ช่างกล้า
เมื่อวาน เกิดอาการอยากกินแกงเหลือง เลยไปซื้อส่วนผสมมาทำ อยู่เมืองนอกใครว่าสบาย ถ้าอยู่เมืองไทยเดินไปซื้อหน้าปากซอยก็ได้แล้ว เนอะ

แต่อยู่เมืองนอก ขาดแคลนขอรับ ต้องซื้อเครื่องเทศมาตำเครื่องแกงเอง แถมกินเจอีก ลำบากเข้าไปอีก แต่ความอยากไม่เคยปราณีใคร เลยเอ้า ไปซื้อของมาจากตลาดเวียดนาม ได้ขมิ้นมาหนึ่งห่อ หน่อไม้ดอง(เปรี้ยว)หนึ่งกระปุกใหญ่ (กินอยู่คนเดียวแต่ทำมาเลี้ยงทั้งกองทัพ) และเต้าหู้ (ใช้แทนปลาจ้ะ แต่เลือกหน่อยนะ ใช้เต้าหู้แข็งจะดีกว่า)

แล้วก็ซื้อของมาตุนไว้ในตู้เย็นอีกหลายอย่าง (นานๆไปที) พอกลับมาถึงบ้าน อ้าาาก ลืมพริกแห้ง!! โชคดีมีพริดสดในตู้เย็น ก็เอาวะ หยิบมาหนึ่งกำมือ ทั้งน้ำตา (พริกสด แพงจะตาย!!)

ก็จัดการเอาเข้าเครื่องบดพร้อมกับขมิ้น เกลือหน่อยนึง หลังจากพริกเริ่มละเอียด เอากระปิ(เจจ้ะ หญิงแม่หอบหิ้วมาจากเมืองไทย ซึ่งมันก็คือถั่วหมักเน่าๆนั่นเอง) ลงไปบดพร้อมกัน ใส่น้ำ บดจนละเอียดยิบ ใส่หม้อน้ำเดือด ตามด้วยเต้าหู้หั่น หน่อไม้(ล้างสะอาด) ปรุงรส ด้วยเกลือ ซีอิ้วขาว มะขามเปียก (คั้นเอาแต่น้ำ) เห็นง่ายๆงี้เหอะ อร่อยนา (ปลอบใจตัวเอง) เริ่มต้ม น้ำแกงเริ่มเดือด กลิ่นถั่วเน่าเริ่มโชย น้ำลายเริ่มไหล ข้าวทำไมไม่สุกซักที เหม็นไปทั้งบ้าน กลิ่นติดเสื้อผ้า ขนาดปิดประตูห้องนอนแล้วนา กลิ่นยังซอกซอนชอนไชเข้าไปถึงในห้อง รีบฉีดสเปร์ยดับกลิ่น ไม่งั้นคงนอนไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่ เอาเป็นว่า มื้อนั้นเปรมไปหนึ่งมื้อ

เช้านี้ ไม่รู้ผีปักษ์ใต้ตนใดเข้าสิง ยังเมาขี้ตาอยู่ งัวเงียๆมาเตรียมอาหารกลางวัน ตักแกงใส่กระปุกเล็กๆปุกนึง เอาพลาสติดปิดชั้นนึงก่อนปิดฝา (กันหก) ตักข้าวกระปุกนึง ใส่กระเป๋า โยกย้ายส่ายสะโพกอันอวบอิ่มดุจกาละมังใบโตไปขึ้นรถเมล์ พอเดินออกจากบ้านไปได้สักพัก สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปซะท่วมปอด สติจึงได้มา "ทำอะไรลงไปวะกรู"

ทำไงได้ อุตส่าหฺประคับประตองมาถึงป้ายรถเมล์แล้ว แถมยังเห็นหัว(รถเมล์)อยู่ลิบๆว่ากำลังมา ถ้าให้วิ่งกลับบ้านเอาแกงไปเก็บคงไม่อะ ขี้เกียจ เลยเอาวะเดี๋ยวกลางวันไปแอบกินในสวนหลังบริษัทก็ได้ ก็ทนนั่งดมกลิ่นทรมารกระเพาะจนถึงเที่ยง ขนาดยังไม่ได่เปิดกินเลยนา กลิ่นยังขนาดนี้ ถ้าเปิดกินล่ะสงสัยต้องมีคนบ่น "ใครถอดรองเท้าวะ!!"

แล้วในที่สุดเวลาเที่ยงก็มาถึง ก็ติดว่าเอาวะ ข้างนอกอากาศเย็นเฉียบ กินมันที่โต๊ะนี่ล่ะวะ ก็เลยแง้มๆฝาโลง เอ้ยฝากระปุกแกงก่อน แล้วสูดเจ้าให้เต็มปอด แอบหวังว่าสูดกลิ่นเข้ามาหมดแล้ว ไม่เหลือเผื่อคนอื่น แล้วล่ะ

กำลังจะเอาไปอุ่น แต่ช้าก่อน ถ้าอุ่นนี้กลิ่นมันวิ่งไปถึงห้องผจกฝ่ายบริหารแน่ๆ เคยมีคนเอาป๊อปคอร์นมาป๊อปกิน ป้าแกอาละวาดใหญ่ว่าเหม็น ที่ทำงานนะไม่ใช่โรงหนัง ถ้าข้าพิเจ้าเอาแกงเหลืองไปอุ่น ป้าแกคงบอกว่า ที่ทำงานนะไม่ใช่โรงหมักปุ๋ย

อย่ากระนั้นเลย เปิบมันเย็นๆนี่แหล่ะวะ

แต่ไม่ว่าตะเปิบเย็นหรืออุ่น กลิ่นก็ยังหอมหวลชวนเป็นลม ก็เลยรีบไปชงกาแฟ กะเอากาแฟเพิ่งต้มเสร็จมาตัดกำลังกลิ่นรุนแรงจะได้ลดลงไปมั่ง ฮี่ๆๆ ก็กินไปคนกาแฟไป ตอนนี้คนกินไม่ได้กลิ่นแล้ว แต่เผื่อไว่ก่อน คนกาแฟไปเรื่อยๆ เอากลิ่นกาแฟกลบๆหน่อย

ก็รีบกินรีบอิ่มรีบเอากระปุกไปล้าง ใช้เวลาทั้งหมด สิบนาที! กิีนไอติมยังไม่ไวขนาดนี้เลย!!

พอกลับมาก็ีรีบเลย เอ่โลชั่นกลิ่นกหลาบ ละเลง ทามือ ถูๆเข้าให้กลิ่นกุหลาบมันกระจายออกไปหน่อย

แต่จากประสบการณ์ในครั้งนี้ มันสอนให้เรารู้ว่า คราวหน้า ให้ซื้อสเปรย์ปรับอากาศขนาดพกพาติดตัวไว้มั่ง เำพราะเผื่อคราวหน้าเราอาจบ้า แบกทุเรียนมานั่งแทะก็ได้ใครจะรู้!!



Create Date : 03 ตุลาคม 2549
Last Update : 3 ตุลาคม 2549 1:31:16 น.
Counter : 423 Pageviews.

3 comments
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
ประสบการณ์ ทำพาสปอร์ตที่สายใต้ใหม่ newyorknurse
(2 ม.ค. 2567 17:45:17 น.)
  
แอบฮา..ความอยากไม่เคยปราณีใครจริงๆ ค่ะ

แต่ได้กินแล้วก็พอใจแล้วเนอะ ..
โดย: LaZyDaizY วันที่: 3 ตุลาคม 2549 เวลา:9:25:29 น.
  
บอกฝรั่งไปเล้ยว่ากลิ่นแบบเนี้ย อร่อยที่สุดในโลกกก
โดย: ม้าทิงนองนอย IP: 58.8.103.206 วันที่: 3 ตุลาคม 2549 เวลา:9:30:58 น.
  
นึกออกเลย ... เคยเอากะเพรา (แห้ง) หมูสับไปกิน ... ในแลบเนี่ย ยังไม่ได้ทันเปิดกิน ... กลิ่นเนี่ย ... สุดยอด ... ใครได้กลิ่นก็บอกว่าหอมนี่ ... ในใจคงจะด่าเราน่าดู

แต่แกงเหลืองหน่อยไม้ดองเนี่ย ... เหอะๆ ... ไม่กล้าจริงๆ
โดย: Phoebe Buffay วันที่: 6 ตุลาคม 2549 เวลา:11:09:43 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Patty.BlogGang.com

{P}a{T}t{Y}
Location :
GTA  Canada

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด