<<< "อิ่มเดียว หลับเดียว" >>>










พระราชาผู้ทรงธรรม
เรื่อง "อิ่มเดียว หลับเดียว"

ข้าพเจ้าจะนำท่านย้อนหลังกลับไปเมื่อ ๔๐ ปีที่แล้วมา

 ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทรงครองราชย์ใหม่ๆ

 ทรงโปรดการทรงภูษาเป็นสนับเพลาสั้น ( กางเกงขาสั้น )

 ในยามดึกเวรยามรอบพระราชฐานที่ประทับ

ต่างทำหน้าที่กันตามจุดต่างๆไม่มีบกพร่อง

 ไม่มีการละทิ้งหน้าที่ ไม่มีการหยอกล้อเฮฮา

 ส่งเสียงอึกทึกหรือเล่นหัวกัน

เพราะต่างรู้หน้าที่ของตนว่ากำลังถวายอารักขา

และถวายความปลอดภัย แด่องค์พระประมุขของชาติ

 จอมคนของปวงชนชาวไทย

แม้จะมิได้ทรงเสด็จออกมาทอดพระเนตร

แต่ทุกคนก็รู้หน้าที่กันเป็นอย่างดี

ยิ่งดึกอากาศยิ่งหนาว ลมพัดกรูเกรียวเสียงน้ำค้างตก

 ใครจะนึกบ้างเล่าว่า

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเสด็จลงมา

 ทรงพระราชดำเนินไปรเวท ( เดินเล่น )

บางครั้งทรงเสด็จพระราชดำเนินมาเงียบๆ

แล้วก็มีพระราชดำรัสทักทาย

แก่ทหารมหาดเล็กที่ถวายเวรยาม

 และนายทหารราชองครักษ์เวร

ประดุจน้ำทิพย์หยาดลงชโลมดวงใจ

ของผู้ที่ทำการอยู่เวรยามให้ได้ระลึกถึง

พระมหากรุณาธิคุณว่า ทรงเป็นห่วง

ผู้ที่มาอยู่เวรยามด้วยความจงรักภักดี

 แม้เวลาจะดึกดื่นแล้ว

ก็ยังคงอยู่ในหน้าที่ด้วยอาการสงบ

 ที่เป็นการถวายชีวิตเป็นราชพลี

ตอนนั้นทรงเสด็จพระราชดำเนินผ่านหน้าข้าพเจ้า

 ซึ่งกำลังหมอบกราบด้วยความเคารพอย่างสุดชีวิต

 ทรงหยุดพระราชดำเนินแล้วมีพระราชดำรัส

เรียกชื่อของข้าพเจ้า

 จากนั้นทรงพระราชดำรัสต่อไปว่า....

"ชีวิตมนุษย์เรานี่ อิ่มเดียว หลับเดียวเท่านั้น"

ทรงเสด็จพระราชดำเนินผ่านไป จนลับพระองค์

ข้าพเจ้าทบทวนพระราชดำรัสจนขึ้นใจ

 นึกไม่ออกว่าทรงหมายความว่าอย่างไร

จนรุ่งเช้าออกเวรแล้วจึงได้กลับบ้าน

 อีกสองสามวันต่อมาได้มีโอกาสเข้าไปคุยธรรมะ

กับพระที่วัดเทพธิดา จึงได้เอ่ยถามท่านมหา

ผู้มีเปรียญเป็นดีกรีว่า...

"...ท่านมหาขอรับ คำว่าอิ่มเดียวหลับเดียวนี่

 หมายความว่าอย่างไรขอรับ..."

ท่านมหาขมวดคิ้วแล้วย้อนถามผม

ด้วยความฉงนฉงาย ทำให้ผมยิ่งงงเข้าไปอีกว่า...

"...โยมเฉลิมศักดิ์ไปเอาคำนี้มาจากไหนกันล่ะ..."

ข้าพเจ้ามิได้บอกท่านตรงๆ

 ในที่สุดท่านก็ได้ตอบปัญหา

ให้ผมได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่า...

"...โยมเฉลิมศักดิ์ คำนี้น่ะผู้ที่ได้กล่าวถึงนี้

เป็นผู้มีความรู้ในพระพุทธพจน์อันมีความหมายยาว

ให้ย่นย่อเข้าใจได้ง่ายอีกด้วย

 คำว่าอิ่มเดียวหลับเดียวนั้น มาจากพระพุทธพจน์

ที่ทรงให้ตัดความโลภ เพื่อให้ชีวิตเป็นสุข

 ให้รู้จักคำว่าพอ เพราะมนุษย์เรานั้นจะกินได้มากเท่าใด

 ก็ไม่เกินอิ่มของตน พออิ่มแล้วก็เท่านั้นแหละ

 อะไรก็ไม่วิเศษอีกแล้ว การนอนก็เช่นกัน

 จะนอนนานแค่ไหนก็แค่อิ่มนอนของตัวเองเท่านั้น

มนุษย์เรานั้นวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะไม่รู้จักอิ่ม

 ได้มาอิ่มแล้วก็ยังอยากได้อีก

นอนอิ่มแล้วก็อยากนอนอีก

อยากได้ให้มันมากขึ้นไปอีก

ถ้าคนเรายึดในหลักว่า

อิ่มเดียวหลับเดียวโลกก็จะเป็นสุข

 ไม่ต้องแก่งแย่งชิงดี และแสวงหา

จนทำให้เดือดร้อนกันไปทั่ว

คนเรานะโยมจะบริโภคอาหาร

อันอิ่มเอมโอชะสักเท่าใดก็อิ่มเดียว

กินข้าวคลุกน้ำปลา หรือ กินอาหารจีนรสเลิศ

ชามละเป็นพันบาท ก็อิ่มเดียวแค่อิ่มเท่านั้น

กินเข้าไปไม่ได้แล้ว

จะนอนบนที่นอนยัดนุ่นรองด้วยสปริง

อยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ นอนในสลัม

หรือ นอนในคฤหาสน์ ก็แค่นอนหลับอิ่มเดียวเท่านั้น

เต็มอิ่มแล้วก็ต้องลุกขึ้นมา

 ชีวิตของมนุษย์ทุกคน

ก็เท่าเทียมกันด้วยอิ่มเดียวและหลับเดียวนี่แหละ..."

..............................

ที่มา จากบางส่วนของหนังสือเรื่องหลังจากวังหลวง

 บันทึกความทรงจำของอดีตตำรวจหลวง

เฉลิมศักดิ์ รามโกมุท







ขอบคุณที่มา fb. ราชบัลลังก์จักรีวงค์
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 18 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2560 6:55:10 น.
Counter : 1559 Pageviews.

1 comments
ถนนสายนี้ ... ... มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 347 "ติดเป็นนิสัย" multiple
(15 มี.ค. 2567 10:45:06 น.)
ตะพาบ หลักที่ 344 Rain_sk
(27 ม.ค. 2567 15:00:58 น.)
📩เพราะ 📩 โอน่าจอมซ่าส์
(26 ม.ค. 2567 19:50:35 น.)
🚘ช่วงนี้เติมเต็มถัง🚘 โอน่าจอมซ่าส์
(30 ม.ค. 2567 15:40:09 น.)
  
อ่านแล้วตื้นตัน....ปลื้มปิติ
ภาคภูมิใจที่ได้เกิดในแผ่นดินรัชสมัยร.9
โดย: อุ้มสี วันที่: 18 พฤศจิกายน 2560 เวลา:14:20:35 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Poungchompoo.BlogGang.com

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]