.....~~Oxford Diary : นิยายรักนักเรียนทุนไทยในต่างแดน - preview~~..... เกียรติภูมิและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นนักเรียนทุนทำให้เธอได้มายืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ Oxford เมืองแห่งการศึกษาระดับโลก เป้าหมายของเธอคือ Philosophy, Politics, and Economics คอร์สที่เข้ายากที่สุดอันดับต้นๆของโลก และ Balliol College แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด คอลเลจอันดับหนึ่งสำหรับ PPE และของโลกอีกเช่นกัน สัมผัสที่หกของเธอพร่ำกระซิบกระซาบรำพันว่า Balliol (เบเลียล) คือที่ของเธอ! ครั้งหนึ่ง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเคยส่องกระกายวิบวับยามที่เธอยืนมองหอคอยอาคารที่ตั้งตระหง่าน ณ ถนนสายนี้ ครั้งหนึ่ง เธอเคยมีที่นั่ง ณ คอลเลจแห่งนี้ ครั้งหนึ่ง เธอเคยยืนกลางสนามเพื่อทอดมองอาคารเรียนรอบตัวเปล่งแสงสว่างไสวโชติช่วงด้วยดวงไฟสีส้มเหลืองนับร้อยดวง ที่นี่คือที่ของเธอ ที่เดียว และเธอจะไม่เปลี่ยนใจ! ครั้งหนึ่งอีกเช่นกัน ความคิดความเชื่อที่แรงกล้าเช่นนี้เคยทำลายชีวิตของคนๆหนึ่งมาแล้ว ชีวิตที่ผนึกตรึงให้ชีวิตของเขาทั้งชีวิต ตราบวันนั้นจนวันนี้ ยี่สิบเอ็ดปีล่วงมาแล้วยังคงรอคอยให้บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น สัมผัสที่หกของเธอนำพาให้เธอเดินก้าวมาสู่เบเลียล สัมผัสที่หกของเขานำพาให้เขายังคงยืน ณ ที่เดิม ด้วยรัก ด้วยชีวิต 'เขา' สัญญาว่าจะรอ 'เธอ' แต่... เพียงตะวันที่อโณทัยเห็นในยามนี้ จะเดินซ้ำรอยประวัติศาสตร์ของผู้ที่ตรึงชีวิตของอโณทัยไว้หรือไม่ ดวงตาดำสนิทส่อแววครุ่นคิดคำนึงลึกซึ้ง ดวงตาสีน้ำตาลประกายคู่นั้นช่างไม่ต่างจากเดิมเลยแม้แต่น้อยแม้เวลาผ่านมาแล้วถึงยี่สิบเอ็ดปี ความรักที่บริสุทธิ์และมั่นคงดั่งภูผาไร้พันธนาการแน่หรือ ความแค้นต่อสิ่งที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้จะเป็นพันธะอันร้อนรุ่มดั่งเปลวเพลิงที่ผูกเขาและเธอไว้ด้วยกันได้มากเท่าใด ศรัทธากำหนดโชคชะตาดั่งผืนพสุธาที่อยู่ในอุ้งมือของคนหรือเพราะฟ้าดินลิขิตชีวิตมนุษย์ให้เดินไปตามทางของมัน ดุจสายชลวิ่งวนระเรื่อยไล้ฝั่งธาร ชะตากรรมของเพียงตะวันจะต่างจากเมื่อยี่สิบเอ็ดปีที่แล้วหรือไม่ โปรดติดตามได้ใน Oxford Diary นิยายรักนักเรียนทุนไทยในต่างแดน คือผมกลัวว่าถ้าเราพูดไปแล้ว ตอนหลังเรารอเขาไม่ได้จริงๆน่ะ มันไม่ดีน่ะครับ ปล่อยให้อยู่ที่ดวงชะตาแล้วกัน
ดีครับมีประสบการณ์หลายๆด้าน เอามาเล่าสู่กันฟังบ้าง หลากหลายดีครับ เอาใจช่วยเรื่องสอบเช่นเคยครับ เต็มที่เลยนะครับ โดย: BrettAnderson วันที่: 11 มกราคม 2551 เวลา:18:09:54 น.
แล้วนี่คุณเพียงได้กลับมาที่เมืองไทยบ่อยแค่ไหนหรือครับ
ของผมเนี่ย ปีละหนคนกันเอง เล่นเอาแบบว่า อยากจนหายอยากไปแล้ว แต่วันก่อนฝันถึงว่าได้กลับไปเจออากาศร้อนที่เมืองไทยแล้วล่ะครับ ก็นับเป็นสัญญาณเตือนที่ดี ชีวิตประจำวันที่ออกฟอร์ดเป็นไงบ้างหรือครับ อยากไปอังกฤษเหมือนกันนะนี่ อยากไปดูบอลน่ะครับ ตอนแรกที่นี่เป็นเป้าหมายแรกก่อนจะคิดไปญี่ปุ่นด้วยซ้ำ แต่ผมเบื่อฝรั่งยังงัยไม่รู้ เลยตัดสินใจไม่ไป ขอไปเจอชาวเอเชียดีกว่า แล้วก็ขอวีซ่ายากไม่แพ้กันด้วยล่ะครับ โดย: BrettAnderson วันที่: 12 มกราคม 2551 เวลา:5:52:24 น.
อิอิ คุณเพียงเข้าใจผิดใหญ่แล้ว ผมมาทำงานที่คูเวตน่ะครับ กุมภานี้ได้พักร้อน ตอนแรกว่าจะไปพักร้อนที่อังกฤษ แต่ตอนหลังก็เปลี่ยนใจไปพักร้อนที่ญี่ปุ่นแทน แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้ไปแล้ว
ลองอ่านได้ที่บล๊อกเที่ยวญี่ปุ่นได้นะครับ เด๋วไปทำงานก่อนนะครับ โดย: BrettAnderson วันที่: 12 มกราคม 2551 เวลา:12:46:38 น.
ที่ว่ารู้ผลตอบรับหมดแล้วเนี่ย คือสามารถเข้าเรียนมหาลัยได้แล้วสินะครับ
ก็ยินดีด้วยมากๆเลย ว้าว ไปรัสเซียหรือครับ เป็นอีกหนึ่งทริปที่ใฝ่ฝัน แต่ของผมน่ะ เริ่มจากวลาดิวอสต๊อกผ้านไซบีเรีย แล้วค่อยไปโผล่ที่มอสโคว์ ใช้แล้วครับเส้นทางที่ผมใฝ่ฝันคือเส้นทางสายทรานส์ไซบีเรีย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีโอกาสเหมือนกันครับ เพราะเอาเข้าจริงๆ เป็นโปรแกรมที่อยากไป แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากเท่าไหร่ ถ้ารู้อะไรดีๆเกีย่วกับการนั่งรถไฟในเส้นทางนี้ เอามาบอกกล่าวกันมั่งนะครับ เรื่องดูบอล ถ้าจะหาตั๋วก็เหมือนจะไม่ยากนะครับ พวกนักข่าวสตาร์ซอคเกอร์ก็เขียนลงคอลัมน์บ่อยๆว่า ถ้าเป็นแมทช์ที่ไม่สำคัญมากก็หาตั๋วหน้าสนามได้เลย แต่ถ้าเป็นแมมทช์ใหญ่ก็ต้องไปที่ตลาดมืด ซึ่งผมคิดว่าพวกคนไทยในอังกฤษน่าจะรู้กัน แบบนี้ต้องอยู่กับโฮสต์ไปจนเรียนจบเลยหรือเปล่าครับ มีหลานไปซัมเมอร์เมื่อปีก่อนสามเดือนบอกว่าเจอโฮสท์แย่มากๆ อยู่ได้แค่เดือนเดียวต้องออกมาอยู่หอข้างนอกเหมือนกัน คุณเพียงเจอโฮสท์ที่ดี ก็ถือว่าเยี่ยมล่ะครับ โดย: BrettAnderson วันที่: 12 มกราคม 2551 เวลา:17:52:01 น.
น่าเสียดายมากๆครับ ฟังแล้วก็เข้าใจ "โลก" ที่ผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะเข้าไปสัมผัสเลย ผมว่าคุณเพียงโชคดีมากๆ มีไม่กี่คนในโลกหรอกนะครับที่ได้มีโอกาสตรงนี้ ยิ่งประเทศไทย สงสัยจะนั่งนับได้เลย และคุณเพียงตะวัน ก็ได้รับสิทธิ์นั้น เดี๋ยวนี้
เฮ้อ เข้ามาเล่นบล๊อกแก๊งค์เนี่ย เจอแต่คนเยี่ยมๆในแต่ละสาขการใช้ชีวิตทั้งนั้น ทำให้เราเปิดโลกทัศน์ได้กว้างขึ้นมากๆจริงๆครับ นี่ผมบอกคนอื่นๆว่าเยี่ยมๆเนี่ย คือไม่ได้พูดลอยๆ มันรู้สึกมาจากใจจริงๆนะครับ โดย: BrettAnderson วันที่: 12 มกราคม 2551 เวลา:19:37:55 น.
สวัสดีครับคุณเพียง
คุณเพียงตะวันสินะ ชื่อเพราะจริงๆครับ ที่ออกฟอร์ดนี่ ไม่ทราบว่ามีสอนถาปัตย์หรือเปล่า ผมเองก็ไม่แน่ใจว่า ถ้าที่อังกฤษแล้ว ยูไหนถึงจะเป็นเบอร์1 ในด้านอาคิเทค มีคนไปเรียนเยอะเหมือนกันครับ ที่อังกฤษเนี่ย ส่วนมากก็พวกเบื่ออเมริกาทั้งนั้น ผมเองถ้าให้เลือก ก็เลือกไปอังกฤษดีกว่า ทั้งๆที่ว่ากันตามตรงแล้ว ถ้าจะเรียนถาปัด เรียนในอเมริกา มันได้รู้อะไรเยอะกว่า เพราะว่าอเมริกาประเทศเขาเพิ่งสร้างใหม่ ดังนั้นศาสตร์ทางด้านสถาปัตยกรรมยุคใหม่ๆ จึงมีให้ศึกษามากกกว่า แต่ผมก็ชอบเสน่ห์ของอังกฤษมากกว่านะครับ แต่พอคุณเพียงมาบอกว่าอาหารที่นี่แย่ที่สุดในโลกเนี่ย ก็อืม นึกขึ้นมาได้จริงๆ ฟิชแอนด์ชิพ อาหารประจำชาติเขาไง คุณเพียงเรียนที่เรียนอยู่ในปัจจุบันเนี่ยดีแล้วล่ะครับ ตอนนี้หมดยุ่งรุ่งเรืองของสถาปนิกแล้ว สถาปนิกเหมาะกับประเทศที่กำลังพัฒนาครับ ประเทศไทยน่ะไม่ใช่กำลังพัฒนา แล้วพยายามจะพัฒนาไปแล้ว แต่ไปไม่รอด ตอนนี้เลยอยู่ในช่วงหยุดพัฒนา ดังนั้นสถาปนิกก็แห้งตายครับ ออกไปหาอย่างอื่นทำเยอะแยะ หรือจะเป็นแบบผม ต้องออกมาทำงานนอกประเทศ ซึ่งไม่ดีเอาเสียเลย อายุก็เยอะแล้วน่ะครับ ก่อนกลับไปอยู่เมืองไทยถาวร ก็ว่าจะไปอังกฤษสักที ผมจะไปดูบอลน่ะครับ ขอไปเยือนอัพตันปาร์ค ไปให้เห็นกับตาเต็มๆสักแมทช์เถิด ผมเป็นกองเชียร์เวสต์แฮมยูไนเต็ด น่ะครับ ขอไปดูให้เห็นกับตาสักครั้งทีเถิด โดย: BrettAnderson วันที่: 13 มกราคม 2551 เวลา:17:40:23 น.
น่าตื่นตุ้นมาก
แต่จ้างงเล็กน้อยน่ะ ไว้ไปถามละกันนะ ว่าแต่กี่ตอนจบเนี่ย สู้ๆ เด้อ มิสสสส โดย: จ้าเจิด IP: 81.107.46.20 วันที่: 13 มกราคม 2551 เวลา:22:40:05 น.
จะคอยติดตามค้าบ พี่เพียง
หุหุหุหุ โดย: ปีนป่าย IP: 58.9.221.214 วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:35:28 น.
|
บทความทั้งหมด
|
กํยังไม่ค่อยเข้าใจถึงคอลเลจย่อย ในออฟหอร์ดนะครับ ว่าหมายถึงยังงัย เขามีระบบเรียนที่แยกไปจากมหาลัยหลักด้วยหรือ
นี่เป็นอีกมุมของประสบการณ์ชีวิตของคุณเพียง เอามาใช้เป็นวัตถุดิบหรือเปล่าน้อ
เรื่องการที่บอกว่า "ผมจะรอคุณกลับมาเสมอ"
ผมเคยพูดคำนี้กับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่สุดท้ายผลที่ได้ก็คือ เป็นการรอคอยที่ว่างเปล่า เขาไม่เคยกลับมา และที่สำคัญเขาไม่เคยให้ผมรอ!!! ถึงเวลานึงเขาก็มีทางเดินของเขาไป
ตั้งแต่นั้นมาผมก็เลยเปลี่ยนทัศนคติใหม่ หากผมจะรอใครสักคน ผมไม่พูด ผมจะปล่อยให้โชคชะตาลิขิต ให้มันเป็นไปในแนวทางของมันเอง หากผมยังรักเขาอยู่ผมก็เหมือนผมรอเขาอยู่ แต่ถ้าผมไม่รักเขาแล้ว ผมก็ไป
หากแต่ถ้าเขาบอกให้ผมรอเขา แม้มันอาจจะดูเลื่อนลอยว่าเขาจะกลับมาหาจริงหรือเปล่า แต่ถ้าเขาเอ่ยปากแบบนั้น ผมก็พร้อมจะรอเขาตลอดชีวิตผมเช่นกัน
จะรอติดตามผลงานอันนี้ของคุณเพรียงนะครับ
ว่าแต่เขียนหลายเรื่องนี่ไม่งงหรือครับนี่
อ่อ ถ้ามีรูปออกฟอร์ดมาประกอบเรื่อง นิดๆหน่อยๆ ให้ยลบ้าง จะเป็นพระคุณอย่างสูงเลยเชียวครับ