อยากให้คนชุมนุม"ข้างทำเนียบ"เข้าใจ"หัวอก"คนที่ไปชุมนุมที่"จตุจักร"บ้าง
[สารบัญ] [อ่านเรื่องอื่น]


มติชนรายวัน
วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10239



เสียงครวญจากจตุจักร

โดย วรากรณ์ สามโกเศศ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์





หมายเหตุ อยากให้ทุกคนทำใจกว้าง ๆ และลองอ่านดูสักหน่อยนะครับ เขียนได้ดีนะครับ อ่านเสร็จแล้วเดี๋ยวมาคุยกัน ใต้บทความ/จดหมายนี้นะครับ




เรียน ท่านผู้ชุมนุมข้างทำเนียบ

ผมเขียนจดหมายนี้จากสวนจตุจักรด้วยความรู้สึกที่ไม่เป็นสุข ไม่ใช่ด้วยเหตุผลที่เป็นกลุ่มสนับสนุนนายกฯ แต่เพราะอาลัยในความสัมพันธ์เดิมที่ท่านพวกเอ็นจีโอทั้งหลายเคยมีกับพวกผม เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมา และบัดนี้ต้องมาอยู่กันคนละฝ่าย

ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเหตุใดจึงไม่มีเอ็นจีโอของจริงมาอยู่กับฝ่ายผมเลย ไปอยู่ข้างทำเนียบกันเสียหมด มันเกิดอะไรขึ้นและต่อไปข้างหน้าเราจะกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันอีกได้หรือไม่ อาจารย์นักวิชาการทั้งหลายก็เหมือนกันเคยเป็นปากเป็นเสียงให้พวกผมคนยากจนมาตลอด พวกท่านกำลังจะทอดทิ้งพวกผมแล้วหรืออย่างไร

พวกท่านอย่าเกลียดผมเลยครับ จะว่าจะด่าทอยังไงว่ารับเงินมาเชียร์นายกฯ ก็ช่วยฟังผมบ้าง ผมก็ลูกผู้ชายคนหนึ่ง ก็ขอแอ่นอกรับว่ามีความจริงอยู่ คิดดูง่ายๆ พวกผมหาเช้ากินค่ำ เรียนจบประถมหกบ้างไม่จบบ้าง ถึงจะรักท่านนายกฯ ยังไงก็ตาม แต่การเดินทางมากรุงเทพฯ อย่างนี้มันมีโสหุ้ยมากมาย ไหนจะค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายจิปาถะต่อวัน ถ้าผมไม่มีผู้อุปถัมภ์บ้าง แล้วจะอยู่รอดได้อย่างไร

พวกผมไม่เหมือนพวกท่านที่แสนสุขสบาย กลางคืนเลิกชุมนุมแวะกินข้าวต้ม กลับบ้านนอน พอเย็นอาบน้ำผัดหน้านวลมาชุมนุมอีก แต่สำหรับพวกเราการมีชีวิตรอดในแต่ละวันมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

พวกผมไม่เข้าใจชัดเจนหรอกว่าความชอบธรรมของผู้นำคืออะไร จริยธรรมของผู้นำคืออะไร ไม่เข้าใจว่าโกงกินมันเลวร้ายแค่ไหน เพราะพวกผมก็ได้ยินแต่เรื่องโกงกินบ้านเมืองมาทุกยุคทุกสมัย และก็ไม่เห็นคนใหญ่คนโตคนไหนติดคุกสักคน ท่านจะให้ท่านทักษิณของผมติดคุกคนเดียวหรือครับ (ได้ข่าวว่าเมื่ออดีตรัฐมนตรีคนหนึ่งที่ติดคุก เพราะแกหนีไปแล้วยังมาจ๊อกกิ้งรอบสถานีตำรวจ ถ้าแกไม่รักสุขภาพ ป่านนี้ก็ยังคงอยู่อย่างมีความสุข) ถ้าผมเป็นท่าน ผมก็ต้องเอาให้รวยแบบท่านแหละครับ ของอย่างนี้จะไปว่ากันได้ยังไง

ถึงคนจะว่าท่านและครอบครัวสาดเสียเทเสียยังไง แต่ส่วนที่ท่านทำให้ประเทศชาติก็มากกว่า ในสายตาผมหักลบกันแล้วผมว่าท่านใช้ได้ ท่านเป็นนายกฯ คนแรกที่เอาเงินมาให้พวกผมกู้แกมแจก คนอื่นไม่เห็นมีใครทำอะไรให้ผมเห็นเจ๋งๆ สักคน ยาเสพติดท่านก็จัดการเรียบวุธไป 2-3 พันคน แล้วจะไม่ให้ผมเชียร์ท่านยังไง นี่คือสิ่งที่ผมคิดอยากมาเชียร์ท่านนายกฯ เองอย่าง บริสุทธิ์ใจ แต่มันมาเองไม่ได้ มันจึงเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ

บางท่านอาจบอกว่าผมคิดอะไรสั้นๆ ไม่รู้อะไรลึกซึ้งว่าท่านนายกฯ ทำอะไรไว้บ้าง พวกผมมีระดับมาตรฐานศีลธรรมจรรยาไม่สูง ขาดความซื่อสัตย์สุจริต ผมสารภาพว่าผมไม่เข้าใจหรอกไอ้เรื่องหุ่นเรื่องหุ้น เรื่องประชานิยมแจกของแจกเงิน เพราะผู้รู้แต่ว่าผมได้ก็พอใจแล้ว ที่โรงเรียนก็ไม่ได้สอนผมให้คิดอะไรยาวๆ ท้องที่ผมหิวมันมักทำให้คิดอะไรยาวๆ ไม่ได้ โทรทัศน์ก็เห็นแต่บันเทิงและมีแต่ข่าวของรัฐบาล

ยิ่งเรื่องศีลธรรมและจริยธรรม ผมมองไปรอบตัวก็เห็นแต่จ้องกอบโกยกันเป็น ส่วนใหญ่ถ้ามีโอกาส แล้วอย่างนี้ท่านจะให้ผมทำอย่างไรในเมื่อผมไม่มีตัวอย่างให้เลียนแบบ กำนัน ผู้ใหญ่ อบต. อบจ.หรือครับ นั่นแหละครับตัวดีทั้งนั้น

ผมมาคิดดูเท่าที่พอจะมีสติปัญญา ก็เห็นว่าหากพวกผมมีความรู้ มีเงินมีทอง พอลืมตาอ้าปากได้ สังคมและระบบการศึกษาสอนให้ผมคิดเป็นมากกว่านี้ ผมอาจไปร่วมชุมนุมอยู่ฝ่ายเดียวกับท่านเหมือนเพื่อนผมบางคนที่ตอนเด็กเคยเรียนหนังสือด้วยกันก็ได้

เพื่อนผมพวกนี้มันได้เรียนหนังสือ เพราะพ่อแม่มันพอมีเงินส่งเรียน เมื่อตอนเด็กๆ บ้านมันก็รวยกว่าบ้านผมไม่มากนักหรอก แต่ตอนนี้บ้านมันนั่งปิคอัพกันแล้ว แต่ผมกับลูกยังขี่จักรยานอยู่เลย ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฐานะเราจึงแตกต่างกันตอนนี้ บ้านผมก็ไม่ใช่คนขี้เกียจแต่ทำเท่าไหร่ๆ มันก็ไม่พอกิน ถ้าหลวงช่วยผมมากกว่านี้ มันกับผมคงไม่รวยต่างกันขนาดนี้หรอกนะ ยิ่งถึงชั้นลูกแล้ว ลูกมันกับลูกผมคงไม่ห่างกันลิบลับ

หวังว่าคงไม่มีใครอ่านจดหมายผมเพียงครึ่งๆ กลางๆ แล้วสรุปว่าพวกผมรับเงินมาเชียร์กันทุกคน ผมเพียงแต่บอกด้านความจำเป็นของผม อย่าลืมนะครับว่าคนหาเช้ากินค่ำมันไม่มีหัวจิตหัวใจเรื่องการเมือง เรื่องความถูกต้องอะไรได้มากนักหรอก เพราะมันไม่มีเวลามากนักให้คิดใคร่ครวญ ไม่เชื่อดูการชุมนุมสนับสนุนนายกฯ ของพวกหากินในกรุงเทพฯ ดูก็ได้ มีอยู่แค่ 2-3 วัน ก็หายไปหมดแล้ว ไม่เหมือนพวกท่านส่วนใหญ่ที่มีเวลามาตะโกนออกกำลังหลอดเสียงกันทุกค่ำคืน และระหว่างที่แผดเสียงดอกเบี้ยก็บานให้ท่าน

ที่ผมสงสัยก็คือพวกผมรักใครก็รักจริง แสดงตัวออกมาไม่อิดเอื้อน แต่พวกท่านที่ไม่ชอบนายกฯ นั้น เห็นอาจารย์อะไรท่านหนึ่งบอกว่าชอบนั่งอยู่บนรั้ว ตามสำนวนฝรั่ง ดูลมดูทางแล้วจึงจะโดดลงมาบนฝั่งหนึ่งของรั้ว ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันแปลว่าอะไร คิดแต่ว่ามัวแต่ไปนั่งทนโท่ประหลาดแบบนั้น ไม่อายเด็กอายลูกหลานมันบ้างหรืออย่างไร

พวกผมอยากให้ท่านนายกฯ อยู่ต่อไป พวกผมก็ต้องออกแรงกันละครับ คนละนิดคนละหน่อยก็ยังดี โผล่หน้าให้เห็นบางตอนเพื่อให้ดูหนักแน่นก็เอาดี ผมคิดแบบคนโง่ๆ นะครับ ถ้าอยากให้นายกฯ อยู่แต่พวกพลังเงียบนั่งงอมืองอเท้าไม่ช่วยอะไรเลยนอกจากเอาแต่ส่งใจช่วยแล้ว ท่านนายกฯ จะอยู่ได้ยังไง ท่านจะไม่อายใจตัวเองในวันหลังบ้างหรือว่าไม่ได้ช่วยบ้านช่วยเมืองเลยในเวลาคับขัน

ผมเขียนมาแบบคนจบปอหกแบบนี้แหละ ไม่บอกว่าเป็นกลาง หรือรักประชาธิปไตย หรืออยากให้คนไปเลือกตั้ง หรืออยากให้บ้านเมืองสงบไม่วุ่นวาย เพราะใครพูดแบบนี้ มันเหมือนบอกใบ้น่ะว่าเป็นพวกเดียวกับผม

ผมอยากจบด้วยการบอกว่า พวกผมไม่เขลาจนพอเชื่อว่าจะลืมตาอ้าปากกว่านี้ ถ้าท่านนายกฯ ได้อยู่ต่อ อาจดีขึ้นบ้างเพราะได้กู้ แต่ไม่ว่าใครจะมาจะไป สุดท้ายแล้วพวกผมก็จะจนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง อยากให้ผมมีความคิดอะไรอย่างที่ท่านมีกัน ช่วยผมให้ลืมตาอ้าปากและคิดได้ซิครับ

อย่าลืมนะครับ อาจารย์และท่านเอ็นจีโอทั้งหลายอย่าทิ้งพวกผม หลังงานนี้แล้วช่วยกลับมาเป็นปากเป็นเสียงให้พวกผมต่อไปเหมือนเดิมด้วย

จาก ผู้ชุมนุมจตุจักร




อ่านเสร็จแล้วใช่ไหมครับ

คิดว่าหลายคนคงคิดเหมือนผมนะครับว่า นี่ไม่ใช่จดหมายจากผู้ชุมนุมรักทักษิณ แต่เป็นจดหมายที่อาจารย์วรากรณ์เขียนเอง โดยสมมติตัวเองว่า ถ้าตัวเองเป็นชาวบ้านตาดำ ๆ นั้น เขาจะคิดอย่างไร

เอาล่ะ ถ้าเป็นเช่นนั้น งานเขียนนี้ จะเป็นประเภทที่เราหลายคนมักจะเรียกว่า จากหอคอยงาช้าง หรือไม่ ผมไม่กล้ววิจารณ์ในส่วนนี้นะครับ แต่ผมมีความเห็นเรื่องนี้ดังนี้

เนื่องจากผมเคยทำงานอยู่ในชนบทในภาคเหนือครับ เห็นคนหาเช้ากินค่ำมากมาย พวกเข้าเป็นอย่างในจดหมาย(หรือบทความ) นี้จริง ๆครับ

อนึ่ง หลายคนคงรู้สึกเหมือนผมว่า คอลัมน์ของอาจารย์วรากรณ์ ส่วนใหญ่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล ดังนั้นงานเขียนนี้จึงไม่น่าจะเอนเอียงให้รัฐบาล

แต่ถ้าจะบอกว่าเป็นการประชดประชัน ก็คงเกินไปหน่อย ผมคิดว่าเราต้องใจกว้างกว่านั้น

เราคงต้องถามตัวเองครับว่า ในที่สุดแล้ว เราต้องการอะไร เราต้องการให้สังคมเป็นอย่างไร เราต้องการให้ประเทศไปทางไหน มากกว่าที่จะมองกันสิ่งที่เฉพาะหน้าว่า จะไม่เอาทักษิณ หรือไม่เอาทักษิณ

และไม่ควรลืมบุคคลอื่นด้วย พวกเขาลำบากกว่าเราเพียงใด และถ้ามองอย่างแฟร์ ๆ แล้ว พวกเขาก็ไม่ผิดถ้าจะมาเชียร์ทักษิณจริง ๆ และทักษิณก็ไม่ผิดถ้าไปทำนโยบายแบบนั้น แต่อาจจะผิดที่ผิดเวลา และ ผิดความเป็นจริงไป

ปัญหาคือ การพัฒนาหลายอย่างมันไปไม่พร้อมกัน เข้าใจไม่พร้อมกัน มันเหมือนเราอยู่กันคนละ phase ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเราอาจจะเริ่มต้นพร้อมกัน

ที่จริงการแก้ปัญหาระยะยาวนั้น ในบทความหรือจดหมายนั้นได้แย้มไว้แล้ว เป็นเรื่องใกล้ตัวเหลือเกิน แต่เป็นทางออกที่ยั่งยืน

นั่นคือ การศึกษา

สุดท้ายนี้ ขอให้ถามตัวเองว่า เราเข้าใจสิ่งที่เราทำจริง ๆ หรือไม่ และที่เราทำ ทำให้ประเทศเจริญอย่างยั่งยืนจริงหรือ เราไม่ได้หลอกตัวเองใช่ไหม และขอให้คิดถึงคนอื่นด้วย




[สารบัญ] [อ่านเรื่องอื่น]
[หน้าแรก Blog]



Create Date : 23 มีนาคม 2549
Last Update : 27 สิงหาคม 2549 19:33:26 น.
Counter : 1035 Pageviews.

3 comments
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
ทนายอ้วนจัดดอกไม้ - จัดดอกไม้ง่ายๆ – แจกันสวัสดีปีใหม่ 2567 - กุหลาบพวงสีชมพู - ขาว ทนายอ้วน
(2 ม.ค. 2567 15:16:32 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
ประสบการณ์ ทำพาสปอร์ตที่สายใต้ใหม่ newyorknurse
(2 ม.ค. 2567 17:45:17 น.)
  
ผมเดาว่า อ.วรากรณ์ อาจไม่ได้ไปคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมเอง (ผมเองก็ยังไม่ได้ไป และอยากไปเหมือนกัน)
ถ้าใครฟังแกนนำของสองกลุ่มนี้ให้สัมภาษณ์ จะเห็นถึงความ sophisticate ของพวกเขามากกว่านี้

ชื่อ "คาราวานคนจน" และ "กองทัพประชาชน" ผมว่าไม่ใช่ความบังเอิญนะครับ
โดย: คนแถวนี้* IP: 58.10.159.80 วันที่: 23 มีนาคม 2549 เวลา:18:02:06 น.
  
โดย: อพันตรี วันที่: 23 มีนาคม 2549 เวลา:18:43:27 น.
  
อาจารย์วรากรณ์เขียนได้ดีครับ ในฐานะเป็นคนเกิดในบ้านนอกมันก็เป็นอย่างในจดหมายนี้จริงๆนะแหละ คนจนคือจนทุกอย่างจริงๆ วงจรโง่จนเจ็บหลุดเข้าไปอย่าหวังได้ลืมตาอ้าปากเลย
โดย: นายเบียร์ วันที่: 28 มีนาคม 2549 เวลา:1:35:41 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Plin.BlogGang.com

Plin, :-p
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]

บทความทั้งหมด