<<< "อิ่มเดียว หลับเดียว" >>> ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ใหม่ๆ ทรงโปรดการทรงภูษาเป็นสนับเพลาสั้น ( กางเกงขาสั้น ) ในยามดึกเวรยามรอบพระราชฐานที่ประทับ ต่างทำหน้าที่กันตามจุดต่างๆไม่มีบกพร่อง ไม่มีการละทิ้งหน้าที่ ไม่มีการหยอกล้อเฮฮา ส่งเสียงอึกทึกหรือเล่นหัวกัน เพราะต่างรู้หน้าที่ของตนว่ากำลังถวายอารักขา และถวายความปลอดภัย แด่องค์พระประมุขของชาติ จอมคนของปวงชนชาวไทย แม้จะมิได้ทรงเสด็จออกมาทอดพระเนตร แต่ทุกคนก็รู้หน้าที่กันเป็นอย่างดี ใครจะนึกบ้างเล่าว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเสด็จลงมา ทรงพระราชดำเนินไปรเวท ( เดินเล่น ) บางครั้งทรงเสด็จพระราชดำเนินมาเงียบๆ แก่ทหารมหาดเล็กที่ถวายเวรยาม และนายทหารราชองครักษ์เวร ประดุจน้ำทิพย์หยาดลงชโลมดวงใจ ของผู้ที่ทำการอยู่เวรยามให้ได้ระลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณว่า ทรงเป็นห่วง ผู้ที่มาอยู่เวรยามด้วยความจงรักภักดี แม้เวลาจะดึกดื่นแล้ว ก็ยังคงอยู่ในหน้าที่ด้วยอาการสงบ ที่เป็นการถวายชีวิตเป็นราชพลี ซึ่งกำลังหมอบกราบด้วยความเคารพอย่างสุดชีวิต ทรงหยุดพระราชดำเนินแล้วมีพระราชดำรัส เรียกชื่อของข้าพเจ้า จากนั้นทรงพระราชดำรัสต่อไปว่า.... ข้าพเจ้าทบทวนพระราชดำรัสจนขึ้นใจ นึกไม่ออกว่าทรงหมายความว่าอย่างไร จนรุ่งเช้าออกเวรแล้วจึงได้กลับบ้าน อีกสองสามวันต่อมาได้มีโอกาสเข้าไปคุยธรรมะ กับพระที่วัดเทพธิดา จึงได้เอ่ยถามท่านมหา ผู้มีเปรียญเป็นดีกรีว่า... หมายความว่าอย่างไรขอรับ..." ด้วยความฉงนฉงาย ทำให้ผมยิ่งงงเข้าไปอีกว่า... ในที่สุดท่านก็ได้ตอบปัญหา ให้ผมได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่า... เป็นผู้มีความรู้ในพระพุทธพจน์อันมีความหมายยาว ให้ย่นย่อเข้าใจได้ง่ายอีกด้วย คำว่าอิ่มเดียวหลับเดียวนั้น มาจากพระพุทธพจน์ ที่ทรงให้ตัดความโลภ เพื่อให้ชีวิตเป็นสุข ให้รู้จักคำว่าพอ เพราะมนุษย์เรานั้นจะกินได้มากเท่าใด ก็ไม่เกินอิ่มของตน พออิ่มแล้วก็เท่านั้นแหละ อะไรก็ไม่วิเศษอีกแล้ว การนอนก็เช่นกัน จะนอนนานแค่ไหนก็แค่อิ่มนอนของตัวเองเท่านั้น ได้มาอิ่มแล้วก็ยังอยากได้อีก นอนอิ่มแล้วก็อยากนอนอีก อยากได้ให้มันมากขึ้นไปอีก ถ้าคนเรายึดในหลักว่า อิ่มเดียวหลับเดียวโลกก็จะเป็นสุข ไม่ต้องแก่งแย่งชิงดี และแสวงหา จนทำให้เดือดร้อนกันไปทั่ว อันอิ่มเอมโอชะสักเท่าใดก็อิ่มเดียว กินข้าวคลุกน้ำปลา หรือ กินอาหารจีนรสเลิศ ชามละเป็นพันบาท ก็อิ่มเดียวแค่อิ่มเท่านั้น กินเข้าไปไม่ได้แล้ว จะนอนบนที่นอนยัดนุ่นรองด้วยสปริง อยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ นอนในสลัม หรือ นอนในคฤหาสน์ ก็แค่นอนหลับอิ่มเดียวเท่านั้น เต็มอิ่มแล้วก็ต้องลุกขึ้นมา ชีวิตของมนุษย์ทุกคน ก็เท่าเทียมกันด้วยอิ่มเดียวและหลับเดียวนี่แหละ..." ..............................
ที่มา จากบางส่วนของหนังสือเรื่องหลังจากวังหลวง บันทึกความทรงจำของอดีตตำรวจหลวง เฉลิมศักดิ์ รามโกมุท |
บทความทั้งหมด
|
ภาคภูมิใจที่ได้เกิดในแผ่นดินรัชสมัยร.9