เขาใหญ่.........หัวใจพองโต



หลังจากที่เมื่อวันที่ 1 ไปทริปบ้านป๋าสามบั้งแล้ว พอกลับมาสู่ห้องอันโกโรโกโส ข้าพเจ้าก็เกิดอาการครั่นเนื้อ ครั่นตัว เหมือนจะเป็นบ้า ได้แต่ละเมอไปมาว่า "อยากไปเดินป่า อยากไปเดินป่า"


นี่กระมังที่เขาเรียกว่าโรคไข้ป่า.........


แย่แล้ว....ทำไงดี๊ ทำไงดี

ยิ่งทียิ่งคิดมาก ยิ่งมีอาการเป็นตุ่มคันตามง่ามนิ้ว หว่างขา ในร่มผ้า.....

นี่หรือคืออาการของโรคนี้

จะทำไงดีวะเนี่ย ตอนแรกในใจคิดว่าจะไปหาหมอพรทิพย์ ให้ท่านลองชันสูตรซิว่าเราเป็นอะไร แต่บอกตรงๆ ไม่กล้า เลยว่าจะไปหาหมอที่ยันฮี ....แต่ก็กลัวว่าอาการจะไม่หาย แต่ได้นมมาแทน

เลยไม่รู้จะทำยังไงดี ก็ได้แต่เพ้อไปวันๆ ว่า....."อยากเดินป่า อยากเดินป่า"

และแล้วเหมือนมีแสงสว่างส่องเข้ามาในจิตใจอันมืดตึ๊ดตื๋อ

ในเมื่ออยากไปนัก ก็ไปมันเลยยยยยยย......55555 ป่าจ๋า รอพี่เดี๋ยวนะ พี่กำลังจะไปหา



ฟุ่บ ฟุบ ฟุ๊บ ฟุบ จัดของใส่เป้ เตรียมเต้นท์ เสร็จภายใน 5 นาที โทรบอกไอ้เป้ เพื่อนผู้มีโรคเดียวกัน

แล้ววันที่ 9 เราก็ออกเดินทางสู่ "อุทยานแห่งชาติ เขาใหญ่" โดยมี พี่บ่าววิม (เป็นเจ้าของบริษัทที่ผมทำงานอยู่) เป็นโชว์เฟอร์ น้องมะปราง ลูกสาวพี่บ่าววิม และน้องนาง พี่เลี้ยงน้องมะปราง

เราทั้ง 6 ชีวิต มุ่งหน้าสู่ถนนอันเป็นหนทางสู่จุดหมาย.....

เราออกจากจุดเริ่มต้นราวๆ บ่ายสองโมง แวะทานข้าวกัน 1 ครั้ง แวะซื้อขนมอีก 1 ครั้ง ถึงเขาใหญ่ราวๆ 5 โมงเย็น



ก่อนเข้าไปก็ต้องจ่ายก่อน .....ดูเอาเองนะจ๊ะ





เข้ามาแล้ววววววว

ดูวิวระหว่างทางกันก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวถึงแล้ว หุหุ



นี่ไอ้เป้ นั่งเฝ้าของอยู่หลังรถ กลัวลิงมาขโมย อิอิ



ขึ้นๆ ลงๆ ไปหลายตลบ ใครรู้ตัวว่าเมารถ ยาดม ห้ามพลาดนะครับ ถ้าไม่มี แนะนำให้หมอบแล้วหลับไปเลย จะดีกว่า



ถึงแล้วววววว "ผากล้วยไม้" สถานที่กางเต้น นอนป่าของพวกเรา 5555



ในตอนแรกเราแวะดูที่ลำตะคองก่อนนะครับ แต่คนเยอะมากมาย(ในป่าแบบนี้ คนเยอะ ถือว่าแปลกนะครับ ถ้าลิงเยอะซิ ถึงจะไม่แปลก ว่ามะ...)

เราเลยย้ายก้นอุ่นๆ เกร็งๆ ของพวกเรามาที่ผากล้วยไม้แทน แถมที่ลำตะคองนั้นยังโล่งแจ้งมากมาย แบบว่าไม่ได้ใจข้าพเจ้า แต่มีข้อดีคือมีพื้นที่กางเต้นท์ใกล้แหล่งน้ำครับ และก็โดนจับจองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย...

รูปนี้เป็นฝั่งที่เราจอดรถในเขตผากล้วยไม้ครับ โล่งแจ้งอีกและ ไม่ชอบๆ เราเลยย้ายไปอีกฟากของถนน ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่หนาแน่นพอสมควร



อะ นี่แหละ ทำเลทอง




ได้ทำเลดีแล้วจะช้าอยู่ใย กางเต้นท์ซะ

สังเกตุได้ว่าเต้นท์ฝั่งซ้ายนั้นเป็นเต้นท์โยนนะจ๊ะ ของข้าพเจ้าเอง สำหรับนอน 2 คน ส่วนทางขวา เต้นท์ของเป้ เป็นเต้นท์แบบมีสมอลบก 2 คนเช่นกัน

ส่วนฟรายชีส ของพี่บ่าววิมครับ ยืมมา ขนาดราวๆ 6X3เมตร ใหญ่ดีจริงๆ



-----------------------------------------------------------------------------------

หลังจากกางเต้นท์เสร็จ เราก็เตรียมทำอาหารเล็กๆน้อยๆกินกัน วันนั้นจำได้ว่าเราเข้านอนประมาณ 4 ทุ่มครับ เงียบสงบดีแท้

เสียอยู่อย่างเดียว เสียงกรนของพี่บ่าววิมครับ สนั่นป่า.....





Noteไว้ในใจ : ในคืนที่นอนเต้นท์นั้น ช่วงตี 5.15 นาที แฟนผมเขาปลุกผมชวนไปเป็นเพื่อน เพื่อเข้าห้องน้ำ อากาศหนาวเย็นมาก ควันออกปากเลยนะครับ

ขากลับเราเดินอีกทางหนึ่ง เพราะว่าทางที่มานั้นเป็นหญ้าแห้งเสียเยอะ บอกตรงๆ ครับ ผมกลัวงู ทั้งงูที่อาศัยอยู่บนพื้น และพวกกลุ่มงูเขียว ที่มักจะอยู่บนต้นไม้

เราเลยเดินมาทางถนนแล้วเลี้ยงขวาเข้าที่กางเต้น

ขณะที่เลี้ยงนั้นหางตาผมเห็น ขา.... ขาคนครับ เลยบอกให้แฟนหยุด

"เฮ้ย ใครยืนอยู่ตรงนั้นวะ ......" สาบานเลนว่าผมเห็นเป็นขาผู้หญิง แบบใส่กางเกงขาสั้น

ผมหยิบไฟฉายส่องไปทางขา แล้วผมก็พบว่า ขานั่นมันไม่ใช่ขาคนครับ....

แสงไฟของไฟฉายส่องให้เห็น ตูด ครับ ไม่ผิด ผมและแฟนตกใจมากๆ

เกิดมาไม่เคยเห็นตูดใหญ่ขนาดนี้มาก่อน เจ้าของตูดนั้นหาใช้คนไม่

แต่เป็นกวางขนาดเท่าวัวตัวใหญ่ๆ ตัวนึงกำลังคุ้ยหาอาหารกินอยู่

พอแสงไฟสาดไปที่ตูดกวางแล้ว เจ้ากวางตัวใหญ่ตัวนั้นก็หันกลับมามอง

ผมและแฟนเดินถอยฉากกลับเต้นท์อย่างรวดเร็ว

"กวาง ..... กวางเชี่ยไรวะ ใหญ่ขนาดนั้น นั่นมันวัวแล้ว ...."

เราสองคนนอนไม่หลับเลยครับ พอเช้าค่อยมาเล่าให้เพื่อนร่วมทางฟัง

นับว่าเป็นครั้งแรกที่เห็นตูดกวางในระยะประมาณ 1 เมตร (ขอบอก หน้าอกผมอยู่ราวๆ ตูดกวางพอดี คิดเอาว่ากวางตัวนั้นใหญ่ขนาดไหน....)

ผมจะไม่ลืมเลยครับ ...... ตูด...ตูดนั้นจะอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป




ตอนเช้าตรู่แสงแดดอ่อนๆ ทอแสงสีส้มบางๆ สาดส่องผ่านพุ่มไม้ใหญ่น้อยในบริเวณที่ผมพักอยู่ ผมเริ่มต้นวันนี้ด้วยการดื่มชา ไม่ใส่น้ำตาล รสชาติก็แปลกไปอีกแบบดี

เมื่อได้เวลายืดเส้นยืดสาย ผมเดินดุ่ยๆ คนเดียว ข้ามฟากถนนไปสู่เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทางราวๆ 4 กิโลเมตร



เสียงชะนีดังทั่วผืนป่าร่ำร้องต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วไปในแถบนั้น ผมหยุดเพื่อมองหาเจ้าของเสียงอยู่นาน แต่ก็ไร้ตัวตน เห็นเพียงพุ่มไม้โยกไปมา ซึ่งคาดว่าเจ้าของเสียงคงแอบเร้นแฝงกายอยู่ในนั้นเป็นแน่

หลายคนพยายามมองหาอยู่นาน บ้างถึงขนาดเดินฝ่าป่าเข้าไปเพื่อมองหา

ส่วนตัวผมเองนั้นแค่ได้ยินเสียงและจินตนาการภาพจะดีกว่า อย่าลืมนะครับว่าเราท่านนั้นมาในที่ของเขา หาใช่ที่เราไม่ จึงควรเคารพสัตว์ป่าทั้งน้อยใหญ่ในเขตอุทยานนี้ด้วย



หลังจากที่ตกอยู่ในห้วงภวังค์เสียงร้องของชะนีอยู่นานนม ผมก็มุ่งหน้าต่อไปสู่เส้นทางศึกษาธรรมชาติ โดยที่ผมตั้งใจคือ ขอแค่ได้ดูนู่น ดูนี่สักพักก็จะเดินกลับ ไม่ต้องการให้ไปถึงสุดทาง เพราะว่าไม่ได้บอกใครไว้ว่าไปไหน



เส้นทางส่วนใหญ่นั้นไม่จำเป็นต้องให้นักท่องเที่ยวบุกเบิกแต่อย่างใด ทางอุทยานได้จัดสรรทางเดินให้อย่างดี และที่สำคัญคือไม่เป็นการทำลายสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติแต่อย่างใด สิ่งนี้ผมขอชมเชยมากๆครับ




เมื่อเดินผ่านทางไม้ที่ผ่านผ่านทางน้ำเล็กๆไปนั้น

สิ่งที่ผมพบเจอคือพรรณไม้นาๆ ชนิด ส่วนใหญ่แล้วจะไม่รู้จักซักชนิด แต่ก็อดไม่ไดที่จะถ่ายภาพส่วนหนึ่งๆ ของต้นไม้เหล่านั้นมาให้ชมกันครับ

เรามาลองดูลองชมกันเลยนะครับ สวยบ้าง แปลกบ้าง ผู้ถ่ายพยายามจะสรรหามาให้ชมกันครับ










เดินไปได้สักหน่อย ผมได้ยินเสียชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า "เร็ว ตามเข้ามาซิ"

ผมหันกลับไปมองต้นเสียงนั้นพบชายวัยซัก 28-32 ปี เดินนำหน้าหญิงสาวซึ่งอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน ผมแอบยิ้มในใจว่า ผู้ชายคนนี้น่ารักดีนะครับ ชวนแฟนเดินชมธรรมชาติแต่เช้าเชียว

" ไหน ดูอะไร ไม่เห็นมีอะไรให้ดูเลย "

เสียงหญิงสาวเอ่ยขึ้น ผมหยุดชะงัก รอให้เธอผ่านไปก่อน พร้อมแอบชำเรืองมองหน้าเธอ

"แม่ง ไม่มีห่าอะไรให้ดูได้ยังไงวะ ต้นไม้ แมลง สวยๆ มีอยู่ตลอดทางที่เอ็งเดินมานั่นแหละโว้ย " ผมด่าในใจอย่างดัง นึกขึ้นมาทีไรก็รู้สึกหัวเสียทุกที

คนแบบนี้แหละครับ ที่จะพลาดอะไรดีๆ ในชีวิต หากไม่เลิกคิดแต่มุมมองของตัวเอง







ในการเดินแบบของผมนั้น ผมจะเคลื่อนตัวได้ช้ามากๆ โดยผมจะพยายามมองทุกๆอย่างรอบตัวให้รอบเสียก่อน

ก่อนที่จะมองแบบเฉพาะเจาะจง บางครั้งก็มองดิน มองหญ้าไปเรื่อย เพราะหลายครั้งที่ผมมองแบบนี้ ผมมักจะเจออะไรดีๆเสมอเลยนะครับ



ต้นนี้ขึ้นปกคลุมเต็มพื้นที่ฝั่งซ้ายมือเลยนะครับ ผมชอบใบของเขาครับ สวยดี



ดอกอะไรก็ไม่รู้ (ไม่รู้มันแทบจะทุกอย่างเลยทีเดียว 5555 )



นี่เป็นดอกที่ผมชอบที่สุดในการมาเขาใหญ่แล้วครับ เหมือนลายไทยเลยนะครับ



แมลงมุมก็เยอะนะครับ ต่างชนิดกัน ลายที่ชักใยก็จะต่างกัน ผมถ่ายได้เพียงบางลายเองครับ เพราะบางที แสงก็ไม่มีให้ถ่ายเลย









ต้นไม้สวยๆครับ สวยที่รูปทรงนะครับ



มีแอบพรอดรักกันในป่าด้วย (โถ่....ยังพยายามเห็นเนอะ)



ต้นไม้อันตรายครับ ระวังไว้ให้จงหนัก เพราะมันคือ หมามุ่ย นั่นเอง



นี่ก็สวยและน่าดูชมครับ (ไม่รู้ยัยผู้หญิงคนนั้นบอกมาได้ยังไงว่า ไม่เห็นจะมีอะไรให้ดู แหกตาดูน่อยซิแม่คู้น....)





แมลงวันสีสวย....


เจ้ายุงตัวร้าย....




ใบไม้เก๋ๆ




ผมใช้เวลาเดินเล่นในนี้นานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อเห็นว่าแดดเริ่มแรงขึ้น ผมเลยเดินกลับ

ขากลับเร็วมาก มารู้ตัวอีกทีก็คือ ผมเพิ่งเดินได้ ราวๆ 4 โค้งเองครับ ยังไม่ถึงกิโลเลยด้วยซ้ำ.....

ขากลับเห็นนักท่องเที่ยวเริ่มกลับกันบ้างแล้ว คิดว่าคงกลัวรถติดกัน แต่สำหรับผมเองนั้น วันนี้ยังอีกยาวไกลครับ 55 55



ขากลับมาแฟนผมบอกว่า เมื่อกี๊มีลิงเดินผ่านเต้นท์ด้วย เสียดายมากๆครับ ที่ผมไม่อยู่ ไว้โอกาศหน้าแล้วกัน

เมื่อรู้ตัวว่าชวดรูปลิงป่าแล้ว ผมเลยมาถ่ายรูปลิงเมืองแทนครับ เอ้า มะปรางจ๋า โชว์หน่อยจ้า.....







เล่นจนผู้ใหญ่เซ็ง....



หลังจากถ่ายลิงน้อยจนพอใจแล้ว ก็ถึงตาลิงใหญ่ทั้งหลายบ้างนะครับ แหะๆ



นี่บ่าววิมครับ พี่ชายบ่าววี เหอๆๆๆ



ถ่ายๆ อยู่ก็เจอเจ้านี่เกาะกล้องอยู่ครับ (อีกนิดเดียวก็มือผมแล้ว ยึ๋ย)



แถมด้วยเจ้านี่อีกครับ เมื่อคืนแฟนผมเพิ่งโดนมาเอง คันยุ่บยั่บ เลยทีเดียว





-----------------------------------------------------------------------------------

หลังจากที่ถ่ายรูปชาวบ้านเขาจนหนำจิต หนำใจแล้ว ผมก็อัปเปหิย้ายมาแถวๆถนนบ้าง เผื่อจะเจออะไรน่าสนใจครับ





แล้วก็เจอกันอีกจนได้นะครับ ดอกไม้ที่สวยที่สุด





ถ่ายถนนบ้าง ลองๆ หามุมที่น่าจะเข้าท่าดูนะครับ



เดินดุ่มๆ ไปก็เจอกับเจ้ากิ้งก่าแก้ว เลยดกมาซะ 2 รูป 55 55





ต้นไม้ใบหญ้าแถวนี้ก็สวยใช่เล่นนะครับ ดูอย่างต้นนี้ศซิครับ สวยแปลกดีแท้ ใบที่อยู่ด้านล่างของดอกเป็นสีขาวๆ แต่ถัดลงไปหน่อยดันเป็นสีเขียว สวยๆ ชอบๆ



ตรงนี้น่าลงไปเดินเล่นมากๆครับ แต่กลัวงูกัดตายซะก่อน เลยไม่เอาดีกว่า



ผมเดินจนเหนื่อย ทั้งร้อนนิดๆ และหิวน้ำแล้ว เลยเดินกลับไปที่เต้นท์หาน้ำหาท่ากินไปตามเรื่อง และแล้วก็ได้ไปเจอเจ้า กิ้งก่าบิน (Drago sp.) เท่มากมายเลยทีเดียวครับ

ดูเป็นสไลด์แบบนี้แล้วกันนะครับ นึกซะว่า พักนิ้วมือ



แมลงมุมในซอกไม้ก็มีนะ



น้อง มะปราง ก็ยังไม่หมดพลังไปง่ายๆ ดูเอาเองแล้วกันครับ



พี่บ่าววิมบ้าง ต้องถ่ายซะหน่อย เจ้าของบริษัทครับ นานๆที จะได้เลียซะที กะว่าจะเอาให้ขี้กากขึ้นหลังเลยทีเดียว



คุณแฟนผมครับ (คิดว่าสวยแล้วมั้ง ท่าเนี๊ย)



น้องนางครับ ถ้าไม่มีน้องนาง พวกผมอาจเหนื่อยตายก็ได้ครับ เพราะต้องเล่นกันน้องมะปราง ไฟแรงโคดๆ



-----------------------------------------------------------------------------------

ราวๆ 11 โมง เราก็เก็บข้าวของทุกอย่างออกจากสถานที่กางเต้นท์ แม้แต่ขยะซักชิ้นก็ไม่ให้เหลือ ไม่นับขยะของคนก่อนหน้าเราด้วยนะครับ

จุดมุ่งหมายต่อไปของพวกเราคือ "น้ำตกผากล้วยไม้"

ไม่รอช้าเราไปกันต่อเลยเนอะ



มาถึงเราก็มุ่งตรงสู่ร้านสวัสดิการของทางอุทยานกันเล้ย





ในนี้มีของให้เลือกซื้อมากมายเลยทีเดียวเชียวนะครับ อาจจะแพงกว่านิดหน่อย แต่ยังไงก็อุดหนุนไปเถอะครับ ดีกว่าไปนั่งคอกเทลเลาท์ ป้อสาวตั้งเยอะ





แฟนผมได้หมวกไปเลยครับ 1 ใบ ในราคา 100 บาท....(ที่สวนขาย 150 บาทนะครับ)



ดู ดูท่ามัน สตอร์อรี่เพื่อชีวิต



หลังจากได้ของกันคนละนิดคนละหน่อย ผมก็ย้ายตัวเองมาสันโดดอีกครั้ง โดยการลงไปเดินตรงลำธารสายเล็กๆ หลังร้านสวัสดิการ

แล้วก็เจอสิ่งสวยงามมากมายเลยนะครับ เอ้า ไปดูกันว่า ผมเจออะไรมาบ้างหน๋อ...











ดูสวยๆ มาเยอะและ ดูแปลกๆ มั่ง
ลูกอ๊อดของกบอะไรก็ไม่รู้ครับ มีอยู่ตรึมตามแอ่งต่างๆ



ต้นไม้มั่ง







รูปนี้เอามาฝากปาล์มครับ เอ็งเอ๋ย โดยดอกนี้ไป มีหวังทะลุยันอก เหอๆๆ



มอสที่ขึ้นปกคลุมอยู่ตามโคนต้นไม้ครับ



มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติด้วยนะครับ แต่สุดทางกลับไปที่ที่ผมมาครับ



ต้นนี้ผมชอบเหมือนกันครับ แม้สีไม่เข้มแต่ก็สวยแบบหวานๆนะครับ



เดินข้ามมาอีกฟากหนึ่งจะพบน้ำตก เหวสุวัต ครับ



สูงมากมายจริงๆครับ ขนาดคนถ่าย ยังขาสั่นเลยนะครับ (ปอดแหก....)



หันมาอีกที เพิ่งเห็นป้าย....เวงกำ


ระหว่างทางเดินกลับขึ้นไปหาอะไรกิน ก็พบกับเจ้าพวกนี้ครับ


ฝูงบิน 51 เตรียมขึ้นบิน!!!


ติ๊ต่างว่ากินข้าวกันเสร็จแล้ว ผมก็เลยเข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย เลยได้ภาพแบบนี้มาอีกครับ



ขอบคุณนะจ๊ะ คุณรถ ที่พาเรามาที่นี่อย่างปลอดภัย



แล้วเราก็ไปกันต่ออีกแล้วครับ
ไปคราวนี้เป็นที่แวะที่สุดท้ายพอดี ......

ส่องมันไปเรื่อย




แล้วก็เจอเจ้านี่ครับ



ง่า.......ไปซะแล้ว


และแล้วเราก็มุ่งหน้ามาสู่ "เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติลำตะคอง-กองแก้ว"

วู้ ๆ ๆ เดินป่า เดินป่า เดินป่า 55 55





นี่เป็นทางเดินเข้าครับ เป็นสะพานไม้พอให้ แอนดรินารีน สูบฉีดนิดหน่อย(ไม่หน่อยมั้งไอ้บอย ....เห็นขาสั่น พับๆๆๆ )



เริ่มด้วยต้นอะไรก็ไม่รู้ครับ แบบว่า มีมากมายหลายต้นทีเดียว ขึ้นกันให้พรึ่บ...



เส้นทางเดินในนี้ตลอดทางจะเป็นทางปูนนะครับ มีทางแยกที่เป็นทางดินให้(แอบ) เดินอยู่บ้าง แต่ยังไง ถ้าจะให้ปลอดภัยก็เดินตามทางที่ทางอุทยานท่านได้จัดเตรียมไว้จะดีกว่านะครับ

ดูซิ เข้ามาก็เจอนี่เลย รังเบ่อเร่อ....



ไม่ได้มีรังเดียวนะครับ มีตลอดทางเลย บางรังก็ร้างไปแล้ว บางรังก็ยังเห็นตัวแวบๆ

ตัวนี้น่าจะเป็นหนอนแก้วน้อยกระมังครับ ถ่ายยากมากมาย เนื่องจากแสงไม่พอและตัวหนอนก็เล็กซะ...เลยยิงแฟรชเลย



เห็ดครับ ใหญ่พอสมควร



อันนี้เป็นนกที่พบแถวๆ น้ำตก วิบโฉบลงมาแป๊บเดียว แล้วก็บินหายไป ฟลุ๊คจริงๆ ที่ถ่ายด้านหลังทัน



นี่เป็นรา สีส้ม เห็นว่าสวยดี เลยกดมาอีก 1 รูป ราพวกนี้ขึ้นอยู่ตามก้อนหินแถวๆ น้ำตกนะครับ



ขี้ช้างระหว่างทางครับ ตอนก่อนจะกลับกัน แฟนผมเขานั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม อยู่คนเดียว

ในขณะที่คุณเธอกำลังถ่ายรูปเล่นอยู่ก็ได้ยินเสียงช้างดังมาจากข้างหลัง....

เท่านั้นแหละครับ กลับเลย 55 กลัวครับ เป็นผม ผมก็กลัวครับ ถีบทีนี่คอหักตายเลยนะครับ ฉนั้นปลอดภัยไว้ก่อน...



นี่ฝั่งด้านทางขึ้นที่ทำการอุทยานครับ เดินไปแป๊บเดียวก็ถึง



ขึ้นมาก็จะเจอศาลานั่งพัก พอลงเนินข้างหน้าไปเลี้ยงขวาก็ถึงที่ทำการแล้วครับ



นี่เป็นมอสที่ขึ้นตรงเสาทางข้ามลำธารครับ หนาดีจัง



ต้นไม้ข้างๆที่ทำการครับ สูงใหญ่ดีจัง นี่ถ้าพวกนายทุนมาเห็นนี่ น้ำลายหกแน่นอนครับ



ก่อนกลับเราก็ถ่ายรูปหมู่กันซะหน่อย




-----------------------------------------------------------------------------------








เย็นวันนั้น อากาศเริ่มหนาว เขาใหญ่กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ผมนั่งมองวิวขณะที่รถกำลังแล่นลงเขาไปเรื่อยๆ สายตาคอยมองผ่านสุมทุบพุ่มไม้ โดยหวังว่าอาจจะเจอสัตว์บ้างสักตัว

แม้จะไม่ได้เห็นสัตว์มากมายนัก แต่ผมเองก็อดยิ้มไม่ได้กับการเดินทางครั้งนี้

วันนี้เขาใหญ่ยังใหญ่ในใจผมเสมอครับ และเขาใหญ่ก็ทำให้หัวใจของผมพองโตขึ้นอย่างมาก

ใครมาถามว่า ไปเขาใหญ่ได้อะไรมาบ้าง....ผมจะยิ้มแล้วบอกว่า ผมได้หัวใจดวงโตกลับมาครับ


สวัสดี....






Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2551 13:02:00 น.
Counter : 2033 Pageviews.

12 comments
  
โห....กว่าผมจะทำกระทู้เสร็จ มีคนดูเยอะขนาดนี้เลยหรอครับเนี่ย....

ใครที่ดูแล้ว อย่าลืมกลับมาคอมเม้นท์หน่อยนะจ๊ะ อ่านคนเดียวมันเหงา งึ๊ งึ๊
โดย: ปลาระเบิด (ลายเส้นหลังเขา ) วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:34:47 น.
  
เอิ้ววววว เดินสายเที่ยวใหญ่เลยว้อยยยพี่ผม
โดย: เตงคุง... IP: 124.121.181.115 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:51:23 น.
  
ถ่ายภาพสวยมากเลย พูดถึงเที่ยวป่าไม่ได้ไปนานแล้วเหมือนกัน ไว้มีโอกาสไปมั่งดีกว่า
โดย: อีกาตัวดำๆ IP: 118.175.64.88 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:31:07 น.
  
กระตุ้นต่อม เที่ยวป่า ของผมได้เหมือนกันครับ...
ห่างไปนานเลยทีเดียว...

กิ้งก่าบิน เจอยังงัยครับ...จับมันทันด้วยเหรอ...
เพราะพวกนี้ อย่างไวเลย...ไม่น่าจับได้...
โดย: genus IP: 203.151.40.13 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:41:28 น.
  
ตอบเฮีย genus คือกิ้งก่าบินนี่ เขาบินมาแปะตรงเต้นท์เองครับ

ส่วนวิธีการจับนี่ ผมขับเบาๆ อะครับ ค่อยๆให้เขาชินกับมือเรา เดี๋ยวก็ไม่หนีแล้วครับผม
โดย: ปลาระเบิด (ลายเส้นหลังเขา ) วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:52:25 น.
  
รู้ละปีนี้จะไปไหนดี สวยดีครับ ไปมากี่วันครับ
โดย: ของเล่นหมู IP: 58.9.15.29 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:09:28 น.
  
สวัสดีครับ พี่หมู

ผมไปแค่ 2 วัน 1 คืนเองครับ จริงๆ อยากจะค้างต่ออีกซักคืนแต่เกรงใจพี่ที่บริษัท ประเดี๋ยวงานไม่เดิน

ไว้ทริปหน้า ที่ตั้งใจไว้ จะโหดกว่านี้ครับ และว่าจะค้างซัก 2 คืนครับผม
โดย: ปลาระเบิด (ลายเส้นหลังเขา ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:42:58 น.
  
ขอบคุณครับ
โดย: ของเล่นหมู IP: 58.9.13.33 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:39:42 น.
  
สวยมากครับเขาใหญ่

จากที่ดูไปทางนครนายกเหรอครับ

บ้านผมอยู่ทางขึ้นอีกฝั่ง ฝั่งปากช่องอ่ะครับ มีเปิดร้านส้มตำกะก๋วยเตี๋ยว อยู่แถวๆนั้น มีโอกาสแวะไปนะครับ

ไปบ่อยเหมือนกานครับ แต่ตรงจุดชมวิวนี่พวกมือบอนเยอะมากครับ ทิ้งขยะเต็มไปหมด
โดย: SynkOnize IP: 58.10.93.114 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:3:15:19 น.
  
อะ......

ได้คนพาเที่ยวอีกแล้วครับ อิอิ

เปิดร้านอยู่ทางปากช่อง....ไว้โอกาศหน้าคงต้องแวะหน่อยแล้วนะครับ

ว่าแต่ จะกลับบ้านเมื่อไหร่ครับ แบบว่า เซี่ยนเข้าป่าอีกแล้วครับ

เซี่ยน มากมายเลย ถ้าจะกลับยังไง พวกผม 3 คน ขอไปด้วยนะ ขอแค่พาไปพอ เอาไปปล่อยทีร่ไหนก็ได้ เดี๋ยวหาทางกลับเอง 55 55

ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะครับ
ปล. อยากตัดมือไอ้พวกทิ้งขยะมากๆ ครับ จะสับให้ไม่มีมือมาเกาตูดเล้ย....src=https://www.bloggang.com/emo/emo22.gif>
โดย: ปลาระเบิด (ลายเส้นหลังเขา ) วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:23:32 น.
  
ถ่ายภาพสวยดีนิ
โดย: เจ้าอ้อ วันที่: 5 มีนาคม 2551 เวลา:17:59:02 น.
  
ถ่ายภาพได้เจ๋งจริงๆ แต่เน้นรายระเอียดเฉพาะเยอะปายหน่อย น่าจะถ่ายวิวมาด้วย
โดย: Advanture IP: 115.87.98.66 วันที่: 25 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:31:03 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Plaraberd.BlogGang.com

ลายเส้นหลังเขา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]