Shot fic shinhwa .... ก้าวเดียว ...Jin x Sung ep. 2






ก้าวเดียว ..... Jin-Sung... ep.2 The end







4 ทุ่มครึ่ง ในห้องนอนสีฟ้า ผ้าม่านสีขาว

เฮซองนอนกลิ้งตัวไปมา บ่อย ๆ ที่เค้ากลิ้งตัวได้ซักพัก ก็จะยกมือเรียวที่ถือภาพใครบางคนขึ้นมาเหม่อมอง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เค้าทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา จนผ่านไปครึ่งคืนได้แล้วกระมัง โดยมีมูริ ลูกสาวคนสวยนอนมองออมม่าตัวเอง อยู่ข้าง ๆ

“มูริ พี่ชายเค้าไม่สนใจแกแล้ว... เห็นมั้ย เค้าเกลียดชั้นแล้วด้วย”

“...” มูริน้อยเหม่อมองไปยังดวงตาเศร้า ๆ ของออมม่าตัวเอง แต่ก็ไม่รู้จะปลอบโยนว่ายังงัยดี

“แค่มองหน้าชั้น เค้าก็คงไม่อยากทำ...... ชั้นควรทำงัยดี หืม!!”

“...” มูริยังคงสับสน จึงไม่มีคำพูดหรือเสียงครางออกมาซักคำ

“ตลอดเวลาที่อยู่กับเค้า ชั้นมีความสุข แกก็ด้วยใช่มั้ย .. ตอบสิ!!! ถ้านิ่งแล้วชั้นจะรู้ได้งัยล่ะ” เฮซองพยายามบังคับให้มูริพูดอะไรซักอย่าง .. เค้าลืมไปล่ะมั้ง ว่ามูริพูดไม่ได้ - -“

“แกคิดถึงพี่ชายมั้ย อยากให้ชั้นไปง้อเค้ารึเปล่าล่ะ” ว่าแล้วเค้าก็ใช้มือกดหัวเจ้ามูริเบา ๆ ให้เป็นท่าพยักหน้าโดยที่มูริเอง ยังไม่ทันตั้งตัวเลย

“ชั้นต้องไปง้อเค้าใช่มั้ย ต้องการอย่างนั้นล่ะสิ โอเค ชั้นจะตามใจแกก็ได้ แต่ถ้าเค้าไม่ยอมพูดกับชั้น แกต้องช่วยชั้นนะมูริ”

“...” มูริเริ่มหาว ...

“นี่คือคำสัญญานะ ...”

“...” นู๋แค่หาวนะคะออมม่า...- -“

“อ่ะ ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวชั้นจะร้องเพลงกล่อม”

“ ...” อ่อย!!!!! ร้องเพลงอีกแย้วเหยอ นู๋หลับเองก็ได้นะ...

.............



วันนี้อากาศดีเหมือนเป็นใจในการขอคืนดีใครซักคน (คิดไปเองป่ะไม่รู้)

เฮซองที่อุ้มมูริอยู่ในมือเหมือนทุกวันเดินเอ้อละเหยอยู่หน้าโรงเรียนครู่ใหญ่เพื่อรอใครบางคน ชายร่างสูง ใบหน้าหวาน ในชุดนักเรียน พร้อมด้วยสุนัขตัวน้อยในอ้อมกอดเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากเด็กนักเรียนหญิงแถว ๆ นั้นได้มากมายทีเดียว ทั้งที่ปกติแฟนคลับเค้าก็เยอะน่าดูอยู่แล้ว เฮซองได้แต่อมยิ้ม และพยักหน้าให้ ตอนนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะหว่านเสน่ห์อะไรทั้งนั้น จนเวลาผ่านไปซักพักก่อนจะสายไปกว่านี้ ร่างสูงของใครบางคน มือนึงล้วงกระเป๋า อีกมือถือเป้สะพายไหล่ไว้ ก็เดินเข้ามาจนได้

“จอนจิน ขอคุยด้วยหน่อยสิ”

“โรงเรียนกำลังจะเข้านะฮะ เดี๋ยวสาย”

“แป๊บเดียวน่า ..นะ อย่างนายเคยกลัวเข้าเรียนสายด้วยเหรอ” ไม่ทันที่จอนจินจะตอบอะไร กลุ่มเด็กผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าประเดประดังมาจากแห่งหนตำบลไหน ต่างกรูเข้ามารุมล้อมคนทั้งคู่ไว้ พร้อมด้วยเสียงกรี๊ดกร๊าด เซ่งแซ่ ฟังดูช่างน่ารำคาญยิ่งนัก

“จอนจินอุปป้า... เฮซองอุปป้า...กรี๊ดดดดด~~~~~~~ๆๆๆๆๆๆๆๆ”

“เฮซองอุปป้าคะ หมาของอุปป้าใช่มั้ย”

“เอ่อ จ๊ะ” เค้าฝืนฉีกยิ้มตอบไป สายตายังไม่วายลอบมองคนข้าง ๆ ด้วยความขัดใจนัก

“น่ารักเหมือนอุปป้าเลยอ่ะ”

“ชั้นเป็นออมม่ามันนะ มันก็ต้องน่ารักเหมือนชั้นสิ” มืออาชีพในการโปรยยิ้มและตอบคำถามแฟนคลับ กลับมาเข้าสิงเค้าแล้ว

“ชื่ออะไรคะ อุปป้า มันชื่ออะไร” ประโยคคำถามต่างๆ ประดังเข้ามาจนจับใจความไม่ถูก

“ชื่อมูริน่ะ มันเป็นผู้หญิง”

“ว้าววว เฮซองอุปป้าเป็นออมม่า แล้วจอนจินอุปป้าล่ะคะ เป็นอะไร”

“ผมไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ ขอตัวนะครับ จะสายแล้ว ... พวกคุณก็เข้าเรียนกันได้แล้วนะ” จบประโยค จอนจินก็หันหลังเดินแหวกฝูงชนออกไป ปล่อยเฮซองเหวอ ยิ้มค้างอยู่กับที่ตรงนั้นเพียงคนเดียว

“เอ่อ ... จอนจิน เดี๋ยวสิ รอด้วย ... จอนจิน~~~~” คนเดินไปหาได้ยินอะไรไม่ เนื่องจากตรงนั้นเสียงดังเอะอะเหลือเกิน จนเฮซองก็ชักจะเก็บอาการหงุดหงิดไม่ไหว แต่เค้าก็ยังฝืนยิ้มต่อไป จน......

“กรี๊ดดดดด…. กรี๊ดดดดดดดด... กรี๊ดดดดดดดด.. อุปป้าเท่ส์ชะมัดเลยอ่ะ”


“นี่!!!!!!!!!!!!!!! หยุดกรี๊ดกันซับแป๊บได้มั้ย !!!!!!!”

..
.


ฟิ้ว!~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ เงียบ ~~~ เฉ่~~~~~~


ด้วยความตกใจในเสียงอันดุดันและดังลั่นของเฮซอง หญิงสาวกลุ่มนั้น พร้อมใจกันปิดปากฉับทันที..

“คือ อุปป้าขอตัวนะ สายแล้ว พี่จอนจินก็ไปแล้ว เพราะงั้นพวกเราก็ไปเข้าเรียนกันเถอะนะจ๊ะ..”

“ค่ะ .. อุปป้า”

หลังจากผ่านกองทัพสาว ๆ มาได้ เฮซองก็ก้าวยาวๆ ตรงไปยังร่างที่เดินหนีเค้าทันที ทั้งก้าวเร็ว ๆ วิ่งเหยาะ ๆ แต่ก็ยังไม่ทันขายาว ๆ ของใครคนนั้นอยู่ดี

“นี่ จอนจิน หยุดก่อนสิ ชั้นบอกว่ามีไรจะพูดกับนายงัย”

“ผมจะไปเรียน” จอนจินพูด โดยไม่ได้หันหน้ามาซักนิด

“นายจะไปเรียนหรือไปไล่ควายน่ะ ช้า ๆ หน่อยสิ .. นี่ จะหยุดไม่หยุด”

… เท่านั้นแหละ ...

โครม!!!!!!!!!!

“โอ๊ย!!!!!!!!!!” ผลจากการหยุดเดินกะทันหันของจอนจิน ทำเอาเฮซองเจ็บตัวอีกแล้ว

“นี่ จะหยุดทำไมไม่บอก เจ็บน้า…อ่อยยยย.” เฮซองที่ก้นจ้ำเบ้ากะพื้น บ่นกระปอดกระแปด ฝ่ามือเค้ามีเลือดซิบ ๆ ด้วย ส่วนมืออีกข้าง เค้าชูเจ้ามูริไว้ ไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ

“พี่มีอะไร”

“นายจะใจร้ายไม่พยุงชั้นหน่อยเหรอ”

“ก็พี่สั่งให้ผมหยุดเองนะ” จอนจินยื่นมือฉุดให้อีกฝ่ายลุกขึ้น แต่สีหน้าก็ยังคงเรียบเฉยอยู่ดี

“นี่!!!!! นายโกรธชั้นมากเลยใช่มั้ยกับเรื่องนั้นน่ะ ชั้นไม่ได้ตั้งใจนะ”

“ไม่ได้ตั้งใจงั้นเหรอ นี่ขนาดพี่ไม่ได้ตั้งใจนะผมยังเป็นไอ้เด็กเมื่อวานซืน ถ้าตั้งใจผมไม่กลายเป็นไอ้เด็กเหลือขอไปเลยเหรอ .....” เฮซองค้างไปแล้ว เนื่องจากอ้าปากอธิบายไม่ทัน

“สายแล้ว ผมจะเข้าเรียน คาบแรกอาจารย์ดุด้วย ขอตัวนะฮะ” แล้วเค้าก็หันหลังเดินไปจากตรงนั้น ปล่อยอีกคนอ้าปากค้างให้แมลงวันอาศัยทำรังอยู่กับที่


หลายวันมาแล้วที่การเรียนหรือซ้อมร้องเพลงของเฮซองนั้น มันช่างไม่คืบหน้าเอาซะเลย เพราะตลอดเวลา หัวสมองของเค้า เอาแต่คอยวนเวียนอยู่แต่ใบหน้านิ่งๆ สายตาตัดพ้อ และ สนามหญ้าเขียวๆ เบื้องหน้าเท่านั้น จอนจินหลบหน้าเค้าตลอด ไม่ว่าจะเจอกันที่ไหน ตรงทางเดิน ห้องน้ำหรือโรงอาหาร คาบวิชาสุดท้ายของวันนี้กำลังจะหมดลง และทันทีที่สัญญาณหมดคาบดังขึ้น เค้าก็ลุกพรวดออกจากห้องทันที ..

เฮซองลากขาเดินเอื่อย ๆ ไปยังห้องซ้อม อุ้มเจ้ามูริออกมาจากกล่อง นั่งลูบขนมันเล่น ๆ ไปมา จนผ่านไปซักพักเมื่อหัวสมองเริ่มนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ...

“เฮซอง ทำไรวะ”

“ไม่นี่ มีไร”

“วันนี้ชั้นติดธุระ ซ้อมไม่ได้นะ”

“เออ! วันนี้งดซ้อม 1 วัน ชั้นก็มีธุระเหมือนกัน” เฮซองพูดทั้งที่ใบหน้ายังคงก้มอยู่กับอะไรยุกยิกในมือ ไม่ได้สนใจเพื่อนตัวเองแม้แต่น้อย จนเสียงฝีเท้าของจีฮุนดังไปห่างกระทั่งเงียบลง

“มูริ ช่วยชั้นหน่อยนะวันนี้” เค้ายิ้มให้มูริน้อยก่อนอุ้มมันเดินไปยังสนามบอลหน้าตึก ที่ที่มีจอนจินนั่งดื่มน้ำพักเหนื่อยมองดูเพื่อน ๆ ซ้อมบอลอยู่ริมสนาม เค้าค่อย ๆ เดินอย่างเงียบเสียงเข้าไปใกล้ๆ กับอีกคนที่ยังคงไม่ละสายตาออกจากสนามฟุตบอลนั้น เมื่อใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เฮซองก้มตัววางเจ้ามูริ ดันเบา ๆ ให้มันเดินไปข้างหน้าหาพี่ชายของมัน ก่อนจะเดินด้วยปลายเท้าอันรวดเร็วเพื่อแอบซ่อนตัวเองไว้หลังต้นไม้ใหญ่ ต้นที่คาดว่าจอนจินคงมองมาไม่เห็นเป็นแน่

...
..
.
ผ่านไปซักพัก จนกระทั่งจอนจินเหลือบหันมาเห็นเจ้ามูริน้อย..

“มูริ!! ทำไมมาเดินแถวนี้ห๋า เดี๋ยวก็โดนลูกบอลหรอก” จอนจินอุ้มเจ้ามูริขึ้นมาไว้แนบอก พลางหันรีหันขวางสอดส่ายสายตามองหาออมม่าของเจ้านี่ แต่ไม่ยักเห็น เค้าอุ้มเจ้ามูริไว้ ลูบขนมันเบา ๆ ยิ้มอบอุ่นให้เหมือนทุกครั้ง ก่อนจะหอมไปบนแก้มเจ้ามูริอีกที ..

“อ๊ะ! แก้มเจ้ามูริข้างนั้น ชั้นหอมมันเมื่อกี๊นะ นายมาทับรอยชั้นทำไมจอนจิน” เฮซองบ่นเบา ๆ ในขณะที่ยังซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ โผล่ซีกหน้าเพียงนิดออกมาให้เห็นจอนจินชัดขึ้น

“เอ๊ะ!! นี่อะไรน่ะ” .. จอนจินก้มมองดูปลอกคอของเจ้ามูริ ปลอกคอที่เฮซองลงมือทำเองเมื่อครู่ จากสร้อยข้อมือตัวเอง ติดกระดาษแข็งเขียนเป็นใจความแทนคำขอโทษ..

“นู๋คิดถึงอุปป้า .. คืนดีกับออมม่านะคะ”

ประโยคเหล่านั้น สร้างรอยยิ้มเล็ก ๆ ให้จอนจินได้ทันที ความจริงแล้ว เค้าแทบจะหัวเราะออกมามากกว่า แต่ต้องเก็บไว้นิ่ง ๆ เพราะเจ้าของแผนการ คงอยู่ในบริเวณนี้ ไม่ที่ใดก็ที่หนึ่งเป็นแน่

“นายอ่านแล้ว ไม่รู้สึกอะไรหรืองัยนะ” เฮซองยังคงบ่นอย่างขัดใจต่อ เมื่อเห็นจอนจินยังนิ่งเฉย เค้าขยับตัวออกมาจากที่กำบังพอควรเพื่อมองหน้าจอนจินให้ชัดขึ้น เพื่อดูว่าอีกคนจะเริ่มรู้สึกอะไรบ้างหรือเปล่า ...

แต่แล้ว..

“รุ่นพี่ ... ระวัง!!!!!!!!!..”

โป๊ก!!!!!!!!

“โอ๊ย!!!!!!!!!!!!!!!!...” - -“.. เหมือนเดิม

“รุ่นพี่เป็นอะไรมากป่ะครับ” ชายคนนึง คงเป็นเจ้าของลูกเตะกลางแสกหน้าตะกี๊ วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาเฮซอง เค้ากุมจมูกตัวเองไว้แน่น มึนงงเพราะแรงปะทะไม่หาย

“พี่... มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ฮะ” เสียงนี้คือเสียงจอนจิน ไม่ผิดแน่ เฮซองเลยเงยหน้าขึ้นมายิ้มแหย ๆ ให้ แต่ทันทีที่ปล่อยมือออกจากใบหน้าตนเท่านั้น เลือดสีแดงสด ๆ ก็ไหลออกมาจากจมูกเป็นจำนวนมาก

“ชั้นมาตามมูริน่ะ”

“พี่เลือดออกน่ะ ... เจ็บมั้ย ...”

“นายคิดว่าเจ็บป่ะล่ะ โดนบอลขนาดนี้น่ะจอนจิน ..ถามอะไรบ้าๆ ….
… โอย!!!!! จมูกช้านนน”

“ไอ่จองมิน นายพาพี่เค้าไปห้องพยาบาลเดี๋ยวนี้เลยไป๊ ไอ้บ้านี่เตะไม่ดูตาม้าตาเรือ”

“เออ ๆ ... รุ่นพี่ไปฮะ ผมพาไปห้องพยาบาล” ..เฮซองยังนิ่งอยู่กับที่

“แต่... นายพาชั้นไปก็ได้นี่ จอนจิน”

“ผมกลัวเลือดนะ เดี๋ยวผมพามูริไปห้องซ้อมให้ พี่ไปห้องพยาบาลกับจองมินมันก่อนแล้วกัน” พูดจบเจ้าตัวก็หมุนตัวกลับ อุ้มมูริออกไปหน้าตาเฉย

“ไอ้บ้า ชั้นเจ็บตัวขนาดนี้ยังไม่สนใจกันอีกเหรอ ..ปัดโธ่!!” อันนี้คิดในใจ เพราะต้องวางฟอร์มไว้ก่อน

“รุ่นพี่ครับ ไปกันเหอะ เลือดออกมากแล้ว”

“ไม่ต้องโว้ยยยยยยยยยย .. ชั้นไปเองได้ ทีหลังเตะบอลน่ะ หัดดูให้ดี ๆ มั่ง เข้าใจมั้ย ...”

...
..
.
เฮซองเดินออกจากห้องพยาบาลพร้อมกระจกในมือ เค้าส่องดูใบหน้าที่ตอนนี้มีทิชชู่ม้วนกลม ๆ อุดอยู่ตรงจมูกข้างนึงของตัวเองด้วยความหงุดหงิด

“เจ็บชิบ ไม่คุ้มกันเรยวุ้ย เฮ้อ! ..
... มันชักจะเกินไปหน่อยและนะจอนจิน คอยดูนะ ถ้านายยังโกรธชั้นอีก เราได้เห็นดีกันแน่ ๆ” ว่าแล้วก็เดินก้าวเร็ว ๆ ไปยังห้องซ้อม หมายจะคุยกับจอนจินให้รู้เรื่อง “ถ้าคราวนี้นายยังเงียบอีกนะ คอยดู”

เฮซองเดินลัดเลาะไปจนถึงห้องซ้อมที่ว่างเปล่า สายตาหันรีหันขวางสอดส่ายหาจอนจินและมูริลูกสาวตนอยู่นานสองนาน เมื่อเห็นว่ามูริอยู่ในกล่องที่นอนมันเรียบร้อยแล้ว แต่ไร้ร่างของพี่ชายมันเท่านั้นแหละ .. ร่างโปร่งจึงรุดเดินไปยังที่ที่คิดว่า จอนจินคงต้องอยู่ที่นั้นเป็นแน่

“นายคิดว่าชั้นจะแพ้ล่ะซิจอนจิน โอเค ชั้นจะทำให้นายรู้ว่า นายคิดผิด”

เฮซองพาร่างที่ยังคงอัดแน่นด้วยอารมณ์โกรธขึ้งของตัวเองมาจนถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าบริเวณโรงยิม จมูกเค้ายังคงยัดทิชชู่ก้อนนั้นกันเลือดไหลออกมาอยู่ ปกติเค้าจะเป็นคนห่วงภาพพจน์ตัวเอง เสื้อผ้า หน้าผม ทุกอย่างต้องเฟอร์เฟค แต่ตอนนี้เค้ากลับลืมมันไปชั่วคราว

ขายาว ๆ ก้าวเข้ามายังล็อคเกอร์และห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่มีนักกีฬาฟุตบอลที่เพิ่งเลิกจากการซ้อมกำลังอัดแน่นกันอยู่ทั้งห้องประมาณสิบกว่าคน และจอนจินยังคงยืนอยู่บริเวณล็อคเกอร์ของเค้า กำลังหยิบชุดนักเรียนของตัวเองออกมา

“จอนจิน ขอคุยด้วยหน่อย”

“แป๊บนะฮะ ขอเปลี่ยนชุดก่อน”

“ตอนนี้แหละ ถ้าให้รอ นายก็หนีชั้นอีก” จอนจินจำต้องหันหน้ามามองสีหน้าแดง ๆ เพราะความหงุดหงิดของเฮซอง ใจนึกอยากหัวเราะออกมาซะเต็มที่ แต่ต้องปั้นหน้าให้เงียบขรึม ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ราวกับใบหน้าของคนตรงหน้าเป็นอะไรที่ทำให้เค้ารู้สึกรำคาญสิ้นดี

“งั้น ..ก็พูดมาสิ”

“แต่เพื่อนนายเพียบเลยนะ” เฮซองพูดเสียงเบาจนแทบกระซิบ แม้เสียงเอะอะภายในห้องจะมากอยู่ แต่จอนจินก็ได้ยินชัดแจ๋วอยู่ดี

“ก็พี่อยากพูดเลย พี่ก็ต้องพูดตรงนี้แหละ”

“เหอะ อย่านึกว่านายจะเอาชนะชั้นได้นะ” อันนี้เฮซองได้แต่นึกอยู่ในใจ

“นี่ พวกนายน่ะ เปลี่ยนกันเร็ว ๆ สิ ชั้นจะใช้ห้อง ห้องมีไว้เปลี่ยนเสื้อผ้านะ ไม่ใช่นั่งคุยเล่น เร็ว ๆ”

เฮซองหันไปทำเสียงดังกับรุ่นน้องด้วยสีหน้าดุดัน ก่อนหันมามองอีกคนอย่างท้าทาย

“คร้าบบบบบบบ รุ่นพี่” แล้วทุกคนก็ทยอยกันออกนอกห้องไปจนหมดตามคำสั่งประกาศิตของรุ่นพี่ เหลือกันอยู่แค่สองชีวิตในห้องเท่านั้น

“ชั้นขอโทษไปแล้ว เรื่องวันนั้นชั้นไม่ได้ตั้งใจ ไอ้จีฮุนมันถามขึ้นมา นายจะให้ชั้นตอบมันว่าอะไรล่ะ”

“...” จอนจินยังนิ่ง เค้าไม่ขยับตัวออกจากล็อคเกอร์เลยซักนิด และสายตาก็ไม่หันมองใบหน้าของอีกคนด้วยซ้ำ

“นายน่ะผิดเหมือนกันรู้มั้ย ใครใช้ให้นายเข้าไปแอบอยู่ในห้องเล่า”

“ผมไม่ได้แอบนะ แค่เข้าไปเปลี่ยนชุด”

“ก็นั่นแหละ ถือว่านายก็มีส่วนผิดเหมือนกัน”

“...” จอนจินกระตุกยิ้มมุมปากในข้อกล่าวหาที่ถูกยัดเยียดให้โดยไร้เหตุผลสิ้นดี ก่อนจะเดินมาทรุดตัวลงนั่ง ยกผ้าขนหนูผืนเล็กขึ้นซับเหงื่อตัวเอง

“ต้องให้ชั้นทำงัยนายถึงจะหายโกรธ บอกมาสิ” เฮซองยังเดินตามมาไม่เลิก

“ผมก็แค่เด็กเมื่อวานซืนของพี่ พี่จะมาใส่ใจผมทำไม”

“ชั้นขอโทษนายแล้ว ถ้าเผื่อว่านายไม่ได้ยิน..ชั้นขอโทษจริง ๆ นะ นายต้องการให้ชั้นขอโทษนายอีกกี่ครั้ง นายอยากให้ชั้นทำงัยนายถึงจะพอใจ”

“หึ ...ขอโทษงั้นเหรอ” รอยยิ้มยียวนผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลานั่น ก่อนที่จอนจินจะลุกขึ้นยืนหันมาดึงแขนของเฮซองเดินลากไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องสุดท้ายที่เค้ามักใช้มันประจำ ดันให้ร่างบางของอีกคนเข้าไปข้างในก่อนจะปิดและล็อคประตูตามหลัง

มือใหญ่กดไหล่บางทั้งสองข้างผลักเบา ๆ ให้หลังอีกคนแนบชิดผนัง ยันมือทั้งสองข้างไว้กับผนังด้านหลัง ขังคนตรงหน้าไว้ด้วยอ้อมกอดกำยำของเค้าเอง ก่อนเลื่อนใบหน้าไปใกล้ๆ สำรวจดวงตาคู่สวย คิ้วที่ยังขมวดเป็นปมเพราะความงุนงง และริมฝีปากบางที่แย้มเผยอนิด ๆ นั้น”

“ถ้าผมขอ อะไรก็ได้ทั้งนั้นใช่มั้ย”

“ก็ถ้ามันจะทำให้นายหายโกรธ” สีหน้าท้าทายแบบนี้อีกแล้ว งั้นก็ไม่ใช่ความผิดของเค้าสินะ ถ้าเค้าจะทำอะไรตามอำเภอใจ..

“งั้นก็ดี ..” จอนจินปิดปากบาง ๆ ช่างพูดนั้นด้วยปากของเค้า สองมือที่ยันผนังไว้เมื่อครู่ โอบเอาร่างบางไว้พลางกดให้อ้อมกอดนั่นแน่นขึ้นเบียดชิดกับร่างของตน หยิบยื่นรสจูบอันแสนรุนแรงและรุกเร้าเข้าไปยังโพรงปากของคนตรงหน้า เพียงครู่ก่อนดันตัวออกเพื่อมองใบหน้าของอีกคนให้ชัดเต็มตาซักหน่อยหน่อย

“ตอนแรกผมก็แค่จะแกล้งพี่เฉยๆ แต่ตอนนี้น่ะ พี่เชิญชวนผมเองนะ ช่วยไม่ได้”

“ชั้นเชิญชวนยังงัยไม่ทราบ” แม้จะรับรู้ถึงหัวใจที่สูบฉีดเอาเลือดสีแดงให้ไหลเวียนไปทั่วหน้า จนยากจะปกปิด แต่ริมฝีบางๆ ก็ยังคงท้าทายอีกคนอย่างไม่เกรงกลัวอยู่ดี

“พี่เป็นงี้แหละ มันถึงเชิญชวน” คราวนี้จอนจินก้มหน้าประกบจูบลงไปอีกครั้ง เหมือนเฮซองจะรออยู่แล้ว เค้าเอียงใบหน้าให้ได้องศารับสัมผัสนั้นอย่างคนโหยหา และความต้องการของทั้งคู่ก็ถูกจูนให้ตรงกันได้ซักที เนิ่นนาน กว่าที่ลิ้นอุ่น ๆ จะควานหาความหวานจากโพรงปากของอีกคนจนพอใจ แล้วผละออกจากกันอย่างอ้อยอิ่ง

“นะ..นาย...หายโกรธแล้วใช่มั้ย” แรงหอบหายใจจนน่ากลัวจะสำลักอากาศของเฮซอง คลี่ยิ้มมุมปากให้อีกคนได้อีกแล้ว

“พี่ว่างัยดีล่ะ”

“ก็.. ก็ไม่รู้สิ” ใบหน้าแดงจัดอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นร่างสูงที่กำลังผละจากตัวเองไป ทำเอาเฮซองมองอย่างงุนงง

“นายลงโทษชั้นพอแล้วเหรอ”

“พี่ต้องการอะไรล่ะ บอกสิ”

“ไม่หรอก .. ขอบใจที่เข้าใจ” น้ำเสียงเจือ ๆ แววออดอ้อนอยู่นิด ๆ นั้น ดึงริมฝีปากที่คิดว่าจะละไว้แค่รอยจูบหอมหวานเมื่อครู่เข้ามาประกบซ้ำแรง ๆ อีกครั้ง รุนแรงจนแทบเจ็บ แต่ก็วาบหวิวไม่น้อย

“จอน..จิน จอนจิน” เสียงหวานเรียกชื่ออีกคนเริ่มขาดเป็นห้วง ๆ เหมือนทักท้วงริมฝีปากที่เริ่มสำรวจต่ำลงมายังลำคอขาวและต่ำลงไปอีกเรื่อย ๆ จนตอนนี้กระดุมเสื้อนักเรียนเม็ดสุดท้ายกำลังจะหลุดอยู่รอมล่อแล้ว

“ฮะ”

“นี่มันโรงยิมนะ”

“พี่ต้องการเองนะ”

“จะบ้าเหรอ ชั้นเปล่าพูดซักหน่อย” ใบหน้าหล่อเหลากระตุกยิ้มอย่างชอบใจ ผละริมฝีปากที่ค้างไว้กับรอบสะดือสวย ๆ ของเฮซองออก ก่อนจะติดกระดุมทุกเม็ดที่เค้าปลดมันออกให้คืนสภาพเดิม แม้ดวงตาคมลอบมองอาการเสียดายและความรู้สึกที่ถูกปลุกโดยไม่สานต่อจะแสดงออกว่ามันชัดแจ๋วแค่ไหน แต่เค้าก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นซะงั้น

“จงทรมาณต่อไปซะ” อันนี้จอนจินคิดในใจบ้าง

“ผมไม่ชอบให้พี่พูดอะไรแบบนั้น มันเหมือนกับผมดู...ไร้ค่า”

“ชั้นไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ถ้ารู้ว่านายจะโกรธมากขนาดนี้ ชั้นคง...”

“ช่างเหอะ มันผ่านไปแล้ว ขอแค่อย่าทำอีกก็พอ .. นะฮะ” ท้ายประโยคกลับเป็นเสียงที่แผ่วเบา และนุ่มนวลเหลือเกิน

“อืม .. สัญญา”

จอนจินกดจมูกและริมฝีปากตัวเองหนัก ๆ ลงไปอีกครั้งบนแก้มกลม ๆ ระเรื่อนั้น มือหนาปัดเอาปอยผมที่ระเกะระกะบนหน้าผากที่ชื้นไปด้วยเหงื่อออก แล้วบรรจงจูบเบา ๆ อีกหน

“กลับบ้านเหอะฮะ เย็นแล้ว พี่ไปเอาเจ้ามูริก่อนนะ ผมขอเปลี่ยนผ้าก่อน”


“อืม ...เดี๋ยวชั้นไปรอนายที่หน้าตึกและกัน”


…
..
.


เย็นย่ำมากแล้วที่คนทั้งคู่เดินเอื่อยๆ จากโรงเรียน จนกระทั่งถึงบ้าน เนื่องจากอยากให้ระยะทางระหว่างนั้นมันยาวไกลไปอีกนิด มูริยังคงชอบซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของจอนจินเหมือนเคย และมืออีกข้างที่ว่าง ก็เกาะกุมไปกับมือเรียว ๆ ของเฮซอง ชายร่างสูงหล่อเหลามากมายเดินจูงมือกัน แม้มันออกจะแปลกประหลาด แต่เอาเหอะ ชั่วโมงนี้ ถือว่ายกผลประโยชน์ให้ งัย ๆ ก็คืนดีกันแล้วนิเนอะ..



หากการสำลักความรักมันทำเอาหัวใจระเริงโลดได้ขนาดนี้ จะผิดไหมที่เฮซองกำลังรู้สึกอยากเสพความสุขนั้นไปเรื่อย ๆ ให้สำลักตายกันไปข้างนึงเลยจริง ๆ

และตอนนี้ทั้งคู่ดูจะแกะกันไม่ออกเข้าไปทุกวัน แม้ข่าวที่เริ่มหนาหูถึงความสัมพันธ์อันผิดปกติจะยิ่งเพิ่มแรงซุบซิบนินทา มันก็ยังไม่สามารถทำให้ห้องซ้อมห้องเดิมขาดจอนจินไป หรือริมสนามหญ้าเขียว ๆ นั้นจะไม่มีร่างของเฮซอง ไม่มีเลยซักวัน...


“ดูอะไรอยู่เหรอ” จอนจินโยนกระเป๋าเป้วางไว้ที่เก้าอี้ตัวเองก่อนเดินมาสุมหัวร่วมวงกับเพื่อน

“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก” กลุ่มเพื่อนต่างแตกฮือ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ซะงั้น

“มีพิรุธนี่หว่า บอกมาสิ มีไร”

“ก็แค่รูปรุ่นพี่เฮซองน่ะ มันติดอยู่ในหนังสือการ์ตูน สงสัยน้องสาวชั้นไปกว้านซื้อมา พวกเราก็เลยนั่งดูกันแค่นั้นแหละ”

“รุ่นพี่ .. พี่เฮซองเหรอ ก็แค่นี้นี่หว่า ไม่เห็นต้องอึกอัก” จอนจินเอื้อมมือไปดึงภาพ 4- 5 ใบในมือเพื่อนตัวดี หย่อนตัวลงนั่งบนโต๊ะของเพื่อน พิจารณารูปในมือช้า ๆ

“นายกับรุ่นพี่คบกันเหรอวะ”

“อืม” ตอบด้วยสีหน้าปกติสิ้นดี

“เฮ้ย! จริงดิ”

“อืม....ที่ไหนวะเนี๊ยะ”

“อ๋อ! งานประกวดร้องเพลงเมื่อปีที่แล้วน่ะ รุ่นพี่เท่ส์สุด ๆ”

“เหรอ!” ภาพนั้นทำเอาหัวใจของจอนจินเต้นรัวเร็วกว่าปกตินิดหน่อย เฮซองในเสื้อเชิตสีฟ้าหลวม ๆ กระดุมถูกปลดจนเกือบหมด เหลือไว้เพียงเม็ดสุดท้ายเม็ดเดียว เผยให้เห็นหน้าอกขาว ๆ ทำไมมันไม่หลุดไปจากกันเลยนะ ยิ่งเห็นยิ่งขัดใจ ไหนจะเหงื่อที่ไหลเต็มหน้า หน้าที่เงยเล็ก ๆ พร้อมไมค์จ่อที่ปากบาง ๆ นั้นอีก แค่คิดก็ ...

“นายกับรุ่นพี่ถึงไหนกันแล้ววะ ไอ่จิน” จินตนาการบรรเจิดหยุดกึก..

“ไอ้บ้ากาม ถามงี้แปลว่าไรวะ ถึงไหนของนายน่ะ”

“อ้าว คบกัน ก็ต้อง ... จึ๊ก ๆ ๆ ใช่ป่ะล่ะ ก็แค่อยากรู้ว่าถึงไหน แค่นั้นแหละ งงกับคำถามตรงไหนวะ” จอนจินละสายตา เงยมองสีหน้าแต่ละคนที่รอฟังคำตอบอย่างหื่นกระหาย ดู ๆ ไอ้เท็นเท็น น้ำลายจะย้อยจากปากและ ไอ่บ้าพวกนี้นี่

“ไม่มีไรทั้งนั้นแหละ แล้วนี่ รูปพวกนี้ ชั้นยึดนะเฟ้ย”


“เฮ้ย! ไม่ได้ ของน้องสาว เดี๋ยวมันด่าเอา”

“เรื่องของแก ขืนแกเก็บไว้กับตัว เดี๋ยวได้เที่ยวเอาไปจินตนาการเกินเลยกันพอดี”

“โห แค่จินตนาการยังหวงเรยว่ะ เชื่อแล้ว” แล้วเสียงโห่ร้องเล็ก ๆ ก็ดังขึ้นในห้องเรียนนั่น .

....



“จอนจิน ..”

“มาแล้ว เสียงใส ๆ ในเวลาเย็น ๆ”

“ฮะ”

“ทำอะไรเหรอ”

“ทำรายงานน่ะฮะ จะสอบแล้วแต่ก็ต้องซ้อมทุกวัน การเรียนผมแย่ลงมาก ๆ เลยอ่ะ”

“งั้นเหรอ” เฮซองนั่งลงข้าง ๆ ตักไอติมสตอเบอรี่เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย

“มูริล่ะฮะ”

“อยู่ที่ห้องซ้อมน่ะ เพิ่งเอานมไปให้ หลับอยู่”

“อืม!” ประกายตาคม ๆ เหลือบมองไปยังริมฝีปากบาง ๆ ลิ้นเรียว ๆ ที่ยื่นมาเลียมุมปากเอาคราบสีชมพูจากรสสตอเบอรี่ให้มันเข้าปากไปอย่างลืมตัวและเป็นธรรมชาติจนเค้าเผลอแอบมองอยู่นาน และแล้ว ภาพ 4-5 ใบในมือเมื่อเช้า ก็พุ่งเข้ามากระแทกหัวสมองอย่างจัง .. ทำไมวันนี้ รุ่นพี่เช็กซี่ชะมัดแบบนี้น้า .. เฮ้อ!

“เป็นอะไรไปเหรอ มองชั้นทำไม อยากกินเหรอ .. อ่ะ” เฮซองยื่นไอศครีมในมือให้อีกคนตรงหน้า แต่จอนจินส่ายหน้าเล็กน้อย

“ไม่หรอกฮะ ผมไม่ชอบ” เฮซองเลิ่กคิ้ว ก่อนจะตั้งต้นตักเจ้าไอศรีมถ้วยนั้นลำเลียงเข้าปากต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นี่จะมานั่งกวนสมาธิที่ปกติก็ไม่ค่อยมีอีกนานแค่ไหนเนี๊ยะ ... เค้าคิดในใจอย่างว้าวุ่นอยู่คนเดียว

“นายเป็นอะไรรึเปล่าน่ะจอนจิน บอกชั้นได้นะ”

“เปล่านี่ฮะ”

“แน่นะ”

“ถ้าผมบอกว่าเป็นล่ะ พี่จะช่วยได้มั้ย”

“ก็ต้องดูก่อนว่าจะให้ช่วยอะไร” ท่าทีท้าทาย วงหน้าที่ไม่เกรงกลัวอะไรแบบนี้แหละ มันทำให้เค้าคิดอยากจะเอาชนะคน ๆ นี้ซะทุกทีไป แต่ทำไปทำมา ก็ไม่เคยที่จะเอาชนะได้ซักที โธ่! แล้วเค้าก็ต้องกลับมาเข้าสู่โหมดตั้งใจกับรายงานตรงหน้าอีกครั้ง ทำใจให้ลืม ๆ คนน่ารักแก้มป่อง ๆ ไปชั่วครู่ มันคงไม่ขาดใจตายหรอกน๊า

จนเวลาผ่านไป ผ่านไปเหมือนนาน จริง ๆ มันอาจแค่ 5-10 นาที แต่คนข้าง ๆ เริ่มเงียบเสียงลงแล้ว หันไปมองอีกที เฮซองก็ใช้แขนตัวเองต่างหมอนหนุน กรอกตาไปมานั่งมองเค้ากับกองรายงานตรงหน้าอย่างตั้งใจ ทันทีที่เห็นภาพนั้น เค้าฝืนยิ้มเล็ก ๆ ออกมานิดหน่อย

“จะกวนผมเหรอ”

“เปล่า”

“ก็มองทำไมเล่า”

“เวลานายตั้งใจทำงาน นายดูเท่ส์ดี” ปกติได้ยินมาจนเบื่อ แต่คำ ๆ นี้ พอถูกขับออกมาจากปากบาง ๆ ของคน ๆ นี้ มันทำเอาใบหน้าเค้าเริ่มระเรื่อไปด้วยสีแดงจนได้สิน่า

“พอเหอะ ผมไม่มีสมาธิเลย อีกไม่นานก็ต้องแข่งกีฬาระดับประเทศอีก ผมคงต้องซ้ำชั้นอีกปีแน่ ๆ ขืนเป็นงี้นะ”

“โอเค งั้นไม่กวนและ ไปหามูริดีกว่า”

“เดี๋ยวสิฮะ” ทันทีที่ร่างบางกำลังลุกขึ้นจากโต๊ะ จอนจินก็คว้าเอาแขนข้างนึงไว้ พาอีกคนเดินไปจากตรงนั้น

“ไปไหนน่ะ รายงานไม่เสร็จนะ”

“ไว้ก่อน”

“นี่ ช้า ๆ ไล่ควายรึงัย”

“พี่นี่ ปกติปากดีอย่างนี้ประจำใช่มั้ย”

“ก็เป็นงี้แหละ เดินช้า ๆ สิ ชั้นไม่ได้ขายาวเหมือนนายนะ” ขายาว ๆ และ(ค่อนข้าง)ยาวของคนสองคน เดินลัดเลาะมาจนถึงหลังตึก มองซ้ายมองขวาให้แน่ใจก่อนที่มือหนา ๆ จะผลักประตูเข้าไปยังห้องเงียบ ๆ ห้องนึง

“จอนจิน นายพาชั้นมาทำอะไรที่นี่น่ะ”

“พี่กวนอารมณ์ผม พี่ต้องชดใช้”

“ห๋า! ชั้นทำแบบนั้นเหรอ ไม่ยักรู้ตัว” อีกและ มาอีกและ น้ำเสียงท้าทาย สายตายั่วยุแบบนี้อีกและ

“รู้ไม่รู้พี่ก็ทำไปแล้ว” จอนจินรวบร่างบางไว้ในอ้อมกอด ผลักให้หลังนั้นกระแทกเบา ๆ กับประตูห้องเก็บของ ก่อนจะเลื่อนใบหน้าตามติดประชิดริมฝีปากของอีกคนกดแรง ๆ ให้มันแนบชิดกับริมฝีปากเค้าเอง จากลิ้นร้อน ๆ ที่กวาดกลืนเอาน้ำหวานในปากให้เหือดหายเป็นจืดชืด แต่ซักพัก ปากนั้นก็ยังคงหลั่งความหวานออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หัวใจของเฮซองกระตุกครั้งแล้วครั้งเล่าจนแทบจะระเบิดออกมาด้านนอก แต่อีกฝ่ายยังคงไม่รู้สินะ เค้าถึงได้ทาบทับลงมาประหนึ่งต้องการให้เค้าขาดใจ



“จอนจินน่ะ มันก็ออกดัง ผู้ชายหล่อ ย่อมมีแต่คนหมายปอง”

“แล้วงัย”

“นายคิดเหรอว่าหมอนั่นจะคบกับนายได้นาน รู้ป่ะ ไอ้พวกนักบอลน่ะ มันชอบสะสมคนรักกันเป็นคอลเล็คชั่น ชั้นไม่ได้จะอะไรหรอก แค่จะเตือน ๆ ไว้แค่นั้น”


บทสนทนาช่วงมื้อเที่ยงระหว่างเค้าและจีฮุนแว๊บเข้ามาในห้วงความคิด แค่แว๊บเดียว แต่มันก็ทำให้เฮซองชะงัก .. พร้อมกันกับวินาทีที่จอนจินยอมปล่อยริมฝีปากของเค้าจากการครอบครองที่เนิ่นนานซะที

“พี่ .. เป็นอะไรรึเปล่า”

“เปล่าหรอก ทำไมนายต้อง..”

“ผม..ไม่รู้สิ ทำไมวันนี้ผมรู้สึกต้องการพี่มาก ๆ ก็ไม่รู้ ขอโทษนะ ถ้าพี่จะรู้สึกไม่ดี”

“เปล่าหรอก ถ้านายสัญญาว่าชั้นจะไม่ตกเป็นหนึ่งในคอลเล็คชั่นนาย ชั้นก็โอเคนะ” เค้าจะรู้ตัวเองมั้ยนะ ว่าคำพูดแต่ละคำนั้น แม้มันจะฟังแล้วแสนธรรมดา แต่พอมันผ่านริมฝีปากบาง ๆ นั่นออกมา แต่มันก็ทำเอาเค้าเคลิบเคลิ้มแทบไม่ต้องทำอะไรแล้ว นี่เค้าเป็นอะไรไปเนี๊ยะ

จอนจินไล้มือหนา ๆ ของเค้าผ่านไปยังดวงตาเรียว ดุ ๆ นั่น ริมฝีปากบางที่ช่างพูด และปอยผมอีก 2-3 เส้นที่ชื้นเหงื่อและแนบติดอยู่กับแก้มกลม ๆ นั่น ก่อนจะดึงให้ร่าง ๆ นั้นเดินตามตนไปยังเก้าอี้ด้านใน เค้าทรุดตัวลงก่อน ตามด้วยร่างบางบนหน้าตักตน มือหนึ่งประคองเอว อีกมือก็จับท้ายทอยให้ใบหน้าอีกฝ่ายโน้มลงมาตรงริมฝีปากเค้าพอดิบพอดี ...

วันนี้อากาศดี ... แม้จะเย็นมากแล้ว แต่ลมที่พัดผ่านก็ยังไม่หนาวเท่าไหร่ ห่วงก็แต่ใครสองคนในห้องนั้น ความร้อนคงทำให้อุณภูมิทั้งคู่ขึ้นสูงสุดจนปรอทก็วัดแทบไม่ได้กระมัง



ดวงความรักกำลังพุ่งแรง สำหรับเฮซองและจอนจิน คู่รักที่สุดแสนจะลงตัว และตอนนี้ จอนจินเหมือนเป็นสาเหตุที่ทำให้เฮซองเป็นโรคติด “จูบ” รุนแรงมากถึงมากที่สุด เค้าจูบกันทุกที่เท่าที่โอกาสและสถานที่จะอำนวย เค้าจับมือกันไว้แน่นทุกครั้งที่มีมือเหลือว่างพอ เค้านั่งกระซิบกระซาบกันจนมันกลายเป็นภาพชินตา ..

แต่ก็นั่นแหละ ความรัก มันต้องแลกมาด้วยการเสียสละไม่อะไรก็อะไรอย่างนึงเสมอ ตอนนี้ดวงการเรียนและฝีมือเตะบอลของจอนจินมันจึงต่ำฮวบแบบน่าใจหายที่สุด

“นึกว่าพอมีข่าวระหว่างนายกับจอนจินออกไป ภาพชั้นมันจะขายไม่ได้ซะอีก ที่ไหนได้ออเดอร์ประดังเข้ามาจนรับไม่ทันเลยว่ะ นายสองคนคบกันไปแบบนี้ก็ดีนะ 55”

“พูดอะไรวะไอ่มิน”

“เอาน่า ความสุขของนาย มันสร้างรายได้ให้เพื่อนด้วยไม่ดีอีกเหรอ”

“พี่ฮะ ออ! หวัดดีฮะพี่มิน”

“แน่ะ แค่พูดถึงก็มาเลยวุ้ย งั้นชั้นไปก่อนนะ ” มินอูโบกมือให้เพื่อนและจอนจินก่อนหันกล้องมาแชะภาพทั้งคู่ไว้แชะนึง และเดินผิวปากสบายใจออกไปทันที

“มีอะไรเหรอ”

“พรุ่งนี้ต้องไปเก็บตัวน่ะฮะ ได้ข่าวเมื่อกี๊ รีบมาบอกพี่ก่อน”

“เก็บตัว?? ทำไมเร็วจังล่ะ”

“โค๊ชทีมชาติเลยนะฮะ เค้าว่างช่วงนี้พอดี เลยมาซ้อมให้”

“แต่ใกล้สอบแล้วนี่ ไม่เป็นไรเหรอ”

“แค่ 3 วันน่ะฮะ ... แล้ว ...มูริล่ะ”

“วิ่งอยู่แถวนี้แหละ...ต่อไปคงไม่ได้พามันมาโรงเรียนแล้วล่ะ ชั้นไม่มีเวลาเท่าไหร่ จะสอบแล้วด้วย”

“กลัวมันเหงาเหรอ”

“อืม! แต่ทำไงได้ล่ะ ...เย็นนี้เราไปซื้อปลอกคอให้มัน ดีมั้ย”

“ก็ดีฮะ”

“จะได้เหมือนกับว่า ชั้นกะนายอยู่กับมันตลอดเวลางัย”

“พี่ดูจะรักมูริมากนะ”

“แล้วนายล่ะ”

“ผมก็รักมัน”

“นี่นายหึงมูริล่ะสิ”

“เปล่าซักหน่อย ก็ตราบใดที่มูริยังจูบไม่เป็น ผมก็โอเคนะ”



....



เย็นนี้ก็ปกติเหมือนเย็นในทุก ๆ วัน หลังเลิกเรียนเค้ามักจะต้องฝึกซ้อมร้องเพลงได้กลับจริงๆ ก็เกือบค่ำ นั่นก็ถือเป็นการดีเพราะจะได้เลี่ยงการจราจรในชั่วโมงวุ่นวายได้พอควร แต่ช่วงนี้ กำลังเข้าสู่ฤดูกาลแห่งการสอบ การซ้อมเลยต้องพักไว้ชั่วคราว ..

ภาพเดิม ๆ ที่ซ้ำกับทุก ๆ วันในหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา จอนจินกับลูกสุนัขตัวเล็ก ๆ ในมือ ตอนนี้ เด็กสาวหลายคนมีภาพนี้เก็บไว้ในคอลเล็คชั่นไอดอลของตัวเองเยอะพอสมควร เนื่องจากการที่เค้ายินยอมยืนเป็นแบบให้มินอูถ่ายกะเจ้ามูริท็อปโมเดลจำเป็น เพื่อแลกกับการขอใช้ห้องชมรมถ่ายภาพโดยไม่มีใครรบกวน 1 ชั่วโมงเต็ม ซึ่งนั่นก็ถือว่าคุ้มทีเดียว

“ร้านนี้แหละ ไปเหอะ” เฮซองจับต้นแขนที่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของจอนจินเพื่อดึงให้อีกคนเดินไปยังร้านขายสัตว์เลี้ยงและอุปกรณ์ต่าง ๆ แต่จอนจินกลับหยุดเดินซะเฉย ๆ

“พี่เข้าไปเหอะฮะ เดี๋ยวผมจะรอตรงนี้แล้วกัน”

“ทำไมล่ะ จะได้ดูว่ามูริใส่มันได้มั้ย”

“ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวมูริเข้าไป มันเห็นหมาตัวอื่น แล้วมันจะเห่า”

“ก็แล้วจะเป็นไรล่ะ”

“พี่ไปเหอะฮะ เส้นไหนที่พี่เลือก เส้นนั้นมูริต้องใส่ได้แน่นอนอยู่แล้ว” เมื่อเห็นอาการดึงดันจนดูท่าว่าจะไม่สำเร็จ เฮซองก็เริ่มยอมแพ้

“โอเค รอตรงนี้นะ เดี๋ยวมา” เฮซองใช้มือสองนิ้วของเค้า คะเนรอบคอของมูริอยู่ซักพัก ก่อนจะวิ่งเข้าร้านไป

..
..
“ขอโทษนะครับ ปลอกคอสุนัขอยู่ตรงไหนครับ”

“ตัวขนาดไหนได้ล่ะ” ลุงเจ้าของร้านหันหน้ามาด้วยใบยิ้มแย้มดูหน้าใจดี ผมน้ำตาลเข้มแซมขาวเล็ก ๆ กะอายุน่าจะไม่เกิน 60 ปี ถามเค้า

“อืม! ตัวนิดเดียวครับ ซัก แค่นี้” เฮซองใช้สองมือประกบกับให้เท้ากับความกว้างของเจ้ามูริ

“หืม! ลูกสุนัขใช่มั้ย”

“ครับ”

“มีเยอะแยะแหละ จะเอาเป็นโซ่หรือเป็นสายหนังล่ะ”

“เป็นโซ่ครับ เส้นเล็ก ๆ ให้ร้อยตัวอักษรเข้าไปได้น่ะครับ” ลุงเจ้าของร้านเดินนำเค้าไป ปลอกคอที่แขวนอยู่ริมกระจกหน้าร้าน ทำให้ตรงนี้เค้ามองเห็นมูริและจอนจินนอกร้านชัดทีเดียว เฮซองหยิบปลอกคอขึ้นมา ที่ละเส้น ก็ทำท่าทาบเอากะกระจกวัดความเหมาะสมกะเจ้ามูริด้านนอก

“ตัวที่เด็กหนุ่มคนนั้นถืออยู่รึเปล่า”

“ครับ เจ้ามูริตัวนั้นแหละ”

“มูริเหรอ เปลี่ยนชื่อมันล่ะซิ”

“เปล่านะครับ มันชื่อมูริแต่แรกอยู่แล้ว”

“ไม่หรอก ตอนที่เด็กผู้ชายคนนั้นมาซื้อมันไปน่ะ มันชื่อบราวนี่ ชั้นจำสุนัขที่ชั้นขายไปได้ทุกตัวแหละ”

“บราวนี่เหรอครับ”

“อืม บราวนี่”

“แล้วใครเป็นคนมาซื้อไปเหรอครับลุง”

“...”


....


เฮซองผลักประตูร้านออกมาด้วยรอยยิ้มพร้อมปลอกคอเจ้ามูริกับตัวอักษร JxS ซึ่งถอดออกจากที่ห้อยโทรศัพท์ของเค้าสด ๆ ร้อนๆ

“จอนจินนะจอนจิน ถึงว่าสิ ทำไมเจ้ามูริมันถึงติดนายยังกะอะไรดี คอยดูนะ วันนี้ ชั้นจะเอาคืนให้สมกับที่โดนนายหลอก” ความคิดเค้าวนเวียนอย่างเป็นสุขอยู่แบบนั้น ประกายตาวิบวับจากความลับที่รู้ไปเมื่อครู่ มันดูจะถอดออกจากแววตาได้ยากเหลือเกิน

“จอนจิน… เรียบร้อยแล้ว” เฮซองตะโกนเรียกคนที่ยังยืนเกาคอเจ้ามูริในอ้อมกอดดัง ๆ จอนจินผละสายตาจากถนนและผู้คนมากมายอีกฟาก มายังใบหน้าของคนรักพร้อมรอยยิ้มรอยนั้นที่ยังคงแต่งแต้มให้ใบหน้าหล่อเหลาดูคมคายขึ้นกว่าเดิมอีกเป็นทวีคูณ บ่อยครั้งที่เฮซองเองยังแอบเผลอมองคน ๆ นั้นในเวลาสั้น ๆ ด้วยความหลงไหล แม้ว่าตัวเองจะได้ชื่อว่ามีใบหน้าและรูปร่างที่ไม่แพ้ใครในโรงเรียน และแฟนคลับก็จำนวนไม่น้อย แต่การที่มีจอนจินเป็นคนรัก ข้อนี้มันทำเอาเค้าภูมิใจมากทีเดียว

สี่แยกที่รถรายังคงขวักไขว่ และความประมาทมันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเมืองเข้าไปทุกวันอยู่แล้ว .. เฮซองหันไปมองรถคันหนึ่งที่ผ่าไฟแดงมาด้วยความเร็ว หักซ้ายหลบรถที่สวนมาด้วยความเร็วไม่ต่างกัน พุ่งขึ้นมายังทิศทางที่ใครอีกคนยังคงยืนยิ้มอยู่กับที่ แม้จะชนเอาถังขยะกระเด็นไปแล้ว ทำไม..เค้าถึงยังไม่รู้สึกตัวนะ

เหมือนจะช้า แต่เป็นแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นเอง...



“จอนจิน!!!!!!!!!!!!! .. หลบสิ หลบบบบบบบบบ~~~~~~~..”



เหมือนมันจะดังออกมาจากลำคอ แต่ก็เป็นเพียงแค่เสียงร้องที่ก้องอยู่ภายในหัว ก้องจนเค้ารู้สึกเหนื่อยที่จะตะโกนร้องออกไป แสบคอไปหมดทั้ง ๆ ที่ปากยังคงขบกันแน่นสนิท ไม่มีเสียงใดหลุดรอดออกมาซักนิด แม้แต่เสียงสะอึก ถึงหัวใจจะกระตุกครั้งใหญ่ก็ตาม


..
..
.

เอี๊ยดดดดดดดด~~~~~~~~~


โครม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ….




...บางครั้ง พระเจ้าก็ประทานพรอันประเสริฐให้กับเรา ความสุข รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ บนวิถีทางแห่งการดำรงชีวิต
...แต่บางที พระเจ้าก็เล่นตลกกับเรา ... ไม่งั้น น้ำตาก็คงไม่จำเป็นสำหรับมนุษยชาติหรอก ใช่มั้ย ...หรือท่านเพียงแค่สร้างไว้เพื่อปัดเป่าหรือขับไล่เศษฝุ่นละอองให้ดวงตาใสสะอาดขึ้น ... เป็นประการนี้หรือเปล่า

ร่างที่ลอยเหนือพื้นเป็นโค้งสวยราวใช้วงเวียนวาด ก่อนจะหล่นตุบห่างไปจากจุดยืนจุดเดิมนิดหน่อย พร้อมด้วยอาการแน่นิ่ง .. เสื้อสีขาวสะอาด ถูกอาบด้วยสีแดงฉาดจนแทบลืมไปแล้วว่ามันเคยเป็นสีขาวมาก่อน ...
สิ่งนั้นนั่นเอง ที่มันทำให้ความเจ็บปวดภายในร่างกายกลั่นตัวเป็นหยดน้ำตา แล้วหลั่งออกมาโดยแทบไม่ได้เก็บกักไหลบ่าสู่พวงแก้มใส ๆ แก้มที่ใครบางคนเคยใช้จมูกโด่ง ๆ ของเค้าซุกไซ้อยู่ทุกวัน

รอบกายเต็มไปด้วยผู้คนและเสียงตะโกนเรียกรถพยาบาลอย่างโหวกเหวก แม้จะชุลมุน แต่สำหรับเฮซอง ภาพนั้นมันเชื่องช้าเหลือเกิน

เสมือนใครบางคน จงใจหยุดเข็มวินาทีไว้ให้เคลื่อนไปด้วยความเร็วเท่า ๆ กับเข็มที่สั้นที่สุด
เสมือนใครบางคน จงใจล้วงมือเข้าไปเฉือนหัวใจของตนเองออกครึ่งนึงแล้วโยนทิ้งไว้ โดยไม่ใยดีซักนิด
เสมือนพายุทะเลทรายหอบใหญ่ พัดมาปะทะใบหน้าให้ชา และมันก็ทำให้เค้าหายใจไม่ออกเพราะทรายที่อัดแน่นอยู่ภายในปอด

และมือที่ยังกำปลอกคอไว้แน่น ก็เริ่มทำให้เค้าเจ็บ จนชาไปหมด...
ทำไมไม่เหมือนครั้งนั้น หรือเพราะครั้งนั้นเค้าใช้สองมือปิดตาตัวเองไว้นะ ทำไมครั้งนั้น มันทำร้ายนายได้แค่บาดแผลถลอก ... แล้วทำไมครั้งนี้


...ชีวิตที่สวยงาม คือชีวิตที่หายใจรวยระรินอยู่ภายในผ้าห่มสีขาวผืนใหญ่ .. เหยียบอยู่บนเส้นแบ่งระหว่างสองภพ ความตาย .. และการมีชีวิตอยู่ เยี่ยงนั้นหรือ

เฮซองไม่เข้าใจซักนิด..เมื่อวินาทีก่อน เค้ายังยิ้มอยู่นี่น่า ... เอ๊ะ .. หรืองัยกันแน่



.........





ซัมเมอร์กำลังจะผ่านพ้นไป

วันนี้ก็เป็นอีกวัน นานเท่าไหร่แล้วนะ เกือบ 4 เดือนแล้วใช่มั้ย .. ชีวิตที่สูญเสีย มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ... แค่นึกถึง มันก็เจ็บปวด สิ่งที่ทำให้บรรเทาได้ก็คือคราบน้ำตา แต่พอมันยิ่งไหล ไม่แน่ใจว่ามันลบความเจ็บปวด หรือยิ่งเพิ่มให้เป็นทวีคูณกันแน่

เฮซองเดินผ่านร้านขายดอกไม้ .. เค้าคว้าเอาลิลลี่สีขาวช่อหนึ่ง ที่แซมด้วยคัตเตอร์นิดหน่อยมาถือไว้ในอุ้งมือ ดวงตาหม่นหมองที่ไม่อาจคลายความเจ็บปวดได้ซักทีเมื่อนึกถึงมัน กลิ่นหอม มันคงทำให้เค้า หลับอย่างเป็นสุขขึ้นในสรวงสวรรค์ที่แสนไกลนั่น .... เค้าถอนหายใจอีกเฮือกก่อนล้วงกระเป๋าหยิบธนบัตรจำนวนนึงส่งให้ตามป้ายราคาข้างถัง แล้วจึงเดินสาวเท้าออกไปเรื่อย ๆ ยังทิศทางที่เดินย่ำไปมาเสมอ เมื่อนึกถึงใครบางคนขึ้นมา ..

บนเนินหญ้าเล็ก ๆ มือเรียวเอื้อมไปหยิบเดซี่ช่อเก่าที่เหี่ยวแห้งแล้วกว่าเดือนออก แล้ววางลิลลี่ช่อใหม่ลงไปแทนที่เดิม เค้านั่งชันเข่าอยู่ตรงนั้น ฮึมฮัมบทเพลงบทแล้วบทเล่าอยู่นาน เหมือนอยากตัดตัวเองให้หลุดออกจากโลกปัจจุบันซักพัก


“พี่..
....มาอยู่ที่นี่เอง หาตั้งนาน” เสียงหนึ่งซึ่งดึงให้ตัวเองหลุดออกจากโลกอีกโลกกลับเข้าสู่ปัจจุบันซะที

“สอบเสร็จแล้วเหรอ”

“ฮะ เสร็จแล้ว ทำไมไม่รับโทรศัพท์ล่ะ”

“ชั้นลืมมันไว้ที่ห้องนายเมื่อวานน่ะ”

“ออ! ใช่ ผมเอามาให้พี่ด้วย” ชายร่างสูงทรุดตัวลงนั่งบนสนามหญ้าข้าง ๆ อีกคน

...
..
.
“ทำข้อสอบได้มั้ย”

“ได้ฮะ เพราะพี่ช่วยไว้แท้ ๆ ไม่งั้นคงตายแน่…

…วันนี้ร้องเพลงอะไรให้มูริฟังเหรอ”

“เพลงที่ชั้นเคยร้องกล่อมมันน่ะ เมื่อก่อนมันไม่ชอบหรอก ฟังแล้วดิ้นไปมาเหมือนทรมาณ แต่ดูว่าตอนนี้มันคงชอบขึ้นมาและมั้ง ” รอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มปรากฏขึ้น มันทำให้อีกคนเบาใจไม่น้อย”

“อยากได้ตัวใหม่มั้ย ไว้เราไปดูกัน”

“ไม่ล่ะ ปีหน้าชั้นอยู่ปี 3 แล้วนะ ต้องเตรียมตัวเอ็นท์ด้วย”

“อืม! นั่นสิ ผมก็เกือบแย่ ถ้าซ้ำชั้นขึ้นมาล่ะก็ ไล่ตามพี่ไม่ทันแน่ ๆ เลย”

“ขาเป็นงัยบ้าง”

“โอเคแล้วฮะ ผมว่าผมพร้อมเข้าสู่สังเวียนแล้วแหละ”

“สังเวียนอะไรเหรอ”

“ก็ ...สังเวียนรักงัย ไม่ได้ขืนใจพี่หลายเดือน ชีวิตผมเหี่ยวเฉาจะแย่”

“ไอ่บ้าจอนจิน พูดอะไรไม่อายปากเลย”

“ด่างี้ทุกที แต่เห็นชอบทุกที”

“บ้า พอแล้วเว้ย ไม่ต้องพูด หน้าไม่อายจริง ๆ”

“ไม่มีใครได้ยินซักหน่อย”

“มูริได้ยิน”

“เหรอ งั้นกระซิบก็ได้”

บนสนามหญ้านุ่ม ๆ ใต้ต้นไม้ร่ม ๆ ลมพัดเย็น ๆ ก็ดูมีบรรยากาศไม่หยอกเหมือนกัน หลังบ้านแบบนี้คงห่างหูห่างตาคนอื่นพอดู

จอนจินขยับตัวมาโอบอีกคนไว้ให้ไหล่บางพิงมายังหน้าอกแกร่งของเค้า ก่อนจะเชยคางให้ใบหน้าหันมารับกับรสจูบอันเสียวซ่านของตน จูบหวานที่ทิ้งร้างมานานเหลือเกิน แต่ลิ้นอุ่น ๆ ของทั้งคู่ก็ยังจำกันและกันได้เสมอ

“อืมๆ จอนจิน...

.... ชั้นเชื่อและว่านายน่ะเหี่ยวเฉา จูบนายถึงได้แย่ชะมัด” พอถอนปากออกมาได้ ก็เริ่มปากดีอีกแล้ว

“แย่แล้วทำไมต้องทำหน้าเคลิบเคลิ้มขนาดนั้นล่ะพี่”

“บ้าล่ะซิ เคลิ้มที่ไหน”

“เฮ้อ! นอนโรงบาลมาตั้งหลายเดือน พี่จะให้ผมไปซ้อมจูบกับนางพยาบาลรึงัย”

“เปล่าซักหน่อย ก็แค่จะเริ่มติววิธีจูบให้นายใหม่ แค่นั้นแหละ”

“จริงอ่ะ”

“อืม!”

“งั้นดีเลย นักเรียนคนนี้รอคอยแทบขาดใจแล้วครับผม” เฮซองยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะคว้ารอบคอของจอนจินโน้มหน้าเข้ามาประกบปากของตัวเองอย่างแผ่วเบา ค่อย ๆ ละเลียดลิ้นเรียวไต่ไปตามเพดานปาก ใต้ลิ้น ซี่ฟันทุกซี่ จนกระทั่งกระพุ้งแก้ม ขบฟันเบา ๆ ลงบนริมฝีปากหนานั่นเป็นการหยอกเย้า และเพิ่มความรุนแรงขึ้นตามจังหวะของเสียงหัวใจทั้งคู่ที่บัญชาการอยู่เงียบ ๆ ... อย่างเป็นสุข .. เหลือเกิน

“จอนจิน”

“หืม”

“ตรงนี้น่ะเหรอ”

“อืม”

“มูริเห็นนะ”

“เดี๋ยวผมปิดตามันเองฮะ”














เรื่องราวไม่ค่อยเข้ากะชื่อเรื่องเท่าไหร่ ไม่เป็นไรเนอะ ช่วงนี้อ่านอะไรที่มันเกี่ยวกะมาโซคีสม์บ่อย ๆ จนทำให้รู้สึกว่า เออ! การเจ็บจี๊ด ๆ นี่บางทีมันก็ดีวุ้ย ไม่รู้ทำไม หรือเราจะกลายเป็นมาโซไปซะและ แหะ ๆ จริง ๆ ก็อยากแต่งงั้นนะ แต่ฟิคนี้ไม่ได้มีเราอ่านอยู่คนเดียว เพราะงั้นถ้าแต่ง เราคงไม่ใช่มาโซ แต่เป็นซาดิสม์แหง๋ม ๆ เห็นคนอื่นทรมาณแล้วมีความสุข เอิ้กกกกกกกกกกกกกกก... ยิ่งโดนขู่ฆ่าไว้ด้วย ไม่คุ้มแน่ ๆ


ตอนนี้ชักอยากแต่งจิน-ดี้อ่ะ จะเป็นไรมั้ยถ้าเราจะเอาจิน-ดี้มาแซงคิวอู-ด้ง 5555 อยากถอดสมาการคู่นี้ ในเวลาที่พี่ทั้งสอง ริค และซองจบไปจากโรงเรียนนี้แล้ว เหลือมันสองคนมากิ๊กกันทั้ง ๆ ที่ยังมีแฟนเป็นตัวเป็นตนของแต่ละคนอยู่....

เอาเป็นว่าพบกันตอนหน้าและกันนะ ..เนอะ อนาคต ปล่อยมันเหอะ

(โห อะไรจะยาวเยี่ยงเน้)








Create Date : 04 มกราคม 2552
Last Update : 5 มกราคม 2552 10:57:57 น.
Counter : 1085 Pageviews.

16 comments
แพ้เนื้อจากการโดนเห็บกัด alpha-gal allergy สวยสุดซอย
(17 เม.ย. 2567 14:07:10 น.)
เวลาที่หายไป - บทที่ 27 ดอยสะเก็ด
(16 เม.ย. 2567 20:17:49 น.)
: รูปแบบของการตระหนักในการรับรู้ : กะว่าก๋า
(15 เม.ย. 2567 05:37:45 น.)
15 เมษายน 2567 คุกกี้คามุอิ
(15 เม.ย. 2567 04:15:53 น.)
  
เหอๆๆ เลิฟซีน หวานๆเยอะดี ชอบฮ่ะ

ทำเอาสะดุ้งกับฉากอุบัติเหตุนั่นเลย คิดว่าจะเศร้าซะแล้ว

ความเจ็บทำให้ชีวิตมีรสชาดนะจ๊ะ คำคมของพวกซาดิสต์ เช่นพี่เป็นต้น

อยากถอดคู่สมการเช่นกันนะ
โดย: piyawan IP: 118.172.240.165 วันที่: 4 มกราคม 2552 เวลา:20:14:20 น.
  
ม่ายยยยยยยยยน้า มูริ TT TT
น่าสงสารน้องมูริอ่ะ อุส่าห์เปนกามเทพมาเกือบทั้งเรื่อง แต่มาตายตอนจบซะนี่ แงๆๆๆๆๆๆ


ว่าแต่..ออมม่ากะลูกนกนี่ออนทัวร์ตลอดเลยหรอ
ตั้งแต่ห้องในหอประชุม ดาดฟ้าตึกวิทย์ ห้องเปลี่ยนเสื้อ ห้องถ่ายภาพ แถมสนามหญ้าอีก 555

ฟิคสนุกดีค้าบบบบ เปนกำลังใจให้พี่พุดแต่ต่อน้า ^ ^

ปล ฟิคพี่พุด คราวหน้าจิถอดสมการจิงหรอ งั้นเอาคู่ริคซองด้วยได้มั๊ยอ่ะ เหอๆๆ

ปล2 พี่หอยรุปนี้หน้าตากวยโอ๊ยดีอ่ะ เข้ากะนิสัยออมม่าเลย ชอบๆๆๆ
โดย: Bowiie IP: 58.64.84.83 วันที่: 4 มกราคม 2552 เวลา:20:28:41 น.
  
ว๊าาาา จบจิงๆหรอ...



“นู๋คิดถึงอุปป้า .. คืนดีกับออมม่านะคะ” /// ออมม่ามุขน่ารักอ่ะะะะะะ คิขุสมกะหน้าเลย ชอบอ่ะ

แต่เรื่องนี้ลูกนกมันไม่ง่อนิ มีแอบหอมออมม่า (ตอนที่แล้ว) แล้วก้อรู้ทันว่าออมม่าต้องหลบอยู่ใกล้ๆ ตอนส่งเจ้ามูริมาง้อ แกล้งทรมานออมม่า วางแผนหลอกออมม่าเรื่องซื้อเจ้ามูริ โอ๊ยยยย..ฉลาดนิ แต๊งกิ้วนะน้องพุดที่ทำให้ลูกนกมันดูดี มีสกุล เท่ห์มาก ถึงม๊ากมาก อยากจะกรี๊ดดดดด หุหุ


แต่ตอนรถชน แอบกลัวว่าน้องพุดจะใจร้าย พี่เลยแอบลากเม้าท์ลงไปอ่านข้างล่างก่อน หุหุ ชอบอีกแล้ว ไม่อยากให้จบเลย แต่รอฟิคยาวกะได้น๊าาา


พี่จะคอยปูเสื่อรอเรื่องต่อไปนะน้องพุด (น้องพุดบอก...ใจคอจะไม่ให้พักกันมั่งรึไงเนี่ย หุหุ) เอาใจช่วยน๊าาาาา

โดย: ไอ้หนูลูกพ่อ IP: 58.8.33.36 วันที่: 4 มกราคม 2552 เวลา:20:48:12 น.
  
พระเจ้าช่วยกล้วยตานีปลายหวีเหี่ยว กะว่าจะเข้ามาเม้นท์ตอน 1 ซะหน่อย ดีใจยิ่งกว่าถูกหวยได้อ่านตอนจบพอดี กรี๊ดดดดดด

- เครียดจัดจิออมม่า ขึ้นต้นมาก็คุยกะน้องม๋าเป็นวักเป็นเวรเชียว 555 เวงงงง มีกดหัวมูริให้พยักหน้าด้วย กร๊ากกกกกก น่ารักที่สุดในโลกหล้า น้องมูริสื่อรักหูยาวของพี่

- ขี้หงุดหงิด ขี้โวยวาย ขี้ท้าทายเชิญชวน ขี้อ้อน ขี้สารพัดขี้ได้อีกจ้ะออมม่า ชอบๆๆ

- 555 โรคติดจูบๆ สรุปว่ามันจูบกันทุกขณะจิตจนกลายเป็นโรคเลยเหรอ อือออมมม น่าเห็นใจๆ ก็ต่างคนต่างน่าจูบด้วยกันทั้งคู่ หมอที่ไหนก็รักษาไม่ได้หร๊อกโรคนี้ (กรี๊ดดด ยิ่งคิดยิ่งจิ้นกระเจิง คืนนี้จะนอนหลับมั้ยเนี่ยตรู -*-)

อ่านเสร็จสติหลุดไปสุราดเลยพี่ ลุ้นตัวโก่ง (กลัวจินนี่ตาย) กระชากใจมาก ฮือๆๆๆ น้องมูริๆๆๆๆ


ปล. 1 แล้วฉากที่ดาดฟ้าตึกวิทย์ล่ะ เหอๆ
ปล. 2 พรุ่งนี้เค้าจาไปทำสร้อยห้อยคอ JxS มั่ง กรี๊ดๆๆๆๆ

โดย: duckie IP: 124.121.19.165 วันที่: 4 มกราคม 2552 เวลา:21:25:58 น.
  
น้องนู๋มูริน่ารักอะไรเยี่ยงเน้ ดูๆแล้วเหมือนเด็กผู้หญิงช่างอ้อน ช่างเจ๊าะแจ๊ะ ตอนแรกแอบเซ็งออมม่าตัวเอง น่าหมั่นไส้มากๆ

ตายแล้ว จินนี่ทำให้รุ่นพี่ซองติดจูบขนาดนั้นเลยเหรอฮะ งั้นก็เข้าทางคนอ่านเลยสิฮะ มาเพียบเลย อิอิ
แหม กว่าจะง้อกันได้ ซองช้ำหมด

ตอนนี้ยกให้นู๋มูริน้อยเลยค่ะ น่ารักมากๆ ฝีมือการแสดงเยี่ยมยอด แม่กามเทพตัวน้อย

พี่พุดช่วงนี้อารมณ์จินดี้เหรอค้า เอาเลยค่ะ หนับหนุนให้ดี้มีชู้ กร๊ากก จะรอนะค้า
โดย: โบ_andyholic IP: 115.67.196.226 วันที่: 4 มกราคม 2552 เวลา:21:47:00 น.
  
มาอ่านแล้วแระเม้นท์ต่อกันไปเลย ในที่สุดก็ Happy Ending...

ชอบ wordings ของน้องพุดมากเลย ในการเปรียบเทียบสิ่งต่าง ๆ กับจิตใจคน

แอบเศร้านิดนึงตรงที่กามเทพน้อยมูริ ต้องชิงหนีไปอยู่สวรรค์ก่อนนี่แหล่ะ

เอ่อม...โรคติดจูบนี่มันเป็นงัยวะคะ ต้องใช้ยาอะไรรักษา แระจะหายขาดม้ายย

ใจจริงก็อยากให้พุดดี้ได้พักผ่อนมั่งนะ แต่อีกใจนึงก็อยากอ่านฟิคคุณภาพมันเรื่อย ๆ ไป

น้องพุดทำให้พี่ save ตังส์ค่าหนังสือไปได้เยอะเลยอ่ะรู้มะ

หันมาอ่านฟิค ได้ทั้งอารมณ์จี๊ด อารมณ์หวาน แถมยังประหยัดตังส์ได้อีก เหอ ๆ

ขอบคุณนะคะคุณน้องสำหรับฟิคคุณภาพ
โดย: ekada IP: 124.120.188.192 วันที่: 4 มกราคม 2552 เวลา:22:35:32 น.
  
ชอบตั้งแต่โหลดแบคกราวด์เสร็จเลยละพี่พุด กรี๊ส ร่างดงาม สายตาจินประหัดประหารหัวใจได้เลยนะนั้น น้องมูริก็หาวได้น่ารักน่าเอ็นดู

คิดเหมือนพี่เคเลย เรื่องการเลือกใช้คำของพี่พุด พี่พุดบรรยายแต่ละอย่างทำให้สร้างภาพในหัวได้ง่ายมากๆ อ่านแล้วเห็นภาพตามตลอด จนต้องกรี๊สสออกมา >w< ยิ่งฉากหวาบหวิว หวานแหววเนี่ย ได้ใจไปมากมายนับไม่ถ้วน

ตอนแรกๆก็พ่อแง่แม่งอน น่ารักมากๆ พอคืนดีกันป้าบ ก็หวาบหวิวๆ >w<" ว่าแต่ห้องเงียบๆหลังตึกนั้น ใช่ห้องที่ดี้เคยมาเจอะฉากหวาบหวิวจนทำให้ดี้หน้าแดงรึป่าวน้า ^^ แถมซองยังติดจูบอีก อ้ากกก โรคนี้มันช่างโดนใจคนอ่านจริงๆแล้วพี่พุดก็มาหักมุม T^T น้องมูริจ๋า...แต่ก็ฉากจบก็จบได้หวานนนถูกใจ ><

ถ้าพี่พุดจะแต่งแนวซาดิสม์ ก็ดีเหมือนกันน้า จะได้เปลี่ยนบรรยากาศในการอ่านบ้าง เพราะพี่พุดแต่งแนวไหนก็ตามมาอ่านอยู่ดี แม้คู่หน้าจะเป็นจินดี้หรือคู่ไหน แต่ยังไงนาก็รออูด้งรีเทิร์นอยู่เสมอ แต่จินดี้ก็ดีเหมือนกันแฮะ ไม่ค่อยจะมีจินดี้ให้ได้อ่านเลย อิอิ ^^

สู้ๆค่าพี่พุด
โดย: da friday child วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:3:07:07 น.
  
~H A P P Y . . . N E W . . . Y E A R~

ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง เจริญก้าวหน้า
ร่ำรวย ๆ นะจ๊ะ..................................

.....เข้าโหมดเนื้อเรื่องกันดีกว่าเนอะ.....
และแล้ว พุดก็แต่งฟิคออกมาได้แบบน่าร้ากน่ารักอีกแล้ว สมกับการรอคอยเลย
ฝีมือไม่ตกเลยนะเนี่ย... ที่ว่าซองกี้ชอบ
ท้าทายน่ะ จินนี่คิดไปเองอ๊ะป่าว...ก็พอ
หาว่าซองกี้ท้าทาย ก็ให้เค้ารับผิดชอบ
แบบตัวเองได้เปรียบทู๊กกที.... (หรือได้
เปรียบทั้งคู่ก็ไม่รุ)

ส่วนของขวัญ 4 ขานั่นก็เข้าใจคิดนะ....
สุดท้าย ก็ได้รักกันก็เพราะเจ้ามูรินั่นเอง
แต่แหม... ตอนจบไม่น่าส่งมูริไปสวรรค์
เลย น่าสงสารออก... ตอนแรกนึกว่าพุด
จะใจร้ายส่งให้จินนี่ไปแทนซะอีก...... ก็
ในตอนของริคดี้บอกไว้ว่า... กะจะให้จบ
แบบเศร้า ๆ ไอ้เราก็นึกว่าจะมาเศร้าเอา
ในตอนนี้ซะอีก ลุ้นซะแทบแย่... ดีแล้ว
หละที่จบแบบ happy ending...ไม่งั้นมี
หวังได้มีคนน้ำตาท่วมคอมฯแน่เลย......

แล้วตอนหน้าที่ว่าจะเป็นจินดี้น่ะ.. ชอบ
ก็ชอบอยู่อะนะจินดี้ แต่กะจะให้เป็นกิ๊กกันจริง ๆ อะเหรอ หยั่งงี้ก็นิสัยไม่ดีอ่ะสิ
นอกใจสุดที่รักตัวจริงของตัวได้ไงอ่ะ...
ให้คู่กันแต่เป็นเรื่องใหม่ได้ป่ะ ก็จินดี้ก็
ชอบอ่ะ...... แล้วอย่าลืมคู่มินวานนะจ๊ะ
คู่นี้ก็ชอบเหมียนกัล (พุดคงคิดนิ ว่ายัย
นี่มันงกและโลภมากอะไรเช่นนี้ หุ หุ หุ)
อันนี้ขอไปตามที่ใจคิด แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่
ได้ก็ไม่เป็นไร แค่พุดแต่งฟิคสนุกๆมาให้
อ่านเรื่อยๆ ก็ดีใจแล้วล่ะ...

แล้วพบกันใหม่คราวหน้านะ BYE..BYE..

โดย: JM IP: 116.58.231.242 วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:3:45:51 น.
  
เหอๆๆ..วิธีง้อลูกนกของออมม่าสุดยอดเจงๆ ใช้มูริมาอ้อนลูกนกซะ หารู้ม่าย ลููกนกแสบกว่า เอามูริมาเป็นกามเทพสื่อรักกะออมม่า เอิ๊กส์์ๆๆๆ

ฉากง้อน่ารักดีค่ะ “นู๋คิดถึงอุปป้า .. คืนดีกับออมม่านะคะ” อ่านแล้วกรี๊ดเลย เหอๆๆ + ชอบตอนลูกนกแกล้งออมม่าอ่ะ สงสัยพี่จะซาดิสต์ด้วยอีกคน ก็เคืองอ่ะ fic ก่อนหน้่านี้ ออมม่าชอบทำให้ลูกนกเสียใจประจำ ถึงตาลูกนกเอาคืนมั่งล่ะ ^O^

ตอนจบ กระชากอารมณ์คนอ่านมั่กๆ T_T สงสารมูริอ่ะ มะน่าเลยยย ถ้าอยู่ด้วยกันทั้งครอบครัวคงจะดีมากเลยย แต่คิดว่ามูริคงไปอยู่ที่ดีๆ แล้วหล่ะเนอะๆ

ชอบจัง fic นี้ ว่าแต่น้องพุดจ๋า พี่เก๋จะตามหาพี่มินได้ที่ไหนอ่ะ พี่เก๋อยากได้รูปอ่ะ รูปออมม่า รูปลูกนก รูปออมม่ากะมูริ รูปลูกนกกะมูริ และรูปครอบครัว เหอๆๆๆ พี่มินมาเมืองไทยหน่อยจิคะ ^^

ขอบคุณสำหรับ fic น่ารักๆ อีก 1 เรื่องนะคะ สำหรับเรื่องหน้า น้องพุดแต่งไรมา พี่ก็ชอบทั้งนั้นอ่ะคะ ยังไงจะรออ่าน fic ของน้องพุดนะจ๊ะ
โดย: kayzila IP: 124.122.250.237 วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:21:29:21 น.
  
กรี๊สสสสส.....กรี๊สสสสสสสสสส สุดที่รักทั้งสองของหนูร้อนแรงงง (มันกล้าเนอะสุดที่รัก ฮาฮาฮาฮา)

มาช้าไปหน่อยนะค่ะ หนูสอบเลยแอบมาอ่าน เลยตามมาทีหลังเลยค่ะ แหะๆๆ

แหมๆ ... ออมม่าเป็นโรคนี้ต้องรักษายังไงค่ะเนี่ย จุดนี้หมอจินนี่คงช่วยได้คนเดียว ก๊ากกก เพราะคนอื่นช่วยหนูไม่ยอมมมม (แล้วมันจิ้นกันไปไหนแล้วค่ะ ก๊ากก)

ห้องนั้นค่ะห้องนั้น อย่าบอกหนูนะค่ะว่าห้องเดียวกะที่สองหนุ่มเปิดเจอ ฮาฮาฮา แหมๆสรุปพอกันทั้งคู่และค่ะ แต่ออมม่าแนวนี้หนูชอบนะค่ะ อดสงสารคุณนายมูรีไม่ได้ คือหนูจะนอนใช่ไหมค่ะ ออย๋.... ฮาฮาฮาฮา ชอบค่ะชอบ


แล้วก็ชอบแบล็คกราวมากๆเลยค่ะ ชอบม๊ากกมากกกก ขออนุญาติเซฟนะค่ะ


รออ่านต่อนะค่ะพี่พุดข๋า... หนูรอได้ I Can Wait ^^ 5555+++ ขอบคุณที่แต่งให้อ่านนะค่ะ ขอบคุณจริงๆค่า
โดย: praery_za IP: 58.10.170.101 วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:21:29:51 น.
  
“แกคิดถึงพี่ชายมั้ย อยากให้ชั้นไปง้อเค้ารึเปล่าล่ะ” ว่าแล้วเค้าก็ใช้มือกดหัวเจ้ามูริเบา ๆ ให้เป็นท่าพยักหน้าโดยที่มูริเอง ยังไม่ทันตั้งตัวเลย
“ชั้นต้องไปง้อเค้าใช่มั้ย ต้องการอย่างนั้นล่ะสิ โอเค ชั้นจะตามใจแกก็ได้ แต่ถ้าเค้าไม่ยอมพูดกับชั้น แกต้องช่วยชั้นนะมูริ”
“...” มูริเริ่มหาว ... “นี่คือคำสัญญานะ ...”

ซองกี้ สามารถสื่อสารกับมูริรู้เรื่อง สงสัยจะอยู่ใกล้ป๋ามากเกินไปอ่ะป่าวววว....เหอๆๆๆๆ

“นู๋คิดถึงอุปป้า .. คืนดีกับออมม่านะคะ”

ซองกี้ยา จะน่ารักไปถึงหนาย แค่นี่จินนี่ก็ไปหนายมะรอดแล้วววว


“พี่กวนอารมณ์ผม พี่ต้องชดใช้”

จินนี่ยา จะให้ซองกี้ชดใช้อาราย บอกไปเลยอ่ะ (คนอ่านรอลุ้นอยู่....อิอิอิ)

พี่จะให้ผมไปซ้อมจูบกับนางพยาบาลรึงัย”
“เปล่าซักหน่อย ก็แค่จะเริ่มติววิธีจูบให้นายใหม่ แค่นั้นแหละ”

ซองกี้ติวบ่อยๆ น๊า แต่จะให้ดีต้องติวแบบจบหลักสูตรเลย......555


สำนวนที่ใช้ น่ารักมากๆ เข้าใจง่าย แต่มีความหมายลึกซึ้ง
บุคลิกของซองกี้ และจินนี่ ชัดเจนและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เงื่อนปมต่างๆ น่าค้นหาและติดตาม
โดยเฉพาะตอนจบ.....ต้องอ่านไปลุ้นไป....
ถึงแม้ว่าในใจจะคิดว่า...ไม่นะ จินนี่ต้องไปเป็นอะไร....
แต่ใครจะเดาใจเจ้าของฟิคได้ล่ะ ต้องลุ้นกันสุดดๆๆ

ขอบคุณน้องพุดมากๆ ที่แต่งฟิคสนุกๆ ให้อ่าน
ชอบฟิคของน้องพุดทุกเรื่อง
การแต่งฟิคเหนื่อยมากๆ ต้องใช้ความคิด อารมณ์ สมาธิ และเวลา
เหนื่อยนักพักได้นะจ๊ะน้องพุด มีแรงเมื่อไหร่ค่อยแต่งเรื่องใหม่นะ
แฟนขับ(ไล่) รอได้เสมออ.... น้องพุด สู้ สู้




โดย: Pekkiokung IP: 58.8.92.117 วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:22:02:30 น.
  
แหะๆๆ ได้ที่สุดก็ได้ย่องเข้ามาอ่านซะที
(แบบว่าถ้าไม่ได้อ่านจะขาดใจให้ได้ซะงั้นเลยค่ะ ฮิๆๆ กลัวตัวเองตกเทรนด์)

//“นู๋คิดถึงอุปป้า .. คืนดีกับออมม่านะคะ”//

อิอิ ถ้าอุปป้าไม่คืนดีกะออมม่า หนูจะรอแทนที่นะฮะ คริๆๆๆ (ช่างกล้า)
แถมออมม่าเป็นโรคเรื้อรังด้วย หยั่งงี้ท่าจะรักษากันนานเลย
เอาใจช่วยให้คลอดเรื่องต่อไปเร็วๆนะคะพี่พุด แต่จินดี้น่ะไม่อยากให้เค้านอกใจป๋าเลย เพราะงั้นกบเลยขอมายกมือออกเสียงให้อูด้งดีกว่า (นี๊ดมากๆๆค่ะ แหะๆ)
แต่ไม่ว่าแต่งตอนไหนก่อนก็จะตามมาเป็นแม่ยกให้พี่พุดอยู่ดี ไฟท์ติ้งนะคะ!!!
โดย: keiropi IP: 125.26.133.215 วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:20:13:52 น.
  


แม่ลูก น่ารัก

จ๊อยรักแม่ลูก

รออ่านอูเด้งงงงง

โดย: Double J IP: 222.123.6.55 วันที่: 10 มกราคม 2552 เวลา:14:15:46 น.
  
มาแว้ว~~~ มัวแต่แอบไปสืบเสาะหาโรงเรียนอันเปนโลเกชั่นอยู่เลยมาสายอ่ะ เหอๆๆ ปรากฎว่าหาอยู่นานก็ไม่เจอ ใครย้ายโรงเรียนนี้ไปไหนเนี่ย บอกมานะๆๆ


อยากถูกลงโทษด้วยการกระหน่ำจูบมั่งจัง เอิ๊กกกกพูดไรออกมาเนี่ยอายมั้ย?? ไม่อ่ะ ... หน้าด้าน เหอๆ ก็ลุ้นอยู่ว่าทำไมไม่ลงโทษถึงขั้นประหารชีวิตเลยวะฮะ คนอ่านเสียดายนะเนี่ย อยากเหนคนทำผิดได้รับการลงโทษที่สาสมกว่านี้อีกอ่ะ แบบว่าแค่จูบมันน้อยปายยยย แต่มาคิดอีกที จะลงโทษให้ตายทีเดียวก็ใช่ที่ เด๋วจะไม่มีนักโทษให้คอยลงโทษเรื่อยๆ เหอๆ (เริ่มงง!!ว่าเม้นเรื่องไรอยู่ ^^)

อ๊ากกกกกกก ร้องแบบไม่มีเหตุผล เหอๆๆ ชอบอ่ะ รุ่นพี่รุ่นน้องคู่นี้มันเสนอสนองกันได้ใจจริงๆเลยวุ๊ย คนนึงก็ช่างเชิญชวน อีกคนก็ชอบลงมือกระทำ
นี่ถ้าได้ลุงพิศาลมากำกับบทตบจูบคงถึงใจแฟนๆเปนแน่แท้ ... ถามจริงๆเถอะ นอกจากโลเกชั่นในโรงเรียนแล้วเนี่ย 2 คนนี้มีโครงการจะไปค่ายอาสาสร้างกระท่อมกลางป่ามั่งมั้ยอ่ะ แบบว่ากำลังช่วยกันทำกระท่อมแล้ววฝนตกเลยต้องหลบในกระท่อมอ่ะ เย้ยยยยย คิดไรเนี่ย นั่นมันสเตปหนังไทยโบราณแระน๊า ตื่นๆๆ ...

เฮ้อ!!ถ้าต้องอยู่ในโรงเรียนเดียวกันกะ 2 คนนี้ วันๆคงไม่เปนอันเรียน เพราะมัวแต่ถือกล้องส่องทางไกลไว้สอดส่องดู 2 คนนี้เปนแน่แท้ เหอๆ คนหน้าตาดี 2 คนเวลาเดินจูงมือจู๋จี๋กันเนี่ย คงน่ามองเปนที่สุดเลยอ่ะ ~~

ยามรักน้ำต้มผักช่างหวานหอมมันเปนแบบนี้นี่เอง โลกทั้งใบสดใสซาบซ่า แต่เวลาแห่งความสุข ทำไมมันอยู่กะเราไม่นานและคงทนถาวรละเนี่ย เอาน้องมูริคืนมาน๊าๆๆๆๆๆ เฮ้อ!!!

เปนตอนจบของเรื่องสั้นที่ยาวได้ใจมากเลยอ่ะ อ่านกันเต็มตา จิ้นกันเต็มใจไปเลย เหอๆ


กว่าจะมาเม้นได้ต้องอันเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่นาน ทั้งๆที่อ่านจบตั้งแต่แรกๆแระ แบบว่าอยากขอเปนคนสุดท้ายในใจเทอมั่งอ่ะ ได้มะ?? เหอๆๆจะหว่านมันไปทุกที่นี่แหละ


ฝีไม้ลายมือและลีลาในการแต่งมิได้ลดน้อยลงไปแต่อย่างใดนะ อย่ากังวลกะมันจนเกินไปจิ บางเรื่องมันก็จะมีแนวทางและสไตล์เปนของมันเอง อย่างตอนนี้ มันคล้ายๆการ์ตูนอ่ะ บุคคลิกตัวละครและบรรยากาศประมานนั้นเลย อารมณ์ประมานอ่านได้เรื่อยๆ ไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนไรมากเหมือนริคดี้อ่ะ อย่าเอามาเทียบกันว่าอันนี้ดูด้อยฝีมือกว่าอันนั้น ไรแบบนี้อ่ะนะ
ตอนนี้อ่ะน่ารักแบบอ่านแล้วอยากกรี๊ด และกิ๊วก๊าวเลยอ่ะ เหอๆ ฝึกฝนไปเรื่อยๆๆ อย่าเบื่อขีดเขียนและทิ้งจินตนาการไปก่อนคนอ่านจะเบื่อละกันน๊า

ปล.เจอกันตอนหน้าฮะ จุ๊บๆๆๆ
โดย: Tom & Jinny วันที่: 10 มกราคม 2552 เวลา:18:28:38 น.
  
ทำไมมูริต้องตายด้วย....เศร้าอีกแล้ว....
....มูริ..ผู้หน้าสงสาร...
โดย: กล้วย IP: 125.25.244.211 วันที่: 10 มกราคม 2552 เวลา:22:17:44 น.
  
จบแฮปปี้ดีจังเลยคะ แต่หนูมูริ....ไว้อาลัยให้กับมูริในเรื่อง 1 นาที

ขอบคุณพี่พุดค่ะ
โดย: carina_jeab IP: 61.90.79.143 วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:22:33:52 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Puddy.BlogGang.com

พุดดิ้งของซอนโฮ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]