Project ศัลยกรรมทำหน่มน้ม 4 : หลังผ่า วันที่ 1 13 เมษายน 2552 เวลาประมาณตีสอง เราตื่นจากการผ่าตัดในห้องของตัวเอง หลังจากที่สลึมสลือตื่นขึ้นมานิดนึงตอนที่เค้าย้ายตัวเรา จากเตียงรถเข็นมาเตียงพักฟื้น โชคดีที่ตัวเบา ตอนย้ายเลยไม่ยาก ทำให้เราไม่ได้เจ็บไปกว่าเดิมมาก ซึ่งขอบอกว่าจริงๆแล้ว ตอนที่รู้สึกตัวตื่นเราเจ็บมากกกกกกกกกกกกอ่ะค่ะ หน้าอกมันแน่นมากกกกกกกก เราหายใจไม่ออก แถมยังรู้สึกหนักบนอกเหมือนมีรถมาทับจริงๆด้วยอ่ะT_T ที่มันแน่นอแบบนั้นเป็นเพราะคุณหมอพันผ้ายืดไว้แน่นมาก เพื่อป้องกันซิลิโคนเคลื่อน และที่มันหนัก็เพราะมันหนักนั่นแหละค่ะ ร่างกายของเราไม่คุ้นเคยกับน้ำหนักของหน้าอกมากขนาดนี้มาก่อน เราถึงรู้สึกว่ามันหนักมาก หายใจไม่ได้ พอตื่นขึ้นมาแล้วเราเลยรู้สึกว่าไม่อยากตื่นอ่ะ ขอนอนต่อเถอะ ขยับตัวก็ไม่ได้เลย แถมที่ใต้รักแร้ทั้งสองข้างคุณหมอสอดท่อเดรนค้างไว้เพื่อระบายเลือด (ที่ปลายท่อเดรนจะเป็นแกลลอนพลาสติกอันเล็กๆ มีระดับปริมาณไว้บอกว่าเลือดเราออกเยอะน้อยแค่ไหน เวลาลุกเดินก็ต้องเดินถือไอ้แกลลอนจิ๋วนี่ตามไปด้วย) มันยิ่งทำให้เราขยับแขนไม่สะดวก เรียกว่าทั้งเจ็บทั้งแน่นทั้งปวด ทั้งอึดอัดไปหมด สำหรับเรา บอกได้แค่ว่ามันทรมานมากค่ะ-_-'' นางพยาบาลจะมาปลุกให้เรากินยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบเป็นพักๆ ซึ่งเรารู้สึกว่ามันไม่เห็นจะช่วยอะไรเลยอ่ะ ความทรมานมีอยู่ตลอดทุกครั้งที่รู้สึกตัวตื่น และที่แย่ที่สุดก็คือ เราแพ้ยาสลบค่ะ เราตื่นมาอาเจียนเกือบจะทุกๆสองสามชั่วโมง แย่กว่านั้นคือ เราไม่สารถลุกขึ้นมาอ้วกได้ แล้วเราเรียกแม่ไม่ทัน เพราะหายใจไม่สะดวก เราเลยทำได้แค่หันหน้าไปข้างๆ แล้วอาเจียนออกมาเลอะผมเลอะหมอนแล้วก็เตียงหมดเลยอ่ะT_T หลังๆเค้าเลยเอาที่รองอาเจียนมาไว้ในมือเราเลย เรียกว่าถาจะอาเจียนก็หันหน้าไปอาเจียนใส่ที่รองได้ทันที เราแปลกใจว่าตกลงเค้าไม่ได้ฉีดยากันอาเจียนให้เราหรือไงนะ แต่อารมณ์นั้น คือ ช่างแม่ง อ่ะค่ะ-_-'' เราไม่มีแรงไปถามอะไรใครเลย ยอมรับสภาพอย่างเดียว รู้สึกว่าตั้งแต่คืนวันผ่าตัดจนถึงวันที่13 เมษา เราอาเจียนไปเกือบ7รอบได้ โดยที่ไม่ได้กินอะไรเลย ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นมีอาหารมาให้ แม่ก็บอกว่าอร่อยดีด้วยนะ แต่แค่ได้กลิ่นเราก็จะอ้วกแล้วอ่ะ แล้วก็จะมีนางพยาบาลมาช่วยกันเปลี่ยนเสื้อผ้า เช็ดตัวให้2-3หน เค้าก็ต้องเช็ดอาเจียนที่เลอะที่ผมเราออกให้ด้วย เหอๆ ก็ไม่ยอมฉีดยากันคลื่นไส้ให้เองนี่นา ช่วยไม่ได้-_-'' เวลาลุกนั่งก็ต้องใช้วิธีปรับเตียงให้ตั้งขึ้น แต่ก็นั่งได้แป๊บเดียวเพราะเวียนหัว นางพยาบาลกะเช้าบอกห้ามไม่ให้เราลุกเดิน เพราะจะเวียนหัว แต่ใจเรอายากลุกแล้วมากๆ เพราะนอนนานติดต่อกันเป็นสิบๆชั่วโมง เจ็บก้นไปหมดแล้วอ่ะค่ะ-_-'' กว่าเราจะได้ลุกออกจากเตียงก็คือเป็นตอนสี่โมงเย็นของวันที่13 หลังจากลองลุกมานั่งแล้วอาเจียนไปอีกหน แต่ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก พี่พยาบาลคนที่น่ารักที่โกนขนรักแร้ให้เราตอนเปลี่ยนชุดนั่นล่ะค่ะ เป็นคนพาเราลุกเดิน แถมยังใจดีพาไปเข้าห้องน้ำ ทำความสะอาดให้ด้วย ต้องขอบคุณมากๆจริงๆ ความรู้สึกตอนนั้นกับหน้าอกอันใหม่ของเราคือ หนักอ่ะ ถ่วงซะจนแน่นไปหมด แล้วยังรู้สึกว่าช่วงอกตึงแข็งมากๆ ลองมองดูในกระจก เห็นหน้าอกดันขึ้นมาเกือบถึงไหปลาร้าแน่ะ^^' ยังกะนมน้องเป้ยเวลาดันกันสุดๆอะไรแบบนั้นเลย วันนั้นเราได้เจอคุณหมอตอน5โมงกว่าๆค่ะ คุณหมอมาแป๊บเดียวเพื่อดูอาการทั่วไปกับดูแผลแล้วก็เอาเดรนออก ตอนเอาเดรนออกก็ไม่เจ็บมาก แค่แสบๆนิดเดียว คุณหมอมือเบาจริงๆแหละค่ะ แล้วก็บอกว่ายิ้มแย้มแจ่มใสดีแบบนี้ก็กลับบ้านได้ แผลก็ไม่มีอะไรน่าห่วง ก่อนจะเอาพลาสเตอร์แบบกันน้ำมาแปะตรงรักแร้เอาไว้ไม่ให้น้ำเข้า พร้อมกับกำชับว่าอย่าให้โดนน้ำนะ เช็ดตัวอย่างเดียวเลย จนกว่าจะถึงวันตัดไหม ซึ่งคุณหมอนัดวันอังคารที่ 21 หรือ1อาทิตย์หลังจากนั้น วันนั้นเราก็กลับบ้านไปแบบอึนๆอ่ะ เพราะยังมึนๆกับยาสลบอยู่เลย วิบากกรรมของคุณแม่เราก็เริ่มตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เดี๋ยวจะแวะมาอัพเดทต่อของอาการวันถัดๆมาค่ะ^^ สงสารเจ้าของ Blog จังคะ
เพราะ ตัวเองไม่มี side effect แบบนี้เลยคะ ยังกินข้าวไม่ลงจนถึงอีกวันอะคะ เรียกว่าทานแต่ไวตามิลค์ที่วางไว้ให้ในห้องอะคะ แถมไม่กล้ากินน้ำอีก เพราะลุกไปปัสสาวะไม่สะดวกเท่าไร เลยยอมคอแห้งเอาคะ โดย: kookkook IP: 125.25.8.94 วันที่: 28 เมษายน 2552 เวลา:18:57:54 น.
แวะมาเยี่ยมจ้า สู้ๆ นะค่ะ
ศัลยกรรม vaser เสริมหน้าอก เสริมจมูก ตัดปีกจมูก ห้องสมุด สุขภาพ ผู้หญิง ศัลยกรรม แม่ตั้งครรภ์ ทารกแรกเกิด เด็ก ครอบครัว โดย: teawpretty วันที่: 25 กรกฎาคม 2557 เวลา:13:03:04 น.
|
บทความทั้งหมด
|
กำลังจะไปทำช่วงกรกฏา
สู้ๆนะคะเจ้าของบล็อก