Shot fic shinhwa .... ก้าวเดียว ...Ric-Dy ep.2




ก้าวเดียว ..... Ric - Dy ... ep. 2 (The end)



4 ทุ่มครึ่งแล้ว แต่เอริคยังคงปักหลักอยู่บนที่นอนนุ่มในท่าเดิม ... คืนนี้เป็นคืนที่บรรยากาศรอบตัวช่างร้อนอบอ้าวสิ้นดี หรือว่าภายในใจเค้าเองกันแน่นะ ที่มันร้อนรุ่มแทบไหม้เกรียมอยู่ตอนนี้

บันทึกเล่มเดิมในมือเริ่มชื้นเหงื่อ เค้าพยายามเน้นทุกตัวหนังสือเหมือนต้องการย้ำลึกลงไปในรายละเอียดที่เค้ายังไม่รู้ ให้รู้ลึกลงไปยิ่งกว่าเดิม ว่าแล้วก็พลิกเปิดหน้าต่อไปช้า ๆ สูดลมหายใจลึก ๆ อีกครั้ง ก่อนเริ่มต้นอ่านมันต่อ


1 สิงหาคม 2007
...เพราะเป็นโรงเรียนนี้ แม่จึงจัดการให้ผมเข้าเรียนได้อย่างสบาย ๆ ตามคำขอร้องของผม การปรับตัวในสังคมโรงเรียนกับเพื่อนหลาย ๆ คน ยิ่งต้องเข้าเรียนกลางเทอมแบบนี้ด้วยแล้ว มันยากมาก แต่โชคดีที่ผมเจอแต่คนดี ๆ ผมรู้สึกชอบที่นี่ซะแล้วสิ ผมอยากอยู่ที่นี่นาน ๆ จัง อย่างน้อยก็นานที่สุด...เท่าที่ผมจะสามารถทำได้...

...ผมเจอเค้าแล้วล่ะ หลังจากตระเวนหาอยู่ครึ่งวัน เค้าอยู่ห้องดังซะด้วย ห้องนี้มีทั้งประธานนักเรียน (คนนี้อาจารย์ใหญ่ฝากฝังให้เค้าดูแลผม ครั้งแรกที่เจอกัน ผมก็นึกว่าเค้าเป็นครูประจำชั้นซะอีก - -“) และพี่เฮซองก็เป็นนักร้องของโรงเรียน ห้อง ๆ นี้จึงเต็มไปด้วยเด็ก ๆ ปี 1 ที่ชอบมาแอบมองพี่เฮซองทางประตู มันจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่ผมจะมาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ตรงนี้ ผมเดินชนเค้าขณะแอบชะเง้อมองหาเค้า แต่เค้ากลับคิดว่าผมก็เป็นแฟนคลับคนนึงของพี่เฮซองซะนี่ เฮ้อ!!! ...เค้าคงไม่รู้สินะ ว่าคนที่ผมคอยเฝ้ามองน่ะ คือคนที่นั่งข้าง ๆ พี่เฮซองต่างหาก ... “เอริค” .. เค้าชื่อเอริคซะด้วย ^//^

..เราเจอกันแบบไม่สวยหรูเท่าไหร่เลย ... สงสัยวันนี้จะไม่ใช่วันของผม ..แย่จัง...



……………..xx



2 สิงหาคม 2007
วันนี้แม่ทำข้าวกล่องน่าตาน่าทานมาก ๆ ผมเลยขอให้แม่ทำมา 2 กล่อง แล้วแม่ก็ไม่ถามซักคำว่าจะเอามาให้ใคร แม่น่ารักเสมอ ผมอยากเกิดเป็นลูกของแม่อีกจังฮะ

วันนี้ตั้งใจจะให้ข้าวกล่องเค้า แต่ไม่รู้จะบอกว่าไงน่ะสิ อุตส่าห์รวบรวมความกล้าเรียกชื่อเค้าออกไป แต่พอเค้าหันมา สีหน้านิ่งๆ นั้นมันทำเอาผมต้อง....
“ฝากกล่องข้าวให้พี่เฮซองหน่อยสิ” - -“ แอนดี้เอ้ยยยยย นายนี่มันช่าง.. เฮ้อ!! เลยตามเลยและกัน

.. ผมบอกรึยัง ว่าผมชอบเวลาที่เอริคทำหน้าเหวอ ๆ แบบนี้ ทำไมถึงชอบน่ะเหรอ ก็ปกติเค้าจะเก็กขรึมน่ะสิ อิอิ ผมชอบทำให้เค้าเหวอบ่อย ๆ เพราะอยากมองหน้าเค้า .. เค้าคงไม่พอใจ T T

เฮซองอาจจะดัง และเค้าก็ดูดีมากเวลาอยู่บนเวที แต่ผมว่าเอริคก็ดูดีไม่น้อยนะ ^^//
จอนจินที่อยู่ปี 2 ห้องA นั่นก็นักกีฬาโรงเรียน เค้าเป็นขวัญใจของเด็กสาว ๆโรงเรียนมัธยมข้าง ๆ เค้าเท่ส์มากเวลาอยู่ในสนาม และเค้าก็หล่อ แต่ความคิดผม เอริคก็หล่อไม่น้อยไปกว่าพี่จินเลยนะ...^^///


….xx


ถึงตรงนี้ ริมฝีปากที่เคยนิ่งสนิท กลับถูกฉาบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เอริคเหมือนถูกดึงให้ดิ่งไปสู่อดีต จมอยู่กับตัวอักษรของความคิดแอนดี้ ... ภาพเด็กผู้ชายช่างพูด ช่างยิ้ม ช่างเอาแต่ใจลอยวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของเค้า ภาพแล้ว ภาพเล่า .. หน้าแต่ละหน้า มีแต่เรื่องของเค้า เรื่องที่แอนดี้ไหว้วานเค้าทุกอย่าง เรื่องที่แอนดี้แอบมองเค้าอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าที่ไหน ... ไม่ว่าเค้าจะทำอะไร ... และความลับข้อนี้ มันทำให้ตัวเค้าเองก่อความรู้สึกยินดีปรีดาเล็ก ๆ อยู่ลึก ๆ ... ข้อความเหล่านั้นทำให้ใจที่ร้อนรุ่มเมื่อครู่ดูอบอุ่นได้อย่างมหัศจรรย์ทีเดียว
....และคืนนั้น เค้าก็เผลอหลับไปทั้งรอยยิ้ม พร้อมกับเสียงใส ๆ ที่ดังก้องอยู่ในหูตลอดทั้งคืน ..


...เอริค ... เอริค ...และเอริค..





กริ๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก~~~~


เสียงนาฬิกาปลุกเริ่มทำงานตามหน้าที่ที่มันได้รับมอบหมาย เมื่อเวลาเช้าตรู่ในอีกวันมาเยือน

เอริคงัวเงียอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเอื้อมมือไปกดปิดมัน เป็นเพราะเมื่อคืนเค้านั่งอ่านไดอะรี่เล่มนั้นจนดึก และเผลอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทันทีที่นึกได้ เค้ารีบลุกจากเตียง แต่งตัวไปโรงเรียนทันที

ถนนที่ทอดยาวสู่โรงเรียนสายเดิม แต่วันนี้มันกลับดูยาวไกลกว่าปกติ มือที่เคยถือโคนัน กลับกลายเป็นไดอะรี่สีส้มเล่มเล็ก ๆ และเอ็มพีสามถูกถอดออกจากหู เพราะเค้าต้องการเว้นว่างไว้เพื่อฟังเสียงเรียกเสียงหนึ่ง ซึ่งปกติมันดูน่ารำคาญ แต่วันนี้ วันที่เค้าต้องการได้ยินจับใจ มันกลับไม่มี ... ทำไมกันนะ .. ทำไม ..และเหมือนอะไรบางอย่างในชีวิตของเค้าต้องหล่นหายไปอีกหน...




1 กันยายน 2007
แม่บอกว่าผมสดใสขึ้น ผมเคยได้ยินมาว่า คนป่วยมักจะอาการดีขึ้นมาช่วงหนึ่ง ก่อนจะทรุดฮวบและเสียชีวิตในที่สุด หรืออาจเป็นเพราะว่าตอนนี้หัวใจของผมเองมันเต้นสม่ำเสมอขึ้นเพราะเจอเค้ากันแน่นะ ขอให้เป็นอย่างหลังเถอะ .. ผมเคยทำใจให้ยอมรับกับสิ่งต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองไว้ดีแล้ว แต่ตอนนี้ ผมอยากมีชีวิตยืนยาวเหมือนคนทั่ว ๆ ไป หรือย่างน้อยที่สุด ผมแค่อยากขอยืดเวลาออกไปอีกหน่อย ..... 1 วินาที 1 นาที 1 ชั่วโมง หรือ 1 วัน ... มันก็มีค่าเสมอสำหรับผม

ใครบางคนที่ใช้เวลาให้หมดไปเฉยๆ ใครบางคนฆ่าเวลาที่ตัวเองมีด้วยการทำอะไรก็แล้วแต่เพื่อรอสิ่ง ๆ หนึ่งให้ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่ผมไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ทุก ๆ วินาทีของผมนั่นหมายถึงสิ่งมีค่ามหาศาล แม้แต่เสี้ยววินาทีที่ผมได้เจอเค้า ผมก็มีความสุข ... ถ้าผมจะเห็นแก่ตัว และขอยืดชีวิตออกไปได้อีก 1 วัน ถ้าผมรู้ว่าวันไหนคือวันสุดท้ายของชีวิต วันนั้น ผมอยากบอกเค้า ... ว่าผมรักเค้า

..
.

“เอริค ผม รัก พี่”


น้ำหยดเล็ก ๆ จากดวงตาของเอริค หยดบนตัวหนังสือเหล่านั้นโดยที่เค้าแทบไม่รู้สึกตัวเองว่ากำลังร้องไห้ ว่าแล้วก็รีบใช้ชายเสื้อบรรจงเช็ดหยดน้ำตาหยดนั้นออกอย่างเบามือ ทะนุถนอมเหมือนตัวหนังสือเหล่านั้นเป็นสิ่งที่อ่อนไหวง่าย และเค้าก็แหนหวงมันเหลือเกิน หัวใจที่เริ่มบีบตัวด้วยจังหวะกระชั้นถี่ขึ้น มันเริ่มทำเอาเค้าอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกเข้าไปทุกที หัวสมองเริ่มวุ่นวายอยู่กับความคิดอันสับสน
“นายไม่ได้ชอบเฮซองหรอกเหรอแอนดี้ แล้วทำไม ทำไมนายไม่บอกชั้นล่ะ นายน่าจะบอกให้ชั้นรู้ซักนิดสิ ..”




15 กันยายน 2007
ถึงแม้เค้าจะแสดงสีหน้าท่าทางรำคาญผม แต่เค้าก็ใจดี แม้เค้าจะบ่น แต่สุดท้ายเค้าก็ยอมผมเสมอ ... ผมจะเข้าข้างตัวเองได้มั้ยนะ ว่าเค้าก็ไม่ได้รังเกียจผม ... ผมเริ่มเห็นแก่ตัวขึ้นแล้วใช่มั้ย ...
วันนี้เค้าโดนทำโทษอยู่กลางสนาม พี่ดงวานบอกว่า เค้าลืมหนังสือคณิต ฮึ ๆ ผมว่าเค้าคงไม่ลืมหรอก เค้าน่าจะหยิบการ์ตูนใส่กระเป๋าจนเต็ม เนื้อที่ในกระเป๋าจึงไม่พอสำหรับหนังสือคณิตศาสตร์มากกว่า

กิจกรรมที่เค้าทำแต่ละอย่าง มันช่างไม่สัมพันธ์กับบุคลิกของเค้าเอาซะเลย เค้าวาดรูปสวยและถ่ายภาพเก่ง แต่เค้าดูเคร่งขรึมและแข็งกร้าวไปหน่อยไม่มีความละเอียดอ่อนเอาซะเลย เค้าชอบอ่านโคนัน และหนังสือการ์ตูนสืบสวนทุกประเภท แต่เค้าไม่ยักสนใจกับความรู้สึกของคนรอบข้าง ถ้าเค้ามีจิตวิญญาณของโคนันซักนิด เค้าคงรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ ... ใช่มั้ย??

...แต่นั่นก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องดีสำหรับผม ที่เค้าไม่รู้อะไรซักอย่าง ...




……………….xx





15 ตุลาคม 2007
ช็อคโกแลตอันนี้ ผมตั้งใจทำให้เค้า แต่โบว์ในลิ้นชักห้องครัวดันมีแต่สีชมพูซะนี่ ... เอาน่า สีชมพูกับแว่นหนา ๆ มันก็เหมาะกันดี (เหรอ) ถึงแม้เค้าจะไม่รู้เลยว่ารสชาติมันจะเป็นยังงัย แต่ผมก็ได้ส่งผ่านกล่อง ๆนั้นกับมือเค้าเอง ...

ผมทำตัวไม่น่ารักเท่าไหร่ เอริคคงเกลียดผม เค้าถามผมเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ลืมไปแล้ว ว่าทำไมผมถึงไม่เรียกเค้าว่าพี่เอริค

ผมจะบอกเค้าได้งัย ว่าผมเอง ไม่อยากเป็นแค่น้องชายของเค้า ... นี่ผมกำลังเห็นแก่ตัวอีกแล้วใช่มั้ยหากจะสารภาพความจริง

ผมรู้สึกผิดปกติกับตัวเองด้วยล่ะ ...หัวใจผมเป็นอะไรรึเปล่านะ อยากใกล้ชิดเค้า .. แต่ไม่ต้องการให้เค้ามารัก .. เพราะงั้นผมเลยต้องทำตัวแบบนี้ แต่ตอนนี้ ผมกลับอยากได้รับสิ่งที่เรียกว่าความรักจากเค้าบ้างแล้ว ... ผมทรมานจังเลย


.................xx




ผมอยากได้รับความรัก ........... ผมทรมาน ..........ผมทรมาน.........~~~~~~~~~~ ทรมานเหรอ..



หน้าต่อไปของไดอะรี่ถูกฉีกขาด และสิ่งนั้นมันก่ออารมณ์หงุดหงิดให้เอริคได้มากทีเดียว เค้าปิดไดอะรี่ นั่งจมอยู่กับความคิดบางอย่างของตนอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะลุกขึ้นสะพายเป้ขึ้นหลัง และเดินเข้าห้องเรียน อารมณ์ตอนนี้แม้ไม่มีกะจิตกะใจจดจ่อกับการเรียนเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยเค้าก็หวังที่จะได้เห็นใครบางคนผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่หน้าประตูห้องเค้าเหมือนบ่อยครั้งที่ผ่านมา ...

แต่แล้วเค้าก็ต้องลิ้มรสชาติของความผิดหวังอีกจนได้ ..

1 วันอันแสนอึดอัดกำลังจะผ่านพ้นไปโดยที่ไม่มีอะไรคืบหน้าซักอย่าง เบอร์โทรศัพท์ที่ร้างคนรับ โรงอาหารที่ไม่มีเสียงรบกวนประสาท ม้าหินอ่อนที่ไม่มีใครมากวนใจ ทำไมทุกอย่างมันชวนหดหู่ได้ขนาดนี้นะ

“ดงวาน ออกมาคุยอะไรกันหน่อยสิ”

“ชั้นต้องไปพบอาจารย์ใหญ่นะ”

“5 นาทีน่า”

“3 นาทีได้มะ”

“เออ 3 นาที”
ดงวานจำใจวางมือจากการเก็บสัมภาระใส่กระเป๋า แล้วเดินตามเอริคออกมานอกห้องเรียน

“..นายรู้มั้ยว่าแอนดี้ทำไมไม่มาเรียน”

“นายถามชั้นทำไมวะ นายก็คุยกับแอนดี้ออกบ่อย นายน่าจะรู้มากกว่าชั้นนะ”

“ก็นายเป็นคนดูแลเค้าไม่ใช่เหรอ”

“หืม! รู้ได้งัย เรื่องนี้มันเป็นความลับระหว่างชั้นกับอาจารย์ใหญ่นะ” ดงวานมองหน้าเอริคอย่างประหลาดใจ

“เออ รู้และกันน่า (ปกป้องเอาใจซะขนาดนั้น ไม่รู้ก็แปลกและ ไอ่นี่..) บอกชั้นได้มั้ยว่าตอนนี้เค้าอยู่ที่ไหน โทรไปก็ไม่รับ”

“ไม่รู้สิ ไม่เห็นตั้งแต่วันงานโรงเรียนแล้ว ถ้าอยากรู้นายก็ลองไปหาเค้าที่บ้านสิ”

“ที่บ้านเหรอ เออใช่ ชั้นลืมไปได้งัยนะ”

“เดี๋ยว เอริค” ดงวานฉุดมืออีกคนไว้ทันก่อนเอริคจะหันหลังกลับ

“ทำไม”

“แอนดี้ไม่มาเรียน แล้วทำไมนายต้องเดือดร้อนขนาดนี้วะ”

“นายน่ะอย่ารู้เลย มันเป็นเรื่องของชั้นกับเค้า” ดงวานยังทำหน้างงต่ออีกและไม่ยอมปล่อยมือเค้าซักที เอริคจึงก้าวเข้าไปใกล้ ๆ กระซิบบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ดงวานเหวอได้อีก

“เรื่องของหัวใจน่ะ ทีนี้เข้าใจรึยัง” ว่าแล้วก็แกะมือที่ยังจับตัวเองไว้แน่นออก วิ่งกลับเข้าห้องไปหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเอง แล้ววิ่งหายลับตาไป ปล่อยให้ดงวานมองตามอย่างงุนงงอยู่ที่เดิม

“อ่าว ไหงงั้นวะ ไอ่ริค!!! มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนดิ เฮ้ย! เด๋วก่อน ไหนนายเคยบอกว่านายรำคาญเค้างัย นี่! ปัดโธ่! ไอ่เพื่อนบ้า”

เอริควิ่งโดยไม่รู้จักเหนื่อย แม้ระยะทางนั้นจะไกลมากแล้วก็ตามจากโรงเรียนจนถึงบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งถ้าความจำเค้ายังไม่เลือนไปซะก่อน มันก็คลับคล้ายคลับคลาว่าบ้านหลังใหญ่ท้ายซอยหลังนี้คือบ้านของแอนดี้ แต่ตอนนี้ก็ชักไม่แน่ใจนัก เพราะบ้านเหมือนจะเงียบจนผิดปกติ เค้ารวบรวมความกล้า กดกริ่งหน้าประตูบ้านไปสองครั้ง หัวใจเต้นรัวเร็วทุกขณะเมื่อรอคอยใครซักคนให้เปิดประตู แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ความหวังยิ่งเหมือนริบหรี่เข้าไปทุกที

แม้แต่โรงพยาบาล ที่ ๆ ทั้งคู่เคยเจอกัน ที่ที่ใครบางคนเคยแอบมองเค้าโดยไม่รู้ตัว และเป็นที่ที่เค้าน่าจะมีโอกาสได้เจอกับแอนดี้มากที่สุด ... ก็ไม่มีแม้แต่เงาของคน ๆ นั้น ..

จากวันแรก ก้าวสู่วันที่ 2 วันที่ 3 และตอนนี้แทบจะครบสัปดาห์แล้วที่แอนดี้หายตัวไป อาจารย์ประจำชั้นบอกว่า แอนดี้พักการเรียน ซึ่งไม่ยอมบอกถึงสาเหตุซะด้วย ทำมัยนะ ...

เวลาแต่ละนาทีที่เดินผ่านตัวเค้าไปตอนนี้ มันดูไร้ค่าไร้ความหมายมากมาย ชั่วโมงที่เคยโปรดปราน การ์ตูนที่เคยชื่นชอบ เพลงที่เคยฟังแล้วเพราะมันกลับดูเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่าย หากว่าวันนี้แค่อีกวัน ที่เค้าไม่สามารถจะทำอะไรให้ตัวเองคลายความอึดอัดลง มีหวังร่างเค้าต้องระเบิดเป็นจุลเป็นแน่

และนี่คือเวลาเย็นมากแล้ว เอริคเก็บของใส่กระเป๋า เดินลากขาของตัวเองเรื่อย ๆ มาหยุดตรงหอประชุมกว้างได้งัยก็แทบไม่รู้ตัว เวลานี้หอประชุมโล่งเพราะไร้ผู้คน สายตาเอริคเหม่อมองไปยังสุดเวทีตรงหน้า ที่ตรงนั้นเคยมีแอนดี้และเค้าช่วยกันวาดภาพลงบนผนังจนกระทั่งดึก ดวงตาเรียวเล็กของแอนดี้ที่เหม่อมองเค้าวาดภาพอย่างตั้งใจ ใบหน้าแดง ๆ ยามที่คิดถึงเรื่องจูบระหว่างจอนจินและเฮซองนั่น มันยังเด่นชัดอยู่ในความทรงจำของเค้า เหมือนเรื่องราวเหล่านั้นเพิ่งเกิดขึ้นไปเมื่อวาน

“จูบ” อ่า~~ ใช่แล้ว ทุก ๆ ที่ที่มันพอจะทำให้เค้ารำลึกถึงแอนดี้ได้ เค้าก็ได้ใช้เวลาหมดไปกับตรงนั้นนานพอควรในหลายวันที่ผ่านมา แต่ยังมีอีกที่นึงนี่น่า ... เค้าลืมมันไปได้ยังงัยนะ ..

เท้ายาว ๆ ของเอริคก้าวเร็ว ๆ ไปยังตึกด้านหลัง ลัดเลาะไปยังที่ที่หนึ่งด้วยหัวใจระทึก...

ประตูบานเดิม ยังอยู่ในสภาพเดิม เค้าจับลูกบิดเบา ๆ ด้วยเหงื่อที่เริ่มชื่นเต็มมือไปหมด แม้ว่าเค้าจะไม่คิดว่าแอนดี้จะมานอนกระดิกเท้าสบายใจอยู่ในนี้ แน่ล่ะ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่เค้าก็ยังหวังลึก ๆ ว่า ห้อง ๆ นี้คงมีความทรงจำบางอย่างของแอนดี้อยู่ .. ไม่มากก็น้อย

หลังเฟรมผ้าใบอันเก่า เก้าอี้ยังคงวางไว้ที่เดิมแต่เริ่มมีฝุ่นจับบ้างแล้ว บ่งบอกให้รู้ว่า จอนจินและเฮซองคงเลิกใช้ห้องนี้เป็นห้องสวีทชั่วคราวไปแล้ว แล้วเจ้าของห้องอีกคนล่ะ หายตัวไปอยู่ไหนน๊า ..

เอริคหย่นตัวลงนั่งโดยไม่คิดจะปัดหรือกลัวว่ากางเกงตัวเองจะเปื้อนซักนิด เค้าฝังตัวเองให้จมอยู่กับกลิ่นเก่า ๆ และฝุ่นจาง ๆ หันมองรอบตัวก็มีแต่สิ่งของที่หมดอายุใช้งานแล้ว

“นายบอกว่านายมาแอบงีบที่นี่บ่อย ๆ งั้นเหรอแอนดี้ ฮึๆ นายจะงีบได้ตรงไหนเนี๊ยะ รกซะขนาดนี้” สายตาคม ๆ สอดส่ายมองโน่นนี่ไปเรื่อย สมองก็คิดถึงใครบางคนไปด้วย หัวสมองที่ทำหน้าที่ประสานกันอย่างดีกับหัวใจ เวลาที่เค้าคิดถึงใครคนนั้น ... ว่าแล้วเอริคก็ล้วงเอาไดอะรี่เล่มเล็กขึ้นมาอีกครั้ง เค้าอ่านมันบ่อยจนแทบซึมซับทุกตัวอักษรเข้าสู่เนื้อเยื่อของความทรงจำได้หมดแล้ว .. แต่เค้าก็ยังชอบที่จะถือมันไว้ หวังเพียงว่าวันใดวันหนึ่ง เจ้าของตัวจริง คงมายืนทำหน้างอนแบมือขอมันกลับคืนไปจากเค้าซักที

..แล้ววันนั้น เมื่อไหร่จะมาถึงนะ...

เวลาผ่านไปอีกนาน เอริคขยับตัวไล่ความเมื่อยนิดหน่อย เค้าถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นยืน หมดเวลาสำหรับการเฝ้ารออย่างหมดหวังของวันนี้แล้ว .. และก่อนที่เอริคจะขยับตัว สายตาคมกลับมองเห็นอะไรบางอย่างตรงมุมโต๊ะหนังสือเก่า ๆ ด้านใน ห้องนี้แม้จะแคบมาก ๆ อาจเพราะสิ่งของที่วางระเกะระกะ แต่หากก้ม ๆ ตัวลงและเดินลึกเข้าไปอีกหน่อย นั่นก็ยังมีที่เก็บของกว้างไปอีกนิด

โต๊ะนักเรียนสภาพเก่าวางเรียงกันเหมือนจงใจ ที่นี้หรือเปล่าที่แอนดี้ใช้แทนเตียงในการงีบหลับ เอริคมองมันด้วยหัวใจพองโตแค่เพียงเห็น และการคาดเดาของเค้าน่าจะเป็นจริง เมื่อเดินเข้าไปใกล้อีกนิด สวรรค์น้อย ๆ ของการงีบหลับชั่วคราวของใครบางคนอยู่ตรงนี้นี่เอง บนโต๊ะที่ใช้แทนเตียงชั่วคราวมีแต่ลายมือที่เหมือนกันกับไดอะรี่แป๊ะ ๆ สลักเป็นชื่อเค้าเต็มไปหมด “เอริค เอริค และเอริค”

“นายเล่นไสยศาสตร์หรืองัยนะแอนดี้” เค้าเอื้อมมือลูบไล้ตัวอักษรบนโต๊ะนั้นเบา ๆ ด้วยสีหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม แม้ไม่เจอใครที่ต้องการเจอ แต่แค่เศษส่วนหรือเสี้ยวหนึ่งของตัวตนที่เค้าพบ มันก็สร้างแรงกระตุ้นเล็ก ๆ ให้หัวใจสูบฉีดเลือดเข้ามาหล่อเลี้ยงความหวังได้นิดหน่อย บริเวณใกล้ ๆ มีกระดาษบางชิ้นถูกขยำจบยับและทิ้งไว้อย่างไม่ใส่ใจตรงมุมห้อง เค้ามองมันด้วยความสงสัย ก่อนจะก้มตัวต่ำ ๆ หลบเพดานห้องและเอื้อมมือไปคว้ามันมาคลี่อ่าน

ลายกระดาษเป็นลายเดียวกับไดอะรี่ หรือว่ามันคือ...

“หน้าที่ถูกฉีกไปงั้นเหรอ” แสงสว่างในห้องไม่เพียงพอให้เค้าเพ่งอ่านออกได้มากนัก เอริคเดินเร็ว ๆ ออกไปหาแสงสว่างด้านนอกห้อง ... เค้าหย่อนตัวนั่งลงบนขอบเวที ใช้แสงจากห้องประชุมเพื่ออ่านข้อความที่เค้าตามหามาหลายวันด้วยหัวใจเต้นรัวอีกครั้ง ..




16 ตุลาคม 2550
ไดอะรี่ในห้องเล็ก ๆ
... วันนี้มีความสุขจัง ขนาดผมแกล้งให้เค้าช่วยผมวาดรูปบนผนังเวที แต่เค้าก็ยอมช่วยผมอยู่ดี ผมชอบลูกหมีของเค้านะ ชอบมาก.. ลูกหมีตัวใหญ่ คือเค้า และลูกหมีตัวเล็กน่ารักนั่นคือผมล่ะ ^^ ผมจะทึกทักเอาเองแบบนี้ได้มั้ย

เวลาทั้งวันของวันนี้หมดไปกับการอยู่กับเค้าได้มากเท่าที่ผมต้องการแล้ว แม้อยากจะยืดเวลาออกไป แต่มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี ... ผมกลับมาโรงเรียนอีกครั้ง หลังจากไปส่งเอริคที่บ้าน เพื่อจัดการกับพื้นเวทีและเติมชิงช้าลงไป ผมอยากนั่งชิงช้ากับเค้า อยากใช้เวลาทั้งวันหัวเราะและมีความสุขกับเค้า ... ผมฝันอีกแล้วสิ ปลุกผมหน่อยได้มั้ย ... ได้โปรด

จูบ... จูบมันเป็นงัยนะ ดูเหมือนพี่จินและพี่เฮซองเค้าคงมีความสุข ภาพนั้นมันติดอยู่ในหัวผมจนยากจะลบ ยิ่งเวลาเห็นหน้าเอริค เวลาที่อยู่ใกล้เค้าลำพังแบบคืนนี้ มันก็ยิ่งควบคุมตัวเองได้ยากเหลือเกิน ...

ถ้าผมขอพรได้ 1 ข้อ ผมอยากทำแบบนั้นบ้าง มันคงรู้สึกดี ... นี่ผมเป็นอะไรไปนะ … หน้าผมแดง และหัวใจผมก็สั่น หวังว่ามันยังคงเต้นต่อไปอย่างปกติ ... อวยพรให้ผมหน่อย อีกไม่กี่วันแล้ว ..





17 ตุลาคม 2007
วันนี้ผมรู้สึกไม่ดี อาจเป็นเพราะว่าเมื่อคืนนอนดึกมาก แม่เป็นห่วงผมอีกแล้ว ผมนี่แย่จริง ๆ

วันดี ๆ ของโรงเรียนวันนี้ก็อดไป แต่ผมดีใจที่เค้าส่งข้อความมาหา เค้าเป็นห่วงผมหรือเปล่านะ เพราะเค้าเป็นห่วงผมใช่มั้ย .. ผมจะดีใจหรือเสียใจดี ...

...เอริค พี่อย่ารักผมนะ...

ผม ... ผมเริ่มรู้สึกตัวเองว่าผมรักเค้าจนมันเจ็บปวดไปหมด ...
บอกหน่อย ผมควรทำไงดี หัวใจกำลังทำงานหนักเข้าไปทุกที

คงใกล้ได้เวลาสำหรับผมแล้วใช่มั้ย…




............xx




ได้เวลางั้นเหรอ ...

“แอนดี้ ชั้นทำให้นายทรมานขนาดนี้เลยเหรอ ชั้นไม่รู้ตัวเองเลย….
…
..
.
…นายกลับมาหาชั้นสิ คราวนี้ชั้นจะยอมรับผิดทุกประการ สิ่งที่ชั้นไม่เคยรู้ สิ่งที่นายไม่เคยบอกชั้น นายกลับมาขอมันไปจากชั้นสิ แค่เพียงนายเอ่ยปาก ชั้นพร้อมจะทำให้นายทุกอย่างที่นายต้องการ...

...ตอนนี้ชั้นรู้แล้วว่านายทรมานยังงัย นายคงไม่อยากให้คนที่นายรักต้องเจ็บปวดหรอกใช่มั้ย ... กลับมาหาชั้นเถอะ.. แล้วเราจะได้มีช่วงเวลาที่ดี ๆ ที่นายเคยต้องการร่วมกันงัย แอนดี้ ...นายและชั้น จะได้เลิกทรมานซะที”


...ความคิดถึงที่เค้าเฝ้าตามหา ... นายจะรับรู้ความรู้สึกของชั้นได้มั้ย ..

“ถ้าหัวใจนายมันไม่ปกตินะแอนดี้ ... หัวใจชั้นมันก็ไม่แตกต่างจากนายซักนิด”





.......
...
..
.

ผ่านฤดูแห่งการสอบเอ็นทรานอย่างยากลำบากพอดูสำหรับเอริค และฤดูแห่งการสอบไล่กำลังจะมาเยือน..ชีวิตในรั้วโรงเรียนมัธยมกำลังจะผ่านไปแล้วสินะ


3 เดือนที่ปล่อยให้มันผ่านไปพร้อมทั้งหัวใจที่ว่างเปล่า เมื่อใดที่เสียงหัวเราะดังขึ้นข้าง ๆ หู เมื่อนั้นสายตาของเค้าจะคอยหันรีหันขวาง หวังเพียงว่าคงมีสักวันที่เค้าจะเลิกรอคอยอย่างหมดหวังซักที เมื่อไหร่ที่สายลมพัดเข้ามาปะทะกับใบหน้าแค่เพียงวูบหนึ่ง เมื่อนั้นเค้าจะหลับตา และภาวนาขอให้บางสิ่งที่หายไป กลับคืนมายังที่ของมัน ...


แต่ทว่า เค้าก็ต้องพบกับความผิดหวังเสมอ ..

จนหัวใจตัวเอง ก็เริ่มชินชาลงไปทุกที ..

…
..
.
วันนี้ครบกำหนดที่เอริคต้องพาแม่ของเค้าไปตรวจร่างกายอีกแล้ว บ่อยครั้งที่ระหว่างรอการตรวจ เค้าก็จะเดินเรื่อย ๆ ไปยังห้องโน้นห้องนี้ ... น้องบอนไซคนที่อยู่ในไดอะรี่ของแอนดี้ ก็ยังคงอยู่ที่ห้องเดิม ... (แปลกนะ เจอกันมาตั้งหลายครั้ง เค้าไม่ยักกะรู้ว่าชื่อน้องคือบอนไซ มันเป็นชื่อที่แอนดี้เรียกหรือว่าเป็นชื่อจริงๆ อันนี้เค้าก็ไม่แน่ใจ มีหลายอย่างเหลือเกินที่เค้าอยากเอ่ยปากถาม มีหลายเรื่องที่ยังค้างคาใจรอให้ใครบางคนกลับมาตอบ) บอนไซเป็นโรคหัวใจตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของหมอนานหลายเดือน โดยปกติ เอริคก็จะแค่ยิ้ม ยื่นขนมให้ หรือแค่เอื้อมมือมาขยี้หัวกลม ๆ นั่นเล่นก่อนจะเดินผ่านไป แต่วันนี้ รอยยิ้มของเด็กชายตัวน้อย กลับทำให้เค้าคิดถึงใครบางคน คนที่ยังฝังตัวจมลึกอยู่ภายในใจ และเวลา ก็ไม่เคยทำให้ความทรมานจากการคิดถึงอันนี้ลดลงไปได้เลย

“ทำอะไรอยู่ครับ บอนไซคนเก่ง”

“วาดรูปฮะ พี่ชายมาเที่ยวอีกแล้วเหรอ”

“เปล่า คราวนี้พี่ชายพาคุณแม่มาหาคุณหมอน่ะ ไหน วาดรูปอะไรอยู่ พี่ชายวาดรูปเก่งนะรู้มั้ย อยากให้พี่ชายวาดให้มั้ยครับ” น้ำเสียงอบอุ่นบวกด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนนั้น เรียกรอยยิ้มใสบนใบหน้ากลม ๆ ของเด็กน้อยได้ดีทีเดียว

“วาดเก่งเท่าพี่หมีของผมรึเปล่าล่ะ”

“หืม! พี่หมีเหรอ ใครล่ะ”

“ก็พี่หมีที่วาดหมีน้อยงัย พี่ชายไม่รู้จักล่ะสิ”

“ไม่รู้จักน่ะสิครับ แต่พี่ชายก็วาดหมีเป็นนะ พี่ชายเคยวาดหมีตัวเท่าบ้านมาแล้วด้วย”

“งั้นพี่ชายก็วาดหมีใหญ่ละกัน เมื่อวานพี่หมีก็วาดหมีน้อยให้แล้ว นี่งัย อ่ะ พี่ชายวาดให้สวยเหมือนพี่หมีนะ เดี๋ยวผมจะเอาไปโชว์กะพี่หมีว่าผมวาดเอง” เด็กน้อยชูภาพตัวอย่างในมือให้ดู อวดเอริคด้วยความภาคภูมิใจ แต่ภาพนั้นทำเอาเอริคนิ่งอึ้ง โสตประสาทตื่นตัวอย่างกะทันหัน หัวใจเต้นแรงและสมองเหมือนมีสงคราม มันวุ่นวายจนไม่สามารถแย่งอะไรต่อมิอะไรออก ..

... หมีน้อยในมือเด็กชายนั่นมัน ..

“เอ่อ บอนไซคนเก่งครับ บอกพี่ชายได้มั้ยว่าพี่หมีอยู่ที่ไหน” จากน้ำเสียงราบเรียบเมื่อครู่ บัดนี้ลิ้นและปากเริ่มทำงานได้ไม่ดีนัก มันเรยสั่นและประหม่าชอบกล ภาพผนังเวทีโรงเรียนเมื่อหลายเดือนก่อนวิ่งแทรกเข้ามาในหัวสมองของเค้าทันที

“พี่หมีเค้าไม่สบายน่ะฮะ เมื่อวานเค้าวาดภาพให้ผม แล้วเค้าก็ไปนอน คงยังไม่ตื่นมั้ง”

“ตอนนี้เค้าอยู่ที่ไหนครับ เดี๋ยวพี่ชายจะได้ไปปลุกเค้าให้มาดูรูปหมีของบอนไซงัย”

“เค้าอยู่ห้องโน้นนะฮะ” ปลายนิ้วของเด็กน้อยชี้ไปอย่างไร้ทิศทางโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นดูแม้แต่นิดว่าตนเองชี้ไปทางไหน แต่นั้นมันก็เพียงพอที่จะทำให้เอริคมีหวังขึ้นมาอีกครั้ง

“คราวนี้ นายคงไม่หนีชั้นไปไหนอีกนะแอนดี้”

“พี่ชายจะไปไหนฮะ ไหนว่าจะวาดรูป” เด็กน้อยเอียงคอถาม ดวงตาแป๋วมองเค้าอย่างสงสัย เมื่อเห็นเอริคลุกขึ้นยืน

“พี่ชายจะไปปลุกพี่หมีให้งัย ให้พี่หมีมาวาดหมีน้อยตัวใหม่ แล้วพี่ชายจะวาดหมีใหญ่เองนะ”

รวดเร็วเท่าที่เท้าและพละกำลังจะสั่งให้ตัวเองเร็วได้ และทิศทางที่มุ่งหน้าไป มันก็ยังชวนสับสน เอริคแวะทุกห้องตั้งแต่ห้องที่อยู่ใกล้สุด เหม่อมองผ่านช่องกระจกเข้าไปด้านใน สายตาคมสอดส่ายหาใครซักคนและหัวใจก็เริ่มเต้นถี่จนน่ากลัวว่า วินาทีใดวินาทีหนึ่ง มันอาจจะระเบิดตัวเองออกมาก็เป็นได้


สุดห้องด้านหน้าห้องนี้ก็คือสุดทางเดินของตึกในชั้นแรก แม้ความผิดหวังเริ่มจะส่อเค้าลางให้เห็น แต่ความหวังยสำหรับเค้ายังมีอีก 2 ชั้นด้านบน

แต่แล้ว สายลมเย็นวูบหนึ่ง ก็พัดเข้ามาปะทะกับใบหน้าของเค้า ฝีเท้าที่กำลังจะก้าวผ่านบันไดขึ้นไปยังชั้น 2 พลันหยุดชะงักงัน และเป็นอีกครั้งที่เอริคหลับตาลง เค้าหมุนตัวหันหน้าเข้ากับประตูห้องห้องล่าสุดที่เค้าเดินผ่าน มือใหญ่คลำสะเปะสะปะไปยังลูกบิดประตูโดยไม่ลืมเคาะเบา ๆ เพื่อเป็นการขออนุญาต ก่อนจะจับลูกบิด บิดเบา ๆ แทรกตัวเข้าไปและปิดประตูตามหลังอย่างเงียบเชียบ

เค้าลืมตาขึ้นมาสำรวจรอบกายอีกครั้ง ห้องนี้เป็นต้องเดี่ยว มีเตียง ๆ เดียว ต่างกับห้องพักของแม่เค้าและห้องของน้องบอนไซ ตอนนี้ไม่มีใครอื่นอยู่ในห้อง จะมีแค่เสียงเครื่องพ่นไอน้ำ และเสียงหายใจเบา ๆ ของใครบางคนที่นอนสงบอยู่บนเตียงผู้ป่วยเท่านั้น


แล้วสิ่งที่ทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น ... ก็นอนนิ่งอยู่ตรงหน้าเค้านี่เอง

“แอนดี้..” เอริคยืนมองภาพเบื้องหน้าของตัวเองนิ่งราวกับโดนมนต์สะกด เค้าเพ่งสายตาตัวเองให้ชัด ๆ ไปยังร่าง ๆ นั้นหลายต่อหลายครั้ง หากมันคือภาพลวงตาที่เข้ามาช่วยบำบัดอาการคิดถึง ก็ขอให้ภาพ ๆ นี้คงอยู่ให้ยาวนานกว่านี้อีกซักนิดเถอะ ... ให้เค้าได้จดจำคนที่คิดถึงสุดหัวใจได้มากขึ้นอีกหน่อย

ในระหว่างที่กำลังจะเอื้อมมือไปสัมผัสกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าให้รู้แน่ชัดว่าเค้าไม่ได้กำลังหลอกตัวเองอยู่นั้น ประตูห้องกลับถูกเปิดพร้อมใครบางคน


“เอ่อ ขอโทษนะ เธอคือ???” เสียงอ่อนหวานเสียงนั้นดึงให้เอริคหลุดออกจากภวังค์ทันที เค้าผละสายตาจากภาพตรงหน้าไปมองผู้มาเยือนคนใหม่อีกคน เพราะตอนนี้ เค้ายังคงอยู่ในฐานะผู้บุกรุก ..

“ขอโทษครับที่เสียมารยาท ผมเคาะประตูแล้วเห็นว่าไม่มีใครอยู่ เลยถือวิสาสะเข้ามา.. ผมชื่อเอริคครับ”

“เอริค??? .. เธอคือเพื่อนของแอนดี้เหรอ”

“แอนดี้!!!!”

“สรุปแล้วนายคือแอนดี้จริง ๆ สินะ” เอริคคิดในใจพลางหันไปมองคนที่ยังคงสลบไสลอยู่บนเตียงอีกครั้ง

“ใช่ครับ ผมคือเพื่อนของแอนดี้”

“งั้นเหรอ อืม! แปลกใจจังที่เห็นแอนดี้มีเพื่อนมาเยี่ยม ชั้นเป็นแม่ของเค้าน่ะ งั้นเชิญตามสบายนะ”

“เอ่อ.. คือ คุณแม่ครับ แอนดี้เค้า ...” สายตาที่เคลือบแฝงไปด้วยความกังวลนั้น ทำให้หญิงสาว ยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ

“เค้าแค่หลับน่ะ ไม่มีอะไรหรอก เธอมาอยู่เป็นเพื่อนเค้าก็ดีแล้ว งั้นชั้นจะขอตัวลงไปหาอะไรกินซักหน่อย เดี๋ยวตื่นมาไม่เจอใคร กลัวว่าเค้าจะเดินตามหาชั้นให้ทั่วอีก เค้ายังต้องพักผ่อนเยอะ ๆ น่ะจ๊ะ”

“ได้เลยครับ ..”


ประตูถูกปิดลงแล้ว บรรยากาศกลับเข้าสู่ภาวะเดิม ๆ เหมือนตอนแรกที่เค้าก้าวเท้าเข้ามา คนบนเตียงยังคงไม่รู้สึกตัว
เอริคก้าวเท้าช้า ๆ ไปยังร่าง ๆ นั้น ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้าง ๆ เตียง เค้าช่างใจอยู่ครู่ใหญ่หลังจากมองภาพตรงหน้าอย่างแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองอยู่นาน ว่าแล้วก็เอื้อมมือแตะไปยังนิ้วก้อยของคนป่วยเบา ๆ อุณหภูมิอุ่น ๆ บ่งบอกให้รู้ว่าภาพตรงหน้า หาใช่ภาพที่หัวสมองเค้านิรมิตขึ้นมาเองไม่

“นายจริง ๆ ใช่มั้ย นายไม่ได้หลอกชั้นอยู่หรอกนะ .. แอนดี้”

คราวนี้เค้าเอื้อมมือมากุมเอามือเล็กของคนตรงหน้าไว้หลวม ๆ ทะนุถนอมประหนึ่งแก้วเปราะบางที่แตกหักง่าย ดวงตาคมมองสำรวจคนตัวเล็กที่เค้าคุ้นเคยทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่ปลายผม จรดปลายนิ้วเท้า คิ้วหนา ๆ ริมฝีปาก จมูก และพวงแก้มใส ๆ นั้น เค้าเฝ้ามองอยู่นานอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย รอยยิ้มตรงมุมปากที่แสนอบอุ่น ถูกฉาบติดอยู่กับใบหน้าคมตลอดเวลาอย่างไม่มีทางจะแกะมันออก ...

เข็มนาฬิกาบนฝาผนังยังเดินต่อไปอีกหลายรอบ จนกระทั่งได้เวลาเจ้าชายนิทราตัวน้อย ตื่นจากบรรทมซักที

แอนดี้กระดิกตัวนิดหน่อย ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นมารับรู้โลกภายนอก มือที่ถูกเอริคกุมไว้นั้น ยังคงกระชับกันไว้หลวม ๆ และทันทีที่สายตาสัมผัสเข้ากับรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าคุ้น ๆ ของใครบางคน ...

“พี่เอริค”
...
..
.
เสียงเรียกเบา ๆ แต่ทรงอิทธิพลมหาศาล มันทำเอาเอริคแทบอยากตะโกนก้องโห่ร้องออกมาทีเดียว

“ผมกำลังฝันอยู่ใช่มั้ย” เสียงที่แหบพร่าแทบเหมือนกระซิบของแอนดี้ ทำให้เอริคต้องโน้มตัวลงใกล้กับร่างคนป่วยอีกนิด เพื่อตั้งใจฟังคำเหล่านั้นให้ชัดเจนขึ้น

“อืม! นายกำลังฝัน”

“พี่ว่างงั้นเหรอ ถึงมาเข้าฝันผมได้น่ะ”

“หึ ๆ ใช่สิ อยู่ในฝันนายน่ะดีจะตาย เห็นมั้ย นายเรียกชั้นว่าพี่ด้วย ถ้าเลือกได้ ขออยู่ในฝันนายแบบนี้ตลอดไปดีกว่า” แอนดี้เพียงแค่ยิ้ม สีหน้ายังคงมีอาการป่วย แต่ก็ดูสดใสทีเดียว

“แม่ล่ะฮะ พี่เห็นแม่รึเปล่า”

“เห็นสิ แต่ท่านออกไปทานข้าวน่ะ นายเป็นอะไรมากมั้ย หิวน้ำรึเปล่า” แอนดี้เพียงแค่ส่ายหน้าน้อย ๆ ดวงตาเรียวเล็กจับจ้องไปยังใบหน้าคมตรงหน้าอย่างไม่วางตา

“ผมไม่อยากตื่น ผมอยากเห็นพี่แบบนี้นาน ๆ”

“ต่อไปไม่ว่านายจะหลับหรือจะตื่นนะ ชั้นก็จะอยู่กับนายแบบนี้แหละ ขอแค่อย่าหนีไปไหนโดยไม่บอกชั้นอีก”

“ถ้าผมตื่นขึ้นมา แล้วผมเรียกพี่ว่าเอริคล่ะ พี่จะโกรธรึเปล่า”

“ไม่หรอก”

“แล้วถ้าผมกวนใจพี่เหมือนเมื่อก่อนอีกล่ะ พี่จะรำคาญมั้ย”

“ไม่”

“แล้วถ้าผม...”

“นี่ ..แอนดี้ ไม่ว่านายจะทำอะไร ชั้นก็ไม่โกรธนายหรอก นายเคยเห็นชั้นโกรธนายลงงั้นเหรอ”

“หึ ๆ นั่นสินะ ...

…
..พี่รู้ได้งัยว่าผมอยู่นี่”

“พ่อหมี ก็ต้องตามหาลูกหมีเจอจนได้แหละ”

“พี่เป็นพ่อหมีเหรอ”

“นายอยากให้ชั้นเป็นอะไรล่ะ”

“พ่อหมีต้องใจดี ไม่โมโห แล้วก็รักลูกหมีมาก ๆ ด้วยนะฮะ”

“อืม! ตกลง ชั้นจะเป็นพ่อหมีที่ใจดี ไม่โมโห และรักลูกหมีแสนซนคนนี้มาก ๆ พอใจมั้ย ...พักเถอะ เดี๋ยวนายหนื่อยนะ”

...
..
.
“ สงสัยผมคงได้เวลาตื่นซักที” แอนดี้ส่งยิ้มน้อย ๆ มาให้เค้าอีกแล้ว รอยยิ้มจากริมฝีปากที่แห้งผาก แต่มันช่างทำให้โลกของเค้าดูสดใสเหลือเกิน

“พักผ่อนเยอะ ๆ นะคนเก่ง แล้วจงตื่นขึ้นมาอย่างแข็งแรงเหมือนเดิม ชั้นอยากวาดภาพหมีกับนาย ไกวชิงช้าให้นาย และก็ ...”

“และก็ ...

...และก็อะไรเหรอฮะ” แอนดี้เลิ่กคิ้วตัวเองอย่างสงสัย

“ไว้นายตื่นจริง ๆ ชั้นจะบอกนายตอนนั้น ...”


...............




พิธีจบการศึกษาในวันนี้ ครึกครื้นไปด้วยรอยยิ้มและผู้คนมากมาย

เอริคเดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอกหอประชุม เพราะตอนนี้เค้าชักเริ่มอึดอัดตัวเองอีกแล้ว ขายาว ๆ ก้าวสำรวจบริเวณโรงเรียนช้า ๆ ซึมซับกับบรรยากาศรอบตัวที่ต่อไปคงไม่ได้สัมผัสมันอีก

“เอริคคคคคคคค!!!!!!!”

เสียงคุ้น ๆ เสียงเดิมดึงให้เอริคที่กำลังใจลอยละล่องไปไหนต่อไหนหันหลังกลับมามองด้วยรอยยิ้ม

“ว่างัย ตื่นแล้วเหรอ”

“อืม ตื่นแล้ว” แอนดี้เดินยิ้มเข้าไปใกล้ ๆ เอริค ก่อนยื่นกล่องผูกโบว์สีชมพูไปตรงหน้า

“อะไรน่ะ”

“ของขวัญ”

“ให้เฮซองเหรอ”

“เปล่า ให้นายต่างหาก”

“สีชมพูแบบนี้เนี๊ยะน่ะ”

“ไม่เอาเหรอ งั้นทิ้งนะ”

“เดี๋ยว ๆ ๆ ใครว่าล่ะ เอาสิ เอริคเอื้อมมือไปหยิบเจ้ากล่องชมพูพิ้งค์มาถือไว้แนบอกตัวเอง ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินคุยกันไปยังถนนยาวไกลตรงหน้า ...
...
.
เป็นซัมเมอร์ที่ท้องฟ้าสดใส และสายลมก็ยังคงอุ่น ๆ เช่นเคย
คนทั้งสองจูงมือกันมาเรื่อย ๆ และหยุดเอาตรงริมทางใกล้ๆ สนามหญ้า ที่ ๆ ไม่มีใครมารบกวนเวลาและปราศจากเสียงเอะอะอันน่ารำคาญ

“นายจะกลับมาเรียนต่อหรือเปล่า”

“อืม! แต่คงเป็นเทอมหน้าอ่ะ เรียนปี 1 ใหม่”

“ไปเรียนกับรุ่นน้องน่ะเหรอ”

“ใช่ หน้าชั้นเด็กอยู่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก” สีหน้านิ่งๆ ของแอนดี้ ทำเอาเอริคต้องกลั้นหัวเราะ

“ตอนชั้นฝันเห็นนายน่ะ นายติดค้างอะไรชั้นไว้เรื่องนึงรึเปล่าเอริค”

“เรื่องอะไรเหรอ จำไม่ได้”

“เอ๊ะ ทำไมจำไม่ได้ล่ะ”

“อ่าว ก็นั่นมันฝันนายนี่”

“งั้นชั้นก็จะย้ำความทรงจำให้ นายบอกว่า นายจะพาชั้นไปขึ้นชิงช้า”

“อืม! แล้วงัย”

“และก็วาดรูปหมีให้ด้วย”

“อืม! แล้วงัย”

“แล้วอีกอย่างจะบอกตอนชั้นตื่น”

“งั้นเหรอ”

“แล้วจะบอกได้รึยังล่ะ”

“ได้สิ แต่บอกตรงนี้ไม่ได้หรอกนะ”

“ทำไมล่ะ”

“เอาเหอะน่า” เอริคจูงมือแอนดี้เดินช้า ๆ เลี่ยงหอประชุมไปยังด้านหลังอาคารสูงที่คุ้นเคย เพราะตอนนี้ผู้คนส่วนมากจะทยอยออกจากหอประชุมไปอยู่กันตรงบริเวณด้านหน้าตึก มุมหลังตึกจึงค่อนข้างเงียบ


เอริคเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู แต่มีมือของแอนดี้มายั้งไว้ซะก่อน

“พามาที่นี่ทำไม”

“เดี๋ยวก็รู้”

“ไม่กลัวว่าข้างในจะมีคนอยู่เหรอ”

“หึ ๆ เฮซองกะจอนจินน่ะเหรอ ตอนนี้น่ะ สองคนนั้นเค้าเปลี่ยนสถานที่กันแล้ว”

“จริงดิ ที่ไหนอ่ะ” แอนดี้ยื่นหน้าที่แสดงความอยากรู้อยากเห็นมากมายมาให้เอริค แววตาตื่นเต้นน่าดู

“บนดาดฟ้าตึกวิทย์”

ห้องเล็ก ๆ ยังคงสภาพเดิมไว้ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากหลายเดือนก่อนเลยสำหรับแอนดี้ เก้าอี้ตัวเดิม โต๊ะเดิม ๆ เฟรมผ้าใบเดิม ๆ ล้วนแต่อยู่ในตำแหน่งเก่า สายตาคู่เล็กหันมองรอบตัวด้วยความสุขใจลึก ๆ เมื่อนึกถึงความทรงจำของวันวานที่เค้าเคยเข้ามาขลุกตัวอยู่ในที่นี้

“พรประการนึงของนาย ชั้นจะทำให้มันเป็นจริง” เมื่อเห็นว่าแอนดี้กำลังเพลินอยู่กับการมองสำรวจโน่นนี่ เอริคอาศัยจังหวะเอื้อมมือทั้งสองข้างของเค้า คว้าเอาไหล่บางให้หมุนตัวเข้าสู่อ้อมกอดตนเอง ริมฝีปากหนาประกบจูบเบา ๆ ลงไปยังริมฝีปากอีกคน ที่เผยอค้างไว้เพราะการไม่ได้ตั้งตัว เพียงชั่วครู่ก่อนจะผละริมฝีปากออก


“เอริค...” แอนดี้มีสีหน้าแปลก ๆ เข้าไปทุกขณะ สองมือกุมเอาอกด้านซ้ายของตัวเองไว้แน่น ก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้น อาการนั้น ทำเอาเอริคต้องตกใจจนทำอะไรไม่ถูก มันมีอะไรผิดพลาดงั้นเหรอ

“แอนดี้!!! นายเป็นอะไรน่ะ นาย... สบายดีใช่มั้ย บอกชั้นสิ”

“ชั้น ... ชั้น .. ชั้นเป็นอะไรไม่รู้”

“ไปโรงพยาบาลมั้ย ไหวรึเปล่า ขี่หลังชั้นสิ แอนดี้”

“หัวใจชั้น .. มัน”

“หัวใจนายทำไม” เอริคเริ่มเครียด เค้าทรุดตัวลงตามร่างเล็ก ๆ ที่ขดตัวอยู่กับพื้น สองมือประคองร่างแอนดี้ไว้ สีหน้าแสดงความกังวลอย่างชัดเจน

“หัวใจมัน ... เต้น ..”

“หัวใจเต้น??”

“แล้วมันก็...สั่น”

“สั่น??”

“แล้วมันก็ ... จั๊กจี้อ่ะ” ว่าแล้วแอนดี้ก็เงยหน้าขึ้นมาหัวเราะคิกคัก

“นี่นายล้อชั้นเล่นเหรอ รู้มั้ยว่าชั้นตกใจ”

“นายเป็นห่วงชั้นงั้นสิ”

“ใช่สิ เป็นห่วงมาก”

“ชั้นไม่เป็นอะไรง่าย ๆ หรอก ไม่ต้องดีใจไป” เอริคนิ่งมองหน้าของอีกคนที่หัวเราะคิกคักไม่หยุดซักทีด้วยสีหน้าดุดัน ทำเอาแอนดี้เริ่มหุบยิ้ม จ๋อยไปถนัดตา

“ขอร้อง อย่าทำอย่างนี้อีกนะ”

“โกรธเหรอ”

“มันไม่ใช่เรื่องสนุก นายไม่รู้เหรอ ชั้นเจอกับมันมาแล้ว การที่คิดว่านายต้องเป็นอะไรไป การที่ไม่มีนายน่ะ รู้มั้ยว่ามันแย่แค่ไหน” สีหน้าสลดลงนั้น ทำเอาแอนดี้เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาบ้าง มันก็คงจะจริง ทำไมเค้าจะไม่รู้ล่ะ ก่อนต้องเดินทางไปผ่าตัดที่เมืองนอก ตอนนั้นโอกาส 50 /50 เค้าไม่แน่ใจกับตัวเองเลยซักนิด ว่าจะมีโอกาสได้กลับเจอกับคนที่เค้ารักอีกมั้ย ความทรมานน่ะเหรอ มันน้อยไปน่ะสิ

“ชั้นขอโทษ”

“อย่าไปไหนอีกแล้วนะ อย่าปิดบังอะไรชั้นอีก ชั้นไม่อยากรับรู้เรื่องอะไรของนายผ่านทางตัวหนังสือแล้ว ชั้นอยากรู้มันจากปากนาย”

“เรื่องอะไรล่ะที่นายอยากรู้น่ะ” แอนดี้ยังทำไม่รู้ไม่ชี้ต่อ

“ทุกเรื่อง” เอริคล้วงเป้ของตัวเอง หยิบเอาสมุดไดอะรี่สีส้มที่เค้าพกมันไปไหนมาไหนเสมอยื่นให้อีกคนตรงหน้า

“นายอ่านมัน งั้นสิ”

“อืม”

“อ่านทำไม ไดอะรี่คือของส่วนตัวนะ”

“ไม่งั้นชั้นจะรู้เหรอว่านายน่ะ มันปากแข็ง”

“เปล่าซักหน่อย” แอนดี้กอดอกหันไปอีกทาง หลบสายตาที่ส่องมาจ้องจับผิดเค้า

“นายชอบชั้น”

“เปล่า”

“งั้นนายก็รักชั้น” เอริคยังตามตอแยไม่เลิก

“บอกว่าเปล่างัย ... น่ารำคาญ”

“โกหก ทำไมนายไม่พูดล่ะ ว่านายชอบชั้นมานานแล้ว”

“บอกว่าปะ....” ทันทีที่แอนดี้หันมาอ้าปากปฏิเสธข้อกล่าวหานั้น ริมฝีปากที่รอท่าอยู่ ก็ประกบจูบลงไปอย่างรุนแรงทันที และคราวนี้ เอริคไม่ปล่อยมันง่าย ๆ เหมือนครั้งแรกซะด้วย เค้าใช้มือนึงล็อคเอวบางให้แนบชิดกับร่างของตน มืออีกข้างจับท้ายทอยประคองให้ใบหน้าหน้าของแอนดี้หลบหนีรสจูบรสนี้ไม่ได้อีกเป็นอันขาด

...เนิ่นนาน ... จนลิ้นเรียวของทั้งคู่เริ่มคุ้นเคยกัน ...

“เอริค”

“หืม”

“นี่คือจูบเหรอ”

“อืม”

“ชั้นชอบจูบจังเลย”

“เหรอ...

…ต่อไปชั้นจะจูบนายทุกวัน แต่นายต้องเรียกชั้นว่าพี่เอริคนะ”

“เอริค”

“หืม”

“จูบก็แค่นี้ แล้วทำไมพี่เฮซองกับพี่จอนจินต้องถอดเสื้อด้วยล่ะ”


“ไว้นายแข็งแรงกว่านี้ เดี๋ยวนายก็จะได้รู้"
...
..
.

“เอริค”


“หืม”


“ผมรัก .. พี่”
…
..
.
“ชั้นก็รักนาย .. แอนดี้”


...จบ...






คือจริง ๆ แล้วมันต้องเป้นเรื่องเศร้านะ ... แต่ทำไปทำมา ไหงกลายเป็นงี้หว่า แหะ ๆๆ มันอาจวก ๆ วน ๆ หน่อย ... ให้อภัยเค้านะฮะ ..

ช็อตฟิกเรื่องแรก (ช็อตฟิกบ้านไหนไม่รุ ยาวมั่กกกกกกกกกก) ไม่ถนัด ไม่ได้แก้ตัว แต่มันไม่ถนัดจริงๆ ... เหอ ๆ ๆ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะฮะทุกคน



พาร์ทต่อไปเป็นจินซองนะฮะ เอ หรืออูด้งดีหว่า
เอาเป็นว่าคิดเรื่องไหนได้ก่อนก้แต่งเรื่องนั้นและกันเนอะ



Create Date : 16 ธันวาคม 2551
Last Update : 29 ธันวาคม 2551 0:06:06 น.
Counter : 1118 Pageviews.

26 comments
Oh!! my sassy boss ตอนที่ 22 หน้า 2 unitan
(16 เม.ย. 2567 10:34:46 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 34 : กะว่าก๋า
(12 เม.ย. 2567 05:52:40 น.)
เวลวที่หายไป - บทที่ 26 ดอยสะเก็ด
(11 เม.ย. 2567 11:44:44 น.)
lead to better decision-making พุดดิ้งรสกาแฟ
(11 เม.ย. 2567 21:19:04 น.)
  
โฮกกกก..อบอุ่นจังอะ มันแบบตื้อๆ ข้างในใจอะ พี่อยากจะร้องไห้ หลายๆ ประโยคมันโดนมาก รักน้องแอนจัง พี่เอด้วย น้องพุดสู้ๆ พี่รออ่านเรื่องต่อไป
โดย: andybe IP: 58.9.222.48 วันที่: 16 ธันวาคม 2551 เวลา:23:06:51 น.
  
WoW !!! จุดนี้สรุปพ่อหมีกะลูกหมีชอบห้องนี้ใช่ไหมค่ะ ฮาฮาฮาๆๆ หวานมากๆๆๆๆ แอบขอเหมือนพี่บีนะค่ะ มีน้ำตาซึมด้วยนะค่ะ อันนี้เรื่องจริง คอนเฟิร์ม... (จะโดนฟ้องไหมค่ะคอนเฟิร์มเนี่ย ฮ่าฮาฮาๆๆ หนูพาออกนอกเรื่องและ อิอิ)


จุดนี้จินซองก็แอบร้อนแรงเหมือนเดิมนะค่ะ มีเปลี่ยนไปดาดฟ้าตึกวิทย์ด้วย ฮาฮาฮาๆๆๆ แหมๆๆ น้องจุ๊บร้อนแรงมีถอดส่งถอดเสื้อ อันนี้หนูจิ้นไปไหนต่อไหนและค่ะพี่ ฮาฮาฮาๆๆๆ


สู้ๆนะค่ะพี่พุดข๋า... รออ่านอีกสองคู่ ว๊าวๆๆๆ ตอนนี้ลุงออกมาจากค่ายฝึกกะลังไปทำงาน แถมไปรถสาธารณะ อิอิ พูดๆไปคิดถึงลุงเนอะค่ะ แล้วหนูพาพี่ออกเรื่องอะไรเนี่ย แหะๆๆ


สู้ๆนะค่ะพี่พุดข๋า หนูรออ่าน.... ชอบค่ะชอบบบบบ เรื่องนี้แอบประทับใจป๋าอีกแล้วววนะค่ะ ว้า... ก็คงเหมือนเดิมแน่ๆเลยค่ะ คือชายในฝันก็คือชายในฝัน แงแงแงแง


p'Pudding Fight!!!
โดย: praery_za IP: 58.10.170.72 วันที่: 16 ธันวาคม 2551 เวลา:23:14:35 น.
  
“จูบก็แค่นี้ แล้วทำไมพี่เฮซองกับพี่จอนจินต้องถอดเสื้อด้วยล่ะ” // อ๊ากกกกกกที่ไหนบอกมาว่าไปเหน 2 คนนี้ถอดเสื้อทำกิจกรรมในร่มกันที่ไหน เค้าจะตามไปส่องด้วยคน

หูยคราวนี้มันย้ายกันไปรับลมกันบนดาดฟ้าเลยวุ๊ยจริงๆแระห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าในโรงยิมก็เบสิคนะฮะ สนใจเปลี่ยนสถานที่อีกป่าว

เย้อเข้าเรื่องดีก่า .. ไดอะรี่เริ่มดีกรีความเศร้ามาเรื่อยๆ เจอวันที่ 1 กันยาเข้าไปน้ำตาเริ่มเอ่อ (มิได้โม้น๊า น้ำตาซึมเจงๆ) อ่านแล้วอินตามพี่ริคอ่ะ แบบว่าเหมือนกะลังช่วยพี่ริควิ่งตามหาวันเวลาที่ผ่านมา มันเหมือนคนกะลังจะสูญเสีย เหมือนคนที่กะลังรับรู้เสียงหัวใจตัวเองแต่สิ่งนั้นก็กะลังจะสูญสลายไป ชอบไดอะรี่ที่ดี้เขียนอ่ะ ไม่รู้เคยบอกป่าวว่าชอบตั้งแต่ตอนแรกแล้ว (จริงๆแล้วเจือกเรื่องชาวบ้าน เลยชอบไดอะรี่คนอื่น เหอๆ)

มันเหมือนไดอะรี่เปนกุญแจสำหรับไขหัวใจคน 2 คนเลยอ่ะ แบบว่าค่อยๆไขเจอคำตอบทีละนิดๆ อ่านแล้วลุ้นตามพี่ริคเลยนะนั่น (จริงๆพี่ริคคงชอบเพราะอ่านแล้วเหมือนเปนโคนันได้ไขความจริงจากห้องปิดตาย เย้ย!) แบบว่าวันนี้มีไรในใจดี้เพิ่มเติมมามั้ย เกิดไรกับดี้ มันลุ้นๆแบบตกลงเปนไรเนี่ย ทรมานอะไร เจ็บปวดมากมั้ย เหมือนตอนนี้ความรู้สึกทรมานและความลับในใจมันถูกถ่ายทอดมาที่พี่ริคอ่ะ พี่ริคกลายเปนคนรับรู้ความรู้สึก รับรู้อารมณ์และความเจ็บปวดของดี้มาไว้กะตัวเอง แถมยังต้องพ่วงกะความต้องการในการอยากเจอ อืม!นึกคำสวยๆไม่ออกอ่ะว่าเค้าเรียกไรหว่า ประมานว่าความปรารถนาหรือแรงปรารถนาในการอยากพบเจอคนที่โหยหามะ เหอๆ แบบว่าคนที่ปรารถนาจะพบเจอ จะได้เจอกันมั้ย จะสูญเสียคนๆนั้นไปทั้งที่ยังไม่ได้ทำไรเลย(หวังจะทำไรเนี่ยตรู!!)

อ๊ากกกกกก เริ่มวน สรุปว่าชอบอ่ะ คือมันไม่ได้เศร้านะ แต่มันซึ้งอ่านแล้วน้ำตาซึมเลยอ่ะ ผิดกะตอนแรกที่อ่านแล้วกรี๊ดกะฉาก 3 วิบนเก้าอี้ในห้องมืด แต่นี่มันเหมือนได้สัมผัสกะมุมมองความรักของคน 2 คนในมุมมองอีกมุมหนึ่งอ่ะ เหมือนจะงงๆวะฮะ

ชอร์ตฟิกมันไม่ได้มีกฎเกณฑ์ตายตัวซะหน่อยว่าต้องสั้นแค่กี่ตัวอักษร เพราะฉะนั้นเขียนออกมาเลยฮะ เรื่องนี้ยาวเท่านี้ เรื่องหน้าก็ค่อยปรับเปลี่ยน เด๋วสักวันก็จะถึงจุดที่เราพอใจเองแหละแต่จะเขียนยาวสั้นแค่ไหน ยังไงก็อ่านอยู่แระ เหอๆๆ เขียนมาเถอะรออ่านอยู่

ปล.เรื่องต่อไปขอจินซองก่อนได้มะ เด๋วยัดใต้โต๊ะให้ เหอๆๆ
โดย: Tom & Jinny วันที่: 16 ธันวาคม 2551 เวลา:23:16:17 น.
  
ตอนแรกทำเอานำตาตกเลยอ่าพี่พุด T^T
แต่ในที่สุดก็จบแบบ แฮปปี้ โล่งอกไปที่
ฮ่ะ
มันเป็นอะไรที่ซึ่งมาก ๆ เลยอ่ะ อ่านจบแล้วก็ยังไม่หายซึ่งเลย
โดย: ket_dd IP: 58.8.237.14 วันที่: 16 ธันวาคม 2551 เวลา:23:24:17 น.
  
"ถ้าผมรู้ว่าวันไหนคือวันสุดท้ายของชีวิต วันนั้น ผมอยากบอกเค้า ... ว่าผมรักเค้า

...แต่นั่นก็ถือไว้ว่าเป็นเรื่องดีสำหรับผม ที่เค้าไม่รู้อะไรซักอย่าง ..."

น้ำตาซึมเลยพี่พุด
โดนจริงๆ เฮ้อ...เหมือนเรื่องในชีวิตจริงตัวเอง T-T เฮ้อ...

ดีใจที่พ่อหมีกะลูกหมีสมหวัง น่าร้ากจริงๆเลย
ว่าแต่ “บนดาดฟ้าตึกวิทย์” เนี่ย
นาอยากไปแอบดูอีกจัง 555

ชอบนะพี่พุด ชอบมาก แม้จะเป็นช็อตฟิกเรื่องแรก แต่ก็แต่งออกมาได้ดีมากเลยจริงๆน้า
พาร์ทต่อไปเป็นคู่ไหน ก็จะตามมาอ่านอยู่ดี 55

สู้ๆค่าพี่พุด เป็นกำลังใจให้
Hwaiting!!!
โดย: da friday child วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:7:41:48 น.
  
จบแล้ว...

ดีใจที่แฮปปี้

เป็นครั้งแรกที่รู้สึกดีใจที่ฟิคจบแบบแฮปปี้เลยนะเนี่ย

ปกติเราชอบอ่านฟิคที่จบเศร้าๆซึ้งๆ...แต่เรื่องนี้เป็นข้อยกเว้นเลย

ตอนอ่านกลัวแทบแย่ว่าดี้จะตายก่อนจะเจอป๋า

แต่ในที่สุดพวกเขาก็ได้เจอกัน...มีความสุขจังเลย

ดีแล้วคะ..เราชอบฮะฮะ

รออ่านคู่ต่อไปนะคะ

ปล. ของพี่พุดเนี่ย..มันยังจัดในShort ficคะพี่ เพราะหาเราแต่ง...มันตั้งสามตอนแน่ๆฮะฮะ

ปล.ๆ เรื่องหน้าบีบคั้นหัวใจน้อยกว่านี้หน่อยนะฮะพี่พุด...คนอ่านหัวใจจะวายตามฮะฮะ..ลุ้นมากไป (ได้ข่าวว่าฟิคเราบีบคั้นยิ่งกว่าเขาอีกเหอๆ)

โดย: wizze IP: 125.25.15.3 วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:9:26:29 น.
  
อ่านตอนนี้แล้วลุ้นมากๆ อ่ะ กลัวนุ้งดี้จะจากพี่ป๋าไปจริงๆ...

ดาดฟ้าตึกวิทย์...อร๊ากกก เร้าใจไปหน่อยม๊ายย ว่าแต่..โรงเรียนไหนเนี่ย จิได้ไปส่องกล้องม่าง...

ไม่ถนัดเหรอ...พี่ก็ว่าดีอ่ะ ชอบ...ทุกเรื่องที่พุดแต่ง...จริงๆ นะเนี่ย ชอบภาษา ใช้คำแทนความรู้สึกหลายๆ อย่างได้ดีมากก เหอๆๆ อวยเยอะๆ เรื่องหน้าจะได้มาไว ๆ


จินซอง
จินซอง
จินซอง

ขอบคุณสำหรับฟิคหนุกๆ จ้า
โดย: แม่ยกชูงแจ วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:11:07:07 น.
  


นึกว่าพี่ปรือจะเป็นอะไรซะแล้ว

ซึ้งดี ชอบข้อความในได

น่ารักก



โดย: double J (Anti fan WGM) อย่าไม่เป้นทางการ IP: 222.123.121.88 วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:13:52:30 น.
  
ป๋าวิ่งตามหาดี้ พี่ก้อวิ่งลุ้นไปกะป๋า โห...กว่าจะเจอเล่นเอาพี่หอบเลยนะพุดดี้ ตะแรกพี่นึกว่าจะเจอดี้อยู่ในห้องเก็บสัมภาระซะแล้น ไม่ค่ะ...น้องพุดยังทรมานพี่ให้วิ่งตามป๋าเพื่อหาดี้ต่อไป แต่ดีจังที่ดี้ไม่เปนรัย ม่ายงั้นป๋านั่งยานกลับดาวแหง๋ๆ


ชอบจังเลย มันมีกลิ่นกระโปรงบาน ขาสั้น น่ารักใสๆ แต่ยกเว้นฉากคู่แม่ลูกนะ ตอนที่แล้วออกมา 3 วิ ส่วนตอนนี้ออกมาเปนเงาๆ แต่ก้อทำเอาเลือดกำเดาไหลได้ทู้กทีสิน่า...ช่างร้อนนนนนซะ.....

คู่ต่อไปขอ จินซอง จินซอง จินซอง น๊าน้องพุด (เผื่อน้องพุดจะเล่าฉากบนดาดฟ้า กะตอนฉากถอดเสื้อต่อ หุหุ)


พี่ชอบค่ะ (อีกแล้ว) จะรออ่านผลงานต่อไปนะคะ เด๋ววันนี้จะกลับไปอ่าน เรื่องเล่าฯ ซะหน่อย
โดย: ไอ้หนูลูกพ่อ IP: 155.140.255.113 วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:15:27:37 น.
  
จบแบบนี้ก็ดีแล้วพุด

เศร้า ซึ้ง กำลังดี

พี่ไม่อยากร้องไห้ให้กับพ่อหมีลูกหมี

คู่ต่อไปขออูด้งก่อนได้ป่ะ อิอิ

โดย: piyawan IP: 118.172.245.179 วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:16:30:27 น.
  
“จูบก็แค่นี้ แล้วทำไมพี่เฮซองกับพี่จอนจินต้องถอดเสื้อด้วยล่ะ” ///กี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
นุ้งดี้เหนจิงอ่ะ ที่ไหนๆๆๆ ดาดฟ้าตึกวิทย์อยู่ทีหนายยยยยยยย โรงเรียนอะไรขอตามไปส่องด้วยคนนนน


ฟิคพี่พุดซึ้งจังอ่ะ อ่านไปน้ำตาซึมไป จิงๆ นะ แถมมีให้แอบลุ้นตามไปด้วยอีกต่างหากว่าคนแต่งจะใจร้ายให้พี่ป๋ากำพร้าเมียมั๊ยเนี่ย
แถมตอนนุ้งดี้แกล้งพี่ป๋าตอนท้ายทำเอาเค้าตกใจตามพี่ป๋าไปเลยนะนั่น...แต่โชคดีที่คนแต่งน่ารัก เลยให้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง อ่านแล้วชอบจังเลยค้าบบบ~
ไม่วกวนเหมือนที่พี่พุดบอกเลยด้วย (รึเพราะเค้าชินกะสำนวนพี่พุดอยู่แล้วหว่า) สนุกจิงๆ นะ ถึงจะเปนช็อตฟิคแบบยาวๆ แต่ก้อสนุกอ่ะ
ว่าแต่คู่เดอะเบิร์ดนี่โดนเดอะแบร์ไล่ที่หรอ ทำไมถึงย้ายสถานที่ไปเปนดาดฟ้าซะหละ รึบรรยากาศบนดาดฟ้าดีกว่าห้องมืดเอ่ย เหอๆๆ

เปนกำลังใจให้พี่พุดแต่งตอนต่อไปน้า สู้ๆๆๆๆ ไฟท์ติ้ง ^ ^

ปล.คู่หน้าขอซัก 3ตอนจบน้า (พี่พุดบอกช็อตฟิคบ้านแกรเรอะ 3ตอนจบ 555)
โดย: Bowiie IP: 58.64.85.219 วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:18:04:36 น.
  
ฮื้ออออออ ซึ้งงงงงงงงง่ะ ป๋าเดินตามหาดี้แต่ละที พี่รู้สึกเหมือนเดินไปด้วยช่วยตามหาเลย เหนื่อย เศร้า คิดถึง และค่อดเป็นห่วง T_T อินมากมายยยย

กร๊ากกกก พรุ่งนี้ไปซุ่มโป่งแถวดาดฟ้าตึกวิทย์ดีก่า (ว่าแต่ โรงเรียนไหนล่ะเนี่ย -*-)

ปล. อ่านแล้วอยากเห็นเป็นหนังวุ้ย แบบเรื่องสี่แพร่งหน่ะ (แต่อันนี้เป็นสามแพร่ง สัญลักษณ์ตัว Y พอดี เหอๆๆ) ที่เรื่องนึงประกอบไปด้วยหนังสั้นสามเรื่อง กรี๊ดดดด ทำได้แน่นอน ตัวละครเด่น ฉากดี บทได้อารมณ์เยี่ยงนี้
โดย: duckie IP: 124.122.192.4 วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:19:35:46 น.
  
โอย เหนื่อย ขอหอบสามเฮือก กว่าพี่ริคจะตามหาน้องแอนเจอ บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนน
ความรู้สึกของแอนตอนเขียนได เริ่มมาตั้งแต่แอบมอง แอบชอบ แอบปลื้ม แอบรัก และสุดท้ายแอบเจ็บอยู่คนเดียว เศร้าฮ่ะ กว่าเค้าจะรู้ก็แทบจะกระอักกับความรักกันเลย

"ผมอยากมีชีวิตยืนยาวเหมือนคนทั่ว ๆ ไป หรือย่างน้อยที่สุด ผมแค่อยากขอยืดเวลาออกไปอีกหน่อย ..... 1 วินาที 1 นาที 1 ชั่วโมง หรือ 1 วัน ... มันก็มีค่าเสมอสำหรับผม"


"...เอริค พี่อย่ารักผมนะ...
ผม ... ผมเริ่มรู้สึกตัวเองว่าผมรักเค้าจนมันเจ็บปวดเข้าไปทุกทีแล้ว ...
บอกหน่อย ผมควรทำไงดี หัวใจเริ่มทำงานหนักเข้าไปทุกที "

"ผมกลับอยากได้รับสิ่งที่เรียกว่าความรักจากเค้าบ้างแล้ว ... ผมทรมานจังเลย"

ประโยคไคลแม็กที่ทำให้คอตีบตัน จนถึงขั้นเสียน้ำตาเลยทีเดียว
บทจะเศร้า ก็เศร้าซะ แต่พอจะหวาน ก็หวานซะยกมดกันมาทั้งรัง
แหมน้องแอนขา เรื่องนี้น้องเป็นเด็กไร้เดียงสามากเลย "จูบเป็นงัย" ฮิฮิ รู้แล้วชิมะ แล้วก็ "แล้วทำไมพี่เฮซองกับพี่จอนจินต้องถอดเสื้อด้วยล่ะ” เด๋วก็รู้ อิอิ

แต่ว่า ห้องนั้นพี่ริคกะน้องแอนรับช่วงต่อชิมิฮะ เพราะคู่ขั้นเทพนั่น เค้าเปลี่ยนโลเกชั่น เป็นดาดฟ้าไปแว้ว นุ่งลมห่มฟ้ากันเลยทีเดียว จะหวือหวาไปถึงไหนค้า

ฟิคพี่ยังเยี่ยมเหมือนเดิมค่า แม้จะเป็นช็อตฟิก ตอนหน้าเห็นว่าเป็นจินซอง ขอล้างตารอเลย

สุดท้าย แบ็คกราวน์น่ารักมาก แต่เป็นเจ้าหญิง เจ้าชายหมีชิมิฮะ ไฟติ้งค่า~~



โดย: โบ_andyholic IP: 115.67.134.162 วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:20:45:19 น.
  
แอบลุ้นอยู่ว่าตอนจบจะแฮปปี้เอนดิ้งรึป่าว แต่พี่พุดก็ไม่ขัดศรัทธาแฟนๆ เรื่องนี้ซึ้งมากค่ะ ไม่รู้ว่าทำไมแต่เป็นเพราะช่วงนี้ตัวเองเหนื่อยแล้วก็เครียดด้วยมั้งคะ (จะบ่นเรื่องตัวเองทำไมเนี่ย!!!) ฟิคพี่พุดสนุกและน่าประทับใจทุกเรื่องเลยค่ะ ขอบคุณพี่พุดมากๆนะคะ ที่ทำให้แฟนๆมีความสุขอ่ะค่ะ
ปล.เรื่องหน้าขออูด้ง รับขวัญแม่บ้านกำนันที่เพิ่งออกจากกรมจะได้มั้ยคะ พี่พุด อิอิ ไฟท์ติ้งค่า^^
โดย: keiropi IP: 125.26.123.82 วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:21:04:15 น.
  
อ่านฟิคด้วยใจระทึก ลุ้่นบรรทัดต่อบรรทัดเลยอ่ะนะ เหอๆๆ คนแก่ก็ลุ้นคู่พ่อหมีกับลูกหมีเหมือนกัีนอ่ะนะ นึกว่าจบเศร้าซะแล้วว ดีจายที่แฮปปี้เอนดิ้ง เย้ๆๆ แต่งฟิคเก่งจังค่ะ มะเห็นวกวนเลยจริงๆ นะ

สำหรับเรื่องต่อปายยย กร๊ากกกสสส ... แค่อ่านเรื่องของแม่นกกะลูกนกแว๊บๆ ผ่านสายตาลูกหมีก็ เอิ๊กสสส... อยากอ่านเร็วๆ จังเลย พี่เก๋จะลงแดงตายก่อนมะเนี่ย ระหว่างนี้อ่ะ เหอๆๆ

ขอบคุณสำหรับฟิคน่ารักและสนุกๆ แบบนี้นะคะ เป็นกำลังใจให้น้องพุดสำหรับเรื่องต่อไปนะจ๊ะ ^^
โดย: kayzila IP: 124.122.181.212 วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:21:39:47 น.
  
ฮู้ว...แอบลุ้นว่าดี้น้อยของเราจะเป็นอะไรไปรึเปล่า
แต่สุดท้ายก็แฮปปี้เอนดิ้ง...
...อืม ซองกับจินย้ายสถานที่ไปเป็นดาดฟ้าตึกวิทย์เหรอค่ะ น่าตามไปดูจริงๆ

ขอบคุณพี่พุดค่ะ

โดย: carina_jeab IP: 58.9.82.100 วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:23:07:40 น.
  
ย่องมาเม้นท์ซะหน่อย อ่านไปตั้งกะวาน

น่ารักอีกแล้วอ่ะน้องพุด fic จบแต่อารมณ์ยังไม่จบ ยังนั่งยิ้มอยู่ได้ตั้งนาน

มันอบอุ่น มันน่ารัก ชอบอ่ะ

"เอริค...ผมรักพี่"

โอ๊ย.....จินซองก็เอาน่ารัก ๆ แบบนี้นะ ลากได้เยอะ ๆ ก็ดี อิคู่นี้มันต้องลากกกกก

ขอบใจจ้าสำหรับฟิคดี ๆ อีกเรื่องนึงที่ทำให้พี่ยิ้มได้
โดย: ekada IP: 203.146.146.130 วันที่: 18 ธันวาคม 2551 เวลา:16:12:14 น.
  
อ่านไปลุ้นไปด้วยอะคะพี่พุด จิ้นประหนึ่งว่าตัวเองเป็นป๋า "เอริค...ผมรักพี่" ชอบจังประโยคนี้ รอติดตามอ่านผลงานพี่พุดเรื่องต่อไปนะคะ
โดย: elle IP: 82.230.219.252 วันที่: 18 ธันวาคม 2551 เวลา:16:40:36 น.
  
พี่ป๋าน่ารักจริงๆ ตามหาน้องดี้ทุกที่ ในที่สุดก็เจอะ
น้องดี้ก็น่ารักมากๆ

“ผมรัก .. พี่”
“ชั้นก็รักนาย .. แอนดี้”

แค่คำพูดไม่กี่คำ ก็สามารถสื่อความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้กันได้

น้องพุดเข้าใจผูกเรื่องโดยใช้ไดอารี่เป็นตัวไขปริศนาน่ะ
สำนวนที่ใช้ชัดเจน เข้าใจง่าย เนื้อเรื่องกระชับดี
และที่สำคัญ...แฮบปี้เอนดิ้ง..... (อันนี้คุณ(ผู้อ่าน)ขอมา..ใช่ป่าว....)

เห็นมีแต่คนขอ "จินซอง"
เอา "จินซอง" ก่อนก็ได้ แต่ขอฉาก.........เยอะๆ หน่อยนะ

ขอบคุณน้องพุดที่แต่งเรื่องสนุก ๆ ให้อ่าน
จะตามอ่านเรื่องต่อไป เป็นกำลังใจให้น้องพุดจ๊ะ สู้ สู้
โดย: Pekkiokung IP: 58.8.221.53 วันที่: 18 ธันวาคม 2551 เวลา:23:48:54 น.
  
แล้วลุงมะมีคู่หรอคะ เอจำเรื่องตอนแรกมะค่อยได้และ มีมินมิน ป่าวหว่า?? เหอๆ เป็นอัลไซเมอร์ขั้นรุนแรง

ขอบคุณพี่พุดนะคะ จริงๆเข้ามารออ่านทุกวันเลยนะเนี่ย อิอิ ยิ่งคู่นี่ยิ่งชอบใหญ่ (ริคดี้)
โดย: นู๋จัน IP: 58.9.51.50 วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:0:56:03 น.
  
ชอบดี้เล่นมุก เจ็บหัวใจอะ
น่ารักได้อีกนะ

กรี๊ดพี่พุด ไม่ยาวไปนะ แอบอยากอ่านต่อด้วยซำไป
โดย: หลังเขา IP: 222.123.194.36 วันที่: 21 ธันวาคม 2551 เวลา:16:30:31 น.
  
อูย....หวานซะ

แอบมีเศร้านิดๆด้วย...
โดย: พี่ตาล IP: 124.121.4.225 วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:17:23:36 น.
  
ช็อตฟิคบ้านไหนยาวมากกกกก็ไม่รู้
รู้แต่ว่าช็อตฟิคบ้านนี้ยิ่งยาวยิ่งดีอ่ะดิ
อ่านแล้วอยากให้เป็นเรื่องยาวมากกว่า
เป็นฟิคสั้นซะอีก ก็เนื้อเรื่องมันน่ารัก
น่าลุ้นมากๆนี่นา... น่ารักก็ช็อตหลอกใช้
เพื่อให้ได้อยู่ใกล้ๆ คนที่ตัวรัก กระหนุง
กระหนิงไปเรื่อย... น่าลุ้นก็ตอนที่น้องดี้
มีอาการเหมือนจะได้ไปสวรรค์อยู่รำไร..
อ่านแล้วไม่อยากให้จบเลยนะเนี่ย........

เรื่องนี้จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งก็ดีแล้วหละ
จะจบแบบเศร้าไปทำไมล่ะ ทำร้ายทั้งจิต
ใจของป๋า... ทั้งของคนอ่านเชียวน๊าาา..
จริงปะ...........................................

ขอบอกว่าตอนนี้สนุกมากกก ไม่ว่าเรื่อง
ไหนก็สนุก ก็การแต่งฟิคของพุดแต่ละ
เรื่องมันดีไปหมดทุกมุมมองน่ะ อ่านแล้ว
มันลื่นไหลดี ทุกคำพูดคำจาก็เข้าท่าน่า
อ่านไปหมด บอกได้คำเดียวว่า "ชอบ"

จบไปแล้วสำหรับคู่รักหวานแหว... ทีนี้เราจะรอเรื่องของคู่รักร้อนแรงต่อไป...
ขอฟิคสั้นแบบยาวได้ป่ะ แบบว่า 2 ตอน
มันน้อยไปอ่ะ (ขอมากไปปะเนี่ย) ได้ไม่
ได้ไม่เป็นไร ยังไงก็อ่านอยู่ดี หุ หุ หุ....

สุดท้ายแล้ว ก็ขอให้พุดมีความสุขมากๆ
นะ จะได้แต่งฟิคได้สนุกๆไง พูดเหมือน
หวังดีแบบหวังผลแฮะ...

แล้วสุดท้ายจริงๆ อย่าลืมคู่มินนี่กะวานนี่
นะจ๊ะ (สรุปอยากอ่านมันทุกคู่แหละ).....

.......................BYE........................




โดย: JM IP: 116.58.231.242 วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:3:28:25 น.
  
น้ำตาแทบไหลเลยค่า ตอนที่อ่านไดอารี่ของดี้...Y-Y

ซึ้งใจจริงๆเลยค่า....ริคดี้ จงเจริญ พี่พุดจงเจริญ ไชโย ไชโย
โดย: เอ๊ะ IP: 58.8.83.59 วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:23:59:19 น.
  
ถาม..ทำไมหมีถึงกินกล้วยไม่ได้...ToT

หนูดีเรื่องนี้...น่าสงสารจัง...แอบรักเขา...แต่โชคดีที่มีไดอารี่.ช่วย..ไม่งั้นก็คงจะจบแบบเศร้า...เหมือนหนู..ที่ไปแอบชอบเค้า....แต่ไม่สมหวัง...(T_T")
โดย: กล้วย IP: 125.25.244.211 วันที่: 10 มกราคม 2552 เวลา:19:11:18 น.
  
แวะมาอ่านจนจบ..

เรื่องนี้บีบหัวใจสุด ๆ เลยหล่ะค่ะ
อ่านไปก็กลัวว่าจะจนเศร้า..ลุ้นสุด ๆ เลยตอนป๋าตามหาดี้ ป๋าจะเจอไม๊ ถ้าเจอจะเจอตอนไหน เจอยังไง

อ่านไดอารี่ไปพร้อมป๋า ก็แอบยิ้มตามป๋าเลยทีเดียวว
แต่ดี้เก็บซ่อนความรู้สึกได้สุดยอดจริง ๆ (หรือป๋าความรู้สึกช้าหว่าา - -*)
โชคดีว่าป๋าได้อ่านไดนะเนี้ยย ไม่งั้นก็คงไม่รู้เลยยย ถึงความรักของลูกหมี

ประทับใจตอนป๋าตามหาดี้มาก ๆ เลยค่ะ รู้สึกถึงความรัก ความห่วงใยของป๋าเลยย (เวอร์ไปไม๊หว่าา - -*)
แต่เรื่องนี้ป๋าเอาใจไปเต็ม ๆ เลยย [[ต้องดูแลดี้ดี ๆ ด้วยน๊าคะป๋า~]]

สรุปว่าชอบเรื่องนี้มาก ๆ เลยค่ะ
(ตอนแรกว่าจะอ่านเฉย ๆ แต่อ่านจบต้องขอเม้นทันที เพราะน่ารักมาก)
แอบน้ำตาซึม ๆ ด้วย.. ถ้าจบแบบไม่แฮปปี้สงสัยว่าต้องมีทะเลน้ำตาแน่ ๆ เลยอ่ะคะ
แต่พอจบแบบนี้.. โอ้ววว ประทับใจที่สุดเลยค่ะ..
ต้องขอติดตามผลงานต่อนะคะ ^ ^
โดย: saarazii IP: 203.172.236.37 วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:9:22:17 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Puddy.BlogGang.com

พุดดิ้งของซอนโฮ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]