อะไรอยู่ในหนัง : Free birds, flying adventure ฉันได้ดูภาพยนตร์อนิเมชั่น เรื่อง Free birds, flying adventures ภาษาไทยใช้ชื่อเรื่องว่า นกน้อยหัวใจอิสระ นานๆ จะได้ดูการ์ตูนสเปนกะเขาซะที คนแต่งวางโครงเรื่องซ้อนไว้ในความสนุกสนานได้ดี ไม่รู้สึกอึดอัดเกินไป พระเอกนางเอกของเรื่องคือนกกระจอกกับนกขมิ้น ตัวหนึ่งเป็นนกธรรมดาที่ปรารถนาจะโดดเด่นกว่าใคร อีกตัวคือนกสีเหลืองสดที่ถูกไล่จับกลับเข้ากรง ผู้ปรารถนาให้ตนเองสามารถใช้ชีวิตธรรมดาอย่างนกอื่นๆ ตัวละครที่น่าสงสารที่สุดคือ เจ้าแมวเหมียวที่พยายามไล่จับนกเป็นอาหาร แต่พลาดท่าเสียทีตลอด จนเจ็บตัวต้องพันแผลซะรอบยังกะมัมมี่ ฉากสุดท้ายที่มันทำข้าวของในบ้านเกลื่อนกลาดเสียหาย ส่งผลให้ถูกเจ้านายทุบตีด้วยโทสะ แม้จะไม่มีภาพให้เห็น แต่ฉันก็อดสงสารมันไม่ได้ เพราะที่บ้านฉันก็ประสบปัญหาข้าวของเกลื่อนกลาดจากฝีมือและฝีเท้าของคุณแมว ยามที่คุณเธอเจอเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นแมลงหรือจิ้งจก คุณเธอก็พร้อมจะวิ่งเข้าใส่อย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ คนเลี้ยงแมวจะต้องเข้าใจธรรมชาติของแมว พยายามป้องกันข้าวของทั้งหลายอย่างดีที่สุด ไม่สมควรเลยที่จะทำรุนแรงกับเจ้าตัวเล็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวพวกนั้น อันที่จริงการเลี้ยงแมวเป็นการฝึกสติอย่างหนึ่ง จะวางสิ่งของตรงไหนจะต้องคิดว่าแมวจะข่วนหรือหรือรึเปล่า แม้ยามจะเดินก็ใจลอยไม่ได้ เพราะพวกมันชอบวิ่งมาดักหน้าแล้วพันแข้งพันขาเอาไว้ ถ้าไม่เดินอย่างระมัดระวังก็ต้องอุ้มมันไปด้วยเสียเลย ตัวละครอีกตัวที่ฉันประทับใจคือค้างคาวที่พยายามช่วยนกขมิ้นตัวที่หนีออกจากกรง เพราะจินตนาการเรื่องค้างคาวดูดเลือด ทำให้หลายคนกลัวค้างคาว ทั้งที่มันเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ น่าทะนุถนอม ปีกของมันเป็นแผ่นหนังบางเฉียบที่ยืดหยุ่นได้ ปีกบางเบาพามันโฉบร่อนเหินเวหาไม่ต่างจากปีกมีขนของพวกนก ค้างคาวในเรื่องนั้นมองไม่เห็นในเวลากลางวัน จะไปไหนก็ต้องพึ่งพาเพื่อนพ้อง แต่เมื่อเพื่อนต้องการความช่วยเหลือหาทางออก มันแค่ส่งเสียงออกไป ก็หาหนทางที่ต้องการได้อย่างน่าประหลาดใจ ฉันชอบที่คนแต่งไม่ลืมใส่ลักษณะพิเศษของสัตว์แต่ละประเภทเข้าไปในเรื่องทีละเล็กทีละน้อยอย่างนี้ ว่ากันว่าค้างคาวนั้นตาบอด ยามออกหากินพวกมันไม่ได้ใช้สายตา แต่ใช้วิธีส่งเสียงร้องแล้วฟังด้วยหูแหลมๆ คลื่นเสียงที่สั่นสะเทือนเพราะไปกระทบกับวัตถุต่างๆ บอกให้มันรู้ว่ามีอะไร ขนาดใหญ่แค่ไหนขวางหน้า รวมทั้งบอกให้รู้ว่ามีช่องว่างตรงไหนให้บินแทรกไปได้ แค่รับรู้คลื่นเสียงอาจยังไม่น่าทึ่ง ต้องบวกกับความเร็วในการบินฉวัดเฉวียนซึ่งสายตามนุษย์มองตามแทบไม่ทัน คนตาบอดที่ไหนจะไปเร็วได้เท่าค้างคาว เมื่อครั้งอยู่บ้านสวน พอย่ำค่ำแสงเลือนราง ค้างคาวจะเริ่มออกหากิน เจ้าตัวสีดำๆ บินโฉบไปมาอยู่เหนือไม้ผลข้างบ้าน น้อยหน่าที่ตาปลูกไว้เป็นของโปรดของพวกมัน ฉันไม่ค่อยพอใจนักที่ต้องคอยกินผลไม้สุกที่พวกมันทิ้งรอยแทะไว้ให้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ฉันกลับคิดถึงวันคืนที่มีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ น้อยๆ พวกนั้นเข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ในชีวิต ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ |
บทความทั้งหมด
|
- - เดา..ได้ไหม?เอ่ย...ว่าฟาร์เป็นใคร?
- - วันหน้าจะแวะมาใหม่..ค่ะ