ItaLy Tia Mo: Rome ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม ด้วยความที่เป็นเมืองเก่าแก่อายุนับพันปี รายละเอียดของกรุงโรมทั้งสถาปัตยกรรม น้ำพุ ปาลาสโซ่ มหาวิหาร คงบอกเล่าไม่หมดในหนึ่งวัน เหมือนกรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว ถึงแม้เราทั้งคู่จะมาเยือนโรมบ่อยๆ แต่ทุกๆครั้งเรามักจะได้เห็นอะไรแปลกใหม่เสมอ Italy คือ มหาวิทยาลัยศิลปะของโลกที่แท้จริง ทุกครั้งการเที่ยวโรมของเรามักเป็นแบบสบายๆ เนื่องจากตอนเด็กช่วงปิดเทอมเพื่อนเดินทางของฉันจะถูกส่งมาใช้ชีวิตกับคุณปู่ที่นี่เสมอ Zorn เลยคุ้นเคยกับเมืองนี้มาก ทำให้เราสามารถไปไหนต่อไหน โดยไม่ต้องใช้แผนที่ ทำตัวให้เหมือนพวกโรมัน (In Rome, do as the Roman do) เพื่อทำให้การเที่ยวโรมของเราครั้งนี้สนุกมากขึ้น ฉันนึกอยากย่ำโรมตามรอย Angels & Demons (เทวากับซาตาน) เราเริ่มต้นจาก Piazza Del Popolo โดยเราเน้นการเดินมากกว่าการใช้รถไฟใต้ดิน เพราะ การเดินทางบนดินย่อมเห็นอะไรสวยงามกว่าเสมอ จากสวนสาธารณะ Villa Borghese จะมองเห็นวิวของโรมและวาติกันได้ เสาโอเบลิสค์เก่าแก่ต้นนี้มีอายุประมาณ 3000 ปี ต่อจากนั้นเราเดินไปตามถนน Viale Trnita dei Monti สู่จัตุรัส Piazza di Spagna ซึ่งเป็นที่ตั้งของบันไดสเปน Spanish Stairs บันไดนี้เป็นจุดนัดพบยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ที่เรียกว่าบันไดสเปน เพราะบันไดนี้มุ่งตรงไปสถานทูตสเปนนั่นเอง อารมณ์เหมือนนั่งหน้าสยามเซนเตอร์ มาถึงที่แล้ว ขอแวะเยี่ยมร้าน Babingtons English Tea Rooms ซะหน่อย ฉันรัก brunch ที่นี่มาก เพราะทำให้เราอิ่มไปเกือบถึงเย็นเลย เราเดินกันต่อไปหลังจากที่ข้ามถนน Del Corso เบื้องหน้าคือ เสามาร์คออเรลสูง 42 เมตร มีรูปสลักนูนต่ำที่เล่าเรื่องราวสงครามการต่อต้านพวกอนารยชนของจักรพรรดิ ทางขวามือคือ Palazzo Chigi บ้านพักนายกรัฐมนตรี วิหารแพนธีออน (Pantheon) หมายถึง ที่อยู่ของเทพเจ้าทั้งปวง ลักษณะวิหารเป็นรูปทรงกลม และมีจุดเด่นอยู่ที่การออกแบบโดมด้านบนของอาคาร โดยเว้นที่เป็นช่องวงกลมตรงกลางเพื่อให้แสงแดดส่องเข้ามาได้ เรียกว่า Oculus มีความหมายว่าดวงตา ซึ่งเชื่อว่าเป็นทางเชื่อมระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าบนสวรรค์ อาคารนี้มีความกว้าง 43 เมตรและสูง 43 เมตร ถูกใช้เป็นที่ฝังศพของกษัตริย์และบุคคลสำคัญของอิตาลี เช่น Emperor Victor Emmanuel II และ Emperor Umberto I แม้แต่ ศิลปินที่มีชื่อเสียง อย่าง Rafhael วิหารนี้มีอายุมากว่า 2,000 ปีแล้ว Piazza Naova เป็นที่ตั้งของน้ำพุ Fountain of the Four Rivers เป็นน้ำพุที่อยู่ใจกลางจัตุรัสนาโวนา มีเสาโอเบลิสค์อยู่ตรงกลางและมีรูปปั้นผู้ชาย(ยักษ์)ประจำอยู่ 4 ด้าน ซึ่งเป็นตัวแทนของแม่น้ำสายสำคัญ 4 สาย คือ แม่น้ำดานูบ แม่น้ำคงคา แม่น้ำไนล์ และแม่น้ำ ริโอ เดอ ลา พลาตา ผูออกแบบน้ำพุสวยๆ ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าพ่อบารอค (Baroque )อย่าง Bernini เอง ฉันชอบบรรยากาศรอบๆ จัตุรัสนี้มาก เพราะให้ความรู้สึกมีชีวิต ชีวา ขอแวะดื่มด่ำกับบรรยากาศของจัตุรัสนี้ด้วย กาแฟดีๆ Fountain of Moor เป็นน้ำพุที่อยู่ทางทิศใต้ ออกแบบโดย Bernini เราเดินไปเรื่อยๆ จะได้ยินเสียงน้ำตก นั่นก็คือ น้ำพุเทรวี่ (Fontana di Trevi) น้ำพุเทรวี่สร้างขึ้นในสมัยกษัตริย์อากริปปา ผู้สร้างวิหารแพนธีออน ในแบบฉบับสถาปัตยกรรม Baroque ส่วนกลางของน้ำพุมีรูปปั้นของเทพเจ้าเนปจูน ขี่รถม้าติดปีก อันแสดงความมีสุขภาพที่แข็งแรงและความอุดมสมบูรณ์ของอาณาจักร Monument of Victor Emanuel II อนุสาวรีย์กษัตริย์วิกเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 2 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Vittariano ตั้งอยู่ระหว่างจัตุรัสเวเนเซีย และเชิงเขา Capital Hill ตัวอาคารเป็นหินอ่อน ตรงกลางมีรูปปั้นกษัตริย์วิกเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 2 โรมัน ฟอรัม (Roman Forum) อยู่ด้านหลังของ Campidoglio Square โรมัน ฟอรัมเป็นซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้า การเมือง และศาสนาของกรุงโรมเมื่อครั้งอดีต ซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 900 ปี สถานที่แห่งนี้เสื่อมโทรมลงไปตามกาลเวลา โคลอสเซียม (Colosseum) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่ ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.72 ด้วยระยะเวลาการก่อสร้างเพียง 8 ปี กับแรงงานนักโทษชาวยิวอีก 12000 คน สถานที่แห่งนี้ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงการต่อสู้อันเลือดเย็น ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ระหว่างนักสู้กับนักสู้ หรือระหว่างนักสู้กับัตว์ที่ดุร้าย สำหรับนักสู้ที่เราคุ้นหูคงเป็น Gladiator หนังดีที่ดูทีไร ก็อดร้องไห้ไม่ได้ทุกที ประตูชัยคอนสแตนติน Bridge of Angles สะพานเทวทูต เป็นสะพานข้ามแม่น้าไทเบอร์ เราข้ามเขตวาติกัน อิตาลี มานครรัฐวาติกัน ที่ประทับขององค์พระสันตะปาปา และเมืองหลวงของศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก St. Peters Square เป็นบริเวณที่หากมีการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ ผลการตัดสินจะดูจากควันที่ลอยออกมาว่าเป็นสีขาวหรือสีดำ มหาวิหาร St. Petersberg คือ สุดยอดของสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานกลมกลืนระหว่าง เรเนซองส์ กอธิค บาโร้ค และ รอคโคโค Vatican Museum ภาพวาดฝีมือ Michelangelo บนเพดาน Sistine Chapel ตราสเตเวเร (Trastevere) ในอดีตเป็นย่านคนยิว ย่านผู้ใช้แรงงาน ในปัจจุบันเป็นย่านฮิปๆ ที่ใครๆ ต้องมา hang out ที่นี่ แสงแดดอ่อนแรงยามเย็น ตกทอดลูบไล้ทาบเงาตึก ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย นี่คงเป็นเสน่ห์ของ Italy ที่ฉันเองตกหลุมรักทุกๆครั้งที่ได้แวะเวียนมา การเที่ยวอย่างเนิบช้าหรือ Slow travel ทำให้เรามองสิ่งใกล้ตัวมากกว่าสิ่งที่ไกลเกินจำเป็น และทำให้เราได้ลองทำอะไรง่ายๆ ที่อยู่นอกแผนเที่ยวบ้าง ชีวิตที่ไม่ดูรีบร้อนจนเกินไป ซอกแซกตามตรอกซอย หาเวลานั่งตามคาเฟ่พื้นเมือง เจอผู้คนอัธยาศัยดี เที่ยวอย่างมีอิสระและเสรีภาพ ดื่มด่ำกับสิ่งต่างๆ ให้เต็มที่ |
บทความทั้งหมด
|