Make a plan to love me (รักนี้ มีแผน 2) #16




Make a plan to love me (รักนี้ มีแผน 2)




…16.. รักแรก แปลกดี...





หลังจากลงเครื่อง มินอูก็แยกทางกับดงวานที่สนามบิน เพราะเค้าต้องรีบเข้าบริษัท และดงวานเองก็มีงานต่อ เพียงแค่นึกถึงใบหน้าของใครบางคนในอ้อมแขนตัวเองเมื่อคืน เค้าก็เป็นอันต้องระบายยิ้มอ่อน ๆ กับตัวเองอย่างพึงพอใจ แม้งานและเรื่องราวอะไรต่อมิอะไรของคนรอบตัวจะชวนให้ปวดหัวแค่ไหน ถึงยังงัยก็สู้ไหวอยู่แล้ว

“เป็นงัยพี่ ตั้งแต่กลับจากเกาะนี่ อารมณ์ดีจริง ๆ นะ” จอนจินเดินหอบเอกสารปึกใหญ่เข้ามาในห้อง เค้าหยุดทักทายอีกคนเมื่อเห็นสีหน้าสดใสนั่น

“ชั้นเคยอารมณ์เสีย หน้าเหม็นบูดเหมือนพี่ชายนายงั้นเหรอ จินนี่” มินอูตอบน้ำเสียงเรียบ ๆ ใบหน้ายังก้ม ๆ เงย ๆ หยิบโน่นหยิบนี่ ไม่ได้ใส่ใจกับเสียงของอีกคนเท่าไรนัก

“ก็เปล่าหรอกฮะ แล้วสรุปว่า..พี่หมอตามพี่ไปเจจูใช่มั้ย”

“อืม ตามไป แล้วทำไม”

“แหม ๆ ๆ ผมก็นึกว่านั่นคือต้นเหตุที่ทำให้พี่มีความสุขน่ะสิ …ถึงว่า ทำมัยไม่ให้ผมไปด้วย
…..
…. ว่าแต่ ..ช่วงนี้พี่ริคดูแย่ ๆ ไม่รู้เป็นอะไร พี่รู้ป่ะ”

“ไม่แย่ได้งัยล่ะ สุดที่รักจะไปเรียนต่อนอก”

“อ่าว! ก็ไหนแอนดี้บอกผมว่าเค้าไม่ไปแล้วนี่น่า แล้วเฮซองก็บอกว่าทุกอย่างโอเคแล้ว”

“ก็โอเคแล้วงัย โอเคตรงที่ไอ่ริคมันยอมกล่อมให้แอนดี้ไปเรียนต่อตามที่เฮซองต้องการแล้ว แต่นายอย่าเอาเรื่องนี้ไปหาเรื่องทะเลาะกับเค้าอีกล่ะ เข้าใจมั้ย ไอ่ริคมันไม่อยากให้ชั้นบอกนาย แต่ชั้นกลัวว่าถ้านายรู้เอง นายจะไปเม้งเค้าอีกอ่ะดิ คิดซะว่าเฮซองคงมีเหตุผลของเค้าจริงๆ ”

“มีเหตุผลงั้นเหรอ .. เฮ้อ! ทำมัยนะ ผมพยายามจะเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่าง แต่เหมือนผมยิ่งอ่านเค้าเท่าไหร่ ผมก็ยังอ่านไม่ออกซักที”

“ทำมัย เบื่อจะอ่านแล้วเหรอ”

“ก็เปล่าหรอกฮะ เพียงแต่ไม่เข้าใจการตัดสินใจและก็ความคิดของเค้า ผมไม่อยากเห็นพี่ริคเป็นอย่างนี้ พี่ดูดิ ยิ่งช่วงนี้ เค้าเหมือนจะยิ่งแย่ ทั้งพี่ริคทั้งแอนดี้เลย”

“แล้วนายจะทำงัยได้ล่ะ ความจริงมันไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โตหรอก ก็แค่อเมริกา”

“ก็เมกานั่นแหละ เรื่องใหญ่ ครั้งล่าสุดพ่อเคยสั่งห้ามเค้าไปเหยียบอีก แล้วพี่ริคก็ไม่ไปอีกจริง ๆ ตราบใดที่พี่เค้ายังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ประสบความสำเร็จ”

“เออ อันนี้ก็พอรู้หรอก แต่พ่อนายคงไม่ได้หมายความว่างั้นหรอกใช่มั้ย”

“ไม่หรอกฮะ ..พ่อน่ะรักพี่ริคจะตาย เพียงแต่เค้าไม่แสดงออก เค้าดูจะภูมิใจในตัวพี่ริคนะ ทำมัยผมจะไม่รู้”

“แต่ไอ่ริคมันคิดเอาว่ามันเหมือนหมาหัวเน่าน่ะ ก็พ่อนายเล่นตัดความฝันมันซะทุกอย่าง เจอมาอย่างมันก็ไม่แปลกหรอก ที่จะคิดแบบนี้ ชั้นไม่ได้หมายความว่านายผิดหรอกนะจินนี่ แต่ไอ่ริคมันก็นิสัยอย่างนั้นอยู่แล้วนายก็รู้”

“พ่อเค้ามีเหตุผลของเค้านะ เค้าแค่ต้องการให้ลูกชายคนโตเรียนรู้ธุรกิจและเข้มแข็ง มันก็เป็นวิธีการของเค้า”

“เรียนรู้ธุรกิจด้วยการยัดเยียดบริษัทที่มันไม่ต้องการให้บริหารทันทีที่เรียนจบเนี๊ยะนะ มันใช่งานเล็ก ๆ ซะที่ไหน แถมยังหอบครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศกันหมด นี่คือวิธีการของเค้าอีกใช่มั้ย” มินอูพยายามทำเสียงให้อยู่ในระดับปกติ เพราะเค้ารู้ว่าจอนจินไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย แต่นั่นก็ทำให้คนฟังถึงกะหน้าชาไปเหมือนกัน

“ชั้นไม่ได้ว่านายนะจินนี่ แล้วเอริคเองก็ไม่เคยโกรธนายเรื่องนี้เลย เข้าใจใช่มั้ย”

“ผมรู้ฮะ ...อืม!! ... ผมพอจะทำไรได้มั้ยฮะ พี่”

“ทำอะไรล่ะ ก็ทำงานของนายไปให้ดีที่สุดนั่นแหละ”

“โห พี่ก็ ผมหมายถึงช่วยพี่ริคน่ะ .. แต่..ผมก็ไม่อยากทะเลากะเฮซองแล้วเหมือนกัน โกรธกันทีไร เหนื่อยหัวใจทุกที”

“ความจริงมันก็เป็นเรื่องของพวกเค้า เค้าตัดสินใจแล้ว เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเค้าสิ”

“การตัดสินใจเหรอ การบังคับจิตใจมากกว่า พี่จำไม่ได้เหรอ พี่เป็นคนบอกผมเอง ตอนที่มีเรื่องแอนดี้เข้ามา พี่บอกว่าพี่ริคเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น พี่เค้าดูมีความสุขขึ้น แล้วพี่ยังอยากจะให้พี่ริคกลับไปเป็นเหมือนเดิมเหรอ”

“อารมณ์ดีขึ้น และก็ขี้เกียจมากขึ้นอ่ะสิ
..
..แต่...ชั้นจะไปทำไรได้”

“งั้น...ผมว่าผมคงต้องทำไรซักอย่าง”

“หืม!! ทำไรซักอย่างคือทำไร ชั้นล่ะกลัวใจนาย กลัวนายจะวิ่งไปให้รถชนอ้อนเฮซองไม่ให้แอนดี้ไปเรียนต่ออีกน่ะดิ”

“ก็นั่นมันแผนใครล่ะฮะ แต่ไม่ใช่หรอก ขืนทำงั้นอีกที คราวนี้ผมคงตายไปเลย เฮซองคงไม่หมุนพวงมาลัยหลบอีกหรอก ดีไม่ดี อาจเลี้ยวกลับมาชนซ้ำ......ผมว่านะ เค้าต้องเจอกับตัวเอง เค้าจะได้รู้จักความรักให้ดีกว่านี้”

“นี่ ทำไรคิดซักนิดนะ ความผิดเดิมของนายน่ะมันหนักหนาอยู่นา จินนี่ แล้วไอ้ที่ว่า ๆ คนอื่นอ่ะ นายรู้จักมันดีพอแล้วเหรอ”

“ผมแค่รู้ว่าผมต้องทำทุกอย่างให้ได้มันมา และพยายามทุกอย่างที่จะรักษามันไว้”

“เอาเหอะ ทำอะไรคิดดี ๆ หน่อยละกัน ชั้นไม่อยากตามล้างตามเช็ดนายสองคนแล้ว ... ว่าแต่เรื่องงานน่ะ ไหวป่ะ ...ได้ข่าวว่าไปเม้ง ๆ กะพวกทีมโน้น ... นี่ จินนี่ ..ที่นี่ไม่ใช่เมกา อาวุโสก็มีส่วนสำคัญนะ ชั้นไม่ได้หมายความว่าคนมาทีหลังต้องฟังคนมาก่อนเสมอ ๆ แต่นายควรจะฟังเค้าทุกคนไม่ว่าใคร มันถือเป็นหลักในการบริหารงานอย่างนึงซึ่งนายควรจะเรียนรู้ไว้เพราะต่อไป นายก็ต้องเข้ามาบริหารบริษัทนี้เหมือนกัน”

“ก็แล้วในเมื่อแผนมันถูกวางมาไว้แล้ว พวกเค้าจะมาเปลี่ยนแปลงตามที่เห็นสมควร แล้วเราจะสู้อดหลับอดนอนเสียเวลาประชุมวางแผนงานกันทำมัยล่ะฮะ”

“แผนน่ะมันปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมนะ ชั้นไม่ได้จะพูดเพราะเข้าข้างเค้า บางทีเราก็ต้องเปลี่ยนตามกระแสตลาด หรือไม่ก็สถานการณ์แวดล้อมนั้น ๆ อันนี้มันคือเรื่องจริง”

“เฮ้อ! ผมชักสงสัยตัวเองแล้ว ว่าผมคิดผิดรึเปล่าที่รับทำงานนี้ พี่ริคคงพูดถูก มันคงยากเกินกว่าที่คนอย่างผมจะทำได้”

“นายก็นะ บทพิสูจน์มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับครั้งแรกซักหน่อย ถ้าทำได้ ก็เจ๋ง ถ้ามันพลาดก็ไม่ได้หมายความว่านายห่วยนี่น่า นี่ชั้นต้องคอยอธิบายให้นายเข้าใจอีกกี่ครั้งกันจินนี่ ไหนว่าไม่เข้าใจเฮซอง แต่ชั้นว่านายกับเค้า ก็ไม่ได้ต่างกันเลย”

ก๊อก ๆ ๆ

“เชิญครับ” มินอูละสายตาจากคนตรงหน้าหันไปมองยังที่มาของเสียง

“พี่มินฮะ”

“อ้าว! แอนดี้ ว่างัย มีไรรึเปล่า”

“พี่ริคให้ผมมาเอารายงานจากพี่เรื่องเมื่อวานอ่ะ”

“หืม มาเอารายงาน ไอ่ริคของนายมันบ้าไปแล้วเหรอ ชั้นเพิ่งลงเครื่องมะเช้า ก้นเพิ่งได้สัมผัสเก้าอี้เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วเองนะ ไปบอกมันนะ ถ้าอยากได้ตอนนี้ ก็เอาไปเขียนเองและกัน”

“ไม่อ่ะ พี่ไปบอกพี่เค้าเองเหอะ”

“เป็นไรไปล่ะเรา หน้าบูดเชียว” จอนจินเดินมาหยุดลงข้าง ๆ แอนดี้ ใบหน้าเศร้าหมองแบบนี้บอกได้ว่าแอนดี้คงไม่ปกตินัก

“เปล่าฮะ”

“มานั่งนี่มา แอนดี้” มินอูลุกขึ้น จูงมือแอนดี้ไปยังโซฟา โดยมีจอนจินเดินตามมาติด ๆ

“อ่ะ เป็นอะไรไปดูเหมือนไม่สบายใจเลย มีอะไรจะบอกชั้นมั้ย”

“ก็ .. พี่ริคน่ะสิฮะ เค้าอยากให้ผมไปเรียนต่อ เค้าคงเบื่อผมเต็มทนแล้ว”

“เอาอะไรมาพูดน่ะ ไอ่ริคจะคิดแบบนั้นได้งัย”

“ไม่อ่ะ พี่เค้าไม่ได้ถามความสมัครใจผมซักนิด มีแต่ผลักใสอยากให้ผมไปให้พ้น ๆ เค้า” ตอนนี้ร่างเล็กที่กำลังก้มหน้าก้มตา เริ่มมีน้ำเสียงติดขัดไหล่บางสั่นเบา ๆ แสดงให้รู้ว่าน้ำตาคงอาบแก้มใส ๆ นี้แล้ว ด้วยแรงสะอื้นทำเอาอีกสองคนข้าง ๆ หันมองหน้ากันด้วยความหนักใจ

“นี่ แอนดี้ พี่ริคเค้าไม่ได้ต้องการให้นายไปหรอก เค้าก็แค่ทำไปเพราะ…”

“จินนี่!!” มินอูเบรกคำพูดของจอนจินไว้ได้ทัน พร้อมหันมาทำสายตาปรามให้อีกคนเงียบ

“ตอนนี้แม้แต่หน้าผม พี่เค้าก็ไม่อยากจะมอง ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ เค้าไม่ได้พูดอะไรซักคำ พี่ริคเค้า..... เค้าเกลียดผมแล้ว” เพราะอารมณ์เก็บกด เลยมีแค่เพียงหยาบน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างยากจะหยุดตัวเองได้

“โอเค ในเมื่อนายยังไม่สบายใจ ก็นั่งที่ห้องนี้แหละ รอไว้ดีขื้นเมื่อไหร่ แล้วค่อยกลับแล้วกัน ดีมั้ย ช่วงนี้ไอ่ริคมันอาจจะเครียดเรื่องงานหลายอย่าง นายช่วยเข้าใจมันซักนิดแล้วกันนะแอนดี้ แต่เรื่องที่บอกว่าเอริคเกลียดนายน่ะ ชั้นขอยืนยันได้เลยว่านายเข้าใจผิด มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก เชื่อชั้นสิ..” มินอูบีบบ่าแอนดี้เบา ๆ เป็นการให้กำลังใจก่อนจะลุกขึ้นยืน

“จินนี่ อยู่เป็นเพื่อนแอนดี้ก่อนนะ เดี๋ยวชั้นมา”

..........


“ไอ่ริค” มินอูผลักประตูห้องเข้าไปพร้อมกับเอ่ยทักเจ้าของห้องที่ยังคงนั่งหน้าดำคร่ำเครียดอยู่

“อ่าว ชั้นให้แอนดี้ไปเอารายงานจากนายตะกี๊ ไม่เจอกันเหรอ”

“เจอ แอนดี้คุยกับจินนี่อยู่ ...” มินอูเดินมาหยุดตรงหน้าเพื่อน ลากเก้าอี้ตัวใกล้ ๆ กันมาหย่อนตัวลงนั่งสบาย ๆ

“นายน่ะ เป็นไรไปวะ สงบจิตสงบใจหน่อยดิ”

“สงบไร”

“นี่ ชั้นรู้นะว่าตอนนี้นายคิดยังงัย มันเหนื่อยเกินไปใช่มั้ยกับไอ่ปัญหาอะไรต่อมิอะไรเนี๊ยะ”

“พูดอะไรวะ ไม่เห็นเข้าใจเลย” คิ้วเข้มขมวดเป็นปม แต่เอริคก็ยังตีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนยังคงไม่ใส่ใจคำพูดเพื่อนของเค้าเท่าไหร่

“ก็เคยบอกแล้ว ว่าถ้าเหนื่อยก็ให้หยุด ถ้าหนักก็ให้วางซะ”

“งั้นนายก็มาช่วยเอามันลงจากหลังชั้นสิ ทำได้มั้ย”

“ของอย่างนี้มันต้องทำเองเฟ้ย ...”

“งั้นก็เงียบไปเลย” น้ำเสียงเริ่มมีแววหงุดหงิดเข้าให้แล้ว แต่คนฟังอย่างมินอู ก็ยังคงนิ่งเหมือนเข้าใจความรู้สึกเพื่อนทุกอย่างดี
..
.
“แอนดี้อยู่ในห้องชั้น น้องมันไม่สบายใจ ความจริงแกมีวิธีการพูดที่มันดูซอฟกว่านั้นนะ”

“อะไรวะ”

“ก็อย่างเช่น นายแค่บอกเค้าว่า นายรักเค้า นายไม่ต้องการปล่อยเค้าไป”

“ไอ่บ้า ถ้าทำงั้นได้ ชั้นก็ทำไปแล้ว ชั้นมีทางเลือกนักเหรอ”

“ยังไม่จบ หุบปากแหลม ๆ ของนายก่อนดิ…” เอริคปิดปากลงฉับเหมือนสั่งได้ทันที

“ก็แค่...บอกเค้า ว่าเค้าเป็นเหมือนดวงใจ ที่หากว่านายต้องขาดไป นายก็อาจไม่มีชีวิตอยู่ได้เหมือนกัน แต่ความเป็นจริงแล้ว คนเรามันต้องมีความฝัน มีสิ่งที่เราต้องลงมือทำเพื่ออนาคต เพื่อตัวเองอีกมากมายเหลือเกิน หากว่าต่อไปอีกนานแสนนานที่เราทั้งคู่ยังรักกัน และอยู่ด้วยกันแบบนี้ หากว่าเค้าเกิดหันหลังกลับไปมองถึงเวลาที่ผ่าน ๆ มา มีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่นายเป็นคนทำให้เค้าหมดโอกาสไขว่คว้าสิ่งที่เค้าต้องการไว้ เมื่อถึงเวลานั้น นายกลัวว่าเค้าจะเสียใจ และนายก็ต้องเกลียดตัวเองที่รั้งเค้าไว้ นายไม่อยากรู้สึกแบบนั้น และนายก็ไม่ต้องการให้เค้าเกลียดนายด้วยเช่นกัน…
…..
…
…การห่างกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าความรักเราลดน้อยลง ระยะทางก็เป็นแค่สิ่งหนึ่งที่บ่งบอกให้เราได้รู้ว่า ความรักของเราทั้งคู่มั่นคงและแข็งแกร่งขนาดไหน .. ก็ ...แค่นี้แหละ”

เอริคที่นั่งฟังเพื่อนตัวเองร่ายยาวจนแทบลืมหายใจ เค้าถอนหายใจหนัก ๆ ออกมาทันทีที่ประโยคเหล่านั้นจบลง

“ถ้าชั้นเป็นนาย ชั้นก็คงพ่นไอ้คำพวกนั้นออกมาได้แหละนะ แต่นี่ ใครมันจะมานั่งนึกอะไรในเวลาอย่างนั้นได้เล่า นี่! ไอ่มิน ไม่ใช่ชั้นจะไม่เสียใจนะ .. เฮ้อ! อะไรกันนักวะเนี๊ยะ!!!!!!!!!!!!!” เค้าสบถออกมาอย่างหงุดหงิดตัวเอง ใช้สองมือกุมขมับสองข้าง นวดเฟ้นราวกับหัวสมองด้านใน มันกำลังทำงานหนักแทบบ้า

“เออ ๆ ใจเย็น ๆ เดี๋ยวเค้าก็คงดีขึ้น นายน่ะโตกว่า แข็งแรงกว่า เก็บอารมณ์ได้ดีกว่าเค้า นายต้องรักษาน้ำใจเค้าให้มากกว่าที่จะถนอมความรู้สึกตัวเองนะเว้ย แต่..เอาเหอะ ถ้าเรื่องที่ชั้นกำลังพูด ๆ มันทำให้นายยิ่งแย่ ก็ลืม ๆ มันไปเหอะ ไม่เป็นไร ทุกอย่างมีทางออกเสมอ .. ชั้นไปล่ะ …

… ออ อีกอย่างนะ รายงานยังไม่เสร็จ ชั้นเพิ่งก้าวลงจากเครื่องเมื่อเช้า ถ้าอยากได้เร็ว จะทำเองมั้ยล่ะ แค่นี้แหละ”

“เดี๋ยว! ไอ่มิน ..”

มินอูชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวออกจากห้อง

“ถ้าชั้นจำไม่ผิด ชั้นเป็นเจ้านายของนายไม่ใช่เหรอ”

มินอูยิ้มมุมปากเล็ก ๆ

“เออ ชั้นคงจะสนิทกับนายจนลืมตัวไปหน่อย ขอโทษนะครับ เจ้านาย ....แล้วผมจะพยายาม..”



.............



จอนจินกำลังนั่งจิ้มแอ๊ปเปิ้ลเข้าปากไปพลาง สายตาก็มองไปยังใบหน้ากลม ๆ ของคนตรงหน้าที่กำลังใช้มีดเล็ก ๆ ปอกเปลือกผลแอ๊ปเปิ้ลอย่างประณีตให้เปลือกทั้งเปลือกมีเส้นยาวไม่ขาดจากกัน

“ออมม่าฮะ”

“หืม”

“เราไม่ค่อยได้ออกไปเดทกันเลยนะฮะ ออมม่าว่ามั้ย”

“อืม! แล้วทำมัยนึกอยากเดทขึ้นมาล่ะ”

“ก็ ไม่รู้สิ แต่การเดทมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของคู่รักทุกคู่ต้องมีนะ ออมม่าไม่อยากไปเดทกับผมเหรอ”

“นายอยากไปไหนล่ะ” เฮซองวางมือจากมีดบอกผลไม้เงยหน้ามองอีกคนที่ยังคงหยิบชิ้นแอ๊บเปิ้ลลำเลียงเข้าปากชิ้นต่อชิ้นเหมือนเด็กอย่างนึกขำ

“นี่ เคี้ยวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลืนสิ เดี๋ยวก็ติดคอหรอก”

“แหะ ๆ ๆ มันอร่อยอ่ะ นี่สงสัยถ้าคนอื่นปอกคงไม่หวานอย่างนี้แน่ ๆ”

“กิน ๆ ไปเหอะ พูดมากเดี๋ยวได้ติดคอจริง ๆ”
…
..
.
“ออมม่าฮะ..”

“นี่ จอนจิน .. นายเป็นอะไรไปรึเปล่าน่ะ จะพูดอะไรก็พูดสิ มีปัญหาเรื่องงานเหรอ เล่นจ้องหน้ากันแบบนี้ คำตอบมันไม่ผุดออกมาบนหน้าผากชั้นหรอกนะ” เฮซองทำเสียงดังติดรำคาญหน่อย ๆ เป็นเชิงหยอกล้อมากกว่า
..
.

“คือ...ถ้าสมมุติว่าผมไม่ได้กลับมาที่นี่ หมายถึงที่เกาหลีนี่อีกหลังเรียนจบ ถ้าผมไม่ได้เจอออมม่า ออมม่าคิดว่าตอนนี้เราสองคนจะเป็นยังงัยฮะ”

“ก็ .. ไม่รู้สิ ทำมัยเหรอ”เฮซองเลิ่กคิ้วอย่างแปลกใจที่จู่ ๆ ทำมัยอีกคนถึงเลือกที่จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

“เปล่า แค่ถาม”

“นายคงไม่เคยได้ยินเรื่องมด 2 ตัวใช่มั้ย แม้มันจะอยู่ห่างกันแค่ไหน แม้จะเป็นอีกซีกโลก ดาวคนละดวงก็แล้วแต่ แต่สุดท้ายมันก็ต้องมีสื่อกลางให้ทั้งคู่มาเจอกันได้อยู่ดี”

“หืม ! ออมม่าว่าอะไรนะ”

“นายจำครั้งแรกที่เราเจอกันได้มั้ย ตอนนั้น นายทำให้ชั้นคิดถึงใครคนนึงขึ้นมา ผู้ชายนั่งคุยกับมดตัวน้อย ชั้นเคยได้ยินใครบางคนที่เหมือนนาย แล้วชั้นก็คิดถึงเค้าขึ้นมา”


“เอ่อ .. ออมม่าพูดอะไร ผมงงไปหมดแล้ว”

“ชั้นก็หมายถึง ไม่ว่าจะยังงัย ท้ายที่สุดแล้ว เราสองคน ก็ต้องได้เจอกันอยู่ดี ..
...เพราะว่า...”

“เพราะว่า .. ว่าอะไรฮะ”

“เพราะว่า...”

“พี่ซองกี้ฮะ...ผมกลับมาแล้ว” เสียงที่ดังขึ้นพร้อม แอนดี้กำลังเดินหน้าซึม ๆ เข้ามาภายในครัว จอนจินกำลังอ้าปากค้างลุ้นระทึกในคำตอบของเฮซอง เป็นต้องปิดปากฉับลงทันที

“อ่าว ! ทำมัยวันนี้กลับเร็วล่ะ ไม่ชวนเอริคมากินข้าวด้วยกันเหรอ”

“ผมมาแท็กซี่ฮะ พี่ริคไม่ได้มาส่ง”

“งั้นเหรอ” เฮซองพยักหน้าเบาๆ สีหน้าที่ดูหมอง ๆ ของน้องชาย มันทำเอาเค้าพอจะคิดเดาอะไรบางอย่างออก”

“ผมขึ้นไปข้างบนนะฮะ พี่สองคนกินข้าวกันได้เลย ไม่ต้องรอ ผมเรียบร้อยมาแล้ว…

….ออ พี่ซองกี้ฮะ เรื่องเรียนต่อน่ะ ผมโอเคแล้ว พี่จัดการได้เลยนะฮะ ขอบคุณพี่มาก” แอนดี้หมุนตัวกลับออกไป ปล่อย 2 คนที่เหลือมองตามอย่างอดสงสัยไม่ได้

“โอเคงั้นเหรอ ..หมายความว่างัย” จอนจินหันไปมองหน้าเฮซอง

“ออมม่าบอกผมว่า ออมม่าไม่ได้บังคับน้องแล้ว และก็ยอมรับให้พี่ริคกับแอนดี้คบกันไม่ใช่เหรอ”

“เรื่องคบกัน กับเรื่องเรียนมันคนละเรื่องกันนะจอนจิน นายอย่าเอาเรื่องทุกเรื่องมารวมกันสิ”

“คนละเรื่องกันงั้นเหรอ ออมม่าดูน้องสิ หน้าตาแบบนั้น น้องกำลังรู้สึกยังงัย”

“จอนจิน! ...นายทำเหมือนชั้นเป็นคนเลือดเย็น นายพูดเหมือนชั้นต้องการให้แอนดี้ไม่มีความสุข ไหนนายบอกว่านายเข้าใจ ...”

“โอเค ๆ งั้น..ผมจะเลิกพูดเรื่องนี้ ดีมั้ยฮะ…” จอนจินลุกขึ้นยืน ส่งยิ้มบาง ๆ มาให้อีกคน

“ผมไปชวนน้องลงมาเล่นเกมส์ดีกว่า เผื่อน้องจะดีขึ้น” เค้าก้มหน้าตัวเองลงมาหอมแก้มอีกคนเบา ๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกไป


................



เช้าอีกวัน หลังจากการประชุมผ่านไป

“อ่ะ มีไรว่ามา ลากมาซะไกลเลย บอกดี ๆ ก็ได้” เมื่อมาถึงห้อง มินอูสะบัดมือที่ฉุดตัวเองออก เค้าทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ กอดอกมองอีกคน เป็นท่าเตรียมพร้อมรับมือที่จะฟังคำโวยวายเต็มที่

“พี่คิดดูนะ การที่เราจะปรับอิมเมจของตัวสินค้าให้มันต่ำลงมาเพื่อกลุ่มเป้าหมายระดับกลางลงไป มันสามารถเพิ่มฐานลูกค้าให้กว้างมากกว่าเดิม อันนั้นก็จริง แต่พี่รู้มั้ย ว่าการที่เราทำอย่างนั้น มันจะทำให้สินค้าเรากลายเป็นแบรนด์ระดับกลางจนยากจะลบอิมเมจหากว่าวันนึงที่เรามีสินค้ารุ่นใหม่ออกสู่ตลาดเพื่อเจาะคนกลุ่มลูกค้าในระดับที่สูงขึ้นมาละก็ เราจะปรับมันขึ้นยากกว่าเดิมนะฮะ มันเรียกว่า ภาพลักษณ์ หรือการยึดติดกับอิมเมจเก่า ๆ อะไรประมาณเนี๊ยะ พี่เข้าใจใช่มั้ย”

“อืม แล้วงัย”

“ก็แล้วงัยล่ะ ที่ผมบอก ๆ ไปงัย หมอนั่นน่ะ เอาแต่หัวแข็งเถียงหัวชนฝาอยู่ได้”

“นี่ ระงับ ๆ ไอ้อารมณ์ที่พุ่ง ๆ นั้นหน่อยดีกว่านะ”

“เฮ้อ! ทำมัยผมรู้สึกเหนื่อยอย่างนี้นะ”

“นายก็เลยจะทิ้งมันไปเฉย ๆ แบบนี้ใช่มั้ย”

“ธุรกิจนี่มันก็ยากนะฮะ ไหนจะต้องต่อสู้กับคู่แข่งแล้วยังต้องมาต่อสู้กับพวกคนงี่เง่าในบริษัทตัวเองอีก”

“จินนี่” มินอูออกปากปรามอีกคนไว้ แต่จอนจินกลับทำหูทวนลมซะงั้น

“ผมว่าผมชักสงสารพี่ริคแล้วสิ ถึงว่า พี่เค้าถึงโกรธพ่อมาก คราวหลัง ผมขอรับแค่อะไรเล็ก ๆ ดีกว่า อืม! เช่นแผนโปรโมชั่นของเครื่องทำน้ำอุ่นก็ดีนะ”

“นี่ จินนี่ นายอย่าดูถูกเครื่องทำน้ำอุ่นนะเว้ย ทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ในบริษัทถือว่ามีความสำคัญเสมอกัน ถ้านายคิดแบบนั้น ก็เท่ากับนายดูถูกตัวนายเองด้วย”

“งัยซะ ..ผมก็จัดการส่วนของผมเสร็จไปแล้ว คราวนี้ก็ส่งให้พี่แล้วกันฮะ ขืนผมยังต้องทำต่อ มีหวัง..”

“เออ แล้วที่เหลือชั้นไว้จัดการให้”

“ขอบคุณฮะพี่ ผมว่าผมคงได้เวลากลับไปเยี่ยมพ่อซักที”

“ทำมัยจะไปเยี่ยมพ่อเอาตอนนี้วะ มีอะไรรึเปล่า”

“ไม่มีหรอกฮะ ผมน่ะออกถึก เรื่องแค่นี้น่ะ ไม่เป็นไรหรอกพี่ไม่รู้เหรอ ...

.. ออ ! พี่พอจะจำเรื่องที่พี่เคยเล่าให้ผมฟังได้มั้ย เรื่องรักแรกของพี่ริคน่ะ”

“รักแรกของไอ่ริค? ทำมัยจู่ ๆ ถึงพูดเรื่องนี้ล่ะ ... เค้าก็แค่เป็นเด็กผู้ชายคนนึงที่พี่ชายนายประทับใจเมื่อตอนเด็ก ๆ แค่นั้นแหละ”

“เป็นไปได้มั้ย ที่นิทานบ้า ๆ เรื่องมดของพี่ริค เป็นเรื่องที่ดาษดื่นทั่ว ๆ ไปใคร ๆ ก็รู้จัก” จอนจินกอดอกนั่งลงบนขอบโต๊ะทำงาน สีหน้าเหมือนใช้ความคิด

“แล้วนายคิดว่าใครจะติ๊งต๊องปัญญาอ่อนเหมือนไอ่ริคอีกเหรอ”


“นั่นสิ แล้วงั้นจะเป็นไปได้แค่ไหน ที่โลกจะกลมขนาดที่ว่า เด็กผู้ชายคนนั้น คือเฮซอง”

“เฮซอง!!!! ไม่น่าเป็นไปได้”

“ไม่รู้สิ ผม... ผมรู้สึกเหมือนกับว่า เค้าคือคนนั้น แววตาของเค้าตอนเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังเมื่อคืน มัน.. ดูราวกับว่าเค้ามีความสุขมากเหลือเกิน”

“เฮซอง เล่าเรื่องนี้ให้นายฟัง งั้นเหรอ”

“ฮะ”

“นายกลัวว่าเฮซองจะเป็นรักแรกของเอริค ใช่มั้ย”

“ก็ถ้าใช่แล้วงัยล่ะฮะ มันก็แค่ความประทับใจแรกเห็น”

“ถึงมันจะดูเหมือนบังเอิญไปหน่อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ว่าโลกของเรา มันกลมจริง ๆ แต่ถ้านายอยากรู้ ก็ไม่ยากนี่หว่า ถามเค้าดูก็ได้”

“ผมเนี๊ยะอ่ะนะ”

“นายสองคนคุยอะไรกันน่ะ เห็นเดินลิ่ว ๆ ๆ ออกมา ไม่บอกไม่กล่าวซักคำ” เอริคผลักประตูเข้ามาเงียบ ๆ ทำเอาสองคนที่กำลังตั้งใจอยู่กับบทสนทนาต้องตกใจ
....
..

“เบื่อคนขี้หงุดหงิดน่ะ เลยอยากออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ .. หายตัวมาหรืองัยวะ เงียบเสียงเชียว” คำพูดของมินอู ทำได้แค่เพียงให้เอริคเหลือบสายตาดุ ๆ หันไปมองเพื่อนอย่างไม่สนใจนัก ก่อนเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา

“นี่ นายไม่อยากรู้เหรอ ว่าชั้นกะจินนี่กำลังคุยอะไรกัน”

“คุยไรวะ ..”

“ก็จินนี่น่ะสิ เค้าบอกว่า เค้าเจอรักแรกของนายแล้ว”

“หืม!! รักแรกของชั้น นายกำลังพูดเรื่องอะไร” จากท่าทีที่ไม่สนใจอะไรแต่แรก เปลี่ยนมาเป็นสีหน้าฉงนในเวลาเฉียบพลัน

“แน่ะ ทำเป็นไม่เข้าใจ ก็เด็กชายที่ป้ายรถเมล์ คนที่ทำให้นายไปยืนตาละห้อยคอยเค้าอยู่ทุกวันน่ะ จำได้ยัง”

“แล้ว .. เค้าคือใครล่ะ”

“เฮซอง”

“เฮซอง!!!!!!”



……………



“ไม่ใช่ผมหรอกครับ” เฮซองเอื้อมมือหยิบถ้วยกาแฟตรงหน้าตัวเองขึ้นมาจิบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ไม่ใช่คุณเฮซอง แต่..จินนี่มันบอกว่าคุณเล่าเรื่องนั้นให้มันฟัง”
…
..
.

“ใช่ ...
...นานมาแล้ว วันนั้นเป็นวันที่...วันที่พ่อกับแม่ของเราประสบอุบัติเหตุ ทุกคนไปรวมกันอยู่ที่โรงพยาบาล ผมได้แต่นั่งร้องไห้ อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เวลาผ่านไปจนกระทั่งคุณหมอเดินออกมาบอกเราว่า ... หมอเสียใจด้วย เค้าทั้งคู่ เสียชีวิตแล้ว ตอนนั้นผมเลยนึกได้ว่า แล้วแอนดี้ล่ะ แอนดี้อยู่ที่ไหน ทุกคนลืมไปรับแอนดี้ที่โรงเรียน ใช่แล้ว... ผมวิ่งออกจากโรงพยาบาลโบกแท็กซี่ ตลอดทางได้แต่กังวลว่าป่านนี้แอนดี้จะเป็นงัยบ้าง น้องคงร้องไห้จนตาบวมไปแล้ว เพราะเค้าไม่เคยอยู่คนเดียว แถมยังนั่งรถประจำทางไม่เป็น แต่พอมาถึงหน้าโรงเรียน แอนดี้นั่งรอผมอยู่ที่ป้ายรถเมล์จริง ๆ ..

เฮซองหยุดไปนิด ทุกสายตารอบโต๊ะจ้องมองมาที่เค้าอย่างสนใจ เค้าจึงเริ่มมันต่อ

..แอนดี้ตาบวมอย่างเห็นได้ชัด แต่น่าแปลกที่เค้าร่าเริง เค้าเอาแต่คุยกับผมเรื่องเด็กผู้ชายแปลกหน้ากับนิทานอะไรของเค้าก็ไม่รู้ตลอดเวลาที่เรานั่งอยู่ในแท็กซี่ด้วยกัน แล้วเค้าก็หัวเราะสดใส ... สดใสจนผมไม่กล้าที่จะบอกกับเค้าว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อแม่ของเรา .. แต่สุดท้ายพอรถเลี้ยวเข้าโรงพยาบาล เค้าก็ทำหน้างง และเมื่อเค้ารู้ความจริง ความจริงที่ผมก็ไม่อยากจะบอกเค้า เค้าก็มีปฏิกิริยาอย่างที่ผมเองก็แทบอยากจะย้อนเวลากลับไปใหม่ ความจริงผมน่าจะไปส่งเค้าที่บ้าน พาเค้าเข้านอน และบอกราตรีสวัสดิ์เค้ามากกว่า ...

จอนจินเลื่อนมือของเค้ามากุมมือของเฮซอง บีบเบา ๆ ให้อีกคนรู้สึกดีขึ้น เฮซองเพียงแต่ยิ้มบาง ๆ ส่งมาให้

“แต่หลังจากวันนั้น ไอ่ริคมันก็ลากผมไปดักรอเจอแอนดี้ทุกวันนะครับ” มินอูยังคงทำหน้าสงสัย

“ไม่แปลกหรอกครับที่ไม่เจอ เพราะหลังจากงานศพ แอนดี้ก็ถูกส่งไปอยู่กับป้าที่อเมริกา .. กลับมาอีกทีก็ตอนผมเข้าม.ปลาย”

“งั้น หมายความว่า คนที่ผมเจอที่ป้ายรถเมลล์นั่น ก็คือ... แอนดี้งั้นเหรอ” เอริคที่นั่งนิ่งอยู่นานเหมือนรูปปั้น เอ่ยขึ้นมั่ง ตอนนี้เค้าเหมือนหัวใจลอยออกไปไกลจากตัว มันเหมือนลอยไปหาใครอีกคน คนที่ตอนนี้คงนั่งหน้างอลตุ๊บป่องอยู่ในห้องทำงานเค้า คนที่ตอนนี้กำลังจะไปจากเค้าอีกครั้ง

“ครับ แอนดี้เป็นคนเล่าเรื่องคุณให้ผมฟัง เค้าเล่าบ่อยมาก ไม่งั้นผมคงจำไม่ได้หรอก”
…
..

เหมือนบางสิ่งบางอย่างในหัวใจ กำลังร่ำร้องอย่างลิงโลด แต่บางครั้งมันก็เหมือนมีเข็มเล่มเล็ก ๆ ทิ่มตำเค้าอยู่จนมันชาไปหมด
“เอ่อ! งั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ ขอบคุณเฮซองมาก ที่อุตส่าห์ออกมา .. ไอ่มิน ชั้นเข้าบริษัทก่อนนะ” ว่าแล้วเอริคก็ลุกจากโต๊ะ เดินไปยังเคาเตอร์ ยื่นบัตรเครดิตชำระค่าอาหาร ก่อนผลักประตูเดินออกไปอย่างรวดเร็ว อีก 4 ชีวิตที่โต๊ะมองตามร่าง ๆ นั้นอย่างอดสงสัยไม่ได้

“ผมเริ่มงง ๆ นี่มันเรื่องอะไรกันเหรอครับ มินอู” ดงวานหันสีหน้าสงสัยมาถามคนข้าง ๆ ที่ตอนนี้นั่งอมยิ้มอยู่เพียงคนเดียว

“เอ่อ อันนี้ก็ต้องรอดูน่ะครับ สงสัยเอริคมันคงเริ่มตัดสินใจอะไรบางอย่างได้มั้ง หมอบอกว่าหมอต้องเข้าโรงบาลนี่ ใช่มั้ยครับ งั้นผมไปส่งเลยดีกว่า”

“ออ ใช่ครับ ได้เวลาพอดี งั้น! ชั้นไปนะไอ่ซอง จอนจินขอตัวนะ”

“ฮะ พี่หมอ แล้วเจอกันฮะ” จอนจินลุกขึ้นยืนโบกมือให้ทั้งคู่ ก่อนจะหันมาใส่ใจกับคนข้าง ๆ อีกครั้ง

“เอริคกับแอนดี้เคยเจอกันมาก่อนงั้นเหรอ” เมื่อมินอูและดงวานลุกเดินออกไปจากโต๊ะ เฮซองก็ถึงกับเพ้อออกมาด้วยความประหลาดใจ

“พี่มินบอกผมว่า พี่ริคเคยมีรักแรก และเค้าก็ตามหาคน ๆ นั้นมานาน แค่เพียงเพราะอยากเห็นดวงตาที่เศร้า ๆ นั้นอีกครั้ง ถ้าเป็นแอนดี้จริง ๆ ก็แทบไม่น่าเชื่อ”

“งั้นเหรอ”

“อย่างนี้แล้วออมม่าคิดที่จะขัดขวางเค้าอีกรึเปล่าฮะ”

“นี่! มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ ทำมัยพี่นายถึงเชื่อนักว่าเด็กคนนั้นคือแอนดี้”

“ออมม่า! แล้วทำมัยออมม่าถึงไม่เชื่อล่ะ เคยเชื่อในความรู้สึกของตัวเองมั้ย มาถึงขนาดนี้แล้ว” เฮซองได้แต่ถอนหายใจออกมา สีหน้าเค้าตีออกมาเป็นความหมายได้ยากเหลือเกิน

“ออมม่าฮะ ... ผมมีอะไรจะบอก”



.............


ไม่บ่อยนัก ที่เอริคจะขับรถได้เร็วขนาดนี้ เพียงแป๊บเดียว เบนซ์สปอร์ตสีดำ ก็พาเค้ากลับมายังบริษัทของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นตลอดทางเดิน หรือในลิฟท์ เวลามันช่างเชื่องช้าสำหรับเค้าเหลือเกิน หลังจากเดินออกมาจากร้านอาหารนั่น เค้าก็ได้แต่เฝ้าคิดมาตลอด ทำมัยนะ ทำมัยเค้าถึงจำแววตาของแอนดี้ไม่ได้ มันออกจะคล้ายกันขนาดนั้น แววตาที่เศร้าเมื่อมีคราบน้ำตาอาบแก้ม และดูสดใสร่าเริงที่สุดเมื่อเค้าเผลอยิ้มออกมาแม้เพียงนิด ..

แล้วทางเดินที่แสนยาว ... ก็สิ้นสุดลงซักที เอริคหยุดยืนหน้าห้องตัวเองอยู่ครู่นึง ก่อนจะผลักประตูเข้าไป

“แอนดี้”

“ฮะ” แอนดี้ตอบทั้งที่ไม่ได้หันมามอง

“กินข้าวรึยัง”

“เรียบร้อยและฮะ พี่ล่ะ ไปไหนมาเหรอ” เอริคไม่ได้ตอบอะไร เค้าเพียงแต่เดินเข้ามาคว้าข้อมือของแอนดี้ฉุดให้ลุกขึ้นยืน และเดินออกไปด้านนอกพร้อมกัน

“ซูยองครับ วันนี้ผมไม่เข้ามาแล้วนะ ฝากด้วยละกัน”


“ค่ะ”

เค้าหันมาสั่งเลขาสาวของตัวเอง ก่อนเดินผ่านโต๊ะไป คนที่โดนจูงมือ ก็แค่ทำหน้างง ๆ แต่ก็ยังคงเดินตามโดยไม่ปริปากถามซักคำ

เอริคขับรถมาจอดยังริมถนนสายหนึ่ง เค้าเปิดประตูรถ แล้วออ้มไปจับมืออีกคนด้านข้างให้เดินออกไปพร้อมกัน ทั้งคู่เดินจูงมือกันเงียบ ๆ จนกระทั่งถึงป้ายรถเมลล์ หย่นตัวลงนั่งโดยมีสายตาอีกคนมองอย่างสงสัยในทุกปฏิกิริยา แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร จนกระทั่งเวลาผ่านไปอีกนาน

“พี่ริคพาผมมาที่นี่ทำไมฮะ” แอนดี้ที่เห็นว่าเอริคยังคงนิ่ง จึงเริ่มจะทนไม่ไหว และประโยคนี้เหมือนดึงให้สติของคนที่กำลังเหม่อลอย กลับเข้ามาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง
..
..
.

“แอนดี้ นายเห็นร้านกาแฟตรงหัวมุมถนนนั้นมั้ย”

“ฮะ ทำมัยเหรอ”

“ตรงนั้นเมื่อก่อนเคยเป็นร้านขายหนังสือการ์ตูน ชั้นมาซุกหัวที่นั่นบ่อยๆ” เอริคอธิบายพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ

“ออ งั้นเหรอฮะ แล้วพี่รู้ป่ะ ว่าตรงข้ามร้านนั้น คือโรงเรียนที่ผมเคยเรียนเมื่อเด็ก”

“งั้นเหรอ แล้ว... นายเคยมีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับที่นี่บ้างมั้ย”

“ความทรงจำงั้นเหรอ อืม! ไม่รู้สิ ไม่น่านี่นะ ถ้ามีมันก็คงจางไปหมดแล้วแหละ ผมอยู่ที่นี่แค่ไม่นานเองฮะ แต่ถ้าจะมี มันก็คงเป็นความทรางจำที่ไม่ดีเท่าไหร่ ตอนผมเรียนที่นี่ พ่อกับแม่ของผมประสบอุบัติเหตุ หลังจากนั้นผมก็โดนส่งไปอยู่กับป้าที่เมืองนอก” แอนดี้เล่าเรื่องนี้ด้วยสีหน้าหมองลงนิดหน่อย ซึ่งเอริคเองก็คงสังเกตเห็น
..
.

“นายกำลังร้องไห้ เพราะมดกัดนายใช่มั้ย ไอ้หนู เดี๋ยวชั้นจะได้จับมันมาดัดนิสัยให้ แต่นายรู้มั้ย มดสีเข้ม ๆ แบบนี้ มันคงไม่ใช่มดแถวนี้แน่ๆ มันเป็นมดต่างถิ่น”

“พี่ริคพูดอะไรอ่ะ”


“ฮึๆ ...นานมาแล้ว ชั้นเคยพบเด็กคนนึง นั่งอยู่คนเดียวตรงนี้ นานหลายชั่วโมงที่เค้าไม่ไปไหน เอาแต่ร้องไห้ ชั้นเลยเข้ามาชวนเค้าคุย และก็อยู่เป็นเพื่อนเค้า เด็กน้อยที่น่าสงสาร ในตาบวมเป่งมีคราบน้ำตาเต็มแก้ม ชั้นชวนเค้าคุยจนเค้าหายกลัวและก็หัวเราะกับชั้น เล่านิทานเรื่องมด 2 ตัวให้เค้าฟัง นิทานที่ชั้นคิดขึ้นมาสด ๆ เพื่อจะทำให้เค้ายิ้มได้ ...
... แล้วชั้นก็ลุกขึ้นเดินไปซื้อน้ำเพราะเห็นว่าเค้าคงร้องไห้จนคอแห้งไปหมด แต่พอเดินกลับมาอีกที เค้าก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว หลังจากนั้น ทุก ๆ เย็น ชั้นก็มาเฝ้าคอยเค้าทุกวัน โดยใช้ร้านการ์ตูนบังหน้า แต่ชั้น .. ก็ไม่เคยเจอเค้าอีกเลย ถ้าชั้นรู้ว่าเค้าจะจากชั้นไปไกลถึงอเมริกา วันนั้นชั้นคงจะถามชื่อเค้าก่อน”

“พี่ริค..” ความทรงจำของแอนดี้ที่จางไปกับกาลเวลา เริ่มชัดเจนขึ้นมาอีกครั้งในหัวสมองเค้า ..

".. พี่ริค .. พี่ริคก็คือเด็กผู้ชายคนนั้น เหรอฮะ"


“แอนดี้ นายอยากไปเดินเล่นในโรงเรียนเก่าของนายมั้ย”

“ทำมัยล่ะฮะ”

“ก็เดินคุยกัน เผื่อนายอยากเห็นว่ามันเปลี่ยนไปหรือเปล่า”

แอนดี้เพียงแค่พยักหน้า แม้ยังคงประหลาดใจ แค่เค้าก็ยิ้มสดใส ส่งมือให้เอริคจูงเหมือนเมื่อตอนเดินมา บ่อยครั้งที่แอนดี้แอบเงยหน้าลอบมองรอยยิ้มมุมปากของอีกคน มันแทบไม่น่าเชื่อ นี่มันเรื่องจริงใช่มั้ย เราเคยเจอกันมาก่อนงั้นเหรอ ทั้งคู่เดินเคียงกันมาหยุดตรงสนามหญ้าในสวนเด็กเล่นของโรงเรียน เอริคชี้ชวนให้แอนดี้ทรุดตัวลงนั่งบนชิงช้าเล็ก ๆ ส่วนตัวเองก็เพียงแค่คุกเข่าลงตรงหน้า และจับมือเล็ก ๆ ที่เริ่มชุ่มไปด้วยเหงื่อเพราะเกาะกุมกับมือของเค้ามาค่อนข้างนาน สายตาคม ๆ นั้น แฝงความหมายและความรักไว้อย่างเต็มเปี่ยม
..
.

“แอนดี้”

“ฮะ”

“นายรู้อะไรมั้ย ...นายคือหัวใจของชั้น ถ้าชั้นขาดนายไป ชั้นก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าชั้นจะเป็นงัย ..
แต่ครั้งนี้ที่ชั้นยอมปล่อยให้นายไป เพราะนั่นมันก็คืออนาคตของนาย ชั้นไม่อยากให้นายเสียใจที่โอกาสในชีวิตนายหลาย ๆ อย่างจะต้องหลุดลอยไปเพราะชั้น ชั้นไม่ต้องการให้นายเกลียดชั้น”

“ผมไม่โทษพี่หรอกฮะ”

“มันก็ไม่แน่หรอก เมื่อเวลานั้นมาถึง นายแน่ใจได้ยังงัยว่านายจะไม่เสียดาย ไม่เสียใจ ... ครั้งนี้ ชั้นจะไม่ปล่อยเด็กคนนี้ให้ห่างไปไกลอีกเด็ดขาด เพราะชั้น จะตามไปอยู่ข้างนาย เวลาที่นายเหงาและคิดถึงชั้น .. ดีมั้ย”

“หมายความว่า พี่ก็ต้องการอย่างนั้น ใช่มั้ย”

“นายคิดว่างัยล่ะ...หืม”

“ผมเหรอ ผม.. ผมไม่อยากไปไหนไกลจากพี่ริค ผมกลัว”

“ระยะทางแค่นี้ ทำอะไรชั้นไม่ได้หรอก ไม่เชื่อชั้นเหรอ รีบ ๆ ตั้งใจเรียนให้จบแล้วกลับมาหาชั้น ... นะครับ ..คนดี” เอริคก้มหน้าตัวเอง กดริมฝีปากลงบนแหวนนิ้วนางป้อม ๆ ที่เค้าเป็นคนสวมมันไว้ให้ ก่อนจะเงยหน้ามองดวงตาที่เริ่มมีน้ำตาคลอเข้าไปทุกขณะ แววตาแบบนี้ คน ๆ นี้ ที่หายไปจากชีวิตเค้าเมื่อนานมาแล้ว และเหมือนสวรรค์โปรด คนตรงหน้าตอนนี้ ถูกส่งกลับมาหาเค้าอีกครั้งเพื่อเติมเต็มชีวิตขาด ๆ เกิน ๆ ของตัวเอง ให้มีความหมายขึ้นอีกมากมาย ขอบคุณสวรรค์...

“พี่ริค ... ก็ได้ฮะ ผมจะรีบกลับมา พี่ต้องสัญญานะ ว่าพี่จะไปหาผมบ่อย ๆ”

“อืม สัญญาด้วยเกียรติ สัญญาด้วยชีวิต”

เอริคลุกขึ้น ปล่อยมือของเค้าจากมือของอีกคน แล้วไกวชิงช้าอันนั้นไปเบาๆ บรรยากาศรอบข้างเริ่มกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง จนกระทั่ง แสงสุดท้ายของพระอาทิตย์เริ่มจะลับลาจากขอบฟ้า

(เอ นี่เค้าลืมประโยคไหนไปบ้างนะ หวังว่ามันคงไม่ตกหล่นจากที่ไอ่มินเคยสอนมาหรอกนะ)

...
..
.

“แอนดี้ ไปเหอะ มืดแล้ว”

“ฮะ” แอนดี้ลุกขึ้นอย่างว่าง่าย พลางจับมือที่ยื่นมาให้ตน

“วันนี้ค้างกับชั้นนะ ชั้นจะโทรไปบอกเฮซองเอง”

“ได้เหรอฮะพี่ริค”

“ได้สิ ทำมัยจะไม่ได้ ว่าแต่นายคงหิวแล้ว เราแวะกินอะไรกันก่อนดีมั้ย”

“ดีฮะ ท้องผมร้องพอดี”

เงาของคนสองคนที่เดินจับมือกัน ลับไปจากสายตาพร้อมกับอาทิตย์ลับขอบฟ้า ได้เวลาพระจันทร์ทอแสงสีนวล ๆ บ้างแล้ว



...............



บ้านในรั้วขาวหลังเดิม เฮซองวางโทรศัพท์จากเอริค เค้าเดินช้า ๆ เข้าไปในครัว คว้าบะหมี่ในตู้ลอยลงมาฉีกซอง ใส่น้ำในหม้อ จุดแก็ส ทุก ๆ กิริยาบท เหมือนคนกำลังเหม่อลอยและเริ่มหมดเรี่ยวแรง

วันนี้กินบะหมี่ไปและกัน แอนดี้ก็ไม่กลับบ้าน ไม่รู้จะทำอะไรให้ยุ่งยากไปทำมัย

และระหว่างที่กำลังนั่งรอน้ำในหม้อเดือด หัวสมองก็คิดไปถึงเรื่องที่คุยกับจอนจินเมื่อเที่ยง เค้ายกมือสองข้างของตัวเองขึ้นมากดลงไปบนขมับนวดเฟ้นหนัก ๆ ให้คลายความตึงเครียดลง แล้วบทสนทนานั้น ก็แทรกเข้ามาในหัวสมองอีกครั้ง

“ออมม่าฮะ ... ผม..”

“มีอะไรรึเปล่า”

“ผมมีธุระที่จะต้องทำ ผมอาจจะต้องไปหาพ่อซักพัก”

“พ่อนาย!! ที่อเมริกาน่ะเหรอ”

“ฮะ ..”

“นานมั้ย”

“ไม่รู้สิฮะ ผมยังบอกอะไรไม่ได้ ...”

“คงไม่ใช่เพราะเรื่องแอนดี้ใช่มั้ย”

“ทำมัยออมม่าคิดว่าเป็นเรื่องแอนดี้ล่ะ ...”

“แล้วทำมัยต้องตอนนี้”

“ตอนนี้หรือตอนไหน มันสำคัญยังงัยล่ะฮะ”



((ก็แล้วทำมัยต้องเป็นตอนนี้ด้วยเล่า นายเก็บอะไรไว้ ทำมัยถึงบอกชั้นไม่ได้ จอนจิน....))











ไม่รู้จะพูดงัย เอาเป็นว่าใกล้จบและนะฮะ ทน ๆ อ่านกันหน่อย เง้อออออ

ค้างเรื่องปมรักแรกของป๋ามานาน ได้เวลาเฉลยซักที ตอนแรกกะว่านิทานเรื่องมดสองตัวนั่น จะแต่งเป็นนิทานจริง ๆ ออกแนวบ้า ๆ บวมๆ พอจะทำให้เด็กที่ร้องให้หัวเราะขึ้นมาได้ แต่จนแล้วจนรอดก็คิดไม่ออก ... ได้แค่นี้แหละ

ขอบคุณที่ติดตามกันเสมอมานะฮะ ใกล้ได้เวลาแลนดิ้งและ



Create Date : 18 ตุลาคม 2551
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2551 16:44:31 น.
Counter : 701 Pageviews.

20 comments
ธี่หยด (2566) ไมเคิล คอร์เลโอเน
(15 เม.ย. 2567 12:42:37 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 35 : กะว่าก๋า
(13 เม.ย. 2567 05:51:40 น.)
เรื่องเล่าที่ไม่เกี่ยวกับวันสงกรานต์ tanjira
(13 เม.ย. 2567 16:10:32 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 33 : กะว่าก๋า
(11 เม.ย. 2567 05:15:42 น.)
  
เจิมก่อนค่อยอ่าน อ่านก่อนค่อยเมนท์ยาว เหอๆ

คนแต่งฮะ .. เรื่องนี้จบจะมีรางวัลสำหรับคนคอมเมนท์มั้ยอ่ะ จะได้สู้สุดใจเลยอ่ะ เสียงแว่วๆ ว่าแค่นี้ยังยาวไม่พอเหรอว๊า ฮี่ๆๆๆๆ
โดย: Tom & Jinny วันที่: 18 ตุลาคม 2551 เวลา:22:42:12 น.
  
แบบนี้เค้าเรียกว่า destiny of love มั้ยคะ แล้วตกลงว่าป๋าจะยอมจากกะดี้หรอคะ (น่าสงสารจัง...T_T)
แต่น่าเสียดายที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่เกาะเชจู พี่เอ็มทำอะไรหมอมั้ยน๊า เอื๊อกกกกกกกกกกก
สู้ๆค่ะ จะเป็นกำลังใจให้แต่งต่อให้จบอย่างสมบูรณ์แบบนะคะ ^^
โดย: keiropi IP: 125.26.131.224 วันที่: 18 ตุลาคม 2551 เวลา:23:11:32 น.
  
มดตัวน้อย ตัวนิด มดมีฤทธิ์ นาดู ยูฮู้

จินนี่ใช่วิธีนี้เลยเหรอค่ะ เดี่ยวก็ได้ตามกันไปอยู่อเมริกากันหมดหรอก

พี่พุดเฉลี่ยหน่อย คืนนั้นเกิดไรขึ้นกับหมอปล่าว

แต่คืนนี้ดี้ไปค้างห้องป๋ามีแววแล้วว่าจาเกิดไร อิอิ
โดย: ket_dd IP: 58.8.118.251 วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:1:23:26 น.
  
สุดท้ายรักแรกของป๋าก็คือน้องดี้นี่เอง

คำพูดที่ให้คำมั่นสัญญานั่น พอฟังแล้ว

รู้สึกดีจัง เหมือนคำสาบานต่อหน้าบาท

หลวงในงานแต่งงานเลย...

แต่ที่ค้างคาใจจากตอนที่แล้ว เรานึกว่า

จะเป็นบทต่อตอนหมอกับมินนี่ซะอีก รอ

ลุ้นแทบตายว่าสองคนนั้นจะจัดการกับ

เรื่องเอาคืนกันแบบไหน...ยัง ๆ ก็ช่วย

เคลียร์ให้หน่อยได้มั้ยคะ มันคาใจน่ะ

แล้วเราจะรออ่านตอนต่อไปนะ...ฟิค

สนุก ๆ แบบนี้เราไม่พลาดแน่นอน

โดย: JM IP: 116.58.231.242 วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:5:38:38 น.
  
ถ้าป๋ากับจินขาดมินมิน...ชีวิตนี้คงแย่55+

อ่านตอนนี้แล้วอินเลิฟ...อยากมีรักแรกบ้างจัง
โดย: wizze IP: 124.120.98.19 วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:10:20:24 น.
  
ซึ้งกับความรักของเพ่ป๋ากับนุ้งดี้เจงๆ เลย รักแรกและรักสุดท้าย ว้าววว โรแมนติคจังง

คุ่เพ่มินกะเพ่หมอมัยสวีทกันนิดเดียวเองอะรคะ น้องพุด แหม!! นึกว่าตอนนี้จะหวานแบบตอนก่อนซะอีก

ส่วนคู่ขวัยใจของพี่ แม่นกและลูกนก ลูกนกมีแผนรัยอีกละเนี่ย สงสารแม่นกจัง

จะจบแล้วเหรอคะ ยังมะด้ายทำจายเลย บินๆ วนๆ ก่อนก้อได้นา
โดย: kayzila IP: 124.120.146.144 วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:13:57:24 น.
  


แล้วตกลงหมอกับพี่เอ็ม

หลังจากกินเบียร์แล้วไงต่ออ่ะ

ไม่มีเฉลยหรอ อยากรู้นะเนี่ย พี่หมอในอ้อมกอดพี่เอ็ม

อ๊ากกกกกก 55

รักแรกของพี่ริคกับดี้โรแมนติคจริงๆหนอ

แล้วจินอ่ะ จะไปไหนเนี่ย

อยากให้ซองรู้ใช่มะว่าการที่ต้องจากคนรักไปมันจะรู้สึกไง

โหยยยยยย จะจบแล้วหรอ

รออ่านตอนต่อไป

ขอบคุณฮะ
โดย: จ๊อย.... IP: 222.123.116.161 วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:15:01:40 น.
  
ป๋ารำลึกรักแรกซึ้งมากเลย กะลังอินกะดี้เศร้า ถึงตอนนี้แล้ว ทำเอาน้ำตาคลอเลยอ่าT^^T มันทั้งโรแมนติก ทั้งเศร้า บอกไม่ถูก
แต่แหมป๋าท่องบทที่เพ่มินบอกซะแม่นเลยน้า ถ้าป๋าคิดเองได้คงจะซึ้งกว่านี้เนาะ แต่อีทีคงจะคิดอะไรหยั่งงี้ไม่ได้ 5555++ แล้วป๋าก็ชวนแอนไปค้างด้วยซะเรย อิอิ
ตกลงเพ่มินกะคุณหมอถึงไหนกันแล้วอ่ะค้า แบบว่าเอ่อ....มะเห็นภาพ เหอเหอ ตัดมา คุณหมอก็อยู่ในอ้อมแขนเพ่มิน กรี๊ดดดดด แล้วก็แยกกันที่สนามบิน
ส่วนจินนี่คงกะจะสั่งสอนซองซะบ้างล่ะสิ ซองเริ่มหวั่นไหวแล้วใช่ม้า
ดีแล้ว จะได้รู้ว่าคนรักที่ถูกแยกให้จากกันแล้วมันรู้สึกยังไง
โหย กัปตันเตรียมจะแลนดิ้งแล้วเหรอคะ ผู้โดยฯยังไม่อยากลงเลยอ่ะ ไม่พาวนอีกซักสองสามสี่รอบเหรอคะ
ยังไงก็รอเสมอนะค้า






โดย: โบ_andyholic IP: 115.67.165.242 วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:20:16:17 น.
  
เอ่ออ อิ่ม ท้องอิ่มจัดเลยต้องหาทางระบาย มือและไขสมองเลยต้องทำงานตามไปด้วย .. งง!!ละสิคือไร มันคืออินโทรก่อนคอมเมนท์อ่ะ เหอๆ ขำมั้ย??

~~เพราะเธอคือคนแรก ที่ฉันให้ความรัก และยังปักใจไม่คิดรักใครอีก~~ กรี๊ด!แอบลุ้นระทึกมานานว่าใครน๊าคือรักแรก นึกว่าโชคชะตาจะพลิกผันกลายเปนออมม่าคือรักแล้วซะอีก เหอๆกลัวหอยจะแพ้พรหมลิขิตง่ะ

ช่างเปนรักแรกและรักเดียวที่น่าประทับใจชิงๆเลยอ่ะ พุ่งนี้หลังจากเลิกงานคงต้องย้อนไปโรงเรียนเก่า เผื่อจะเจอรักแรกที่ทำตกถังขยะเอาไว้เมื่อ 20 ปีก่อน เย้ย แก่ไปป่าวเนี่ยจะหาเจอเร้อในเมื่อเปนรักแรกที่หากันจนเจอ เพราะฉะนั้น คงไม่เหตุการณ์ใดๆมากระทบความรักของทั้งสองแล้วอ่ะ ปัญหาที่กังวลแค่เรื่องจิ๊บๆเอง (ข่าวแว่วๆว่าจะมีลูกน้อยหอยสังข์ขี่นกเหล็กมาช่วยชิมิ เหอๆ)

ผมก็ไม่อยากทะเลากะเฮซองแล้วเหมือนกัน โกรธกันทีไร เหนื่อยหัวใจทุกที” //แค่เหนื่อยหัวใจเองเหรอ นึกว่าเหนื่อยกายด้วย เหนทะเลาะกันทีไร ลากกันทุกที แล้วชอบมั้ย?? ชอบจิ

อ๊ากกกกกกกก หอยวางแผนดัดหลังออมม่าเหรอฮะหวังว่ามันคงจะช่วยยุติเรื่องยุ่งๆและปัญหาคาใจหลายๆเรื่องได้น๊า ว่าแต่หอยทำงี้แล้วไม่คิดถึงออมม่าเหรอ ตัวเองก็ต้องถูกแยกเหมือนกันน๊า สงสารออมม่าด้วยอ่ะ ขนาดแค่รู้ข่าวยังไม่ได้ไปซะหน่อย เล่นเอาออมม่าสมองชาไปเลย จะเรียกว่าเสียสละตัวเองได้มั้ยเนี่ย แต่ก็นะไม่ได้ไปเพื่อสั่งสอนออมม่าอย่างเดียวซะหน่อย ไหนๆจะไปก็ทำหน้าที่น้องและลูกชายที่ดีกลับมาด้วยเน้อ

จบแระคอมเมนท์ เมนท์แบบงงๆ

ปล. คนแต่งฮะ ทำไมบทสนทนาประสาแม่ลุกถึงเปนตัวแดงอ่ะ ตั้งใจหรือว่าพลั้งพลาดฮะ หรือว่าจะสื่อว่าจะมีการนองเลือดฮะ ม่ายยยยยน๊า
โดย: Tom & Jinny วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:20:36:20 น.
  
ดี้เป็นรักแรกของป๋า ช่างเป็นบุพเพจริงๆ

ที่จินกลับไปเยี่ยมพ่อ จะเป็นการลองใจซองรึเปล่าน๊า

ลุงกับมินน่ารักมุ้งมิ้งดีค่ะ แค่นึกภาพลุงอยู่ในอ้อมกอดของมิน ก็แอบกรี้ดเล็กๆ

จะแลนดิ้งแล้วเหรอค่ะ

ขอบคุณพี่พุดค่ะ
โดย: carina_jeab IP: 58.9.88.85 วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:22:25:22 น.
  
อร๊าย...ลูกนกจะหนีแม่นกไปหนายเนี่ย ก่อนไปก็สั่งลากันหน่อยน๊า เหอๆๆๆ

จะแลนดิ้งแล้วเหรอตัวเอ๊ง...ว๊า...อุตส่าห์ลุ้นให้ถึง 20 ตอน

โดย: แม่ยกชูงแจ วันที่: 20 ตุลาคม 2551 เวลา:9:53:42 น.
  
แหม คำพูดที่มินอู สอนจินนี่ เรื่องงาน นี่เอามาใช้กับตัวเราได้เลย ขอบใจมากน่ะ ไม่งั้นคงคิดสั้นไปแล้ว

(ขอบคุณฟิคดี ๆ ของน้องพุดมากๆจ๊ะ)
โดย: พี่นา IP: 203.151.144.4 วันที่: 20 ตุลาคม 2551 เวลา:12:12:00 น.
  
ซึ้งอ้ะงับ
เห็นรูปป๋าใน BG ตอนอ่านไปด้วย ยิ่งได้อารมณ์
คิดถึงป๋าด้วย เข้ากรมฯไป หลับสบายดีไหมอ้ะ

ตอนสุดท้ายสงสารซอง จินไปอเมริกาทำไมนี่
อยากรู้ๆ คาใจๆ
โดย: เจ้านิ IP: 124.121.64.91 วันที่: 20 ตุลาคม 2551 เวลา:22:24:48 น.
  
มาช้ายังดีกว่าไม่มา
ใกล้จะจบแล้วเหรอ จริง ๆ ไม่อยากให้จบเลย แต่ก็อยากรู้ว่าเรื่องจะไปไงต่อ

เห็นด้วยเลยนะว่าถ้าไม่มีพี่เอ็มล่ะก็ คู่ป๋านิไม่ได้เกิดแน่ แล้วท่องบทครบมั้ยเนี่ย เหมือนพี่เอ็มพูดอย่างยาว ทำไมป๋าพูดแค่สามประโยคหว่า
แต่คู่แม่ลูกนี่ด้วยความ...ของอิลูกนกอย่างเดียวก็คงพอได้อยู่

ในที่สุดก็เฉลยปมรักแรกซักที รอตั้งนานว่าเรื่องมดจะเป็นยังไง

แต่อีกคู่จินนี่คิดแผนเอง พี่เอ็มเตือนแล้วไม่ฟังนี่จะได้ผลมั้ยเนี่ย แต่ซองในเรื่องนี้ไม่ค่อยใจแข็งเท่าที่พี่คิดเท่าไหร่ อาจจะยอมก็ได้ รึเปล่า เดาใจคนแต่ง
ก็อย่างว่า พี่คงจิต ๆ หน่อย ประมาณว่าถ้าซองเกิดคิดว่าจินไม่ยอมเข้าใจซักทีแถมจะมาลองใจกันอีก มันก็หลายกระทงเลยนะ คราวนี้เกิดโกรธแบบไม่ยอมให้อภัยหรือเย็นชาไปเลยจะเป็นยังไง... ก็เป็นเรื่องให้ง้อต่อไป ไม่ได้จบน่ะสิ คนอ่านก็ชอบใจไปเท่านั้นเอง

พุดใช้คำพูดได้เก่งจัง โดยเฉพาะคำพูดพี่เอ็ม เลือกคำได้ดีมาก ๆ เลย
โดย: พี่อัน IP: 115.67.235.97 วันที่: 21 ตุลาคม 2551 เวลา:1:00:29 น.
  
ในที่สุดรักแรกของป๋าก็คือน้องดี้นี่เอง..แอบคิดว่าถ้าเป็นซองแล้วป๋าจะรู้สึกยังไง

อูด้ง...จิ้นฉากนั้นไม่ออกเหมือนน้องพุดเลยอ่ะ...เฮ้อ...กล้ามโตทั้งคู่

คิดไม่ออกเลยใครจะเมะจะเคะ หรือจะผลัดกัน...กร๊ากกก

แม่ลูก...จะหาเรื่องนอยกันอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย แต่ก็ดีนะ อารมณ์พี่ตอนนี้อยากให้ตัวแม่มันเจ็บปวดอ่ะ

เป็นเม้นท์ที่ไร้สาระจิง ๆ เลย

น้องพุดสู้ ๆ น๊า...จะรอตอนต่อไปจ้า
โดย: ekada IP: 203.146.146.130 วันที่: 21 ตุลาคม 2551 เวลา:14:44:07 น.
  
ซึ้งอะๆๆๆ คนเราจะเกิดมาคู่กันอะเนอะ
ยิ่งคิดถึงเอริคแทนน้องแอนน่ะเนี่ย คนนึงก็อดส่ง sms อีกคนก็อดได้ sms
โฮฮฮฮฮฮฮฮ อีซอนโฮฮฮฮ
จินนี่จะทำอะไรอ่ะ ตื่นเต้นๆๆ

ป.ล.แต่อย่าเพิ่งรีบจบนะ เอ๊ะ หรือว่ามีเรื่องใหม่เตรียมไว้แล้ว ฮะฮะฮะ รีบบอกมาเลย สู้ๆ จ้าน้องพุด
โดย: andybe IP: 58.9.203.32 วันที่: 21 ตุลาคม 2551 เวลา:16:48:24 น.
  
อ่านไปฟัง 2gether 4ever ไป อ้าก ช่างได้อารมณ์

“ยังไม่จบ หุบปากแหลม ๆ ของนายก่อนดิ…” -- แต่ประโยคนี้ก็เล่นเอาฮาเลย 555

นอกนั้นตอนนี้ก็หวาน ชอบๆๆๆๆ กรี๊สส ป๋ากะดี้เป็นคู่แท้พรหมลิขิต อยากมีแบบนี้มั้งงะ อ้ากก เพ้อออ

คู่อูด้งนี่ พี่พุดเล่นตัดจบเลย 55 สงสัยต้องจิ้นเอาเองว่าที่เกาะคืนนั้นมันยังไงกันบ้าง 55 หื่นเต็มขั้น

ส่วนคู่จินกะออมม่านี้ ยังมีเรื่องมาเรื่อยๆเลยนะเนี่ย เฮ้อ จินมีแผนอะไรรึป่าวเนี่ย อยากรู้ๆ

ใกล้จบแล้วหรอเนี่ย สู้ๆ ต่อไปนะคะพี่พุด
ชอบแบ็กกราวๆ ป๋าริคตาเปล่งปลั่งมากกก อ่านแล้วต้องคอยหลบตาอีกแล้ว มองนานๆแล้วเขิน อาการหนัก 55
โดย: นาค่า IP: 124.120.43.124 วันที่: 21 ตุลาคม 2551 เวลา:20:27:18 น.
  

นึกว่ารักแรกของป๋าจะเป็นร่า....กลายเป็นน้องดี้ได้งัย......

สงสารป๋ากับน้องดี้จังเลย......

"นายรู้อะไรมั้ย ...นายคือหัวใจของชั้น ถ้าชั้นขาดนายไป ชั้นก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าชั้นจะเป็นงัย " ซึ้งจริง ๆ ชอบมากๆ (อยากเป็นน้องดี้ของป๋า)

อยากฟังนิทานของป๋าเรื่องมด 2 ตัว...อยากรู้ว่าป๋าจะหลุดโลกไปไกลขนาดไหนน๊า.....

แต่ยังงัยๆ ก็อดสงสารแม่นก..ไม่ได้......ลูกนกจะทิ้งแม่นกไปจริงๆ เหรอ....

อ้าว..จะจบแหละหรือ... น้องพุด...ไม่ต้องรีบจบก็ได้นะ...กำลังสนุกกกก.....สู้สู้นะจ๊ะ
โดย: Pekkiokung IP: 58.8.88.55 วันที่: 23 ตุลาคม 2551 เวลา:13:20:20 น.
  
รักแรกของป๋าสมหวังจนได้

เอ่อ..ป๋าชอบเด็กผู้ชายแต่แรกเลยเหรอ..ดี้มันคงน่ารักมากจริงๆ

นึกภาพตอนที่ดี้ร้องไห้..ตาคงบวม จมูกแดง แต่ก็น่ารัก น่าสงสาร น่ากอดปลอบใจ...ป๋ามันคงคิดยังงี้แหงเลย

โดย: piyawan IP: 118.172.240.69 วันที่: 24 ตุลาคม 2551 เวลา:22:34:49 น.
  
พี่พุดข๋า


นู๋คาดเรื่องม่ายถึง...
ว่าจะเปนดี้ 5555
ึนกว่าจะเปนซองแล้วมีปันหาให้ตามมาแก้อีก

ชอบจังง
มด2ตัว**
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ชอบ^^
ปรบมือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


จะจบแร้วเหรอค๊ะ
แง่งงง

กำลังสนุกสนานนน
โดย: sushilanla IP: 58.9.22.192 วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:20:26:16 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Puddy.BlogGang.com

พุดดิ้งของซอนโฮ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]