Make a plan to love me (รักนี้ มีแผน 2) #5



Make a plan to love me (รักนี้ มีแผน 2)


…5... คืนที่วาบหวาม ความรักเฝ้าถามหาใคร ..???



พระจันทร์เต็มดวงสวยทอแสงอยู่บนผืนฟ้า เหนือตึกใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน เวลากลางวันอาจมีผู้คนพรุกพล่านจนเหมือนจะวุ่นวาย แต่ตอนนี้ 3 ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว จึงไม่แปลกที่จะมีแค่เพียงความเงียบปกคลุมไว้เท่านั้น

“ห้ามหลับตา จนกว่าจะถึงเวลา เข้าใจมั้ย” เอริคยังคงสั่งย้ำ แม้ว่าอีกคนจะพยักหน้ารับรู้แล้วก็ตาม

“ผมกระพริบตาได้มั้ย”

“หึ ได้ ถ้านายสามารถน่ะนะ”

ว่าแล้ว เค้าก็เลื่อนหน้าของตัวเองเข้าหาคนตรงหน้าช้า ๆ ช้าจนตัวเองยังรู้สึกว่าระยะทางมันช่างห่างกันเหลือเกิน แต่แอนดี้ผู้พาซื่อ ก็คงจ้องมองดวงตาคู่คมของอีกคนอยู่อย่างนั้น แม้ว่ามันจะขยับเข้ามาใกล้จนแทบแนบชิดกับหน้าเค้าอยู่แล้วก็ตาม ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ นั้น

ใกล้ขึ้น..

อีกนิด ...

และอีกนิด...


จนในที่สุด …


“อื้มมมมม” เสียงครางแผ่วเบาในลำคอ เล็ดลอดออกมาเป็นเสียงสุดท้าย ก่อนที่รอบกายทั้งคู่ จะเงียบงันลงอีกครั้ง


... แอนดี้ นายกำลังอยู่ในความฝันใช่มั้ย ทำมัยรอบตัวดูล่องลอยชอบกลนะ หวาน และ อบอุ่นเหลือเกิน นี่เค้าหลับไปนานแค่ไหนแล้ว ไม่สิ เค้าเพียงแต่หลับตา มันคือความจริงต่างหาก .... อ่า .. ใช่แล้ว มันเป็นความจริง พี่เอริค อย่านะ อย่าเพิ่งถอนจูบของพี่ออกไป อย่าเพิ่ง ... อย่าเพิ่ง .. อย่า ...

และเหมือนเอริคจะอ่านใจของแอนดี้ออก จูบนั่น จึงกลายเป็นจูบที่ยาวนาน ... เสมือนใครบางคนจงใจให้เวลาหยุดนิ่งอยู่เพียงแค่เค้าสองคนเท่านั้น

...จนกระทั่ง

....ได้เวลา ...สิ้นสุด..



เอริคถอนริมฝีปากของเค้าออกจากแผ่วเบา แต่ดวงตาคู่คม ยังคงจับจ้องอยู่บนแก้มใส ๆ ที่บัดนี้ มีสีเลือดสูบฉีดระเรื่อเต็มหน้าอย่างไม่วางตา แอนดี้เอง ยังคงหลับตาพริ้มในท่าเดิม ไม่กล้า แม้แต่จะเปิดเปลือกตาของตัวเองขึ้น

((มะวานเราก็โดนจูบนี่น่า มันเกิดขึ้นเพราะความไม่ได้ตั้งตัวรึเปล่า ลืมตาขึ้นมาก็มีหน้าพี่จินอยู่ห่างไม่ถึงเซ็นต์ มันคืออารมณ์ตกใจใช่มั้ย เพราะว่ามันช่างแตกต่างจากครั้งนี้มากมาย หรือเพราะครั้งนี้ คนตรงหน้าคือพี่เอริคกันแน่ โอ้ย!! นายกำลังเคลิ้มไปกับรสจูบของพี่เอริคใช่มั้ย .. แอนดี้ นายบ้าไปแล้ว ทำมัย ??? ))))

“เป็นอะไรเหรอแอนดี้ หืม! ” เอริคทักขึ้นเมื่อเห็นแอนดี้ขมวดคิ้ว ทำหน้ายุ่ง

กว่าแอนดี้จะพยายามรวบรวมกำลังใจแล้วลืมตาขึ้นมาได้ ก็นับว่าใช้เวลาไปโข แถมยังค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาทีละข้างซะอีก พลอยทำให้คนที่นั่งจ้องมองอยู่แล้วต้องอมยิ้มกับท่าทีนั้นจนอยากจะจูบซ้ำลงไปอีกครั้ง.....แต่ก็ได้แค่คิด


“พี่เอริค .. ทำมัย .. ถึง”

“ถือเป็นของขวัญวันเกิดชั้นนะ...แอนดี้ และก็ขอบคุณนายมากสำหรับคืนนี้ ชั้นมีความสุขมาก”
หน้าเหวอ ๆ แดง ๆ ตอนนี้ บวกกับดวงตาแป๋วที่กระพริบปริบ ๆ ของแอนดี้ยังคงจ้องมองมาระคนมีอาการสงสัยไม่หาย มันยิ่งทำให้เอริคยากที่จะระงับความอดทนไปได้นานกว่านี้จริงๆ ความคิดที่จะหยุดไว้เพียงแค่รอยจูบเดียวแต่แรก จึงขาดผึงลงแค่ตรงนั้น ..

“งั้น ...ชั้นขอของขวัญเผื่อไว้ปีหน้าเลยได้มั้ย???.. แอนดี้..”



“พี่ ... เอ ร...”

ไม่มีประโยคใดตามมาหรือเล็ดลอดออกจากปากแอนดี้ได้มากกว่านั้นอีกแล้ว มือเล็กที่ยังจับแน่นอยู่กะกระป๋องเบียร์เมื่อครู่ บัดนี้ถูกวางลงบนโต๊ะอย่างลวก ๆ คว้ากระชับเอาสูทของเอริคได้ทันก่อนที่ตัวเองจะหงายหลังเนื่องจากการรุกแบบไม่ทันตั้งตัวของคนตรงหน้า เอริครีบประคองเอาเอวของคนร่างเล็ก รั้งมันไว้ให้เข้ามาแนบชิดกับร่างของเค้าได้อย่างทันท่วงที .... รอยเดิม จูบเดิม ที่เดิมแป๊ะ ๆ แต่เพียงชั่วครู่ก่อนจะถอนริมฝีปากออกเพื่อมองหน้าอีกคนที่นิ่งอยู่ในวงแขนตัวเองชัด ๆ อีกครั้ง

“ทำมัยไม่ตอบ .. ถ้าเงียบจะถือว่าตกลง” เอริคส่งยิ้มที่ชวนละลายกับสายตาที่ประหัดประหารคนได้มาให้อีกแล้ว

“ก็แล้วพี่จะถามทำมัยอ่ะ พี่จูบผมไปสองครั้งแล้วนะ ผมยังไม่อนุญาตซักหน่อย” แอนดี้ยังคงทำหน้างอลอยู่ เพียงแต่มองดูจากมุมนี้ มันเหมือนจะใช่สีหน้าของคนกำลังเขินมากกว่า

“งั้น.....ชั้นขอถัดไป 2 ปีรวดเลยแล้วกัน ... เงียบคือตกลง” ยังไม่ทันจะเว้นจังหวะให้อีกคนได้หาคำตอบ เพราะเค้าจัดการตอบคำถามแทนเสร็จเรียบร้อยไปแล้วนั่นเอง


บัดนี้โซฟารับแขกตัวยาวในห้องทำงาน คงต้องเพิ่มหน้าที่เป็นเตียงนอนให้อีก 2 ชีวิต ไปโดยปริยาย ในคืนแสนหวานคืนนี้ ความรักโอบล้อมคนทั้งคู่อยู่อย่างอบอุ่น... และเป็นสุข..เหลือเกิน





..
..

อีกฟากภายใต้ท้องฟ้ากรุงโซลเช่นเดียวกัน

ในคืนที่ดวงดาวกระพริบเต็มฟ้าสายลมพัดเอื่อย ๆ พระจันทร์ส่องแสงนวล ๆ แทบไม่แตกต่างกันซักนิด

จอนจินที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้านตั้งแต่เริ่มกินข้าวเย็นเสร็จจนตอนนี้ เบียร์กระป๋องแล้วกระป๋องเล่าถูกลำเลียงเข้าปากไม่หยุดหย่อน เฮซองขึ้นไปอาบน้ำแล้ว แต่แอนดี้ยังไม่กลับ ดึกป่านนี้แล้ว เพราะเรื่องเมื่อวานรึเปล่า แอนดี้เลยไม่อยากกลับมาเห็นหน้าเค้า เฮ้อ!!! ทำมัยเป็นงี้ไปได้

คำพูดเฮซองตอนบ่าย ฉุดให้ต่อมผิดชอบชั่วดีทำงานหนักจนซดเบียร์ไม่คล่องคอเอาซะเลย

“ยังไม่นอนอีกเหรอ” ผู้มีศักดิ์เป็นออมม่าปลอม ๆ ของเค้าเพิ่งอาบน้ำเส็ด เดินมาสมทบหย่นตัวลงบนเก้าอี้อีกตัวข้าง ๆ กัน

“ออมม่า ยังไม่นอนเหรอฮะ”

“เมื่อไหร่นายจะเลิกเรียกชั้นว่าออมม่าซักทีนะ”

“เป็นออมม่าก็ต้องเรียกว่าออมม่าสิ”

จอนจินตอบสีหน้าเรียบเฉย ก่อนหันไปดื่มเบียร์อย่างเดิม เฮซองนึกขำกับกิริยานั้น ความจริง เค้าเริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองชักกะชินกะมันแล้วเหมือนกันนะเนี๊ยะ


“คืนนี้อากาศดีนะ”

“ฮะ”

ในเมื่อเห็นคนข้าง ๆ มีสีหน้าเครียด จึงเริ่มหาเรื่องชวนคุย แต่เค้ากลับนึกแปลกใจตัวเองนิดหน่อย ที่ดันชวนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศซะงั้น


“ทำมัยวันนี้น้องกลับดึกจัง” จอนจินถามขึ้น โดยที่สายตายังคงเหม่อมองออกไกล จุดหมายคือรั้วหน้าบ้าน ถ้าเพียงแอนดี้กลับมา เค้าอาจจะได้..สารภาพ...

“เค้าโทรมาบอกว่าจะนอนค้างบ้านเพื่อนน่ะ”

“นอนบ้านเพื่อน” คำตอบชวนเอาหัวใจหล่นวูบ .. นี่แอนดี้ไม่อยากเห็นหน้าเค้าจริง ๆ ใช่มั้ย


จากที่จิบเบียร์เรื่อย ๆ กลายเป็นส่งเข้าปากอย่างไม่เว้นจังหวะ ความถี่ของแต่ละอึกสูงซะจนคนนั่งข้างยังกังวล

…
..
“ไม่สบายใจอะไรรึเปล่า เบา ๆ ก็ได้นะจอนจิน เดี๋ยวก็เมาหรอก”

…
..
.
“ถ้าวันนึง ผมเกิดจำอะไร ๆ ขึ้นมาได้ ผมจะกลับมาที่นี่อีกได้มั้ย”จู่ ๆ จอนจินก็ถามแทรกความเงียบขึ้นมา เฮซองได้แต่มองอย่างแปลกใจ นอกจากวันนี้จอนจินจะดูเครียดกว่าปกติ เค้ายังดูอ่อนไหวกว่าปกติอีกด้วย


“ได้สิ ทำมัยจะไม่ได้ล่ะ ไว้ถ้านายเจอออมม่าของนายจริง ๆ แล้ว ชั้นจะไปเยี่ยมท่านด้วย ดีมั้ย”

…อีกคนยังนิ่ง

“ชั้นเป็นคนที่ทำให้นายต้องเป็นอย่างนี้ ยังงัยซะ ชั้นก็ต้องขอโทษนายด้วย”

ประกายตาอบอุ่นและคำขอโทษนั้น มันกลับทำให้ใบหน้าของจอนจินที่มอง ต้องหมองลงไปอีกถนัดตา
แต่หากยังฝืนยิ้มเล็ก ๆ ของตัวเองส่งให้อีกคนแทนคำขอบคุณมากมาย เฮซองผิดที่ไหนเล่า ตัวเค้าเองต่างหาก และหากกว่าวันหนึ่ง ความจริงถูกเปิดเผยขึ้นมา คน ๆ นี้จะยอมรับคำขอโทษของเค้ามั่งมั้ยนะ.. .

จอนจินคว้ามือเรียวของคนข้าง ๆ ขึ้นมากุมไว้อย่างทะนุถนอม สายตาที่แดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์และเศร้าหมองกับความผิด มันทำให้เฮซองนึกอยากโอบกอดคนข้างหน้าไว้เหลือเกิน เอ ทำมัยเค้าถึงนึกแบบนี้นะ

“ออมม่าฮะ ...ถ้าผมทำอะไรผิด ผมจะยอมให้ออมม่าโกรธผม ลงโทษผมได้จนกว่าออมม่าจะพอใจเลย”

“หึ พูดอะไรอ่ะจอนจิน ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”

“ก็พูดเผื่อ ๆ ไว้น่ะฮะ”

“อืม งั้นชั้นก็รับรองได้เรย ว่าชั้นจะลงโทษนายอย่างสาสม ปล่อยมือได้แล้ว อ้อนเป็นเด็กเลย ตัวยังกะยักษ์ ไอ่ลูกนกยักษ์”

ความหม่นหมองเมื่อนึกถึงหน้าใครอีกคนที่เค้ารักเริ่มบรรเทาเบาบางไปบ้าง เมื่อความสำนึกผิดที่เค้าทำไว้กะอีกคนข้าง ๆ ตรงนี้ มันมีมากมายเหลือเกิน เค้าจะทนโกหกคนตรงหน้าไปได้อีกนานแค่ไหนกันนะ

“ผมไปอาบน้ำนะฮะ ดื่มต่อไหวแล้ว”

เมื่อรู้สึกอึดอัดเกินไป เค้าก็เลือกที่จะลุก และเดินออกไปจากตรงนั้น ปล่อยให้เฮซองมองตามร่างสูงจนลับตา

..
..
.

อาการแปลก ๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ทำให้เฮซองต้องคว้ากระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มอึกใหญ่
เค้าก้มหน้าลงมองมือของตัวเองข้างที่ถูกจอนจินกุมไว้ตะกี๊ ร่องรอยอุ่นยังคงปรากฏอยู่เลย และหัวใจเค้าก็ยังคงเต้นแรง

((นายเป็นไรไปเฮซอง นายเป็นอะไร)) ในใจเค้าเฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น

((เค้ามองนายเป็นออมม่าเท่านั้น เค้ากำลังมีปัญหากับสภาพจิตใจ เค้าไม่ได้คิดอะไรพิเศษกะนายซักนิด แล้วทำมัย ทำมัยนายต้องเป็นแบบนี้ หึ! ทำมัย ..))



………………



เช้าอีกวัน อากาศสดใสพอดู แน่ล่ะ วันนี้เป็นการเริ่มต้นอะไรดี ๆ ของคนบางคนที่นั่งอมยิ้มไม่หุบอยู่ในห้องทำงานนี่แหละ

ก๊อก ๆ ๆ

แต่เสียงเคาะประตูกลับชะงักความเพลิดเพลินในอารมณ์ไปนิดหน่อย เอริคปรับสีหน้าให้ขรึมเป็นปกติเหมือนเดิมก่อนจะเอ่ยปากอนุญาตให้ใครบางคนเข้ามา

“อ่ะ นี่ข้อมูลที่ขอเมื่อวันก่อน” เพื่อนหน้าทะเล่นโยนเอกสารบึกใหญ่ลงตรงหน้า เห็นหมอนี่แล้ว อารมณ์แจ่มใสพาลจะมืดมัวเอาซะจริง

“ทำมัยไม่ใช้ใครเอามาให้ เดินมาเองทำมัยวะ”

“คิดถึงเพื่อนอ่ะ ไม่ได้เหรอ ” มินอูยิ้มหน้าเป็นส่งให้เพื่อนรักอีกที

“เออ ขอบใจ” เอริคหยิบหยิบเอกสารขึ้นมาดูโดยไม่หันไปมองรอยยิ้มกวน ๆ ของอีกคนด้วยซ้ำ

“อารมณ์ดีมาจากไหนแต่เช้าเรยวะ” มินอูกำลังจับสังเกตเพื่อนรักของตัวเอง ก็ดูวันนี้หน้ามันไม่หงิกเหมือนทุกวันนี่น่า ซึ่งมันก็คืออะไรที่น่าแปลกมั่ก ๆ

“ใครอารมณ์ดี???? ชั้นก็เป็นของชั้นแบบนี้แหละ”

“แหม ๆ ๆ ๆ ไอ่ริค อย่าแถ ชั้นน่ะเพื่อนแกนะโว้ย ลืมไปแล้วเหรอ ... ว่างัยแอนดี้ หัวหน้านายไปเจออะไรดี ๆ มาเหรอวันนี้ หน้าตาถึงได้เบิกบานนนน ซะปิดไม่มิดขนาดนี้น่ะ” ประโยคหลังมินอูหันไปถามอีกคนในห้อง ที่นั่งเงียบก้มหน้าทำงานไม่พูดไม่จาอยู่อีกด้านซึ่งห่างไปไม่ไกลนัก

“สงสัยพี่เอริคอารมณ์ดีที่แก่ขึ้นอีกปีมั้งฮะพี่ .. พี่มินอูอ่ะ เป็นเพื่อนประเภทไหน วันเกิดเพื่อนยังลืม” แอนดี้ทำเสียงตัดพ้อ จนคนฟังทำหน้างง

“วันเกิดใครเหรอ??”

“ก็มะวานงัยฮะ วันเกิดพี่เอริค” อ่ะ งงเข้าไปอีก

“วันเกิดไอ่ริคนี่อ่ะนะ เฮ้ย! แกเปลี่ยนวันเกิดเมื่อไหร่วะ” มินอูหันไปมองเพื่อน แต่ทว่าสายตาเพื่อนที่จ้องเขม่งมายังเค้าอยู่แล้ว ส่งเรด้าออกมาบอกเป็นนัย ๆ มีความหมายสื่อถึงกันได้ว่า เออ กรูควรเข้าใจเมิงใช่มั้ย

“อ๋อ วันเกิด เออ ช่ายและ นายเกิดนี่นา มะวานอ่ะ พอดีชั้นยุ่ง แต่ชั้นส่งข้อความหานายตอนดึก ได้รับแล้วใช่มั้ย”

“อืม ได้รับแล้ว ขอบใจ” ตามน้ำได้ทันท่วงที ก่อนลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกไปที เออ เพื่อนรู้ใจนี่ มันมีไว้เพื่อการนี้นี่เองเนอะ

“ เหอ ๆ ๆ วันดีนะ มะวานเนี๊ยะ เข้าใจเลือกวันเกิดนะไอ่ริค ฮ่ะ ๆ ๆ” มินอูหัวเราะชอบใจดังลั่นห้อง สุดท้ายไอ่เพื่อนตัวดี ก็ถือไพ่เหนือกว่าอีกแล้ว

“ไม่มีงานทำเหรอนายน่ะ ตำแหน่งนายนี่งานน้อยไปใช่มั้ย” เอริคไล่เพื่อนทางอ้อม แต่มีเหรอ ไอ่เพื่อนหน้าเป็นมันจะยอมถอยง่าย ๆ

“งานน่ะมี แต่มีงานอื่นที่สำคัญกว่าเข้ามาพอดี แอนดี้ ชั้นยืมหัวหน้านายแป๊บนะ แล้วจะรีบเอามาคืน” มินอูหันไปขออนุญาตแอนดี้ พลางลากเพื่อนรักออกจากห้องทันที แอนดี้ได้แต่นั่งมองพี่ทั้งสองงง ๆ ก่อนจะส่ายหน้าพลางก้มลงทำงานต่อ

ลากเพื่อนมาได้จนถึงคอฟฟี่ช็อป เล่นเอาเหนื่อย ก็ไอ่คนโดนลากมันตัวใหญ่กว่า แถมขามันไม่ยินยอมที่จะเดินตามมาเท่าไหร่เลย สงสัยงานนี้คงต้องรับบทตำรวจโหดสอบสวนผู้ร้ายปากแข็งเข้าให้แล้ว

“อ่ะ เล่ามา”

“เล่าไร ไม่มีไรเล่า” เอริคยังหน้าตายต่อ

“ไอ่บ้า นั่นน่ะ คนรักของน้องเลยนะเว้ย คิดไรอยู่วะ ไหนพูดอะไรที่มันฟังดูดี ๆ หน่อยสิ”
..
…

เมื่อเห็นท่าจะหนีไม่รอด คงตายเอาน้ำตื้น แถวๆ นี้แล้ว เอริคจึงเลือกที่จะบอกความจริง ยังงัยเค้ากะเพื่อนคนนี้ก็ไม่เคยมีอะไรปิดกันได้ซักอย่างอยู่แล้ว


“ชั้นพยายามแล้ว”

“พยายามแล้ว หรือไม่คิดที่จะพยายามกันแน่วะ ชั้นน่ะเห็นนายมองแอนดี้ตั้งแต่วันแรก ชั้นก็รู้แล้วว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนั้นอาจจะแค่อยากขวาง แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว....ชั้นพูดผิดมั้ย??”

“นายจะให้ชั้นทำงัยวะ”

“เฮ้อ!!! นายนี่น๊า .......เอาเหอะ ว่าแต่ว่าแอนดี้ล่ะ เค้าคิดยังงัยกะนาย” เห็นหน้าเพื่อนรักตอนนี้ ก็พาลจะด่าไม่ลง ยังงัยซะก็หาวิธีแก้ไขดีกว่า

“ชั้นไม่รู้หรอกว่าเค้าคิดงัย ก็ไม่เห็นเค้าว่าอะไรนี่”

“นายอย่าบอกนะว่า เมื่อคืนนายบอกกับแอนดี้ว่าเป็นวันเกิดนาย แล้วนายกับเค้าก็ ...”



“…..” เอริคเงียบ


“เงียบงี้มันแปลได้หลายอย่างนะเว้ย พูดมาสิ” มินอูเริ่มเห็นเค้าความยุ่งยากวุ่นวายอยู่รอบ ๆ ตัว เมื่อเอริคที่เงียบอยู่นาน แต่ในหัวเค้าเหมือนมีคำตอบอะไรชัดแจ้งแก่ตัวเองให้รู้อยู่แล้ว ก็ดูสิ มันสื่อซะชัดแจ๋วทางใบหน้าและแววตาคู่นั้น อ่านได้อย่างง่ายดาย แต่เค้าเพียงแค่อยากถามให้มันชัด ๆ อีกที ก็เท่านั้น

…
..
.


“ไอ่มิน ....

...

...ชั้นคิดว่าชั้นรักเค้าแล้วว่ะ...”


…………………



เป็นเพราะโทรศัพท์ของจอนจินเมื่อสาย ทำให้มินอูต้องรีบออกมาจากบริษัท เมื่อเช้าก็เรื่องเอริค คราวนี้ก็มาเรื่องจอนจิน เฮ้อ ! ชีวิตตรูต้องเหนื่อยอยู่กะพี่น้องคู่นี้ไปอีกนานมั้ยวะเนี๊ยะ

รถสปอร์ตคันกระทัดรัดตามขนาดของเจ้าของ จอดสนิทลงหน้าคลินิกแห่งหนึ่ง คลินิกแห่งนี้เค้าเพิ่งมาเยือนเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่คราวนี้เค้ามา เพราะมีจุดหมายใหม่ เอาวะ ในเมื่อเรื่องมันเป็นงี้ ก็ต้องให้ใครซักคนช่วย อย่างน้อยเอาตัวจอนจินออกมาก่อนจะได้ไม่มีใครต้องเสียใจไปมากกว่านี้

“หมอครับ ว่างรึเปล่า” โผล่หน้ามาเจอก็ยิ้มแป้นมาก่อนเลย

“อ่าว มินอู มางัยเนี๊ยะ นั่งก่อน” ดงวานเงยหน้าจากแฟ้มเอกสารที่ตอนนี้มันกองอยู่เต็มหน้าเค้าจนดูวุ่นวายไปหมด ก็จะเรื่องอะไรซะอีก ถ้าไม่ใช่เรื่องของจอนจิน เมื่อเช้าเฮซองก็โทรมายิก ๆ แต่เช้าอยากรู้ความคืบหน้า ตัวเองก็งานล้นมือจะแย่

“แหะ ๆๆ คิดถึงคุณหมอน่ะ เลยมาหา”

“หืม คิดถึงผม???”

“ พอดีว่ามาธุระแถวนี้ด้วย เลยคิดถึง ก็เลยแวะมาน่ะครับ”

“อ้อ งั้นเหรอ ...มีอะไรรึเปล่าครับเนี๊ยะ”


“อืม!!! วันนี้เย็นหมอว่างมั้ย”

“เย็นนี้ไม่ว่างน่ะครับ พอดีนัดเฮซองไว้ ขอโทษด้วยนะครับ”

“งั้นตอนนี้ล่ะครับ มื้อเที่ยงนี่ ว่างใช่มั้ย..” สีหน้าจริงจังของมินอูทำเอาดงวานชักสงสัย

“เที่ยงนี้หรือครับ ... พอดีว่า ....”

“ผมมีเรื่องจะคุยกะหมอ เรื่องจอนจินน่ะ”

“ห๋า!!!!!!!!! ว่างัยนะครับ”

“ผมอยากให้หมอช่วยอะไรหน่อย” ...


กลายเป็นว่าที่อยากปฏิเสธไปเพราะต้องการนั่งเคลียร์งานให้เส็ด แต่กลับต้องยอมมานั่งกินข้าวกะมินอู ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนไข้ของเค้าในสัปดาห์ก่อน แต่เปลี่ยนมาเป็นเพื่อนกันในอีกสัปดาห์ถัดมา ก็เพราะเพียงแค่คำว่า “จอนจิน” นี่แหละ


“คุณบอกว่าจะคุยกับผมเรื่องคุณจอนจิน” ดงวานเริ่มบทสนทนาของเค้าก่อนหลังสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว

“ผลตรวจเค้า เป็นงัยมั่งครับ”

“ผมบอกผลตรวจของคนไข้กับคนอื่นไม่ได้หรอกครับ มันเป็นความลับ”

“แล้วถ้าผมบอกว่า ผมรู้จักเค้าล่ะ”

“คุณรู้จักเค้า???? คุณจะบอกผมว่าคุณรู้จักจอนจินงั้นเหรอ”

มินอูพยักหน้าช้า ๆ ก่อนที่จะตั้งต้นเล่าเรื่องอะไรต่อมิอะไรให้อีกคนฟัง กว่าจะปะติดปะต่อเรื่องได้ เล่นเอาเหนื่อยพอดูแหะ เค้าเลือกที่จะพูดให้ดงวานเข้าใจง่ายที่สุด และจอนจินผิดน้อยที่สุด ไม่งั้น คนตรงหน้ามีหวังคงไม่ช่วยแน่ ๆ

“สรุปง่าย ๆ ว่ามันคือแผนที่คุณทำขึ้น”

“เย้ยยย !! หมอทำมัยพูดแบบนี้อ่ะ ผมเปล่านะ ผมแค่ช่วยจอนจินนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

“งั้นคุณต้องการให้ผมทำงัย คุณไม่คิดว่าผมจะไปบอกเฮซองกะแอนดี้เหรอ ในเมื่อเค้าทั้งคู่กับผมก็สนิทกัน”

“ผมก็บอกอยู่นี่งัย ว่าอยากให้หมอช่วย ถือซะว่า สงสารผู้ชายตัวเล็ก ๆ หล่อ ๆ คนนึงนะครับคุณหมอ ไอ่จินน่ะ มันไม่ได้มีเจตนาจะทำแบบนั้นหรอก เพียงแต่ว่า เอ่อ ... เพียงแต่ว่า ...”

“นี่มันเจตนาหลอกชัด ๆ คุณจะว่าไม่เจตนาได้ยังงัย” ดงวานเริ่มมีน้ำโหมั่งแล้ว

“หมอ!~~~ หมออย่าตะโกนสิ ผมตกใจน๊า” มินอูยังคงปั้นหน้าปั้นตาให้เป็นบุคคลผู้น่าสงสารเข้าสู้กะสายตาดุ ๆ นั่น

“ผมรู้ว่ามันออกจะพิเรนไปหน่อย แต่นะ ความรักมันทำให้ใครซักคนสามารถทำทุกอย่างเพื่อมันได้ทั้งนั้น หมอเป็นหมอ ไม่น่าจะเข้าใจอะไรยากนะ ผมว่า”

“แล้วคุณจะให้ผมทำงัยครับ คุณรู้มั้ยว่าเรื่องนี้ มันทำเพื่อนผมเครียดแทบบ้า”

“คุณหมอคร้าบบบบ ผมขอโทษ แต่เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วนะครับ ถ้าคุณหมอไม่ช่วย เกิดเฮซองรู้เรื่องจริงๆ ขึ้นมา หมอไม่กลัวเพื่อนหมอเครียดหนักไปกว่าเดิมเหรอ ใช่มั้ย ๆ ๆ ๆ” เอ่อ ! ที่อีกคนพูดก็มีเหตุผลนะ

“งั้นคุณจะให้ผมช่วยอะไรล่ะ..”

“ตกลงว่าคุณหมอจะช่วยใช่มั้ย” มินอูยิ้มตาหยีตามสไตร์ส่งให้อีกคนที่ยังคงนั่งแสดงสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่

(((ตัวเองผิดยังมีหน้ามาทำหน้าทะเล้นอีกนะ ยิ้มทีจะมองเห็นไรมั่งมั้ยนั่น))) อันนี้ดงวานคิดในใจ


.......



ผับช่วงเวลาค่ำ ยังคงมีผู้คนบางตา ถือว่าโชคดีไป เพราะดงวานเองไม่ค่อยชอบความวุ่นวายเท่าไหร่ ยิ่งถ้าต้องคุยกันแบบเป็นการเป็นงานแบบนี้ ทำมัยเฮซองถึงเลือกที่จะนัดที่ผับน๊า

เปิดประตูเข้ามา ก็มองหาเพื่อนตนได้ไม่ยาก แต่แล้วก็มีอันต้องแปลกใจกว่าเดิม ก็เฮซองน่ะ นั่งกระดกวิสกี้คนเดียว แถมในขวดพร่องไปกว่าครึ่ง แล้วยังสีหน้าที่บอกบุญไม่รับเข้าให้อีก สงสัยมันจะไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ แล้วล่ะมั้ง

“หัววันอยู่เลยนะเฟ้ย ครึ้มอะไรขึ้นมา”

“เปล่า ก็แค่อยากดื่ม” เฮซองตอบเสียงเรียบ ๆ

“แน่ใจนะว่าแค่อยากดื่มน่ะ”

“อืม.. พูดเรื่องนายมาเหอะ ตกลงว่ายังงัย”

“เฮ้ย ! รีบไปไหน ขอชั้นกินน้ำซักแก้วก่อนสิ เพิ่งมานะเฟ้ย” เห็นอาการร้อนรนของเพื่อนแล้วเกิดตงิด ๆ มินอูบอกว่าจอนจินชอบแอนดี้ ถ้าเฮซองรู้เข้า มันจะเป็นงัยน๊า

..
..

“อืม! ความจริงแล้วก็ยังไม่ได้ตรวจคลื่นสมอง แต่เท่าๆ ที่ดูและพูดคุยกับเค้าวันนั้น มันน่าจะเกิดจากความตกใจและช็อคไปชั่วคราวจริง ๆ”

“เหมือนที่เราคิดกันไว้แต่แรกใช่มั้ยวะ”

“อืม ช่าย แต่นายไม่ต้องห่วงหรอก มันไม่ใช่อาการถาวร อีกซักพัก เค้าก็จะจำอะไร ๆ ได้เหมือนเดิม แค่ต้องใช้เวลาหน่อย” ดงวานอธิบายพลางมองดูปฏิกิริยาเพื่อน นี่เค้าคิดผิดหรือเปล่านะ ที่รับปากช่วยเหลือมินอูไป ตายจะตกนรกมั้ยวะ หลอกเพื่อนตัวเองเนี๊ยะ

“นายเป็นไรรึเปล่า อย่าเครียดดิวะ ซักพัก เค้าก็หาย”

“มันไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก”

“หืม ไม่ใช่เรื่องนั้น แล้วมีเรื่องไหนอีกวะ”

…
..
.

เฮซองยังคงจิบวิสกี้เข้าไปอีกหลายอึก ใบหน้าเริ่มเจือสีแดงนิด ๆ เค้าเงยหน้าจ้องมองไปยังดงวานนิ่ง ๆ ด้วยประกายตาที่คนมองหากไม่ใช่ดงวาน คงเคลิ้มไปแล้ว

“มองงี้หมายความว่างัยวะไอ่ซอง” หน้าที่เลื่อนเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นแอลกอฮอล์ ทำให้ดงวานต้องถอยหนีจนแทบตกเก้าอี้

“นายรู้สึกยังงัยมั่งวะ ถ้าชั้นจะบอกว่าชั้นชอบนายน่ะ”

“หืม! .... ก็ .. ก็ไม่นี่ ชั้นเข้าใจดีว่าชั้นมันหล่อ เป็นธรรมดาที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายจะมาตกหลุมรัก”

“หึ ๆ ๆ นายเคยมีความรักสินะ ถึงรู้ว่ามันเป็นงัย” เฮซองถอยกลับมานั่งดื่มเหล้าในท่าเดิม

“เปล่าหรอก ชั้นพูดเพราะชั้นรู้ว่านายโกหกต่างหากเล่า” ดงวานเริ่มรู้สึกว่าเพื่อนเค้าเปลี่ยนคงมีอะไรมากมายไปกว่าปัญหาแค่เรื่องจอนจินซะแล้ว แม้จะไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุ และแม้จะอยากรู้แทบแย่ แต่เค้าก็เลือกที่จะไม่รุกเร้าอะไรมาก รอให้อีกคนพร้อมที่จะง้างปากตัวเองดีกว่า

“ถ้าชั้น รู้สึกแปลก ๆ กับนาย นายคิดว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไรวะดงวาน”

“ รู้สึกแปลก ๆ งัยวะ ยกตัวอย่างสิ ขยะแขยง ไม่อยากเข้าใกล้ โกรธ กลัว หรือว่า ....”

“รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง” เฮซองตอบเรียบ ๆ เหมือนเตรียมใจกับเรื่องนี้มาอย่างดีแล้ว

“นายรู้สึกแบบนั้นกะใครเหรอ คงไม่ใช่ชั้นใช่มั้ย”

เฮซองยิ้มบาง ๆ อีกครั้ง ดื่มวิสกี้อีกอึกใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจยาว ๆ อีกหน ช่วงเวลาทั้งหมด มันช่างยาวนาน ทำเอาคนที่รอฟังอย่างดงวานแทบจะตื่นเต้นตาย

“จอนจิน”

น่าน กรูว่าแล้ว เค้าแห่งความยุ่งเหยิงวุ่นวาย มันคลืบคลานมาแล้ว

“นายจะบอกว่า นายรู้สึกใจเต้นแรง เวลาที่จอนจินอยู่ใกล้ๆ”

“อืม”

“นายรู้สึกมีปฏิกิริยา เช่น หน้าชา มือไม้สั่น เหงื่อซึม เวลาที่อยู่กับเค้า ใช่มั้ย”

“อืม”

“เวรของกรรมแล้วเพื่อนเอ๋ย ชั้นก็ว่าและ ว่าทำมัยหมู่นี้นายแปลก ๆ ไป”

“แปลกงัย”

“ก็ดูสวยขึ้น”

“ไอ่บ้า ไม่ใช่เรื่องมาล้อเล่นนะ ..นายไม่ตกใจเหรอ”

“ของแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้นี่หว่า ชั้นเป็นหมอนะ ชั้นรู้ดี” เหมือนดงวานจะเข้าใจ แต่หากความจริงแล้ววันนี้มันเหมือนเป็นวันที่น่าพิสดารที่สุดในชีวิตเค้าและ ไหนจะเรื่องที่มินอูบอก พอมาเจอเรื่องนี้เลยไม่ค่อยจะตื่นตูมเท่าไหร่ ตรงข้าม มันไม่ใช่ความตกใจ แต่มันเป็นกลุ้มใจซะมากกว่า

“ชั้นไม่รู้ว่ะ หลายวันมานี่ชั้นเป็นอะไร แล้วชั้นก็อึดอัดจะบ้าที่ยังหาสาเหตุไม่ได้ ชั้นคิดว่าเป็นเพราะชั้นรู้สึกผิด และก็สงสารเค้า”

“ความสงสารกับความรักมันไม่เหมือนกันนะเว้ย ชั้นคิดว่านายก็รู้ แต่นายแกล้งทำเป็นไม่อยากรู้รึเปล่า”

“สรุปว่าชั้นชอบเค้า งั้นเหรอ” เฮซองหันมามองเพื่อนอีกครั้ง กลั้นใจฟังคำตอบและหวังเหลือเกิน ว่าสิ่งที่เพื่อนอีกคนคิดมันคงไม่ใช่สิ่งที่เค้าคิดอยู่ ขอให้ไม่มันใช่ทีเถอะ ...

“ชั้นคิดว่า ..นั่นแหละ คือประเด็นเพื่อนเอ๋ย”



….



เสียงประตูรั้วเปิด จอนจินที่กำลังนั่งคอยใครบางคน แทบจะลุกกระโจนถึงหน้าบ้าน

“แอนดี้ ชั้นขอคุยด้วยหน่อย”

“ผมไม่มีอะไรจะคุยฮะ ผมเหนื่อย” แอนดี้ดูท่าจะยังไม่หายโกรธ ทำเอาอีกคนหน้าจ๋อยไปถนัด

“ชั้นไม่ได้ตั้งใจ … อ๊ะ ไม่สิ ความจริงแล้วชั้น ....”

“ถ้าเป็นเรื่องนั้น พี่ไม่ต้องพูดหรอกฮะ ผมลืมไปแล้ว และพี่ก็ควรจะลืมด้วย ผมขอตัวนะฮะ ง่วงมาก”

แอนดี้ตัดบทสนทนาเพียงแค่นั้น ก่อนเดินขึ้นข้างบนไป จนปัญญาที่จะรั้งอะไรไว้ จบกันแล้ว แผนนี้ คงไม่มีวันสำเร็จได้จริง ๆ

....

(ฮัลโหล ว่างัยจอนจิน)

“พี่ฮะ ผมว่าผมคงทำไม่สำเร็จแล้ว เค้าเกลียดผมแล้ว แอนดี้เค้าไม่อยากเห็นหน้าผม”

(เฮ้ย! ใจเย็น ๆ ดิวะไอ่จิน)

“ผมเหนื่อยและ ผมไม่อยากหลอกพี่ชายเค้าแล้วด้วย”

(เออ ๆ ๆ เดี๋ยวนะ ทนอีกนิด ชั้นจะหาทางพานายออกมา)

“ผมไปคืนนี้เลยดีกว่า ไปเงียบ ๆ ดีมั้ยพี่ อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ไรแล้ว”

(เฮ้ย! ไม่ได้ ต่อไปถ้าเจอกันนายจะทำงัย นี่ ฟังนะจินนี่ ชั้นกำลังคิดแผนคืนความทรงจำให้นายอยู่ ถ้านายจำได้ นายจะได้ออกไปจากบ้านได้อย่างไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ เฮซองกะแอนดี้จะได้ไม่รู้สึกว่านายหลอกพวกเค้า เข้าใจมั้ย)

“แต่...”

(อีกไม่กี่วัน ชั้นรับรอง นายทนอีกนิด เชื่อชั้นนะ)

“เอางั้นก็ได้ฮะ”

(ไม่ต้องเครียดล่ะ ส่วนเรื่องแอนดี้น่ะ ถอยออกมาก่อน บางทีถ้าทางมันตัน โดดข้ามกำแพงไปมันก็ไม่พ้นหรอก ถอยหลังซักก้าว แล้วค่อยลุยใหม่ดีกว่านะ เข้าใจมั้ย ไอ่น้องชาย)

“ก็ได้ฮะพี่”

เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นที่หน้าบ้านบ่งบอกว่าเฮซองคงมาถึงแล้ว

“แค่นี้นะฮะพี่ แล้วผมจะโทรไป”
..
..

นานหลายอึดใจ แต่ยังไม่มีท่าทีว่าเจ้าของรถจะเดินเข้ามาในบ้าน จอนจินที่สงสัยจนต้องเดินออกไปดู จริงดังคาด เฮซองนั่งหลับตาอยู่ภายในรถ มือยังคงกำพวงมาลัยแน่น

“ออมม่า จะนอนในรถเหรอฮะ ทำไมไม่เข้าบ้าน” จอนจินเคาะกระจกรถเรียก เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่มีการเคลื่อนไหว ทำท่าจะหลับคารถไปแล้วจริงๆ

“ออมม่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” เสียงเคาะถี่ขึ้นจนคนด้านในเริ่มรู้สึกตัว

ประตูรถค่อย ๆ เปิดออก พร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอล์คลุ้งไปหมด

“แอนดี้ล่ะจอนจิน”

“น้องหลับแล้วล่ะฮะ ว่าแต่ออมม่าไปดื่มมาเหรอ โห ดูดิ หน้าแดงแจ๋ กลิ่นเหล้าหึ่งเลยอ่ะ”

“อืม ชั้นไปดื่ม แล้วนายจะทำมัย?” เฮซองปิดประตูรถดังปัง มองหน้าอีกคนอย่างเคือง ๆ พาลเอาจอนจินถึงกับหน้าเจื่อนลงไปถนัดตา

“ออมม่าเป็นไรป่ะ มาช่วย”

“ปล่อยชั้น” เฮซองตวัดมือกลับอย่างแรง

“ ... ออมม่า ออมม่า ออมม่า ชั้นเหมือนออมม่านายตรงไหนเหรอ บอกหน่อยซิ แล้วทำมัยชั้นต้องเป็นออมม่านายด้วย” เสียงกึ่ง ๆ ตะหวาดนั่น เริ่มดังขึ้นไปกว่าเดิม ทำเอาคนฟังเริ่มรู้สึกไม่พอใจบ้างแล้ว

“ผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจรึเปล่า”

ด้วยความสงสัยในอาการที่แปลกไปของอีกฝ่าย เค้ารีบรั้งเอาข้อมือของคนที่กำลังเดินหนีให้หันกลับมาอีกครั้ง คราวนี้เค้าจับมันไว้แน่นด้วยความโกรธปะปนไปกับความสงสัย ไม่ปล่อยให้สบัดมันหลุดได้ง่าย ๆ อีกแล้ว

“ไม่พอใจงั้นเหรอ นายมีสิทธิ์อะไรมาทำให้ชั้นไม่พอใจได้ล่ะ นายลืมไปแล้วใช่มั้ย ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน"

ดวงตาที่เริ่มแข็งกร้าวขึ้นของคนตรงหน้ามันทำเอาหัวใจของเฮซอง เจ็บปวดไปหมด ความจริง เค้าก็ไม่คิดที่จะพูดอะไรให้อีกฝ่ายเสียใจแบบนี้หรอก

((จอนจินไม่ได้ผิดอะไรซักหน่อย นายต่างหากเฮซอง นายนั่นแหละที่ผิด นายเผลอไปชอบเค้าเอง แล้วนายก็กลับมาพูดอะไรงี่เง่า ๆ ผลักความผิดไปให้คนอื่น จะบอกยังงัยล่ะว่าไม่ได้ตั้งใจ จะบอกยังงัยว่าเสียใจ ..ถ้ามันคือความชอบ หากความรู้สึกนี้คือรักแบบที่ดงวานบอก เค้าก็ต้องตัดใจซะตั้งแต่ตอนนี้...))

“ถ้าการที่มีผมอยู่ตรงนี้แล้วมันทำให้ทุกคนลำบากใจ ผมจะไป ..คืนนี้แหละ คุณเฮซองไม่ต้องห่วง ผมต้องขอโทษด้วยสำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมา”

((เย็นชาเหลือเกิน เย็นชาเหมือนน้ำแข็งที่สาดเข้ามาใส่หน้าเค้าอย่างจัง จอนจินปล่อยมือเค้าแล้ว จอนจินกำลังหันหลังกลับไปโดยไม่แม้แต่จะเหลือบสายตามองเค้าซักนิด เป็นงัยล่ะ นี่คือสิ่งที่นายต้องการใช่มั้ยเฮซอง ถ้านายต้องการให้เค้าออกไปจากชีวิตนาย นายสำเร็จแล้ว))

แต่หากว่า.. ยังไม่ทันที่อีกคนจะเดินไปไกล สมองอีกส่วนที่รับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดของหัวใจเค้าเอง เริ่มบรรชาการให้ตัวเองก้าวไปคว้าเอามือข้างนั้น ดึงให้คนที่กำลังเข้าใจผิดหันกลับมา ไม่รู้เพราะความเมามาย หรือความต้องการของก้นบึ้งหัวใจกันแน่ แต่ที่รู้ ๆ ตอนนี้เฮซองกำลังโน้มหน้าของตัวเองเข้าใกล้กับใบหน้าอีกคน ปากบางกดลงไปยังริมฝีปากหนาโดยไม่ปล่อยเวลาให้ได้ตั้งตัว


จอนจินเบิกตาโพลงอย่างคนงงงัน แต่ใบหน้าสวยตรงหน้าที่กำลังหลับตาพริ้ม บวกกับรสหวานในรอยจูบนั้น สร้างแรงกระตุ้นให้คนที่โดนรุกอยู่ เริ่มรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปด้วย และตอนนี้มันกลายเป็นความคึกคะนองอยากสนองตอบการกระทำนั้นบ้างแล้ว ไม่ว่าคนตรงหน้าจะเมามาย ไม่ว่าคนตรงหน้าจะเป็นพี่ชายของแอนดี้ หรือไม่ว่าคนตรงหน้าจะเป็นใคร ตอนนี้ เค้าลืมมันไปหมดแล้ว


จอนจินใช้มือข้างหนึ่งรวบเอาเอวเฮซองไว้ รั้งร่างบางทั้งร่างให้ถอยห่างออกมาจากประตูรถพลางใช้มือข้างว่างเปิดประตูออกโดยที่ปากทั้งคู่ยังคงพันธนาการกันอยู่ แม้จะขลุกขลักไปบ้าง ท้ายที่สุด ประตูรถก็ถูกเปิดออก เค้าดันให้ร่างของเฮซองนอนไปบนเบาะรถที่ปรับเอนเรียบร้อย จัดท่าทางให้อีกคนนอนได้อย่างสบายขึ้น ก่อนจะลงมือสานต่อกิจกรรมที่ค้างกันไว้เมื่อครู่

อากาศด้านนอกเย็นฉ่ำ แต่กิจกรรมภายในรถกลับร้อนระอุกว่า เสียงครางเบา ๆ อย่างเป็นสุขเล็ดลอดออกจากลำคอของทั้งคู่เป็นระยะเมื่ออีกคนซุกไซ้ริมฝีปากของเค้าไปทั่วทั้งใบหน้าและดื่มกินความหวานไปตลอดทั่วทั้งตัว ส่วนอีกคนก็สนองตอบอย่างรู้ใจไม่ต่างกัน


น้ำค้างยามค่ำคืนภายนอก รวมตัวกันมากระจกรถรอบด้าน มองดูพราวระยับ เหมือนมันคอยช่วยปิดกั้นกิจกรรมของคนสองคนจากสิ่งรอบตัวให้ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไร้สิ่งรบกวน








Create Date : 05 สิงหาคม 2551
Last Update : 6 สิงหาคม 2551 1:13:30 น.
Counter : 751 Pageviews.

18 comments
Oh!! my sassy boss ตอนที่ 22 หน้า 1 unitan
(11 เม.ย. 2567 07:22:50 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 33 : กะว่าก๋า
(11 เม.ย. 2567 05:15:42 น.)
ถนนสายนี้..มีตะพาบ ( 349) วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร peeamp
(8 เม.ย. 2567 12:38:27 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 30 : กะว่าก๋า
(7 เม.ย. 2567 05:51:28 น.)
  
กรี๊ดๆๆๆ มาจองที่คนแรกอีกแว้ววว

เหอๆๆ เด๋วมาอ่านฮะพุดดี้
โดย: ทอมมี่ IP: 124.120.236.154 วันที่: 5 สิงหาคม 2551 เวลา:20:50:59 น.
  
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก

ในที่สุดจินก็ต้องเปนฝ่ายลงมือปล้ำเองชิมิถึงจะดุเดือด เหอๆๆ

คนเมาอ่ะพอว่า แต่ไอ่คนไม่เมานี่จิ หื่นล้วนๆเลย

พี่ริคอ่ะนะก็ไม่เบา จ๊วบรวด 3 ทีเลย แถมค้างอ้างแรมอีก เหอๆๆ ทำงานกะดึกกันรึไงฟระ

โดย: ทอมมี่ IP: 124.120.236.154 วันที่: 5 สิงหาคม 2551 เวลา:21:49:18 น.
  
แม่นกเป็นฝ่ายรุกเหรอเนี่ย แต่เค้าเมาต้องให้อภัย แกรแหละไอ่ลูกนก ยังชอบดี้อยู่ไม่ใช่รึ
ออมม่าเค้าบอกไม่ใช่รึไงว่าจะลงโทษให้สาสมน่ะ เอาให้หนักเลยนะน้องพุด

เรื่องนี้ดูป๋าซอฟ ๆ ไงไม่รู้เนาะ
แต่ตั้งแต่อ่านมาก็ชอบพี่เอ็มที่สุดในเรื่องเลยอ่ะ คนแต่งลำเอียงรึเปล่า พี่เอ็มน่ารักที่สุดในเรื่องเลยนะเนี่ย หรือพี่จะคิดไปคนเดียว
โดย: พี่อัน IP: 202.91.18.192 วันที่: 5 สิงหาคม 2551 เวลา:22:17:17 น.
  
กี๊ดด....ตามมาอ่านแล้ว หนุกมั่ก ๆ น้องพุด

แต่...ตอนหน้าขออย่าเศร้านะจ๊ะ

เอ่อม...มันส่อเค้าอย่าความเศร้าจะตามมา ไงไม่รุ
โดย: ekada IP: 124.120.190.154 วันที่: 5 สิงหาคม 2551 เวลา:23:38:00 น.
  
อ่านจบปุ๊บรีบเม้นท์มากไปหน่อย เขียนผิดเขียนถูกเลยชั้น

ก็ประมาณว่าตอนหน้าถ้าจะเศร้าก็ขอแบบน้อย ๆ หน่อยละกันนะ กัวใจน้องพุดอ่ะ แอบสงสารออมม่าไปล่วงหน้าแล้ว

เอ่อม...แล้วพี่เอ็มจะไปปล้ำคุณหมอมะไหร่ดีอ่ะ
โดย: ekada IP: 124.120.190.154 วันที่: 5 สิงหาคม 2551 เวลา:23:41:19 น.
  
แก้แล้วแก้อีก แก้แล้วก็แก้อีกไป 10 หนอิฉากสุดท้ายแม่ลูกนั่น ยากโฮก ฮือ ๆ ๆ เอาเหอะ ได้แค่นี้แหละ พยายามแล้ว จะให้แม่มันปล้ำลูก สุดท้ายหนีไม่พ้นให้ลูกมันลงมือจนได้ เฮ้อ!!
โดย: พุดดิ้งของซอนโฮ วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:7:18:30 น.
  


กิ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

เลิฟซีน 5555 ชอบ

เหอะๆ

พี่หอยในรถเลยหรอ แหมๆๆ
โดย: จ๊อย IP: 222.123.247.242 วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:10:46:12 น.
  
เหอๆ แต่งไวได้ใจเจ๊จริงๆ ฮะ

ป๋าขา..มิค่อยจะโลภเรยนะ..ของขวัญวันเกิดล่วงหน้าสองปี

กี๊ด...เลิฟซีนในรถด้วย...ชอบฮะ
(จิ้นภาพ BM ของซองกี้ตาม..อิอิ ~)

โดย: จิ๋วจิน IP: 202.28.21.4 วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:11:37:40 น.
  
กิ๊ดดดดดด !!!

หัวใจจะวาย..ฮ่าๆๆ

อยากอ่านต่อแล้วอ่าาาาา

พุดดี้ๆ แต่งต่อเร้วววววว
โดย: A (powergaru ) วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:18:43:52 น.
  
กี๊ดดด เขิลลล เม้นท์ไม่ออก
คู่นึง on sofa อีกคู่ in a car
คู่สุดท้ายอย่ายอมแพ้น๊า กร๊ากกกกก

(พล็อตเรื่องเจ๋งง่ะ)
โดย: duckie IP: 124.122.192.97 วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:20:01:51 น.
  
ป๋าร้ายจริง ๆ ขนาดคนที่น้องรักยังไม่เว้นเลยนะ มีการขอของขวัญวันเกิดล่วงหน้าเป็นปี ๆ ด้วย
แม่นกเสร็จลูกนกซะแล้ว
สนุกดีค่ะ น้องพุดแต่งได้ดีมาก
รอตอนต่อไปนะจ๊ะ
โดย: Pekkiokung IP: 61.90.6.193 วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:21:08:35 น.
  
อ๊ากกกกกกกกกสสสสส์


หนูมาช้าไปใช่ไหมค่ะพี่พุดข๋า....

เรื่องเห็นไหมค่ะ ดี้เสร็จป๋าไปตามระเบียบ ... อิอิ


ส่วนลูกนกแม่นกนี่ผิดความคาดหมายจริงค่ะ......... แต่หนูชอบบบบบบบบ อิอิ ว๊าวๆๆๆ คือรถแคบไปไหมค่ะพี่ (แต่รู้สึกว่าหนูหื่นไปไหมค่ะ อิอิ)


ไม่ไหวแล้วค่ะ ขอไปอาบน้ำสงบจิตสงบใจก่อนนะค่ะพี่ ไม่ไหววววว อ๊ากกกกกกกกก
โดย: praery_za IP: 58.10.170.118 วันที่: 7 สิงหาคม 2551 เวลา:0:39:46 น.
  
อ่านมาตั้งแต่ต้น เจอฉากสุดท้าย
ขอดิ้นตาย ณ ที่แห่งนี้ เอ่ออออออออ
ตอนต่อไปจะเป็นยังไงน๊า????^^
โดย: keiropi IP: 125.26.125.29 วันที่: 7 สิงหาคม 2551 เวลา:2:29:41 น.
  
ของขวัญป๋าริค ช่างคิดน่ะจ๊ะ มีขอล่วงหน้าด้วย
โดย: พี่นา IP: 203.151.144.4 วันที่: 7 สิงหาคม 2551 เวลา:13:34:27 น.
  
เลือดพุ่งคะตอนนี้
จะแดดิ้นหน้าคอมแล้วคะ
รอตอนต่อไปด้วยใจระทึก
โดย: นาค่า IP: 124.120.38.125 วันที่: 8 สิงหาคม 2551 เวลา:8:40:42 น.
  
มาตามอ่าน FIC น้องพุดแว้ววว!!

เลือดกำเดาพุ่งกระฉูด สมาธิลมปราณแตกซ่าน กร๊ากกกกๆๆ กรี๊ดแม่นกกะลูกนกอ่ะ อยากอ่าน FIC ตอน 6 แล้วอ่ะ เหอๆๆ
โดย: kayzila IP: 124.120.143.13 วันที่: 8 สิงหาคม 2551 เวลา:20:01:23 น.
  

อยากเป็นโซฟา.........
โดย: puppi วันที่: 13 สิงหาคม 2551 เวลา:18:29:08 น.
  
เหอเหอ..น้องพุด..ทำเอาพี่เลือดลมพุ่งพล่านเลย..
ซองเป็นฝ่ายรุกก่อน..ฮิฮิ
จินนี่ยาชอบดี้ไม่ใช่เหรอทำมัยตอบสนองแม่นกแบบนั้นล่ะ..
ป๋าเรียกร้องของขวัญวันเกิดล่วงหน้า 2 ปีเลย..ร้ายแฮะ
โดย: piyawan IP: 118.172.251.205 วันที่: 23 สิงหาคม 2551 เวลา:1:36:16 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Puddy.BlogGang.com

พุดดิ้งของซอนโฮ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]