--- วั น ห ยุ ด ส า ม วั น กั บ ชั้ น ห นั ง สื อ ---















วันหยุดหลายวัน มีเวลาอยู่บ้าน จัดเก็บหนังสือที่อ่านแล้วขึ้นชั้น พยายามจะเลือกงานของนักเขียนคนเดียวกันไว้ใกล้ ๆ กัน แต่เมื่อดูช่องหนังสือที่จัดไว้ก่อนหน้านี้คือ แยกตามสำนักพิมพ์บ้าง แต่บางทีดูแล้วก็ไม่ใช่ บ้างจัดเก็บตามหมวดหมู่ เช่น หนังสือแนวท่องเที่ยวหรือรวมบทกวี ฉันรวมไว้ใกล้ ๆ กัน หนังสือนักเขียนหญิงที่เราชอบก็ไว้ตู้เดียวกัน แต่หนังสือบางเล่มที่นึกถึง รู้ว่ามี แต่จำไม่ได้ว่าเก็บไว้ช่องไหน จะเอามาอ่านก็หาไม่ค่อยเจอ ยิ่งหาก็ยิ่งหาย แต่ก็ปล่อย ๆ ไป เดี๋ยวก็คงเจอ

แต่ถ้าใครเคยจัดหนังสือก็คงนึกภาพออกนะคะว่า มันไม่ไปถึงไหนหรอก จับเล่มนั้นเล่มนี้มาเปิด หนังสือที่ฉันอ่านแล้วส่วนใหญ่จะมีโน้ตเล็ก ๆ คั่นไว้ในหนังสือ ชอบตรงไหนก็โน้ตไว้ อดที่จะอ่านทวนข้อความเหล่านั้นไม่ได้ พออ่านก็นึกออกเป็นฉาก ๆ ว่าทำไมถึงชอบ การจัดเก็บหนังสือก็เลยไม่เสร็จสักที

อีกทั้งต้องทำใจกับหนังสือที่ปลวกกินชุดใหญ่ มีหนังสือที่ขาดชุดไป แสนเสียดาย คาดว่า หากได้ไปงานหนังสือค่อยไปเลือกเก็บที่อยากเก็บอีกครั้ง

ในตู้หนังสือนั้น มีหนังสือที่ฉันชอบมาก ชอบน้อย ต่างกัน เป็นเรื่องธรรมดา หนังสือก็เหมือนเพื่อน มีลักษณะนิสัยหลายแบบ มีปัญหา สุข ทุกข์ ราวกับบอกเรากลาย ๆ ว่า ไม่ได้มีชีวิตใครน่าอิจฉากว่าใครหรอก เราทุกคนล้วนมีปัญหาที่ต้องเผชิญด้วยกันทั้งนั้น หรือบางทีหนังสือก็เหมือนขนมหรืออาหาร มีสารพัดรสชาติแล้วแต่ชอบ นักเขียนก็ปรุงรสมือตามที่ตนเองชอบเป็นหลักด้วยซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง หากคนกินชอบด้วยก็ดีใจ

ฉันซื้อหนังสืออยู่เรื่อย ๆ บางครั้งก็อ่านจนครบ บางครั้งก็ไม่ แต่ขอซื้อไว้ก่อน คิดว่าว่าง ๆ ค่อยมาอ่านก็ได้ เดี๋ยวนี้อ่านหนังสือช้ามากไม่ว่าเล่มไหน เฉลี่ยอาทิตย์ละเล่มเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็รู้สึกคุ้มค่าทุกที เจอแต่หนังสือที่ทำให้อิ่มเหมือนกินอาหารชั้นเลิศอยู่เรื่อย ๆ

ฉันหยิบชุดหนังสือของคุณอัศศิริ ธรรมโชติออกมาวางรวมกัน กะจะรวมไว้ช่องเดียวกันในตู้ แต่คลับคล้ายคลับคลาว่า หนึ่งในสามเล่มนี้ ยังไม่เคยเปิดอ่านเลย (ขอบฟ้าทะเลกว้าง /ทะเลร่ำลมโศก /ทะเลและกาลเวลา) เปิดอ่านนวนิยายเรื่อง ทะเลและกาลเวลา แล้วก็ไม่อยากวาง หนังสือที่ขนมากองไว้ตรงหน้าก็ไม่อยากจัดต่อ ถึงจัดก็ไม่เสร็จลงง่าย ๆ ตัดสินใจอ่านให้จบเลยดีกว่า

ฉันเป็นคนรุ่นเก่าที่เติบโตมากับหนังสือของนักเขียนรุ่นใหญ่หลายท่าน หลับตานึกถึงชื่อนักเขียนที่ชื่นชอบและนักเขียนในดวงใจก็จะมีชื่อผุดขึ้นมาเหมือนดาวระยิบพริบพราย สำหรับคุณอัศศิริ นักเขียนท่านนี้ ฉันยังคงประทับใจในสำนวนสำเนียงการเขียน การเล่าเรื่อง เป็นความเรียงร้อยแก้วที่งดงามราวบทกวี

ครั้งหนึ่ง สมัยหัดเขียนบล็อกใหม่ ๆ เคยบันทึกเรื่องมหกรรมในท้องทุ่ง เป็นหนังสือที่ทำให้ย้อนวัยเยาว์ได้ดีที่สุด เป็นวัยสนุกสนานและมีชีวิตชีวาที่สุด เด็กบ้านนอกกับเรื่องเล่นในท้องทุ่งนั้น ฉันรู้สึกมีส่วนร่วมกับตอนนั้นตอนนี้จนเผลอแอบเป็นตัวละครในนั้นที่กำลังเล่นซนกับพรรคพวก

แต่กับท้องทะเลไทย ฉันกลับไม่รู้จักสักนิด

เปิดเรื่อง 'ท ะ เ ล แ ล ะ ก า ลเ ว ล า ' ด้วยตัวละครสองสามคน รวมถึง 'ผม' ผู้กลับมาบ้านและค่อย ๆ เล่าเรื่องราวของผู้คนที่นี่

ฉันอ่านจนจบไปหนึ่งรอบและย้อนกลับมาอ่านตัวละครตอนเปิดหนังสืออีกครั้ง ภาพของตัวละครแต่ละตัวชัดขึ้น ไม่ว่าจะน้อย หญิงสามผัวที่ประสบกับกับโศกนาฏกรรมต่าง ๆ นานาท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่ต้องรับมือ คนอ่านเหมือนจมทะเลโศกไปด้วย อัดอั้นตันใจเหลือเกินกับเรื่องราวของสามีแต่ละคน ต่างอาชีพ ต่างดิ้นรนทำมาหากิน วิ่งวนบนความเปลี่ยนแปลงและตกเป็นเป็นเหยื่อของความเข้าใจผิดอีกนานัปการ อย่างพร สามีนักมวยคนแรกของเธอผู้ซึ่งผิดหวังกับอาชีพบนผืนผ้าใบ ต้องฝืนใจไปหากินกับผืนทะเล จนกระทั่งสมหมาย สามีตำรวจของน้อย / สิ่ว ซึ่งเป็นเสมือนพี่และเพื่อนของผู้เล่า เขาเป็นนักเลงหัวไม้ กำพร้าแม่ โตมาอย่างที่ต้องช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง ไม่รู้จักหนังสือ ไม่รู้จักโรงเรียน เขาคล้ายปลาหลายน้ำที่เวียนว่ายไม่สิ้นสุดกับการเป็นนักเลงพนัน เหล้า กัญชา ผู้หญิงหากิน และตกเป็นผู้ต้องสงสัยกับคดีของสมหมาย / คำปุน(คนจากที่ราบสูง) ผู้ทำให้คำว่า 'ลูกทะเลโดยกำเนิด' นั้นไม่จำเป็นอีกต่อไป และใครต่อใครที่เป็นญาติพี่น้อง ครอบครัว-ชุมชนชาวประมง

แต่ละชีวิตมีลมหายใจบนท้องทะเลไทยที่เปลี่ยนโฉมหน้าจากยุคเรือตังเกสู่ยุคเรืออวนลาก ทะเลยุคใหม่ที่ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทอง ฉันค่อย ๆ เห็นภาพสงครามค้าสัตว์น้ำจากทะเลผ่านกลุ่ม จปล (จองปลาลัง) ฉงนใจและอดยิ้มไม่ได้กับเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมาของเขาตาม่องล่าย เขาเต่า เกาะสิงโต เขาช่องกระจก เขาตะเกียบและคำสาป การระเบิดปลาจนปะการังเสียหาย ปลาไร้ที่อยู่ เรื่องของคุณมหา ออนซี โรงน้ำเค็ม ฯลฯ สารพัดที่อย่างเรา ๆ ไม่เคยเห็นหรือรู้จักและยังจินตนาการไปไม่ถึงเสียด้วย

หนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มนี้มีทุกอย่างทั้งความเป็นสารคดี เป็นบันทึกความเปลี่ยนแปลงของท้องทะเลไทย มีนิทานพื้นบ้าน ร้อยเรียงด้วยภาษาประณีต ภาพชัด ได้กลิ่น สั่นสะเทือนใจ ลึกซึ้ง ละเอียดอ่อน คืออ่านจบแล้วเหมือนเรื่องราวยังกรุ่นอยู่ในใจ

ขอบคุณมากค่ะ
ภูพเยีย




Create Date : 31 กรกฎาคม 2562
Last Update : 31 กรกฎาคม 2562 7:40:02 น.
Counter : 485 Pageviews.

1 comments
สุขสันต์วันปีใหม่ไทย ๒๕๖๗ haiku
(13 เม.ย. 2567 10:13:33 น.)
หาอะไรดับร้อนกับน้องถั่วแดงที่ร้านเย็น เย็น หวานเย็น สาขาMRTท่าพระ นายแว่นขยันเที่ยว
(12 เม.ย. 2567 00:32:31 น.)
ep 4 ขับรถบนถนนเริ่มจะประมาท โอพีย์
(10 เม.ย. 2567 05:03:14 น.)
"วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ เธอจะเห็นใครคนหนึ่งที่รอเธอ" คนผ่านทางมาเจอ
(10 เม.ย. 2567 23:49:39 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku

  
ขอบฟ้าทะเลกว้าง ของคุณอัศศิริ ธรรมโชติ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับทะเลและชีวิตชาวทะเล คำว่าคืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล เป็นคำที่ทำให้ใจสั่นไหว คล้ายอารมณ์ทะเลยามสงบ ไร้คลื่นที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะบ้าคลั่งขึ้นมา เขาถึงว่าอย่าไว้ใจทะเลทุกเวลา แต่ตัวละครหลักอย่างบุญเมืองก็มองว่าทะเลเป็นเหมือนครูคนหนึ่งซึ่งมีบุญคุณ สอนให้เขารู้จักอะไรหลายอย่างของชีวิต รวมทั้งสอนให้เขารู้จักความรักและการตั้งครอบครัวกับสาหร่าย

ความคิดความฝันของบุญเมืองกับสาหร่ายไปคนละทาง บ่อยครั้งที่บุญเมืองกลับจากทะเลด้วยมือเปล่า กฎหมายบ้านเมืองปล่อยให้พวกทุนรอนมาก ล้ำหน้าทุกอย่างอย่างกับเป็นเจ้าของทะเล เอาเปรียบคนตัวเล็ก ๆ เสมอ มีการผูกขาดมากขึ้น รู้สึกเศร้าและน่าเห็นใจมาก ปัญหาหนี้สิน อัตคัดขาดแคลน เดือดร้อนบ่อยก็ทะเลาะกัน เธออยากให้เขาเป็นลูกจ้างมากกว่าออกเรือเอง แต่บุญเมืองมีความฝันและมองว่าสาหร่ายเป็นผู้หญิงทะเลที่ไม่เข้าใจทะเล ซึ่งผู้อ่านก็ได้แต่ถอนใจ รับรู้ว่าทะเลเปลี่ยนแปลงพร้อมกับยุคสมัยที่มันเปลี่ยนไป

ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย
โดย: ภูเพยีย วันที่: 31 กรกฎาคม 2562 เวลา:8:25:20 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Poopayear.BlogGang.com

ภูเพยีย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]

บทความทั้งหมด