อยออกและโอบรอบร่างบางร่างนั้นดึงให้มันมาแนบชิดกับร่างของเค้าจนแทบจะกลืนหายเข้าไปเป็นคน ๆ เดียวกัน

มีเพียงเสียงอื้ออึงในลำคอที่เล็ดลอดออกมาของเฮซอง นอกนั้นรอบกาย ก็ยังคงเงียบสนิท ผ่านไปอีกนานเมื่อเห็นอาการดิ้นรนเพราะเริ่มขาดอากาศหายใจ จอนจินจึงถอนริมฝีปากเค้าออก ปล่อยเวลาให้อีกคนได้หายใจชั่วคราว

และทันทีที่คลายวงแขน ร่างบางก็ทรุดลงกับพื้น หอบหายใจตัวโยนเพราะความเหนื่อย แรงกลืนน้ำลายลงคอแทบไม่มี

จอนจินทรุดตัวตามร่างของเฮซอง เค้ายื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูอีกคนเบา ๆ กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อน ๆ จากลมหายใจของเฮซองมันยับยั้งระบบการควบคุมตัวเองของเค้าอีกแล้ว


“ผมรักพี่ ทำมัยพี่ถึงต้องผลักใสผมไปด้วย ทำมัย”



เฮซองยังนิ่ง เค้าไม่กล้าสบตา เพราะความอ่อนแอเริ่มเกาะกุมใจเค้ามากมายเกินไปแล้ว

แม้จะรู้สึกอยู่เต็มอก ว่าคำพูดทั้งหลายมันทำให้ตัวเองมีความสุขแค่ไหน คำพูดที่เค้ารอฟังมานานแสนนานยิ่งกว่าคำขอโทษนั้น แต่ทำมัย ทำมัยเค้ากลับรู้สึกเศร้าใจอย่างนี้ ..


“ชั้นรักนายไม่ได้ ก็เพราะว่าคนที่นายรัก คือน้องชั้นงัย” จอนจินชะงักริมฝีปากที่กำลังคลอเคลียอยู่ตรงลำคอขาวนั้นทันที นี่ใช่มั้ย คือสิ่งที่ทำให้ทุกข์ใจ มันเป็นความเข้าใจผิดอันใหญ่หลวงแล้ว ทำมัยเค้าลืมจุดนี้ไปได้นะ

“พี่เข้าใจผิดแล้ว .. ทำมัยผมจะต้องมานั่งทนต่ออะไรมากมายถ้าผมยังชอบแอนดี้อยู่ ผมจะทนมาง้องอนพี่เป็นวัน ๆ ทำมัย ผมจะมาเจอหน้าที่แสนจะเย็นชาใส่ผมทำมัย ใช่มั้ย”

“พี่เคยถามผม ว่าสำหรับผมแล้วพี่เป็นอะไร วันนั้นผมตอบพี่ไม่ได้ แต่วันนี้ ..พี่ยังต้องการคำตอบอยู่มั้ยล่ะ ...

ตอนนี้เฮซองเริ่มค่อย ๆ หันหน้ามาสบตากับจอนจิน สายตาทั้งคู่มองลึกลงไปในดวงตากันและกันอย่างคนรอคอยคำตอบ และคนที่พร้อมจะตอบคำถาม...

“สำหรับผม....พี่คือคนที่ผมรัก และพี่... ก็คือเจ้าของหัวใจทั้งหมดของผมคนเดียว ..
….
..
.
.
..คนตรงหน้าเค้าคนนี้ จริงจังมากมายจนเค้านึกหวั่น มันคือคำพูดที่ออกจากใจใช่มั้ย ชั้นเชื่อนายได้ใช่มั้ยจอนจิน
บัดนี้ความอบอุ่นเริ่มแผ่ซ่านลงสู่ก้นบึ้งในใจที่เคยเย็นชา กับแค่คำพูดคำเดียว จะแปลกมั้ย ถ้าเฮซองจะบอกว่ามันแทบทำเอาเค้ากลั้นน้ำตาไม่อยู่

แสงไฟภายในบ้านยังคงมืดมิด เพราะไม่มีเวลาได้เปิด เวลานี้จึงมีเพียงแสงของดวงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาช่วยให้ความสว่างขึ้นเท่านั้น


จอนจินใช้มือสองข้างประคองใบหน้าของอีกคนไว้ พร้อมก้มลงประทับริมฝีปากลงบนแก้มแดง ๆ ระเรื่อนั้น เป้าหมายต่อมาคือปากบาง ๆ ที่ตอนนี้มันเผยอต้อนรับเค้าอย่างไม่นึกรังเกียจอีกแล้ว เค้าลดมือสองข้างของตัวเองออกจากใบหน้านั้นเพื่อใช้มันปลดกระดุมเสื้อของอีกฝ่ายออกอย่างเบามือ ก่อนจัดการถอดสูทตัวนอกของตัวเองออกวางรองบนพื้นครัวที่แสนจะเย็นเฉียบ ก่อนดันให้หลังเปลือยเปล่าที่ปราศจากเสื้อของเฮซองนอนราบไปบนเสื้อสูทตัวนั้นของเค้า

แววตาที่เต็มไปด้วยความกังวลมากมายในนาทีก่อน ตอนนี้กลับอ่อนโยนขึ้นอย่างมหัศจรรย์ จอนจินจ้องมันอยู่อย่างนั้นหลายนาที จนอีกคนเริ่มประหม่า นิ้วมือแกร่งลูบไล้ไปยังปากบาง ๆ จมูกโด่ง ๆ และดวงตาเรียว ๆ อย่างแผ่วเบา เป็นการบ่งบอกให้รู้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นคนตรงหน้าคนนี้ ตอนนี้ เค้าได้จับจองเป็นเจ้าของเรียบร้อยแล้ว

“ชั้นจะเชื่อนายได้แค่ไหน จอนจิน”

“ผมเอาชีวิตทั้งชีวิตเป็นประกันได้เลยฮะ ออมม่า”

“ทำมัยยังเรียกออมม่าอยู่อีกล่ะ”

“ผมชอบนี่น่า ก็พี่น่ะ ขี้บ่น เหมือนออมม่า”

ทั้งคู่ยิ้มขึ้นพร้อมกัน เป็นยิ้มแรกในหลาย ๆ อาทิตย์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าของเฮซอง และเค้าก็ดีใจมากที่มีโอกาสได้เห็นมันอีกครั้ง ก่อนก้มหน้าสัมผัสจูบแสนหวานมอบให้อีกคนที่พริ้มตาหลับพร้อมรับอยู่ก่อนแล้ว จอนจินใช้มือข้างหนึ่งรองศรีษะเฮซองไว้เพราะพื้นอาจแข็งเกินไป และมืออีกข้าง ก็ทำการสำรวจไปทั่วร่างกายอย่างคุ้นเคย แม้เสื้อสูทตัวหนาจะทำหน้าที่เป็นเบาะกันความเย็นไว้แล้ว แต่แค่เพียงมือสัมผัสโดนร่างกายอีกฝ่าย เค้าก็รับรู้ได้ถึงอาการหนาวสั่นของคนด้านล่างตัวเค้า แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะอีกซักพัก ห้องนี้ก็จะเริ่มอุ่นลงแล้ว ...

กลิ่นครัวที่หมายถึง มันจะใช่กลิ่นนี้หรือเปล่า กลิ่นที่ติดอยู่ทั่วกายของเฮซอง และดูเหมือนตอนนี้เค้าชักจะติดใจกลิ่นครัวกลิ่นนี้ซะแล้วซิ

PS. หวังว่าพี่เอริค คงไม่นึกอยากมาส่งแอนดี้ที่บ้านเอาป่านนี้หรอกนะ ..











คุยกันหลังฟิคหน่อย


ขอบคุณสำหรับทุก ๆ กำลังใจนะฮะ เพราะทุกคน ทำให้ฟิคตัวนี้มาถึงตอน 9 ได้ ความจริง เค้าถอดใจจะไม่แต่งต่อตั้งกะตอน4 แล้ว รู้สึกเหมือนมันไม่ค่อยดี แต่ในเมื่อทุกคนชอบ เค้าก็จะพยายามต่อไป ... ขอบคุณอีกทีจากใจจริง ๆ ฮะ

ตอนนี้ มันผิดจากที่คิดไว้เยอะ ฉะนั้นตอนหลังจากนี้อาจจะนานหน่อย (แต่ก้ไม่แน่เนอะ) เพราะว่าต้องจบแบบอื่นอ่ะ ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเป็นแบบไหน ถ้าชอบก็รอติดตามและกันนะฮะ

ขอบคุณครั้งที่ 3 ขอบอกว่าเค้าชอบอ่านคอมเม้นทุกคนมาก มันฮาดี ...

ปล. สุดท้าย
ไอ่ตอนท้ายนี่ ยากโฮกอีกแล้ว เลิฟซีนแม่ลูกมันจะทำเค้าตายทุกที ทำมัยมันแต่งยากนักวะฮะ



Create Date : 20 สิงหาคม 2551
Last Update : 25 ตุลาคม 2551 9:31:48 น.
Counter : 804 Pageviews.

25 comments
ep 4 ขับรถบนถนนเริ่มจะประมาท โอพีย์
(10 เม.ย. 2567 05:03:14 น.)
พระราชวังบ้านปืน ดาวริมทะเล
(9 เม.ย. 2567 14:46:08 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 31 : กะว่าก๋า
(9 เม.ย. 2567 05:58:44 น.)
ถนนสายนี้..มีตะพาบ ( 349) วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร peeamp
(8 เม.ย. 2567 12:38:27 น.)
  
ฮ่าๆๆ ยังไม่ได้อ่าน แต่มาจองพื้นที่ก่อง เพื่อไรไม่รู้ แต่น้องโบว์คงรอให้พี่ก่อนป่าว
โดย: Tom & Jinny วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:19:10:40 น.
  

กิ๊ดดดดดดดดดดดดดดด

ตอนเก้า อ๊ากกกกกกกกกกก

ในรถ ในครัว พี่หอยชอบสถานที่ เอ้าท์ดอร์ หรอฮะ 555555

ชอบบบบบบ ขอบคุณพี่พุดฮะ ~~~~~~
โดย: จ๊อยของจิน...... IP: 222.123.246.39 วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:19:15:46 น.
  
ยังไม่ได้อ่านเหมือนกัน เลียนแบบทอม เหอ ๆ แต่อยากเม้นท์ก่อน

เด๋วอ่านแล้วมาเม้นท์ใหม่

กี๊ดดดดด............ตอน 9 (เมิงจากี๊ดดดทำม้าย)
โดย: ekada IP: 124.122.153.143 วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:19:25:05 น.
  
ตอนนี้เสียงท้องร้องประท้วงขึ้นมา ทำให้นึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่เช้า แทบไม่มีอะไรตกถึงท้อง ว่าแล้วก็เดินลากรองเท้าหมีพูห์คู่เก่งไปในครัว// คิคิ...นึกภาพออกเลยอ่ะ...รองเท้าหมีพูห์...อิอิ

สำหรับผม....พี่คือคนที่ผมรัก และพี่... ก็คือเจ้าของหัวใจทั้งหมดของผมคนเดียว .. // ซึ้งมากมาย...โอ้ว...

ตอนนี้ มันผิดจากที่คิดไว้เยอะ ฉะนั้นตอนหลังจากนี้อาจจะนานหน่อย (แต่ก้ไม่แน่เนอะ)// นานก้อรอนะ..(กลับไปวนอ่าน...ตอนก่อนๆๆ รอก๊ะได้..อ่านไปเขินไป...)







โดย: A IP: 58.136.117.118 วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:19:27:12 น.
  
อ่าว...อุส่าห์รีบมาอ่าน ว่าจะรอให้มาเฟียเม้นก่อนเลยไปอาบน้ำรอ ที่ไหนได้หายไปแปปเดียวกลับมาอีกทีคนเม้นตรึมเลย T T

อ่านจบแอบคิดว่าพี่หอยง้อดีๆ ตั้งนานพี่ซาร่าไม่ยอม แต่พอใช้กำลังเข้าหน่อยละใจอ่อนเชียว ตกลงพี่ซาร่าชอบความรุนแรงหรอเนี่ย เหอๆๆ

แอบตกใจอีกอย่าง ตอนแรกนึว่าคู่นุ้งดี้กะพี่ป๋าจะงอนกันซะอีก เหนรุปนุ้งดี้เพียบเลย นึกว่าจะเกิดอะไรขึ้น โชคดีที่ไม่มีอะไร
ยังงี้ก้อแปลว่าคนแต่งหายงอนนุ้งดี้แล้วใช้มั๊ยอ่ะ 555
โดย: Bowiie IP: 58.64.81.254 วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:19:39:46 น.
  
อย่างน้อย ๆ วันนี้เกตก็ได้เจอเรื่องดี ๆ บาง นั้นก็คือ....ได้อ่านฟิกพี่พุด มีความสุขมากมาย

ถ้าป๋ามาส่งดี้ตอนนี้ คงได้อุ้มดี้ขึ้นห้อง อิอิ เราคิดไรเนี้ย
โดย: ket_dd IP: 58.8.120.31 วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:19:43:14 น.
  
แหม่ๆๆๆ เบาๆ หน่อยเน้อ ระวัง หม้อ เขียง กะทะ ตะหลิว ฯลฯ ที่แขวนๆไว้ จาหล่นใส่หัวเอาล่ะ พ่อคนชอบกลิ่นครัว เหอๆๆๆ

ปล.1 คู่สุดท้ายนี่เค้าจะหยอดกันอีกนานมั้ย เร่งมือหน่อยเห๊อะพ่อคู๊ณพ่อมินอู ขืนชักช้ากว่าจะลงเอย เด๊วอิลูกนกมานลากออมม่าไปหาที่พิสดารกว่านี้อีก คนอ่านเลือดกำเดาไหลหมดตัวตายกันพอดี
ปล.2 จะอาวตอน 10ๆๆ น้องพุด สู้ๆๆๆ
โดย: duckie IP: 124.121.27.94 วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:21:43:29 น.
  
มาแระตามคำเรียกร้อง (ของตัวเอง) แบบว่าอาจยาวหน่อย เพราะเสียงเพลง together 4ever ของหอยที่เปิดคลอไปด้วยเลยทำให้เตลิดอ่ะนะ อ่ะๆเริ่มเลย ขอมาเม้นท์แบบเดิมๆนะ


“มันไม่ใช่ความรัก นายไม่รู้หรอก เค้าไม่ได้รักชั้น แต่มันคือการไถ่บาป..ก็แค่นั้นแหละ ..// ออมม่านี่ย้ำคิดย้ำทำเหมือนกันนะเนี่ย แบบว่าอารมยืและความรู้สึกคอยตอกย้ำใจตัวเองตลอดเวลาเลยอ่ะ

ชั้นรู้สึกสงสารตัวเอง ที่ดันไปรักกับคนที่เค้ารักคนอื่นอยู่ทั้งคน ...// นั่นไงเหนมะบอกแระว่าชอบตอกย้ำ ย้ำคิดย้ำทำ แต่ก็คนกลางไม่ยอมพุดไรให้มันกระจ่างนิเนอะ ใครจะไปรู้ความรู้สึกได้อ่ะ

ไวเท่าที่สมองน้อยนิดจะประมวลผลออกได้ว่ามันหมายถึงอะไร // ย๊ากกกก มะค่อยย้ำเรื่องเนื้อที่สมองของผู้ชายพี่เลยนะฮะพุดดี้ โชคยังดีนะที่พอมีพื้นที่ให้ประมวลผลและส่งตรงถึงหัวใจได้ไวพอ มะงั้นออมม่าตรูได้ผูกคอตายได้ตู้เยนแหง๋ๆ

จอนจินลากเฮซองจนมาถึงครัว // อ๊ากกกกกกกกกกก บอกแระว่าเหตุเกิดมันต้องในครัวชิมิ ไปหารูปครัวมาประกอบการจิ้นด้วยดีกว่า ฮ่าๆๆๆ

วันนั้นพี่เมา แต่ผมไม่ // นั่น ตรูว่าแระไง ว่าแกมีสติ แต่ออมม่าอ่ะไม่มี เปนไงยอมรับว่าหื่นของจิงแล้วชิมิ

คิดว่าผมจำใจต้องรับผิดชอบอย่างนั้นใช่มั้ย // เหมือนๆว่าไปทำใครท้องมางั้นเลย ขำวะฮะ


ผมรักออมม่าของผมคนนี้ รักจนแทบจะบ้าตายแล้วที่เห็นเค้าเย็นชาใส่ผมขนาดนี้ // น่านๆๆมันต้องอย่างงี้ดิวะ ถ้าปากไม่ห้อย เอ้ย ไม่หนักแต่แรกก็ไม่ต้องไปนั่งหนาวตากลมอยู่ริมเขื่อนอย่างนั้นแระ

ผมจะไม่ทนกับการกระทำของพี่ และคราวนี้ผมจะทำอะไรตามใจตัวเองมั่ง” // อ๊ากกกกกกก อยากถูกกระทำตามใจตัวเองมั่งอ่ะ เหอๆๆ มันต้องงี้ถึงจะเปนหอยของแท้วะฮะ สู้ว๊อย


“พี่ชอบกลิ่นครัวใช่มั้ย งั้นผมก็จะช่วยให้ร่างพี่ได้สัมผัสกับกลิ่นของครัวอย่างแท้จริงไปเลย หวังว่าพี่คงชอบ” // ออมม่าชอบป่าวไม่รู้ แต่ตรูอ่ะชอบมากกกกกกกกก เหอๆ

กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อน ๆ จากลมหายใจของเฮซองมันยับยั้งระบบการควบคุมตัวเองของเค้าอีกแล้ว // อินี่แพ้กลิ่นเหล้านั่นเอง จะบอกเปนนัยๆใช่มะ ว่าก่อนมีเซกส์ต้องกรึ่มๆก่อน เหอๆ

สำหรับผม....พี่คือคนที่ผมรัก และพี่... ก็คือเจ้าของหัวใจทั้งหมดของผมคนเดียว .. // อยากได้ยินคำนี้จากปากคนคนนี้มั่งอ่ะ อิจฉาออมม่าชิงๆนะเนี่ย

“ผมเอาชีวิตทั้งชีวิตเป็นประกันได้เลยฮะ ออมม่า” // อ๊ากกกก สัญญาแล้วต้องทำตามนั้นนะฮะ


จะยาวไปมั้ยอ่ะ เหอๆ ตอนแรกก็ลุ้นอยู่ว่าอิฉากในครัวจะออกมาแนวไหน นึกว่าจะเปนผลพวงมาจากทำงานบ้านแล้วเหงื่อโชกซะอีก แต่แบบนี้ก็ดี มีกลิ่นเหล้าเคล้ากลิ่นครัว ดีกว่ากลิ่นครัวเคล้ากลิ่นดิน ครั้งหน้าต่อไหนดีฮะ อ่างอาบน้ำก็ดีนะ เหอๆ
โดย: Tom & Jinny วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:22:01:20 น.
  
วันนี้เป็นวันแย่ๆ ของพี่ แต่พอได้อ่านฟิคของน้องพุดแล้ว รู้สึกดีขึ้นมาเยอะเลย อันนี้มะได้พูดเอาใจน้า เรื่องจริงเลยหล่ะ ชอบมากๆ นะคะ ในที่สุดลูกนกกะแม่นกก็คืนดีกานน หุๆๆๆ ตอนท้ายอาจไปลุ้นไป เหอๆๆ แต่งเก่งจัง แปะๆๆ

ยังไงก็ขอบคุณสำหรับฟิคสนุกๆ นะจ๊ะ จะเป็นกำลังใจให้คนแต่งน้า สู้ๆ ค้า

ปล. ยังงี้ก้อแปลว่าคนแต่งหายงอนนุ้งดี้แล้วใช้มั๊ยอ่ะ 555 // เห็นด้วยเลย รูปนุ้งดี้เต็มเลยๆ สงสัยคนแต่งจะใจอ่อนกับนุ้งดี้แล้วม๊างงง ^^
โดย: kayzila IP: 124.120.154.77 วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:22:23:31 น.
  
เหอๆ ทำไมเราอ่านตอนนี้แล้วมือสั่นละเนี่ย

สนุกอ่ะ...ในที่สุดแม่นกและลูกนกก็สมหวัง

แต่จอนจินอ่ะ...ไม่เห็นต้องพื้น...โต๊ะก็ได้ หุหุ

รอต่อนะคะพี่พุด
โดย: wizze IP: 125.25.13.240 วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:22:32:36 น.
  
วันนี้กลับมาบ้านด้วยความหวังว่าจะได้อ่านฟิคพี่พุด
แล้วก็ได้สมหวังจริงๆ 55
นั่งเปิดหน้านี้ค้างไว้ไม่ต่ำกว่า 3 ชม.ละ
อ่านรอบแรก แสกนหาฉากเด็ด 55
เพราะมีงานค้างคา ก็เลยยังไม่ได้ลงลึกรายละเอียด
แต่พองานเริ่มซาๆ ก็มาอ่านเป็นรอบที่ 2
คราวนี้ โอ้ เลือดพุ่งทะยาน ถ้าไม่อายแม่ กลัวตกใจในอาการลูก คงตะกายข้างฝาไปอีกตามเคย แต่ตอนนี้ต้องเก็บอาการ 55

“พี่ชอบกลิ่นครัวใช่มั้ย งั้นผมก็จะช่วยให้ร่างพี่ได้สัมผัสกับกลิ่นของครัวอย่างแท้จริงไปเลย หวังว่าพี่คงชอบ” สุดยอดคะสุดยอด ไม่อาจหาคำใดอธิบายได้ นอกจาก copy ให้เพื่อนอ่านใน M โดยด่วน 55 ประโยคนี้มันเด็ดดวงมากจริงๆคะ
ฉากในครัวเป็นฉากสุดสยิวพาใจหวิวเหมาะยามค่ำคืนมากคะ อ่านแล้วตาสว่างเลย 55

ชอบมากคะ ฉากรักแม่นกลูกนก ต่อไปจะเคลื่อนย้ายไปที่ไหนอีกคะ ตอนแรกก็รถ ต่อด้วยห้องครัว มารอลุ้นสถานที่ต่อไป อย่าเพิ่งหยุดนะคะ (หื่นออกนอกหน้ามากกก)

เม้นยาวเกินไปรึป่าวเนี่ย - -"
กว่าจะได้เม้นก็ต้องอ่านรอบที่ 3 ก่อน
55 รอบ 2 อารมณ์มันพุ่ง เม้นไม่ถูกคะ
พอมาเม้น ก็มีเรื่องจะเม้นเยอะแยะไปหมด เลยยาวววว 55

ขอบคุณพี่พุดคะที่แต่งต่อ มันสนุกมากจนอินโทรไปเม้ากะเพื่อนแบบ - -" จนต้องเตือนตัวเองว่านี้แกมันไม่ใช่เรื่องจริงนะ
เรื่องจะจบแบบไหนก็จะรอคะ
:]
โดย: นาค่า IP: 124.120.36.14 วันที่: 21 สิงหาคม 2551 เวลา:3:05:20 น.
  
กี๊ด ตอนเก้ามาแระ มิเสียแรงเปิดอ่านก่อนทำงาน....เหอๆๆๆ


อร๊าย...อร๊าย....อ๊ายยยย (เมิงจะกรี๊ดไปเพื่อ...)

น้องพุดคะ..ฉากในห้องครัวนั้นประทับใจพี่มากมาย...เกินจะเขียนออกมาเป็นตัวหนังสือได้ (มือนึงพิมพ์ อีกมือเอาทิชชูซับเลือด)

นั่งรอตอนหน้าอยู่ห่างๆ อย่างหื่นๆ นะก๊ะ
โดย: พี่จิ๋วจิน IP: 202.28.21.4 วันที่: 21 สิงหาคม 2551 เวลา:9:04:35 น.
  
สงสารออมม่า พื้นก็เย็น ตัวก็เย็น แถมอยู่ติดกับตู้เย็นอีก

สู้ สู้ น่ะน้องพุด พี่รออ่านอยู่
โดย: พี่นา IP: 203.151.144.4 วันที่: 21 สิงหาคม 2551 เวลา:11:07:28 น.
  
ฮี่ ๆ มาเม้นท์รอบสอง หลังจากอ่านจบแระ

ฉากต่อไป (ตอนหน้าจะจบแล้วชิมิ)

ขอเปลี่ยนเป็น...ตอนทำงานบ้านได้ป่าว ประมาณว่า

ออมม่ากะลังเช็ดกระจก แล้วลูกนกมากอดข้างหลัง จากนั้นก็......

เว้ยกรู....จะหื่นล่วงหน้าไปไหน

ชอบมากเลยอ่ะพุดดี้ มะคืนมาเก็บแต่มะด้ายอ่าน เพิ่งจะอ่านตะกี้เอง

จะตะกายฝาก็มะด้าย ใน office คนเพียบเรย เหอ ๆ

ฟิคน้องพุดหนุกมากกกกกกกก...........
โดย: ekada IP: 203.146.146.130 วันที่: 21 สิงหาคม 2551 เวลา:12:18:36 น.
  
“สำหรับผม....พี่คือคนที่ผมรัก และพี่... ก็คือเจ้าของหัวใจทั้งหมดของผมคนเดียว” // ชอบมากๆ อยากเป็นออมม่าของจินนี่ จะได้ให้จินนี่พูดให้ฟังทุกวันเลย....

ในที่สุด..เพราะความพยายามของลูกนก ทำให้แม่นกใจอ่อน...และก็แพ้..ความน่ารักของลูกนก...ซึ้งจริงๆ ..

คราวหน้า สถานที่จะเป็นที่ไหนน้า.......

คู่ของเพ่เอ็มกับลุงหมอ.....ก็น่ารัก...ลุ้นให้มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกว่านี้อยู่นะ

เป็นกำลังใจให้น้องพุดด....เขียนตอนต่อไปจ๊ะ
โดย: Pekkiokung IP: 203.146.75.80 วันที่: 21 สิงหาคม 2551 เวลา:12:38:01 น.
  
สมหวังไปทั้งสองคู่แระ
แล้วคู่พ่อสื่อแม่สื่อล่ะคะ รออยู่น๊าพี่พุด
อย่าให้พี่เอ็มหยอดลุงหมออย่างเดียวสิคะ อยากเห็นลุงหมอเขินมากกว่านี้
(โพสไปก็ อ๊าย อาย) สู้ๆนะคะพี่พุด
เอาใจช่วยค่า ^^
โดย: keiropi IP: 119.42.82.252 วันที่: 21 สิงหาคม 2551 เวลา:17:49:08 น.
  
ไม่อยากจะเม้าส์ว่าพอว่างปุ๊บ พุ่งตัวมาเข้า blog ของน้องพุดก่อนเลยฮ่ะ ด้วยความหวังระยะสุดท้ายว่าน้องพุดน่าจะอัพตอนใหม่แล้ว กรี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส อัพแล้วจริงด้วย
จินซองสมหวังแร้วววว
ริคดี้ น่าร๊ากกกกก มากมาย (ขนาดแค่นั่งคุยกัน คุณพี่อินไปเรื่อยอ่ะ กรั่กๆ) น้องพุดสู้ๆ นะจ๊ะ
โดย: andybe IP: 58.9.198.41 วันที่: 21 สิงหาคม 2551 เวลา:21:54:27 น.
  
อร๊ากก~~

love sceen แม่นกลูกนก เขิลแทนอ้ะ
เคลิ้มๆๆๆ

เดี๋ยวรอลุ้นคู่ลุง นึกภาพลุงมือพันกัน แล้วภาพพี่เอ็มทำตาเซ็กซี่เจ้าเล่ห์ใส่ฮะๆๆ
โดย: เจ้านิ IP: 124.121.55.62 วันที่: 21 สิงหาคม 2551 เวลา:23:35:27 น.
  
โห จำนวนคนเม้นเพิ่มขึ้นทุกตอนเลย

อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกโล่งใจจัง พี่ชอบตอนที่พุดแต่งให้แม่กะลูกเข้าใจกันได้โดยไม่รู้สึกว่ามีคนไหนเสียฟอร์มน่ะ แบบว่ารู้สึกว่าไม่มีฝ่ายไหนอ่อนให้กันมากเกินไป

พี่เอ็มเท่ ดี เก่ง ฉลาดเลิศ ชอบพี่เอ็มเรื่องนี้ที่สุดเลย ขอเลื่อนขั้นให้กลายเป็นอันดับหนึ่ง น้องดี้กะร่าจงถอยลงไปคนละหนึ่งขั้นนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป
โดย: พี่อัน IP: 202.129.32.218 วันที่: 22 สิงหาคม 2551 เวลา:0:07:27 น.
  
จินนี่ข๋า... การเปลี่ยนสถานที่เป็นเรื่องดีนะค่ะ แต่สถานที่แปลกๆบ่อยก็น่ากลัววววว แต่คนอ่านชอบค่ะ อิอิ

ซองกิข๋า... คือว่าจะพาซองกิไปหาซะหน่อยนะค่ะ เครียดมากเดี๋ยวต้องไปฉีดโบท็อกซ์ หน้าแก่ก่อนวัย แล้วก็โรคย้ำคิดย้ำทำไม่ไหวนะค่ะ ฮ่าฮาๆๆๆ


พี่เอ็มข๋า... มันส์ทุกครั้งไปทุกที่พี่เอ็มพูด คมเสมอ ร๊ากกพี่เอ็มจังค่ะ อิอิ


พี่พุดข๋า... ฟิคพี่มันจริงๆนะค่ะ หนูอินจริงๆ ชอบมากมายยยย ชอบจริงๆๆนะค่ะ ชอบมากกกกกก!!!!! มาแต่งต่ออีกนะค่ะ ฟิคพี่หนูอินตั้งแต่เรื่องก่อนแล้ว เรื่องนี้อินหนักเลยค่ะ สู้ๆๆนะค่ะ


ทิ้งท้าย....

อันนี้หนูไม่ได้หื่นนะค่ะ แต่จิ้นจนจิตหลุดไปเลย ด่านแรกของป๋าบนโซฟา ด่านต่อมารถ โห๊ะๆๆๆ เลือดเต็มหน้าจอเลยที่เดียว ห้องครัว อันนี้ก็ อิอิ หนูไม่ได้หื่นจริงๆนะค่ะ (แกนะหื่นมากกว่าเพื่อนเลย) แหะๆๆ ห้องอุ่นจนร้อนเลยหรือเปล่าค่ะพี่พุดข๋า...



ไปก่อนดีกว่าค่ะ ก่อนที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของแพร อิอิ

ขอบคุณพี่พุดนะค่ะที่แต่งให้อ่าน กางเต้นท์ ไม่ได้ซิค่ะ ตอนนี้คงต้องนอนแอบดูอยู่ข้างตู้เย็นหรือไม่ก็ปูเสื่อใต้โต๊ะในครัวเลย (แกหื่นของแท้เลยเนี่ย) รออ่านต่อนะค่ะ พี่พุด Fighting!!!!
โดย: praery_za IP: 58.10.170.32 วันที่: 22 สิงหาคม 2551 เวลา:0:12:24 น.
  
แม่ลูกเค้าเข้าใจกันแล้ว ดีใจด้วยคร้า
แต่แหม ในครัวเลยนะ เหอะเหอะ ไม่อยากจะจิ้น ชอบนักใช่มั้ยกลิ่นครัว โฮะโฮะ เลือดพุ่งงงงง
ชอบคู่คุณหมอกับเพ่เอ็มจังเลยอ่า คุณหมอเขิน หุหุ หยอดกันไปหยอดกันมา อึดอัดจะตาย บอกๆกันไปเลยเซ่ ฮ่วย ท่าจะอินจัดฮ่า 5555++
แต่ว่า.....แต่ว่า ตอนหน้าขอแบบนี้กะคู่นั้นได้มั้ยอ่ะค้าพี่พุด คู่นั้นอ่ะค่า (ไม่ค่อยจะหื่นเรยแก)
พี่พุดสู้ๆ รอตอนหน้านะค้า
โดย: โบ_andyholic IP: 202.91.19.204 วันที่: 22 สิงหาคม 2551 เวลา:20:45:28 น.
  
พุดจ๋า แต่งยากใช่ไม๊ อ่านก็ยากเหมือนกันนะ เพราะอ่านไปแล้วจะตายเหมือนกัน อ่านไป เลือดกำเดากระฉูด อ่านไปหันไปมองห้องครัวไป (อยากให้ใช้ครัวบ้านเราเป็น location จัง )

คู่ลุงกะมินก็น่าร๊ากกกกกกก ได้อีกๆๆๆๆๆ

สนุกมากมายยยยยย
ชอบบบบบบบบบบบ

จินจ๋ารู้สึกว่านอกจากกลิ่นครัวแล้วแม่นกจะชอบกลิ่นต้นไม้ กลิ่นดิน กลิ่นหญ้า อะไรประมาณนี้ด้วยนะ

กร๊ากกกกกกกกกกก
โดย: Sassy IP: 125.25.69.31 วันที่: 22 สิงหาคม 2551 เวลา:22:21:15 น.
  
น้องพุดทำมัยเลิฟซีนแม่นกลูกนก
ร้อนแรงปานนั้น..ทั้งในรถ ..ในครัว..
ฮิฮิ..มิใช่รัย..จะบอกว่าช๊อบชอบ...
หื่นจริงเลยชั้น
โดย: piyawan IP: 118.172.251.205 วันที่: 23 สิงหาคม 2551 เวลา:2:31:00 น.
  
พี่พุดดดดดดดดดดดดดดด

ไมห้อยหื่นเยี่ยงนี้ ในรถไม่ว่า ในครัวนี่จิ

ถ้าดี้กะป๋ามาเจอล่ะ อ๊ากกกกก คิดแล้วก็อายแทนนนนน
โดย: puppi IP: 203.147.51.99 วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:16:21:26 น.
  
ตามมาอ่านฟิคตาแฉะเรยคะ
ติดมากกกกกก


หลังจากเครียดจากการอ่านหนังสือสอบมาหลายวัน
ขอพักสมองงงงง

มาเจอจิน กะซอง
เครียดกว่าเดิมมมม
หายเครียดก้อตอนนี้แหละ 55

แต่...จะได้เครียดอรัยต่อปัยอีกล่ะเนี่ยยยยยยย




เอ๋อ่านแร้วมีความสุขมากกค่ะพี่พุด555
ลุง ปากหวานไปไหนนน??

จินซอง ก้อคงม่ายต้องบรรยาย
ฮิ๊ว ว ว ว ว ว


ขอบคุนพี่พุดสำหรับฟิคสนุกนะคะ
ไว้สอบเสร้จจะรีบมาตามอ่านทีเดียวรอดเรยยย**
โดย: sushilanla IP: 58.9.21.124 วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:23:17:42 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Puddy.BlogGang.com

พุดดิ้งของซอนโฮ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]