The Last Slice Of Rainbow
กราบสวัสดีมิตรรักแฟนแมว(ดำ)ทุกท่าน
ขณะนี้คือฤกษ์งามยามดีที่แมวดำฯจะอู้งานมาชักชวนกันฟังนิทานจ้ะ

จุ๊ๆ นั่งฟังกันเงียบๆ อย่าเสียงดังนะ เดี๋ยวเจ้านายได้ยินเข้าจะตกงาน

เริ่มกันที่นิทานเล่มโปรดของแมวดำฯกันเลยจ้ะ
จะค่อยๆเล่าไปทีละเรื่องเน้อ อู้ เอ๊ย ว่างเมื่อไหร่ก็จะมาทยอยเล่าจ้ะ



ความรักของต้นโอ๊ก
Joan Aiken เล่าเรื่อง
วัชรินทร์ อำพัน แปลและเรียบเรียง
Margaret Walty ภาพ
สนพ.ดอกหญ้า พิมพ์ครั้งแรก ตุลาคม 2532

คำนำสำนักพิมพ์
เด็กๆกับนิทาน เป็นของคู่กันจนแยกไม่ออก
แม้ว่าจะมีโทรทัศน์เป็นทางเลือกที่ดูเหมือนจะน่าสนใจกว่าไว้ประจำแทบทุกครอบครัว
แต่เรื่องที่เด็กๆสนใจก็คงเป็นนิทาน การ์ตูน หรือเรื่องเหลือเชื่ออยู่นั่นเอง

นี่คงเป็นเครื่องยืนยันถึงความฝันหรือจินตนาการอันกว้างไกลของเด็กๆ
ไม่จำกัดอยู่เพียงโลกแห่งความเป็นจริงที่จำเจไปด้วยภาระหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ใหญ่

"ความรักของต้นโอ๊ก"
ชื่อหนึ่งที่เราเลือกมาเป็นตัวแทนของการรวมเรื่องสำหรับเด็กชุดนี้
เพราะเราเชื่อว่าเรื่องของเจ้าหญิงเจ้าชายหรือสัตว์พูดได้ทั้งหลาย
ไม่ใช่เรื่องล้าสมัย แต่แฝงไว้ด้วยคติสอนใจ ปลูกฝังให้ยึดมั่นในความดีที่ยังมีคุณค่าอยู่เสมอ



สายรุ้งสุดท้าย : The Last Slice Of Rainbow



ทุกๆวัน เมื่อเจสันเดินกลับจากโรงเรียน
เขาจะเดินเลียบไปตามข้างหุบเขาอันสูงชันที่มีหญ้าปกคลุมไปทั่วและเป็นที่ที่พวกแกะจะมาและเล็มใบเฮร์เบลล์ซึ่งขึ้นงอกงาม
ขณะที่เขาเดินไปตามทาง เขาจะผิวปากไปด้วย เจสันสามารถผิวปากเป็นทำนองเพลงได้มากกว่าใครๆในโรงเรียน
และเขายังสามารถจดจำทำนองเพลงทุกๆทำนองที่เขาเคยได้ยินได้ฟังมา
นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาเกิดในโรงสีลม และเกิดในชั่วขณะที่สายลมผันเปลี่ยนทิศทางจากทิศใต้ไปสู่ทางตะวันตก
เขาสามรถมองเห็นสายลมในขณะที่กำลังพัดโชย ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่น้อยคนนักจะทำได้
เขายังสามารถมองเห็นรูปทรงของดวงดาว
และสามารถได้ยินเสียงกระซิบแผ่วๆอย่างมีเสน่ห์ของท้องทะเลในยามที่ซัดสาดเข้ากระทบชายหาด

วันหนึ่งขณะที่เจสันกำลังเดินไปตามทางเดินที่ปกคลุมไปด้วยหญ้าเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน
เขาก็ได้ยินเสียงสายลมตะวันตกคร่ำครวญและทอดถอนใจว่า
"โอ พัดพลิ้วมาแสนไกล ฉันหลงลืมแล้วว่าเจ้าหายไปแห่งใด"

"นายลืมอะไรหรือ สายลม" เจสันหันกลับมามองดูแล้วก็เอ่ยถาม
มันเป็นสายลมที่มีสีน้ำตาลกับสีฟ้า ไหลพลิ้วและมีประกายสีทอง

"ทำนองเพลงของฉัน ฉันลืมทำนองเพลงโปรดปรานของฉัน โอ พัดพลิ้วมาแสนไกล"

"ทำนองเพลงที่นายลืมไปมีทำนองอย่างนี้หรือเปล่า" เจสันถาม แล้วก็ผิวปาก

พอสายลมได้ยินก็รู้สึกปีติยินดี "ใช่ ใช่แล้ว ทำนองนั้นแหละ เจสันผู้เฉลียวฉลาด"
แล้วสายลมก็โบกพัดฉวัดเฉวียนรอบๆกายเขา โลมไล้หยอกเย้าอย่างอ่อนโยน
ทั้งพัดเอาคอเสื้อของเขาตั้งขึ้น แล้วก้พัดพลิ้วเส้นผมของเขาจนเป็นกระเซิง

"ฉันจะให้ของขวัญนายอย่างหนึ่ง" สายลมขับขานในท่วงทำนองที่เจสันเพิ่งผิวปากให้ฟัง
"ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร จะเป็นทองหรือว่าเงิน"

เจสันคิดไม่ออกว่าของเหล่านั้นจะมีประโยชน์อันใดในโลกนี้
ดังนั้น เขาจึงบอกไปอย่างรวดเร็วว่า
"ถ้าเช่นนั้นก็โปรดเถิด ฉันปรารถนาเพียงสายรุ้งที่เป็นของฉันเองและฉันสามารถเก็บเอาไว้ได้"

เพระาในหุบเขาอันเขียวชอุ่มนั้น มักจะปรากฎสายรุ้งอันพร่างพรายงดงามให้เห็นอยู่เสมอ
แต่สำหรับเจสันแล้ว สายรุ้งเหล่านั้นไม่เคยอยู่เนิ่นนานเพียงพอเลย

"สายรุ้งของนายเองหรือ นั่นเป็นสิ่งที่ยากลำบากนะ" สายลมบอก
"ยากลำบากมากทีเดียว นายจะต้องเอาถังน้ำใบหนึ่ง แล้วเดินขึ้นไปบนทุ่งกว้าง
ไปถึงน้ำตกนกยูง แล้วรองรับละอองน้ำจากน้ำตกจนเต็มถัง
ซึ่งหมายความว่านายจะต้องใช้เวลาอันยาวนาน
แต่เมื่อนายได้ละอองจากน้ำตกจนปริ่มขอบถังแล้ว นายก็อาจจะพบใครบางคนอยู่ในถังของนาย
ซึ่งเขาอาจจะยินดีให้สายรุ้งกับนายก็ได้"



โชคดีที่วันต่อมาเป็นวันเสาร์ เจสันจึงเอาถังน้ำใบหนึ่งพร้อมด้วยห่อข้าวกลางวัน
แล้วก็เดินขึ้นไปบนทุ่งกว้าง จนกระทั่งถึงน้ำตกแห่งหนึ่งซึ่งมีชื่อว่าน้ำตกนกยูง
ทั้งนี้เพราะว่าขณะที่สายน้ำพวยพุ่งจากหน้าผาลงมา จะทำให้เกิดเป็นม่านละอองน้ำที่มีสีสันเรืองรอง
และระยิบระยับเหมือนสีของนกยูงอย่างน่ามหัศจรรย์

เจสันยืนรองรับละอองน้ำใส่ถังของเขาอยู่ที่ข้างๆน้ำตกตลอดทั้งวัน จนตัวของเขาเปียกโชก
ในท้ายที่สุด เมื่อถึงเวลาที่ดวงตะวันเริ่มเคลื่อนต่ำลง เขาก็ได้ละอองน้ำเต็มปริ่มขึ้นมาจนถึงขอบถัง
ถึงเวลานี้ เขาก็พบบางสิ่งบางอย่างกำลังแหวกว่ายวนเวียนอยู่ในถังน้ำ
บางสิ่งบางอย่างที่เป็นประกายระยิบระยับด้วยสีสันของสายรุ้งอันสดใส

นั่นคือปลาเล็กๆตัวหนึ่ง

“นายเป็นใครกันน่ะ” เจสันถามขึ้น

“ฉันคือภูตประจำน้ำตกแห่งนี้ ปล่อยฉันออกไปจากถังนะ นายไม่มีสิทธิ์ที่จะมาจับฉันไว้
ปล่อยฉันออกไป แล้วฉันจะมีรางวัลตอบแทนให้นาย”

“ตกลง” เจสันรีบตอบรับอย่างรวดเร็ว
“ตกลง ฉันจะปล่อยนายออกไป แต่นายจะต้องให้สายรุ้งกับฉัน
สายรุ้งที่เป็นของฉันเองและฉันสามารถเก็บใส่กระเป๋าไว้ได้”

“อืม” ภูตแห่งน้ำตกเอ่ยขึ้น “ฉันจะให้สายรุ้งกับนาย แต่ว่านายจะเก็บรักษาไว้ได้หรือเปล่าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สายรุ้งไม่ใช่ว่าจะสามารถเก็บรักษาเอาไว้ได้ง่ายๆนะ
ฉันยังนึกสงสัยอยู่ว่านายจะสามารถเอากลับไปถึงบ้านได้หรือเปล่า
แต่ก็เอาเถอะ นี่ไง เอาไปสิ”
แล้วภูตแห่งน้ำตกก็กระโจนออกจากถังน้ำของเจสัน มันกระโจนสูงขึ้นไป เพื่อกลับสู่น้ำตกของมัน
และในขณะที่ทันพุ่งขึ้นไป สายรุ้งก็ไหลรินออกมาจากละอองน้ำตามเส้นทางที่ปลาน้อยกระโจนผ่านลงไปในถังของเจสัน

“โอ้โฮ ช่างสวยงามเหลือเกิน” เจสันหายใจแรงๆ
เขาใช้มือทั้งสองช้อนสายรุ้ง ซึ่งเป็นเหมือนผ้าแพรขึ้นมาจากถัง
จ้องมองสีสันอันระยิบระยับของมัน แล้วก็ม้วนพับอย่างบรรจง ก่อนที่จะสอดเข้าไปในกระเป๋า
เขาออกเดินมุ่งหน้ากลับบ้าน



ระหว่างทาง มีป่าอยู่แห่งหนึ่ง และในความมืดระหว่างหมู่ไม้ เขาก็ได้ยินเสียงใครร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา
เขาจึงตรงไปเพื่อดูว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นและเขาก็พบตัวแบดเจอร์ติดอยู่ในกับดักตัวหนึ่ง
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มที่รัก” ตัวแบดเจอร์คร่ำครวญวิงวอน
“กรุณาช่วยปลดปล่อยฉันออกไปด้วยเถิด มิเช่นนั้นแล้วมนุษย์กับสุนัขของเขาคงจะมาฆ่าฉัน”

“ฉันจะปล่อยนายออกไปได้อย่างไรละ ฉันยินดีที่จะช่วยนาย แต่จะต้องใช้กุญแจไขกับดักอันนี้”

“ฉันเห็นสายรุ้งอยู่ในกระเป๋าของนาย เอาปลายข้างหนึ่งของสายรุ้งนั่นสอดเข้าไปในกับดักสิ
แล้วนายก็จะสมารถถ่างกับดักให้เปิดออกได้”

เมื่อเจสันสอดปลายข้างหนึ่งของสายรุ้งเข้าไปในระหว่างฟันของกับดัก มันก็ดีดตัวถ่างออก
และตัวแบดเจอร์ก็สามารถตะเกียกตะกายออกมาได้ มันรีบกระโจนเข้าโซซัดโซเซไปก่อนที่พวกมนุษย์กับสุนัขล่าสัตว์จะมาถึง
“ขอบคุณ ขอบคุณมาก” มันหันมาร้องบอก แล้วก็หายลงไปในโพรงของมัน

เจสันม้วนสายรุ้งของเขาแล้วก็เก็บเข้าไปในกระเป๋าคืน แต่สายรุ้งส่วนใหญ่ก็ถูกฟันอันแหลมคมของกับดักฉีกกระชากขาดและถูกพัดปลิวคว้างไปแล้ว



ตรงเขตชายป่า มีบ้านหลังเล็กๆซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของแม่เฒ่าวิดโดส์
นางเป็นคนที่มีอารมณ์บูดอยู่เสมอ
หากว่าเด็กๆเกิดขว้างลูกบอลเข้าไปในสวนของนาง นางก็จะเอาลูกบอลใส่เข้าไปในเตาอบจนกระทั่งมันไหม้ดำเป็นถ่าน
ทุกๆสิ่งที่นางรับประทานจะมีสีดำทั้งหมด ทั้งขนมปังที่อบจนไหม้ดำ น้ำชาสีดำ ขนมพุดดิงสีดำและมะกอกสีดำ
นางพูดกับเจสันว่า
“พ่อหนุ่ม เธอจะแบ่งสายรุ้งที่ยื่นออกมาจากกระเป๋านั่นให้ฉันสักหน่อยได้มั้ย
ฉันรู้สึกไม่สบายมาก หมอบอกว่าฉันควรจะทานขนมพุดดิงสายรุ้งซึ่งจะช่วยให้ฉันมีอาการดีขึ้น”

เจสันไม่ค่อยอยากจะแบ่งสายรุ้งให้นางเลย แต่นางก็ดูป่วยไข้และน่าสงสาร
ดังนั้น เขาจึงค่อยๆย่างก้าวเข้าไปในครัวของนางด้วยอาการเชื่องช้า
แล้วนางก็ใช้มีดตัดขนมปังตัดเอาสายรุ้งออกมาชิ้นใหญ่
จากนั้นนางก็นวดคลึงแป้งซึ่งผสมจากนมร้อน แป้งสาลี และเหยาะโรยเกลือ
นางใส่ชิ้นสายรุ้งลงไป คนให้เข้ากันแล้วก็อบส่วนผสมที่ได้นี้
พอเสร็จ นางก็รอให้มันเย็นลง ก่อนที่จะหั่นออกเป็นแผ่นๆ แล้วนางก็รับประทานด้วยการทาเนยกับน้ำตาล
ส่วนเจสันได้รับประทานชิ้นเล็กๆเพียงชิ้นเดียว รสชาติของมันช่างหอมหวานน่ารับประทาน

“นี่เป็นอาหารที่วิเศษสุดเท่าที่ฉันได้ทานในปีนี้” แม่เฒ่าวิดโดส์เอ่ยขึ้น
“ฉันรู้สึกเบื่อหน่ายกับขนมปังสีดำ กาแฟสีดำแล้วก็องุ่นสีดำ ฉันรู้สึกได้เลยว่าขนมพุดดิงนี้ทำให้ฉันสบายดีขึ้น”

นางดูอาการดีขึ้น แก้มของนางเปลี่ยนเป็นสีชมพูเรื่อๆและเกือบจะปรากฏเป็นรอยยิ้มด้วย
ส่วนเจสัน หลังจากที่เขารับประทานขนมพุดดิงชิ้นเล็กๆเข้าไปแล้ว เขาก็สูงขึ้นอีกแปดเซนติเมตร

“เธอไม่ควรรับประทานอีกแล้วนะ พ่อหนุ่ม” แม่เฒ่าวิดโดส์บอกกับเขา

เจสันจึงเอาสายรุ้งส่วนสุดท้ายของเขาใส่เข้าไปในกระเป๋า

เวลานี้สายรุ้งก็มีเหลืออยู่อีกไม่มากแล้ว

ขณะที่เขาเข้าไปใกล้โรงสีลมซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเขา
ทิลลี ผู้เป็นน้องสาวก็วิ่งออกมาหาเขา
เธอสะดุดก้อนหินและหกล้มลง ขาของเธอจึงแตกเป็นแผล มีเลือดไหลรินออกมาจากบาดแผล
ทิลลีซึ่งมีอายุเพียงสี่ขวบก็ร้องไห้คร่ำครวญ
“โอ ขาของฉัน ขาของฉัน ปวดเหลือเกิน พี่เจสัน ช่วยพันแผลให้ฉันด้วย”

แต่ว่าเขาจะสามารถทำอะไรได้ละ
เจสันจึงดึงเอาสายรุ้งส่วนที่เหลือออกมาจากกระเป๋า แล้วพันรอบขาของทิลลี ซึ่งพันได้รอบพอดี
แล้วเขาก็ฉีกเอาส่วนปลายที่เหลือเพียงเศษเสี้ยวชิ้นเล็กๆออกมาและถือไว้ในมือ

ทิลลีชื่นชมหลงใหลกับสายรุ้งที่พันอยู่รอบขาของเธอ
“โอ้โฮ ช่างสวยงามเหลือเกิน ทำให้เลือดหยุดไหลด้วย”
แล้วเธอก็ร้องรำทำเพลงไปอวดให้คนอื่นๆดูขาอันน่ามหัศจรรย์ที่มีสีรุ้งของเธอ



ทิ้งให้เจสันมองดูเศษสายรุ้งชิ้นเล็กๆที่อยู่ระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือด้วยอาการเศร้าสร้อย
เขาได้ยินเสียงกระซิบที่หูของเขา เมื่อเขาหันไปมอง ก็พบสายลมตะวันตกกำลังโลดแล่นถลาอยู่ตรงเชิงเนิน ทั้งสีเหลือง สีน้ำตาล และสีกุหลาบ

“เห็นมั้ยละ” สายลมตะวันตกเอ่ยขึ้น
“อย่างที่ภูตน้ำตกเตือนนายเอาไว้เลย ว่าสายรุ้งน่ะยากที่จะเก็บรักษาเอาไว้ได้
แต่แม่ว่านายจะไม่มีสายรุ้ง นายก็ยังเป็นเด็กที่โชคดีมาก
เพราะนายสามารถมองเห็นรูปทรงของดวงดาว
ได้ยินบทเพลงของฉัน
แล้วก็ยังโตขึ้นอีกตั้งแปดเซนติเมตรภายในวันเดียว”

“ใช่ เป็นความจริง” เจสันยอมรับ

“ยื่นมือของนายออกมาสิ” สายลมบอก

เจสันจึงยื่นมือออกไปพร้อมกับสายรุ้งชิ้นเล็กๆ แล้วสายลมก็พัดเป่า เหมือนกับในเวลาที่เราพัดหรือเป่ากองไฟเพื่อให้มันลุกโชติช่วงขึ้น
เมื่อสายลมพัดเป่า สายรุ้งก็โตขึ้นและโตขึ้นจากฝ่ามือของเจสัน
จนกระทั่งมันลอยตัวขึ้นแล้วก็โค้งเข้าสู่มุมที่อยู่สูงและไกลสุดของท้องฟ้า
และไม่ใช่สายรุ้งเพียงสายเดียว หากแต่ยังมีอีกสายหนึ่งซึ่งเคียงคู่อยู่เบื้องล่างอีกด้วย
เป็นสายรุ้งที่ใหญ่ที่สุดและสดใสที่สุดเท่าที่เจสันเคยพบเห็นมา
นกกาจำนวนมากตื่นตะลึกกับภาพที่เห็นจนถึงกับหยุดบินแล้วร่วงลงมาสู่พื้นดิน
หรือไม่ก็บินชนกันกันกลางอากาศ

ต่อมาสายรุ้งนั้นก็ละลายแล้วหายลับตาไป

“ไม่เป็นไรหรอก” สายลมบอกกับเจสัน
“จะมีสายรุ้งใหม่ในวันพรุ่งนี้ หรือหากว่าวันพรุ่งนี้ไม่มี สัปดาห์หน้าก็จะมี”

“และก็เคยมีอยู่ในกระเป๋าของฉัน” เจสันบอก

แล้วเขาก็กลับเข้าบ้านเพื่อดื่มน้ำชา



Create Date : 15 กันยายน 2554
Last Update : 15 กันยายน 2554 10:31:24 น.
Counter : 2290 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Pokpong-p.BlogGang.com

แมวดำ_โดนสาป
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]