มธุรดา yuri บทที่ ๔/๑

บทที่ ๔

รัญชน์เริ่มต้นการค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับบ้านทรงแปลกตาที่เธอต้องออกแบบตกแต่ง เท่าที่ได้รับรู้ข้อมูลคร่าวๆจากพัณณิน ทำให้เธอหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศเวียงโมระ ประเทศเล็กๆทางตอนเหนือของไทย ที่ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของประเทศมหาอำนาจใดๆ ในโลกมาก่อน

ประเทศนี้เป็นประเทศที่มีทัศนียภาพอันสวยงามเท่าที่เธอได้รับรู้จากรูปถ่ายของนักท่องเที่ยวที่ได้ไปเที่ยวในดินแดนของเวียงโมระ

รูปบ้านไม้ทรงแปลกตา ที่เธอได้พบในข้อมูลที่ค้นหากลายเป็นบ้านปกติทั่วไปของคนโมระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุ้มเจ้าหลวงที่เธอเห็นภาพตรงหน้า คล้ายกับบ้านไม้ริมน้ำหลังนั้นอยู่มาก

หน้าจั่วหลังคาบ้านและหำยนต์หน้าห้องใหญ่ที่เธอกับพัณณินเข้าไปสำรวจล้วนแล้วแต่เป็นรูปนกยูงรำแพนหาง ลายเดียวกับคุ้มเจ้าหลวงที่เธอเห็น

สัญลักษณ์ของประเทศโมระคือนกยูงรำแพนหาง เป็นตราประจำพระองค์ของเจ้าหลวงแห่งโมระอีกด้วย

รัญชน์นั่งมองรูปหำยนต์ในมือของเธอแผ่นไม้สี่เหลี่ยมเหนือประตูด้านหน้าห้อง ลวดลายที่แกะสลักเอาไว้ช่างงดงามอ่อนช้อยยิ่งนัก นกยูงตัวนั้นราวกับมีชีวิต

เธอสังเกตสิ่งที่ส่องประกายวาววับที่ดวงตาของนกยูงตัวนั้น อาจจะเป็นกระจกสีประดับหรืออาจเป็นอัญมณีชนิดใดชนิดหนึ่ง

ถ้าต้องแกะแผ่นไม้นั้นออกมาทำใหม่คงต้องให้ช่างระวังและต้องคอยควบคุม ไม่ให้ใครมือบอน แกะ แงะ งัดเอาสิ่งที่ติดอยู่บนตัวนกยูงออกไป

จากที่เธอเคยศึกษามาบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้

คนโบราณมักจะติดไอ้เจ้าหำยนต์แผ่นไม้ชื่อแปลกๆ เอาไว้เหนือประตู

ห้องนอนของเจ้าของบ้านเพื่อให้ปกปักษ์รักษาคนที่อยู่ในห้อง คล้ายๆ กับเป็นยันต์คอยปกป้องคุ้มครองคนที่อยู่ในห้องให้ได้รับแต่สิ่งที่ดีงาม

แต่บางกระแสบอกว่า ทั้งหำยนต์และกาแลเป็นสิ่งที่ชาวพม่าทำคุณไสยกับคนลานนา เพื่อให้อยู่ในอาณัติของคนพม่าตั้งแต่ครั้งที่ยังตกเป็นเมืองขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน

“เฮ้ย...ไอ้รัน ทำอะไรอยู่”อยู่ๆ เสียงของพัณณินดังขึ้น ทำเอาสมาธิของรัญชน์แตกกระเจิง

“ไอ้บ้า มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ตกใจหมด”

“ใครไม่ให้เสียง แกรู้ไหม ฉันเรียกแกตั้งหลายครั้งจนต้องเดินมาใกล้ๆ แล้วเรียกแกอีกนี่แหละ แกถึงได้ยินเสียงฉัน” พัณณินบ่นไปตามเรื่อง

“อ้าว...เหรอ โทษที มัวเพลินกับการหาข้อมูล”

“ข้อมูลอะไรของแก”พัณณินชะโงกหน้ามาดูสิ่งที่อยู่ในมือของรัญชน์

“อ๋อ...ไอ้นี่เหรอ”

“แกว่าคุ้มเจ้าหลวงสวยไหม”

“ต้องสวยสิแก ไม้สักทองทั้งหลัง ไม่สวยได้ไง”

“ไม่ใช่... ฉันไม่ได้หมายถึงวัสดุแต่หมายถึงรูปทรงของตัวบ้านต่างหาก”

“ถือว่าโอนะ เหมาะเป็นบ้านของเจ้าผู้ครองประเทศ สวยสง่า ร่มรื่น น่าเกรงขาม”

“จะเอาอะไรเอาสักอย่างสิแก สวยก็ว่าสวยบ้านอะไรจะน่าเกรงขาม ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย”

“แกเคยเข้าพระบรมหาราชวังใช่ปะล่ะแกรู้สึกว่าพระบรมหาราชวัง น่าเกรงขามหรือเปล่า สำหรับฉันนะ สถานที่แห่งนั้นทั้งน่าเกรงขาม ทั้งน่าเคารพ น่าอนุรักษ์ เพราะเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ไงแก”

“อ๋อ...เข้าใจแล้ว แกจะหมายถึงอะไร”

“ไอ้นี่มันอะไร”พัณณินหยิบรูปนกยูงไม้แกะสลักในมือของรัญชน์ขึ้นมาดู

“เข้าใจว่าน่าจะเป็นหำยนต์” รัญชน์พยายามอธิบายให้เพื่อนรับรู้

“อือๆ เล่นไสยศาสตร์กันเชียว ใช่เล่นนะเจ้าของบ้านหลังนี้”

“ฉันว่าน่าจะเป็นไปตามวัฒนธรรมมากกว่าไม่น่าจะใช่เรื่องไสยศาสตร์อย่างที่แกว่าหรอกนะ”

“ทำไมล่ะ”

“นี่ไง” รัญชน์เอียงหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอให้กับเพื่อนเพื่อให้ดูได้ชัดๆ ถนัดตา เธอเปิดรูปบ้านในแบบต่างๆ ของคนโมระให้กับพัณณินได้ดู

“เออ...เนอะ มันมีทุกบ้านจริงๆ ราวกับว่าทุกคนในโมระชอบไอ้เจ้ารูปแกะสลักนกยูงรำแพนหางนี่เหลือเกิน”

“นั่นสิ หรืออาจเป็นสิ่งที่คนโมระเคารพมากที่สุดก็ได้”

“ฉันว่าน้า...”พัณณินลากเสียงยาว

“คนโมระคงเลี้ยงนกยูงเป็นสัตว์เศรษฐกิจแล้วก็ตัดหางนกยูงเป็นสินค้าส่งออก อะไรทำนองนั้นมากกว่าใครจะมาเคารพบูชานกยูงเป็นเทพ เป็นไปไม่ได้หรอกน่าไอ้รัน”

“ว่าได้รึ บางที่ยังนับถือแมว หมา กา ไก่ เยอะแยะไปหมด”

“เออ...เนอะ โอ๊ย... พูดกับแกแล้วปวดหัวไปหาอะไรกินกันดีกว่า เที่ยงกว่าแล้ว ฉันหิวตั้งแต่สิบโมง”ว่าจบพัณณินฉุดแขนของรัญชน์ให้ลุกจากเก้าอี้ ให้เดินตามเธอออกไปจากบริษัทเพื่อเตรียมตัวไปหาอะไรอร่อยๆ กระแทกปากให้หายหิว

สภาพการจราจรที่ติดๆ ขัดๆ ทำเอาพัณณินหิวจนตาลายแต่ต้องอดทน เธอจองโต๊ะเอาไว้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง จะยกเลิกก็เสียดายเงินมัดจำจึงต้องจำทนหิวเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย

เมื่อไปถึงรัญชน์ส่งพัณณินไว้ที่หน้าตึก เธอขับรถขึ้นไปจอดเพื่อให้พัณณินไปสั่งอาหารเตรียมรอเธอไว้ก่อน ต่างคนต่างหิวด้วยกันทั้งคู่

รัญชน์เดินมาถึงร้านที่พัณณินบอกเอาไว้เมื่อมองเข้าไปเห็นพัณณินกำลังตักอาหารในจานเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย

“ไม่รอกันเลยนะแกไอ้แต้ว”รัญชน์ต่อว่าพัณณินทีเล่นทีจริง

พัณณินไม่ตอบอะไร ตั้งหน้าตั้งตาโซ้ยอาหารตรงหน้าด้วยความหิวรัญชน์จึงไม่รอช้า หากช้ากว่านี้ พัณณินคงจัดการอาหารหมดก่อนที่เธอจะลงมือ

แต่แล้วพัณณินก็รีบวางช้อนลง

“เฮ้ย... เจ้านางคนนั้นไงไอ้รัน นั่นๆ เดินอยู่ตรงโน้น” พัณณินรีบชี้ให้รัญชน์ดู แต่รัญชน์กำลังง่วนอยู่กับอาหารตรงหน้าจึงไม่ทันได้หันไปมองในสิ่งที่พัณณินชักชวนเธอ

“เร็วๆ เดี๋ยวเดินหายไปนะแก”พัณณินรีบลุกขึ้นจากโต๊ะ ฉุดรัญชน์ให้ลุกตามเธอ

“ไอ้บ้า...คนกำลังหิว นั่งลงเลยไอ้แต้ว ให้รู้เวลาบ้างจะบ้าจะบออะไรให้ดูเวลาหน่อย คนหิวจะเป็นลมตายดันทะลึ่งชวนไปดูเจ้านางบ้าบออะไรของแกไม่รู้” รัญชน์บ่นเธอรู้สึกเหมือนกับกำลังจะเป็นลมอย่างที่พูด

ด้วยความที่กว่าจะออกมาจากบริษัทปาไปเที่ยงกว่า

อีกทั้งพัณณินให้เธอขับรถมาจึงทำให้ต้องมาติดอยู่บนถนนอีกชั่วโมงกว่าๆ ณ เวลานี้เกือบจะบ่ายสาม อาหารกลางวันเพิ่งจะตกถึงท้องไปไม่ถึงสามคำพัณณินจะให้เธอลุกขึ้นไปจากอาหารอันแสนอร่อยตรงหน้า เห็นทีจะยาก...

“แฮะๆ โทษทีเพื่อนลืมไป แกกินไปก่อนนะฉันจะไปถ่ายรูปเจ้านางมาให้ดู”ว่าจบพัณณินลุกเดินออกจากร้านไปหน้าตาเฉยปล่อยให้รัญชน์จัดการกับอาหารตรงหน้าเพียงลำพัง

ไม่นานนักพัณณินกลับมา ด้วยสีหน้าผิดหวังอย่างรุนแรง

“เป็นไงแก ได้เรื่องไหม”รัญชน์เอ่ยถาม ทั้งๆ ที่รู้คำตอบดีอยู่แล้วจากสีหน้าท่าทางของเพื่อน

“ได้บ้าอะไร รู้งี้นั่งกินข้าวต่อดีกว่าไปไหนแล้วไม่รู้เร็วจริงๆ ขนาดฉันวิ่งไปแล้วนะ ยังไม่ทันเลย” พัณณินหยิบแก้วน้ำของเธอขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้วด้วยความกระหายเต็มที่

“งี้แหละ คนสำคัญ แกอย่าบ้านักเลย”

“ถ้าไม่สวยจริงๆ ฉันไม่บ้าขนาดนี้หรอกน่า”

“เออ... ถึงจะสวยจริงอย่างที่แกว่ามันกินแทนข้าวไม่ได้นี่หว่า จะกินอะไรอีกไหมจะได้สั่งเพิ่ม”

“เออ...ดีเหมือนกัน วิ่งไป วิ่งมาที่กินเข้าไปเมื่อกี้ กระฉอกไปนอนอยู่ก้นลำไส้หมดแล้ว น้องๆ ขอเมนูหน่อย” พูดจบพัณณินยกมือขึ้นเรียกบริกรในร้านมาสั่งอาหารเพิ่มแทบจะทันที


สาวิตรีนำแบบตกแต่งคร่าวๆและรายละเอียดที่บริษัทรับเหมาส่งมาให้มธุรดาพิจารณา

“นมว่า...แบบที่เขาส่งมาให้ใช้ได้ไหมคะ” มธุรดาเอ่ยถามสาวิตรีเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา

“นมว่าดีนะเจ้าคะเจ้านางแบบที่เขาทำมาไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ใจจริงนมอยากให้เอาช่างจากโมระมาทำมากกว่าช่างของเราเองทำบ้านของเราน่าจะเข้าใจงานของเราดีกว่าคนอื่น แต่เจ้าหลวงสิเจ้าคะจะให้เพื่อนทำให้ นมไม่อยากจะขัดทัยท่าน เดี๋ยวจะเป็นเรื่องขึ้นมาอีก” สาวิตรีอธิบายตามความคิดของเธอ

“นั่นสิ น่าแปลกที่เจ้าพ่ออยากให้บริษัทนี้ทำ ทั้งๆ ที่ช่างของเราเก่งกว่าตั้งเยอะ”

“เจ้าค่ะเจ้านาง”

“แบบนี้มันยังหยาบเกินไป หญิงมองๆ ดูแล้วถ้าช่างที่มาทำไว้ใจไม่ได้ ของในบ้านบางอย่างอาจจะหายไป”

“เจ้านางคิดว่าอะไรสำคัญให้คนของเราถอดเก็บไว้ก่อนสิเจ้าคะ”

“นั่นสิ พรุ่งนี้หญิงมีอะไรต้องไปทำที่ไหนหรือเปล่านม”

“ไม่มีเจ้าค่ะ ว่างทั้งวัน”

มธุรดาพยักหน้าเป็นการรับรู้ในสิ่งที่สาวิตรีบอกกับเธอพรุ่งนี้เธอคงต้องเข้าไปดูบ้าน เพื่อให้คนของเธอเก็บของสำคัญเอาไว้ก่อนที่จะสูญหายไปโดยไม่ได้ตั้งใจ






Create Date : 23 พฤษภาคม 2556
Last Update : 23 พฤษภาคม 2556 18:43:14 น.
Counter : 653 Pageviews.

0 comments
: หยดน้ำในมหาสมุทร 33 : กะว่าก๋า
(11 เม.ย. 2567 05:15:42 น.)
โจทย์ตะพาบ ... วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ เธอจะเห็นใครคนหนึ่งที่รอเธอ ... tanjira
(9 เม.ย. 2567 14:13:50 น.)
๏ ... รัตติกาล อันเงียบเหงา ... ๏ นกโก๊ก
(9 เม.ย. 2567 21:41:15 น.)
ถนนสายนี้..มีตะพาบ ( 349) วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร peeamp
(8 เม.ย. 2567 12:38:27 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Ping-dow.BlogGang.com

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]