BANGKOK :: พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด
เมื่อหลายเดือนก่อนขับรถผ่านไปทางถนนศรีอยุธยา รถติดอยู่นานเชียว สายตาก็ไปสะดุดกับป้ายหนึ่งเขียนว่า "วังสวนผักกาด" อืม น่าสนใจดีแฮะ พอมีเวลาว่างก็เลยลองแวะไปดู อยากรู้เหมือนกันว่าที่นี่มีอะไรนะ

"วังสวนผักกาดแห่งนี้แต่เดิมเป็นที่ประทับของ พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต หรือเสด็จในกรมฯ พระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และชายาคือ ม.ร.ว. พันธุ์ทิพย์ บริพัตร ต่อมาภายหลังได้ตัดสินพระทัยว่าจะย้ายมาพักอาศัยจึงสร้างตำหนัก และย้ายมาอยู่เป็นการถาวรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยวังแห่งนี้ได้ชื่อว่า "วังสวนผักกาด" เนื่องจากเดิมพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นสวนผักกาดของคนจีน"




เอาล่ะทราบประวัติกันคร่าวๆ แล้ว เข้าไปชมด้านในกันเลยดีกว่า ก่อนเข้าไปด้านในต้องไปเสี่ยค่าธรรมเนียมการเข้าชมก่อนนะจ๊ะ คนละ ๕๐ บาทสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย และ ๑๐๐ บาทสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จากนั้นก็ทำการฝากกระเป๋าต่างๆ ไว้ที่เคาเตอร์ เพราะที่นี่เค้าห้ามนำกระเป๋าเข้าไปล่ะ นำเข้าไปได้เพียงแต่กล้องถ่ายภาพเท่านั้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาไปแนะนำห้องที่พวกเราสามารถเข้าชมได้ ตามไปดูกันนะคะ





เริ่มจากห้องบ้านเชียง จัดแสดงโบราณวัตถุในวัฒนธรรมบ้านเชียง มีอายุประมาณ ๑,๘๐๐ - ๕,๖๐๐ ปีมาแล้ว ซึ่งทราบกันดีว่าวัฒนธรรมบ้านเชียงนั้นเป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลกในเรื่องของงานโลหะกรรมและภาชนะดินเผาลายเขียนสี โดยภายในห้องได้จัดแสดง ภาชนะดินเผาลายเขียนสี ภาชนะดินเผาลายเชือกทาบผสมลายขูดขีด อาวุธและเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำจากสำริด หินสีที่มีค่าต่างๆ รวมไปถึงลูกปัดแก้วที่ใช้ทำเครื่องประดับอีกด้วย






งานแต่ละชิ้นในห้องนี้ล้วนแล้วแต่สวยงามเชียวล่ะ เราก็เดินๆ ถ่ายรูปได้นิดเดียว เจ้าหน้าที่เข้ามาบอกว่าห้ามถ่ายรูปนะครับ แป๋ว.. เข้าใจผิดซะงั้น เพราะตอนแรกได้ยินว่าเลยห้องนี้ไปถ่ายรูปไม่ได้ แต่จริงแล้วห้ามถ่ายรูปทุกห้องง่ะ แหม.. เกือบงานเข้า





เอาล่ะไปโซนต่อไปกันเลยดีกว่า "โซนเรือนไทย" เรือนไทยแต่ละหลังในวังสวนผักกาดแห่งนี้ จะจัดแสดงแตกต่างกันไป เริ่มจากเรือนไทยหลังที่ ๑ เป็นห้องดนตรีทูลกระหม่อมบริพัตรฯ (พระบิดาแห่งเพลงไทยสากล" ภายในห้องจัดแสดงประวัติและเครื่องดนตรีไทย ได้แก่ กลองโบราณขนาดใหญ่ ระนาด ฆ้อง ซอสามสาย

ส่วนชั้นบนก็จัดแสดงโบราณวัตถุในยุคต่างๆ ของไทยและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้แก่ พระพุทธรูป เทวรูป พระอุมา และเทวรูปพระอรรธนารีศร เป็นงานประติมากรรมที่มีความงดงามยิ่งนัก



เรือนไทยหลังที่ ๒ จัดแสดงหินและแร่ที่มีค่าและมีความสวยงาม ซึ่งห้องนี้มีชื่อว่า ถ้ำอาลีบาบา โดยชั้นบนจัดแสดงของสะสมสวยงาม เช่น สัปคัปหรือกูบสำหรับนั่งบนหลังช้าง ตู้พระไตรปิฏกลายรดน้ำ เครื่องเรือนต่างๆ รวมถึงของใช้เช่น ตะลุ่มหรือและเตียงประดับมุก ตลับงาช้าง ขวดน้ำหอมจากต่างประเทศ และบริเวณฝาผนังด้านนอกยังจัดแสดงตาลปัตรในราชสกุลบริพัตร


เรือนไทยหลังที่ ๓ จัดแสดงเครื่องถ้วยเบญจรงค์ เป็นเครื่องเคลือบที่มีการเขียนลวดลายลงยาด้วยสีจำนวน ๕ สี มีทั้งในส่วนที่ทำในประเทศไทยและสั่งทำจากจีน ซึ่งคนไทยเป็นผู้ออกแบบ นอกจากนี้ยังมีเครื่องถมเงินถมทอง ภาพเขียนเป็นคนไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งมีอายุอยู่ในช่วงสมัยอยุธยาตอนปลาย อีกทั้งยังมีเสลี่ยงคานหามและฉัตรอีกด้วย

เรือนไทยหลังที่ ๔ ในอดีตที่นี่เคยใช้สำหรับต้อนรับและรับประทานอาหารค่ำหน้าห้องพระมีหนังสือพระธรรมใบลาน ภายในเป็นห้องพระประกอบด้วยพระพุทธรูปสมัยต่างๆ ของไทย นอกจากนี้ยังมีภาพพระบฏ ผนังด้านนอกห้องจัดแสดงบานประตูฝังมุก สมัยอยุธยาตอนปลาย





เรือนไทยหลังที่ ๕ ชั้นบนจัดแสดงวัตถุโบราณบ้านเชียงสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ด้านล่างจัดแสดงหินและแร่ รวมถึงหอยและฟอสซิลปลา


เรือนไทยหลังที่ ๖ เรียกว่า "พิพิธภัณฑ์โขน" ภายในห้องจัดแสดงชฏา หุ่นละครเล็ก และหัวโขนขนาดเท่าของจริงซึ่งมีเพียงตัวละครหลักเท่านั้น ส่วนด้านล่างเรือนจัดแสดงตุ๊กตาดินเหนียวเรื่องรามเกียรติ์ตอนต่างๆ และกองทัพตุ๊กตาตอนศึกกุมภกรรณ



เรือนไทยหลังที่ ๗ จัดแสดงเครื่องชามสังคโลกสมัยสุโขทัย เครื่องถ้วยจีน เครื่องเคลือบสีเขียว ศิลปะพม่า และตุ๊กตาเสียกบาล ด้านนอกเรือนไทยจัดแสดงเครื่องมือหินและเครื่องปั้นดินเผา สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เครื่องปั้นดินเผาจากแหล่งเตาต่างๆ ทางภาคเหนือ เช่น เตาเวียงกาหลง จังหวัดเชียงราย

เรือนไทยหลังที่ ๘ จัดแสดงเครื่องใช้ส่วนพระองค์ทั้งที่เป็นเครื่องแก้วลายทอง เครื่องแก้วคริสตัล เครื่องเงินและเครื่องลายคราม ทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีแจกันรูปผักกาดที่เป็นสัญลักษณ์ของวังสวนผักกาดแห่งนี้อีกด้วย





เอาล่ะเดินชมเรือนไทยทั้ง ๘ หลังกันเรียบร้อยแล้ว เยอะเหมือนกันนะเนี่ย มีแต่ของที่หาดูได้ยากทั้งนั้นเลยอ่ะ มาที่นี่ต้องใช้เวลาพอสมควรเชียว ไปต่อกันเลยดีกว่า เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา





เรือพระที่นั่งเก้ากิ่งพยาม เป็นเรือที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ทูลกระหม่อมบริพัตรฯ ซึ่งเป็นพระบิดาของเสด็จในกรมฯ เจ้าของวัง เพื่อใช้เป็นขบวนเรือตามเสด็จประพาสต้น ตัวเรือทำด้วยไม้ตะเคียนทอง ส่วนเก๋งเรือและหลังคาทำด้วยไม้สักทอง


ถัดจากเรือพระที่นั่งเก้ากิ่งพยามจะเป็นหอเขียน ว่ากันว่าหอเขียนหลังนี้อายุอยู่ในช่วงสมัยอยุธยาตอนปลาย เสด็จในกรมฯ ได้ผาติกรรมมาจากวัดบ้านกลิ้ง จังหวัดอยุธยา ในปี พ.ศ ๒๕๐๑ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์ในสถาปัตยกรรมของไทยคงอยู่ หอเขียนหลังนี้ถือเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของพิพิธภัณฑวังสวนผักกาดแห่งนี้เลยทีเดียว







ในการเข้าชมวังสวนผักกาดแห่งนี้ เค้าอนุญาตให้ถ่ายรูปได้เพียงด้านนอกเท่านั้น โชคดีจังที่แวะมาเซอร์เวย์ก่อน เพราะตอนแรกตั้งใจว่าจะชวนเพื่อนมาหัดถ่ายรูปกันที่นี่ .. สงสัยต้องเปลี่ยนสถานที่กันแล้วค่ะ




Create Date : 07 มิถุนายน 2554
Last Update : 4 กันยายน 2558 16:36:34 น.
Counter : 4338 Pageviews.

3 comments
ทริปอเมริกา #2 - ต่อเครื่องที่มะนิลา+ผ่านตม.แบบ fast trackที่นิวยอร์ค ฟ้าใสทะเลคราม
(18 เม.ย. 2567 18:15:13 น.)
สงกรานต์หรรษา จันทราน็อคเทิร์น
(18 เม.ย. 2567 11:24:41 น.)
봄 처녀(Virgin spring) by 홍난파(NanPa Hong) ปรศุราม
(17 เม.ย. 2567 10:09:12 น.)
วัดพระธาตุเสด็จ อำเภอเมือง ลำปาง tuk-tuk@korat
(14 เม.ย. 2567 13:54:44 น.)
  
ตอนที่ ม.ร.ว. พันธุ์ทิพย์ บริพัตร ท่านยังมีชีวิตอยู่ี คุณแม่ของเราเคยพบท่านด้วยค่ะ

ขอบคุณสำหรับรูปสวยๆนะคะ
โดย: ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว วันที่: 7 มิถุนายน 2554 เวลา:4:59:09 น.
  
ขอเที่ยวด้วยคนนะคะ อยากไปที่นี่มานานแล้ว ยังไม่ได้ไปสักที...ขอบคุณที่พาเที่ยวนะคะ
โดย: auau_py วันที่: 7 มิถุนายน 2554 เวลา:20:33:10 น.
  
ชอบภาพใบบัวในน้ำ สวยมากค่ะ
โดย: สดชื่น (abc011 ) วันที่: 21 กันยายน 2555 เวลา:5:12:45 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Patthanid.BlogGang.com

patthanid
Location :
ราชบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]

บทความทั้งหมด