ตอน 4 - Inverness เมืองหลวงของ Highland

เมื่อเราอยากไปเที่ยวนอกเอดินบะระ ป้า-หลาน คุยกันได้ความดังนี้ค่ะ
  (ข้อความนี้คัดลอกจากเฟสบุคที่ลงไว้ หลังกลับจากทริปนี้)

เมย์เริ่ม  "ไปเกาะ Skye ด้วย สวยสุด ๆ  อยากไป ๆ "  
"ไปได้ไง - ไกลมากเลย  ต้องต่อรถลงเรืออีก .. แต่ป้าอยากนั่งรถไปกับรถไปรษณีย์ 
ที่ไปส่งจดหมายไกล ๆ  เขามี  3 เส้นทาง ถูกด้วย แค่คนละ 3 ปอนด์เอง"
  ป้าบอก

สุดท้ายไม่ได้ไปทั้งคู่ ได้แค่ Inverness เมืองหลวงของ Highland  ถ้าต่อรถบัสไปอีก 
30 นาที  ก็จะถึง Loch ness  จะไปหา Monster  ก็ไม่ได้ไปเหมือนกัน ..ได้แค่นี้
ก็โอเคแล้วนะ


การเดินทางของเราแบบปักหลักที่หนึ่ง และไป - กลับเอา ค่อนข้างจำกัด กว่าจะลงตัว  
แต่ละเส้นทาง ก็ใช้เวลาพอควรเลยค่ะ

ระหว่างหาข้อมูล เจอข้อมูล 
"เที่ยวกับรถไปรษณีย์" จาก Lonely Planet ฉบับ UK
...ได้หาข้อมูลต่อจาก internet   เหตุผลที่ 
"เที่ยวกับรถไปรษณีย์" เพราะจะมีหลาย ๆ 
 เส้นทาง ๆ ที่ Highland ที่นักท่องเที่ยว ไป - มาเองลำบาก อาจไม่มีรถไปถึง หรือ
 มีก็น้อยคัน ดังนั้น ๆ ไหน ก็ต้องไปส่งจดหมายพัสดุเส้นทางนั้นอยู่แล้ว รถก็ว่างก็เอา
  นักท่องเที่ยวนั่งไปด้วยก็แล้วกัน ขากลับก็รถคันนั้นแหละ ..จำได้ว่ามี 3 เส้นทาง ค่ารถ
 คนละ 3 ปอนด์ ไปเช้า-กลับบ่าย ๆ ......ตอนนี้ไม่มีเลย ไม่รูัเลิกไปแล้วยัง 
 
แล้วเราก็ไปรอขึ้นรถไฟที่สถานี Waverly  เพื่อไป Inverness กัน  

บล๊อคที่ 6 (ตอน 6 # Inverness Highland)  ของแม่เปี๊ยก พาเราไปถึง Loch Ness
กันเลย ตามลิงค์ได้ค่ะ     
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=
kapeak&month=06-2015&date=23&group=41&gblog=25




เส้นทางรถไฟหลักในสกอตแลนด์ (ขอบคุณภาพจาก internet)  
สีม่วง คือ เส้นทางรถไฟจาก เอดินบะระ ไป Inverness 




จากสถานี Waverly  รถไฟมุ่งขึ้นเหนือ ผ่านไปสุดสายตา คือ ทุ่ง Rape Seed





ไม่นานก็จะเห็น
Firth of Forth   ที่กว้างใหญ่ ดูทรงพลัง



คำว่า
Firth เป็นภาษาสกอต หมายถึง ชะวากทะเล คือ บริเวณส่วนล่างของแม่น้ำ
ที่กว้างมากจนมีลักษณะคล้ายอ่าว ...ส่วนตอนบนจะสอบ แหลมเป็นรูปกรวย
และขยายขนาดออกไป เมื่อเข้าใกล้ส่วนที่เป็นทะเลมากขึ้น  และเป็นบริเวณที่มี
การผสมกันระหว่างน้ำจืดและน้ำเค็ม 



Firth of Forth  คือ ชะวากทะเลของแม่น้ำ Forth ที่ไหลไปยังทะเลเหนือ  

ช่วงที่ผ่านแม่น้ำ Forth นี้ รถไฟจะแล่นไปบน Forth Rail Bridge ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น
มรดกโลก   
(แต่เสียดาย เราไม่เห็น เพราะเราอยู่บนรถไฟ ...อยู่บนรถไฟจริง ๆ ค่ะ)




ขอบคุณภาพจาก internet

สะพาน Forth ได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อเดือน กรกฎาคม 2015..

ขณะที่รถไฟวิ่งต่อไป ทิ้งทะเลอยู่เบื้องหลัง จะผ่านแผ่นดินของทุ่ง rapeseed







ผ่านป่าไม้





ทุ่งหญ้า และปศุสัตว์

จากนั้นทางก็เริ่มชัน และขรุขระมากขึ้น เลยเมืองเพิร์ธไปแล้ว รถไฟจะเข้าสู่ที่ราบสูง 
  เริ่มปรากฏเทือกเขา แสดงว่าเราเข้ามาเขต  Highland กันแล้ว







รถไฟไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ  เห็นหิมะปกคลุมภูเขา 


Highlands ประกอบด้วยแคว้นที่อยู่เหนือสุดของภาค มี Inverness  เมืองใหญ่สุด 
เป็นศูนย์กลางการบริหารของสภา   และถือเป็นเมืองหลวงของ  Highland ด้วย
นักเดินทางมักใช้   Inverness  เป็นจุดตั้งต้นของการสำรวจที่ราบสูงสกอต




เริ่มเห็นชุมชนบ้างแล้ว



ถึง Inverness เมืองหลวงของ Highland  โดยใช้เวลาเดินทาง 3 ชม. 33 นาที
ระยะทางราว 113 ไมล์ (181 กม.)


Inverness หมายถึง Mouth of River Ness - ปากแม่น้ำเนสส์  แม่น้ำเนสส์ มีความยาว
ประมาณ 10 กม.




ตัวเมือง Inverness ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเนสส์ ... ปลายสุด ของ Great Glen ที่ซึ่ง
แม่น้ำเนสส์ ที่ไหลมาจาก Loch Ness, Loch Ashie และ Loch Duntelchaig มาบรรจบกัน





ทิวทัศน์ของแม่น้ำเนสที่ไหลผ่านใจกลางเมือง







ฝั่งตะวันออกของเมือง Ness Walk และ Town House



 มีสะพาน 3 แห่งเชื่อมกับเมืองฝั่งตะวันตก



 คือ สะพาน Ness สะพาน Friars และสพาน Black (หรือ Waterloo) เป็นสะพานรถผ่าน 





 มีสะพานแขวน 1 แห่ง คือ Greig Street Bridge เป็นสะพานคนเดิน สร้างในปี 1880 โดย
วิศวกร C. Manners ร่วมกับโรงหล่อ Rose Street ในราคา 1400 ปอนด์



 


Inverness ยังมีสถานที่น่าสนใจแห่งอื่น ๆ อีกค่ะ  

Inverness Castle  - ตั้งอยู่บนหน้าผาที่มองเห็นแม่น้ำเนสส์  โครงสร้างเป็นหินทราย
สีแดง  ปราสาทนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ย้อนไปถึงปี 1057 
(ปัจจุบันเปิดให้ชมเฉพาะ
พื้นที่รอบปราสาท และหอคอยด้านเหนือเท่านั้น)



Old High Church & Cemetry -   โบสถ์เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดใน Inverness



ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ย ๆ ชื่อ Michael's Mount เริ่มสร้างปี 1770 แต่มีบันทึกย้อนไปถึงปี 1170






ตัวเมือง Inverness ล้อมด้วยถนน 3 สาย คือถนน High,  ถนน Church และ ถนน Academy  
มีถนน Union  และ Queensgate เป็นถนนตัด



ระหว่างถนน Union และ Queensgate เป็น Victorian Market (ขอบคุณภาพจาก Internet)


  

ขอบคุณภาพจาก Internet

Victorian Market เคยเป็นตลาดเปิด ปี 1876 - 1880 สภาเมืองได้สร้างเป็นตลาดปิด -- ทางเข้าหลัก
ด้านถนน Academy ที่ทำด้วยหินทรายยังเป็นของเดิม  ต่อมาเกิดไฟไหม้ จึงได้สร้างใหม่ใน ปี 1890-91





 St. Mary's เป็นโบสถ์ในศาสนาโรมันคาทอลิค มีหน้าต่างกระจกสี และแท่นบูชา
ที่สวยงาม เปิดครั้งแรกเดือนเมษายน 1837

แล้วก็มาเจอ Poundland ที่ทุกอย่างราคา 1 ปอนด์





เจอที่นี่ที่เดียวค่ะ ไม่เห็นที่อื่น ๆ อีก 


ถนนสายหนึ่งกลางเมือง คงเป็นช่วงพัก ผู้คนออกมารับแดด 

ได้ถึงเวลากลับเอดินบะระแล้ว สถานีรถบัสอยู่ไม่ไกล ใช้เวลา 3 ชม. กว่า ๆ นั่งชมวิวตลอดทาง


 


จากเขาสูงที่ปกคลุมด้วยหิมะ  ก็มาถึงทุ่งปศุสัตว์





บรรยากาศสุดแสนงดงาม สงบ



จากการสำรวจโดยเว็บไซต์เกี่ยวกับทรัพย์สิน ปี 2014  พบว่าผู้คนใน Inverness มีความสุข
เป็นอันดับ 2 ของสกอตแลนด์   และจากการสำรวจซ้ำในปีต่อมา 2015 พบว่าผู้คนมีความสุข
เป็นอันดับ 1 ของสกอตแลนด์





เราก็สุขกันจริง ๆ เหมือนกัน ..นั่งรถชมวิวทิวทัศน์บ้านเมือง





เห็นชะวากทะเล ก็รู้ว่าใกล้ถึงเอดินบะระแล้ว








กลับถึงเอดินบะระแล้วค่ะ  งดงามเสมอ

 

อบคุณข้อมูลจาก

https://en.wikipedia.org/wiki/Inverness




Create Date : 21 กรกฎาคม 2564
Last Update : 15 กันยายน 2564 14:37:50 น.
Counter : 1566 Pageviews.

2 comments
วัดพระธาตุเสด็จ อำเภอเมือง ลำปาง tuk-tuk@korat
(14 เม.ย. 2567 13:54:44 น.)
ตลาดน้ำกวางโจว ดาวริมทะเล
(12 เม.ย. 2567 18:42:45 น.)
ร้อนนี้ชวนเที่ยว ออบขาน เชียงใหม่ สมาชิกหมายเลข 4313444
(11 เม.ย. 2567 08:07:33 น.)
Day 7 เที่ยววันสุดท้าย Arashiyama กลางสายฝน khimyo
(10 เม.ย. 2567 12:51:53 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณtuk-tuk@korat

  
นึกถึงหนังเเรื่อง Highlander ขึ้นมาทันทีเลยค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 26 กรกฎาคม 2564 เวลา:20:29:13 น.
  
ชื่อไทย เรื่องล่าข้ามศตวรรษ
แบบอยู่ยาวมาหลายพันปี เวลาฆ่ามนุษย์อมตะคนอื่นได้ก็จะได้รับพลังเพิ่มขึ้น ตอนที่ดูเป็น ซีรีส์
เดี๋ยวนี้มีหนังด้วยค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 27 กรกฎาคม 2564 เวลา:11:10:47 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Payaichow.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 1920579
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]