34 Weeks: Seeing Thai OB and Getting Flu shot & Chest X-Ray: พบหมอคนไทย ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่และเอกซเรย์ปอด หูย ทำหลายอย่างจัง

Oct 4, 2012 แม่มีนัดตรวจครรภ์ประจำสองอาทิตย์กับคุณหมอค่ะ แม่ตื่นเต้นมากๆ เพราะรู้มาว่าคุณหมอคนนี้เป็นคนไทยเชื้อสายจีน ชื่อคุณหมอ Annie Liau ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะคุณหมอที่จำทำคลอดให้แม่ที่ Mount Auburn Hospital

วันนี้แม่ขับรถไปเอง เลยลั้ลลาไปได้เรื่อย ไม่เร่งรีบ ไปถึงก่อนเวลานัดตั้ง 20 นาที ความดันของแม่เลยไม่พุ่งปรี๊ดเหมือนคราวก่อน อยู่ที่110/60 และในฉี่แม่ก็ไม่มีโปรตีนอยู่ รอดพ้นเรื่องครรภ์เป็นพิษได้ไปเปราะนึง อิอิ

ส่วนน้ำหนัก โฮะๆๆๆ น้ำหนักเท่าเดิมจ้าา เท่ากับสองอาทิตย์ที่แล้วแสดงว่าควบคุมน้ำหนักได้ดีเหมือนกันนะนี่

แต่แม่จะกระซิบบอกว่า จริงๆ แม่ได้ควบคุมอะไรหรอกนะ ยังหม่ำๆ มากเหมือนเดิม แต่อาจจะเพิ่มการเดินเหินมากขึ้นละมั้ง อิอิ เสร็จจากพยาบาลก็ถึงตาคุณหมอคนไทยที่แม่เฝ้ารอคอยอยากจะเจอแล้วจ้ะ

ตอนแรกแม่ไม่คิดว่าคุณหมอจะพูดไทยชัด แต่ปรากฏคุณหมอพูดชัดมากๆ เดินเข้ามาทักทายแม่เป็นภาษาไทยอย่างเป็นกันเอง หลังจากที่คุณหมออ่านชาร์ตประวัติและทราบว่าแม่เป็นคนไทย อิอิ

คุณหมอน่ารักมากกๆๆๆๆๆๆ เป็นกันเองสุดๆ แม่บ่นเรื่องปวดขาหนีบและน้องจิ๊มิ๊ คุณหมอก็แนะนำวิธีการพยุงตัวลุกจากการนั่งหรือยืนหรือแม้แต่การจะล้มตัวลงนอนที่จะช่วยผ่อนคลายความเจ็บปวดนั่นลง

คือก่อนจะลุกขึ้น ให้แม่สูดลมหายใจลึกๆ แล้วในช่วงที่ผ่อนลมหายใจออกก็ให้หดพุงตรงช่วงสะดือเข้ามา แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและเวลาจะล้มตัวนอนหรือลุกขึ้นจากที่นอน ก็ให้ชันเข่าขึ้น หดขาให้มาใกล้ตัว(หรือสะโพก)ที่สุด แล้วค่อยๆ พลิกตัวลุกขึ้นหรือล้มนอนโดยไม่ลืมการผ่อนลมหายใจเข้าพร้อมหดสะดือนั่นด้วย

แม่ลองทำแล้ว มันก็ช่วยได้จริงๆ นะจ๊ะ อิอิ

วันนี้คุณหมอคุยเรื่องนี้กับแม่อยู่พักใหญ่ ใช้เวลานานจนพยาบาลต้องแวะเข้ามาบอกให้คุณหมอทำเวลาหน่อย เพราะมีคุณไข้รออยู่หลายคน

จากนั้นคุณหมอก็ให้แม่นอนบนเตียง (โดยทำตามวิธีที่หมอสอนไว้) ก่อนจะวัดขนาดท้องของแม่ ขนาดวันนี้ใหญ่ 36 นิ้ว นั่นหมายความว่าหนูตัวโตกว่าอายุครรภ์จริงๆของแม่อยู่ 2 วีค อิอิ

คุณหมอเลยบอกว่า ท่าทางจะเป็น Big baby นะนี่ แม่ก็เลยบอกว่าคุณหมอจากที่เก่า ก็บอกกับแม่ไว้แล้ว ว่าแม่ measuring 2 weeks ahead อยู่ คุณหมอเลยไปแว้บไปดูประวัติ สรุปว่าสองสัปดาห์ที่แล้ว แม่ก็ measuring ahead เหมือนกัน แต่ทำไมคุณหมออีกคน กลับบอกว่าขนาดพุงแม่ตามเกณฑ์นะ งุงิ งงๆ

จากนั้นคุณหมอก็ลูบๆ คลำๆ จับพุงแม่ ว่าหนูอยู่ตรงไหน หนูยังกลับหัวอยู่เหมือนเดิม แต่หัวยังลอยอยู่ ยังไม่ลงไปอยู่ในอุ้งเชิงกราน เหอๆ แม่ก็ถามคำถามเดิมว่าหนูจะมีสิทธิ์พลิกตัวกลับขึ้นมามั้ย หมอบอกมีสัก 5เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าหลังจาก 36 วีคแล้วยังอยู่ท่านี้ คงไม่พลิกขึ้นมาแล้วล่ะ

หมอก็บอกว่าจะอัลตร้าซาวน์ดูตำแหน่งอันแน่นอน ตอน 36 วีคอีกที ส่วนอัตราการเต้นของหัวใจหนูซึ่งคุณหมอใช้ Doppler ฟัง อยู่ที่140 ครั้งต่อนาทีจ้ะ คุณหมอถามแม่ว่าทำไมไม่ให้แด๊ดดี๊มาฟังเสียงหัวใจหนูด้วยล่ะไหนๆ ก็ทำงานอยู่แถวนี้

แม่เลยบอกว่าแด๊ดดี๊จะแวะมาแต่ช่วงอัลตร้าซาวน์ (จริงๆ แด๊ดดี๊ได้ยินเสียงหัวใจหนูบ่อยจ้ะ เพราะแม่ซื้อ Doppler มาไว้ใช้เองด้วย อิอิ) และอีกอย่าง อาทิตย์นี้แด๊ดดี๊ไปประชุมเชิงวิชาการที่รัฐอิลินอยท์โน่น (แม่อยู่บ้านกับพี่สีทองสองคนน่ะจ้ะ) แต่รับรองว่าแด๊ดดี๊จะมาดูหนูตอนอัลตร้าซาวน์ในตอน 36 วีคแน่นอน

เป็นอันว่าเสร็จ อิอิ ร่ำลายกมือไหว้คุณหมอด้วยความภาคภูมิใจกับความเป็นไทยของเราทั้งสองคนอิอิ

นัดคราวหน้าตอน 36 วีคค่ะ จะเป็นการอัลตร้าซาวน์และนัดฉีดวัคซีน TDAP แล้วจากนั้นหมอจะนัดแม่ทุกสัปดาห์แล้วจ้ะ

มาคุยกันเรื่องนัดอีกสองอย่างที่แม่ไปจัดการมาเมื่อตอน 33 วีคมั่งน้า

เมื่อวันที่ 27 กย. แม่มีนัดเข้าไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ซึ่งคนที่นี่จะฉีดป้องกันเป็นเรื่องปกติ เพราะ Flu season ย่างกรายเข้ามาใกล้ทุกที แม่ที่กำลังตั้งท้องหนูอยู่ ก็มีความจำเป็นต้องได้รับวัคซีนตัวนี้อย่างยิ่ง แม่ก็ลั้ลลาเข้าไปฉีดที่คลีนิคด้วยความเต็มใจ

แม่เจอแม่ๆ ที่ตั้งครรภ์พุงป่องๆ ไปฉีดเลยคนเลย และด้วยที่แม่ไม่ได้ฉีดยามานานแม่เลยรู้สึกปอดๆ ขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ทั้งๆ ที่ก่อนจะมีหนูอยู่ในพุง แม่ก็โดนฉีดยาทุกวันจากการทำเด็กหลอดแก้วจนเนื้อแทบพรุนแหนะ อิอิ แต่การฉีดยาวันนี้ก็ผ่านไปด้วยดีจ้ะ ไม่เจ็บเลยสักนิด

แต่ไอ้อีกนัดนึงนะสิ ที่แม่นัดในวันเดียวกันนี้แม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่เลย ยิ่งแด๊ดดี๊นะ ยิ่งแล้วใหญ่ หัวเสียมากที่แม่ต้องเอ็กซเรย์ปอดตอนที่กำลังมีหนูเจริญเติบโตอยู่ในท้องแบบนี้ เพราะรังสีเอกซเรย์มีผลต่อการพัฒนาการของหนูไงล่ะจ๊ะ

แล้วทำไมแม่ต้องโดนหมอสั่งให้เอ็กซเรย์ปอดด้วยล่ะคือเรื่องมันเป็นแบบนี้จ้ะ

เนื่องจากทางโรงบาลที่แม่จะไปคลอดหนู คือที่ Mount Auburn Hospital มีข้อบังคับมาว่า แม่ๆ ที่จะไปคลอดที่นั่นทุกคน (ไม่แน่ใจว่าโดยเฉพาะแม่ๆ ที่มาจากประเทศอื่นๆ หรือป่าว) ต้องผ่านการตรวจว่าไม่มีเชื้อวัณโรค (Tuberculosis) และการที่จะพิสูจน์ว่าแม่ไม่มีเชื้อวัณโรค คือการทำ Skin test คือการฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง แล้วรอ 48-72 ชั่วโมงแล้วดูผลว่าแม่มีปฏิกิริยาเกิดขึ้นหรือไม่

ถ้าไม่มี ก็แสดงว่าแม่ไม่เคยได้เชื้อวัณโรคมาก่อน แต่ๆๆ เพราะแม่เคยทำ ไอ้เจ้า Skin test นี้มาแล้ว (ตอนที่ทำเรื่องเกี่ยวกับการขอกรีนการ์ด) และผลมันออกมาเป็นบวก แต่ไม่ได้หมายว่าแม่เป็นวัณโรคมาก่อนนะ แต่เป็นเพราะแม่เคยฉีดวัคซีน BCG มาต่างหากล่ะ (คนที่มาจากเอเชีย ส่วนใหญ่ก็เกิดผลบวกกันทั้งนั้น)

เพราะฉะนั้น ต่อให้แม่ต้องทำ Skin test อีกครั้ง ผลก็ยังจะออกมา positive เหมือนเดิมอยู่ดีและวิธีเดียวที่จะพิสูจน์ได้ คือการเอกซเรย์ปอด เพื่อตรวจว่าแม่ไม่มีจุดใดๆ อยู่ในปอดนั่นเอง

เหอๆ ตอนหมออธิบายให้แม่ฟัง แม่ถามว่า ถ้าแม่ไม่ยอมเอกซเรย์ปอดงะ (ก็แม่ห่วงหนูนี่) จะเกิดอะไรขึ้น หมอก็บอกว่า ก็ได้ แต่ตอนช่วงที่แม่ไปคลอดหนูอยู่ที่โรงบาล แม่จะต้องใส่หน้ากากปิดปากปิดจมูกไว้ตลอด และไม่อนุญาตให้กอดให้หอมหนูจนกว่าแม่จะเอกซเรย์ปอดคอนเฟิร์มว่าปลอดเชื้อวันโรคเสียก่อนก่อน

ว้าากกก มันช่างดูน่าทุเรศเหลือเกิน ใครจะไปทนได้ เหมือนกับปิดกั้นแม่ไว้หมดเรยงะ

หมอก็อธิบายเพิ่มเติมให้ความมั่นใจกับแม่ว่าการเอกซเรย์ครั้งนี้จะใช้รังสีที่ต่ำ (เท่าๆ กับที่แอร์พอร์ต) รวมทั้งจะใช้วัสดุป้องกันตรงส่วนท้องไว้สองชั้น และจะถ่ายเพียงแค่ภาพเดียวเท่านั้น

แม่ก็เลยต้องจำยอมน่ะจ้ะ

แต่ตอนที่แม่ไปเอ็กซเรย์จริงๆ ก็ไม่ได้น่ากลัวนะจ๊ะ เทคนิเชี่ยนถ่ายจากทางด้านหลัง และเค้าก็น่ารักเป็นกันเอง และยืนยันกับแม่ว่ามีการป้องกันเอาไว้อย่างดี

ก็ทำให้แม่เบาใจไปหน่อยนึง และผลมันก็ออกมาปกติจ้ะไม่มีจุดเจิดอะไรทั้งนั้น

เฮ้อ มีหนูอยู่ในพุงเนี๊ยะ มีเรื่องให้แม่ลุ้นตลอดเร้ยยย

แต่แม่รักหนูและดีใจที่สุดที่มีหนูมาอยู่ในพุงแม่นะจ๊ะ อิอิ

มาอัพเดตพุงป่องๆ กันหน่อย วันนี้ได้แต่งตัวสวยพาพี่สีทองไปพาร์คเลยได้แชะๆ เก็บภาพสวยๆ ไว้