###### รีวิว featherSTONE Cafe Bristro เอกมัย 12 - บรรยากาศดี เจ้าของน่ารัก อาหารเก๋และอร่อย ######





สวัสดีค่าาาาาา




เอนทรี่ล่าสุด รีวิว Hard Rock Hotel, Resort World Sentosa (RWS) Singapore - ห้องพัก



ประกาศผลผู้โชคดีจากการร่วมสนุกในบล็อกที่แล้วนะคะ มีผู้ตอบถูกสองคนคือ แพนด้ามหาภัยกับ touch the sky ค่ะ ผลของการสุ่มตามคลิปนี้ก็ได้แก่




ขอแสดงความยินดีกับแพนด้ามหาภัยด้วยจ้า 









สำหรับวันนี้ก็จะพาไปหม่ำร้านอาหารเก๋ๆ ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อ 14 พ.ย. 58 ที่ผ่านมา ซึ่งยังคงเป็นซอฟท์โอเพิ่นนิ่งอยู่นะคะ (จะแกรนด์เร็วๆ นี้ฮ่ะ) ก็คือร้าน featherSTONE Cafe Bristro&Lifestyle Shop นั่นเองค่า ซึ่งพิกัดของร้าน เข้าได้จากสองทางค่ะ เอกมัย 12 ก็ได้ หรืออย่างเรา เราเข้าทางปรีดี พนมยงค์ 31 ค่ะ ซึ่งถ้าเข้ามาจากทางปรีดีฯ ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ ขณะที่ถ้ามาจากเอกมัย ร้านจะอยู่ทางขวามือค่ะ (เลยร้านวานิลามาอีกนะคะ) ตามแผนที่นี้เลยนะฮับ







สำหรับร้านนี้ ถ้าท่านใดนำรถไป จะจอดรถหน้าร้านได้ราว 4 คันนะคะ เพราะฉะนั้น..ถ้าไปรถสาธารณะน่าจะสะดวกกว่าหละค่ะ








เก็บภาพบริเวณหน้าร้านมาฝากกันก่อนค่ะ แค่หน้าร้านก็สวยแล้วนะคะ ชอบจัง

ก่อนอื่นเลยคงต้องบอกที่มาของชื่อ featherSTONE ก่อนเนาะ ซึ่งที่ร้านนี้เค้าสร้างมาในคอนเซปต์ see-found-tell นะคะ นั่นก็คือ ด้วยความที่เจ้าของร้านทั้งคู่เป็นคนที่ชอบการเดินทาง และชอบของเก่าด้วย พอได้ไปตามมิวเซียม คาเฟทีเรีย หรือหาซื้อของเก่าตามที่ต่างๆ ก็อยากจะถ่ายทอดไปยังคนอื่นด้วยน่ะค่ะ ก็เลยเป็นคอนเซปต์ที่ว่า เห็น - ค้นพบ - และบอกเล่า น่ะนะคะ

ซึ่ง feather หรือขนนก ในความหมายของทางร้านคือ freely in life และนกยังถูกใช้ในการส่ง message ในสมัยโบราณ จึงได้แทนคำว่า tell ค่ะ ส่วน stone ทางร้านใช้แทนคำว่า found ด้วยคุณสมบัติที่ดูดซับ energy ต่างๆ ที่เจ้าของร้านได้พบเจอ ส่วนสัญลักษณ์ดวงตาเป็นตัวแทนบอกถึง see ค่ะ


โดยแต่ละส่วนก็จะมีการสร้างเป็นห้องต่างๆ ภายในบ้าน ซึ่งเดี๋ยวจะพาไปเที่ยวชมแต่ละส่วนอีกทีนะคะ











เปิดประตูร้านเข้าไปปุ๊บ ทางฝั่งขวามือเป็นส่วนของร้านอาหารค่ะ ส่วนฝั่งซ้ายมือเป็นส่วนของร้านขายของนะคะ ตามภาพเลยฮับ







ฝั่งร้านขายของ (lifestyle shop) ค่ะ ของกระจุ๊กกระจิ๊ก มีสไตล์ น่ารักมากมายค่ะ

ในส่วนนี้ทางร้านทำในคอนเซปต์ห้องธรณีวิทยาและ oology (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย บอกว่าเป็นการศึกษาเกี่ยวกับไข่นกและรังค่ะ - ขอสารภาพว่าเพิ่งรู้ว่ามันมีวิทยาการเรื่องนี้ด้วยวุ้ยยยย)









ระหว่างทางเดินเชื่อมระหว่างโซนขายของกับร้านอาหารที่อยู่หลังกระจกก็จะมีของขายอยู่ พร้อมกับโต๊ะนั่งบางส่วนค่ะ







พอเดินผ่านทางเดินเชื่อมจากร้านขายของมาห้องอาหารปั๊บ ก็จะเจอโซนห้องอาหารก่อนตามภาพนะคะ







แต่เราเลี้ยวซ้ายเข้าไปสำรวจห้องส่วนตัวก่อนค่ะ ห้องนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มนะคะ นั่งได้เต็มที่ที่ 14 คนค่ะ ตกแต่งสวยงาม น่ามาถ่ายพอร์เทรทม้าก มากหละค่ะ

ซึ่งในส่วนของห้องส่วนตัวนี้เจ้าตัวทำในคอนเซปต์ห้อง natural collections ในเรือนกระจกนะคะ


ซึ่งส่วนหนึ่งที่มีของเก่าๆ สไตล์เก่าๆ สะสมนี้เพราะเจ้าของร้านหลงใหลของเก่าอย่างที่ได้บอกไปในตอนต้นนะคะ ทั้งนี้ก็เพราะว่าเจ้าของรู้สึกว่าของเก่ามีเสน่ห์น่าสนใจและมันมีกลไกบางอย่างที่มันเป็น secret น่ะค่ะ อันนี้เราเห็นด้วยนะคะ คนสมัยก่อนช่างคิดจริงๆ











ซึ่งด้านในสุดของห้องนี้ ก็จะเป็นห้องน้ำนะคะ อันนี้คนที่นั่งห้องนี้อาจจะรู้สึกไม่สะดวกเท่าไหร่ เพราะยังไงทุกคนก็ต้องเดินผ่านโต๊ะเราค่ะ แหะๆ แต่ขอบอกว่า ห้องน้ำที่นี่สวยแหละ ชอบมาก โดยเฉพาะกลอนที่เป็นแบบเดือยยาวให้กดลงไปเพื่อล็อกนี่เก๋ดีค่ะ ไม่เคยเจอแฮะ (เชยเนาะ)







ออกมาข้างนอกอีกที ถ่ายย้อนกลับไปที่ทางเดินเชื่อมระหว่างสองส่วนอีกครั้งค่ะ (แต่อันนี้ถ่ายตอนแสงหมดแล้ว ก็สวยอีกแบบเนาะคะ)






มาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศด้านนอกกันบ้างค่ะ ถ่ายจากมุมหนึ่งของฝั่งร้านอาหาร จะเห็นเคาน์เตอร์ของทางร้านตามภาพนะคะ ส่วนประตูโค้งๆ นั่นคือทางเข้าห้องส่วนตัวที่ไปเก็บภาพมาแล้ว ถัดมาทางซ้ายมือที่เป็นไม้ๆ นั่นคือทางเดินเชื่อมอย่างที่บอกค่ะ จะเดินผ่านตรงนั้นก็ได้ หรือถัดมาอีกหน่อยก็จะเป็นทางเดินอีกส่วนที่จะเป็นทางเข้า-ออกร้านด้วยน่ะค่ะ

ซึ่งในโซนของคาเฟ่/บริสโทรนี้ ทางร้านออกแบบในลักษณะของห้องยา apothecary ค่ะ ซึ่งก็เลยไปค้นหาความหมายของคำนี้มา ก็ได้มาจากลิงก์นี้ //writer.dek-d.com/ubyi/story/viewlongc.php?id=96457&chapter=31 ดังนี้นะคะ

ฝรั่งเศสได้นำคํา Apothecaire (ภาษาอังกฤษ Apothecary) เมื่อค.ศ. 1920 เพื่อใหแ้ตกตา่งจาก พวก spicer ซึ่งขายเครื่องเทศและสมนุไพร บางครั้งก็ผสมยาด้วย ฝรั่งเศสออกกฎหมายให้ spicer ขายเครื่องเทศและสมนุไพรในสภาพธรรมชาติ แต่ง ผสมหรือเตรียมเป็นยาไม่ได้ เดิมคําว่า Apothecary หมายถึงผู้ดูแูลหอ้งเก็บของยโุรปสมัยกลาง หมายถึง ห้อเก็บเครื่องเทศและสมุนไพร สมัยต่อมาได้พัฒนาเป็นร้านยา ดังนั้นปัจจุบันยโุรปตะวันตกมักเรียกร้านยาว่า Apotec หรือ Apotheke (อเมริกาเรียก Drug Store ปัจจุบัน ใช้คำใหม่คือ Pharmacy ในออสเตรเลียและประเทศในเครือจักรภพนิยมใช้คำว่า Chemist หมายถึงร้านยา













ที่นั่งภายในร้านมีทั้งสิ้น 40 ที่นั่งนะคะ (รวมที่นั่ง 14 ที่ในห้องส่วนตัวแล้ว)









กระดาษรองจานของทุกที่นั่งค่ะ จะมีการอธิบายความหมายของชื่อร้านและคอนเซปต์ร้านด้วยค่ะ ส่วนเว็บไซต์ที่เห็นมุมขวาล่างนี่ยังทำไม่เรียบร้อยดีนะคะ แหะๆ รออีกสักพักค่ะ ตอนนี้ก็ไปที่เฟซบุ๊คของทางร้านแทนก่อนแล้วกันเนาะ


เฟซบุ๊คร้านฮับ

https://www.facebook.com/featherstonecafe







เมนูของทางร้านค่ะ ทำตัวอักษรและสไตล์ออกมาได้เข้ากับคอนเซปต์ร้านอยู่นะคะ

ที่ปลื้มมากคือราคาค่าาาาา ไม่แพงเลย เมื่อดูจากร้านและทำเล คือ..ร้านอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน (ซึ่งไม่ขอเอ่ยนาม) ราคาแรงกว่านี้มากมาย ปลื้มค่ะปลื้ม











ตรงเคาน์เตอร์จะมีกล่องที่ใส่ขวดตัวอย่างชาไว้ให้ดมเพื่อเลือกกลิ่นด้วยค่ะ ราคาก็กาละ 195 บาทเอง (สำหรับสองท่าน) มีให้เลือกทั้งหมด 10 กลิ่นค่ะ มีหลายตัวมากที่หอมนะคะ อย่างสองตัวมุมขวาล่างนั่นก็เป็นสองตัวที่เราชอบหละค่ะ แต่ท้ายที่สุดก็เลือก Bohemia Indiana ค่ะ เพราะกลิ่นจะออกแนวเอิร์ลเกรย์หน่อย แฮ่...







หน้าตาของกาชาค่ะ ตอนนั้นเราเพิ่งไปถึงคนเดียวก็ดื่มคนเดียวหละฮับ

เราว่า...เค้าทำน้ำมาอุณหภูมิไม่พอดีสำหรับการชงชาน่ะค่ะ เพราะเรารอนานมากกว่าชาจะ fuse (ใช้ศัพท์ถูกมั้ย) ตัวออกมา ซึ่งมันไม่ควรนานขนาดนี้ง่ะนะ

แต่ข้อดีของที่นี่คือ ไม่ได้ใช้น้ำประปามาต้มค่ะ เพราะไม่ได้กลิ่นคลอรีนนะคะ (ร้านไหนเอาน้ำประปาโดยไม่ผ่านการกรองที่ดีมาต้มชานี่..จะทำเราเซ็งมาก)







เลยเอาข้อมูลของอุณหภูมิน้ำมาแปะให้คนอ่านเพิ่มเติมนะคะ ข้อมูลจาก //www.senseteastudio.com/th/experience/experience-art-tea/secrets-tea-brewing/




หรือถ้าอยากได้ข้อมูลเรื่องชาเพิ่มอีก ก็เรียนเชิญคลิกที่ลิงก์นี้นะคะ //www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9540000115450





ต่อไปค่ะ เป็นหนึ่งเค้กที่ยังไม่มีการวางขายในร้านตอนนี้นะคะ (จะมีในอนาคต) นั่นก็คือฟรุตเค้กสูตรของครอบครัวค่ะ จะเห็นว่าแค่หน้าตาก็แตกต่างจากฟรุตเค้กทั่วไปแล้วนะคะ แทบจะไม่เห็นเนื้อเค้กกันเลยทีเดียว ผลไม้มาแบบเต็มๆ มากค่ะ

ส่วนเรื่องของรสชาติ เรียกได้ว่า ถ้าใครชอบเค้กแนวคลาสสิค เทรดิชั่นหน่อย น่าจะชอบค่ะ มันเหมือนได้กินเค้กโฮมเมดจากบ้านใครสักคนจริงๆ น่ะ เป็นรสชาติที่ไม่ใช่สำหรับทำขายหรือเค้กอุตสาหกรรมทั่วไป ซึ่งพี่ต้นจากทรูฯ พูดได้ตรงใจเรามากคือ เหมือนไปที่บ้านใครสักคนในยุโรปแล้วเจ้าของบ้านทำมาให้กิน ซึ่งคนรุ่นใหม่อาจจะไม่ชอบรสชาติแบบนี้แล้ว แต่สำหรับคนรุ่นป้าๆ (เรางี้สะดุ้งเฮือก ฮา) รุ่นเก่าๆ หน่อยจะคุ้นเคยและชอบกับรสชาตินี้ ถูกต้องเลยค่ะ กินแล้วเกิดอาการนอสตราเจียน่ะ







ส่วนนี่คือเมนูตามลิสต์ที่วันนี้ทางร้านจะให้พวกเราชิมและช่วยคอมเม้นท์ค่ะ (แต่พอเอาเข้าจริง มีมานอกเหนือลิสต์เพิ่มอีกเพียบค่ะ เพราะงั้น รูปเยอะ เนื้อหาเยอะ ล้นบล็อกเช่นเคยนะคะ เหอๆ)






มาเริ่มกันที่เมนูแรกเลยดีกว่าค่ะ กับเครื่องดื่มของพี่แหม่ม (ซึ่งทุกคนได้ชิมโดยทั่วถึงกัน กร๊ากกกก) กับเมนู Wild Gardenia 120 บาทค่ะ

เอาแค่พรีเซนเตชั่นก่อน แค่มาวางก็ว้าวกันแล้วค่ะ (พี่แหม่มเลือกเพราะเห็นรูปมาก่อนจากทางเฟซร้านเหมือนกันค่ะ) ทั้งการแทรกกลีบดอกไม้ไว้ในน้ำแข็ง การแยกไซรัปและน้ำดื่มตัวหลักไว้ในขวดตามภาพ ทำให้พรีเซนเตชั่นออกมาสตรอง!! (ไม่ใช่แระป้า คนละรายการแระ กลับมาๆ) คือ ดูดีมาก

ซึ่งตรงนี้เราว่าเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งของร้านนี้เลยนะคะ คือ นอกจากการตกแต่งร้านที่แสดงให้เห็นถึงความอาร์ต ความเอาใจใส่ในรายละเอียดแล้ว พรีเซนต์เตชั่นของอาหารแต่ละอย่างก็แสดงถึงสิ่งเหล่านี้ด้วยค่ะ ออกมาดูดี มีคอนเซปต์ และมีการมิกซ์ ผสมผสานอาหารหลายๆ อย่างที่ค่อนข้างครีเอทมาก (เดี๋ยวจะยิ่งเห็นมากขึ้นในเมนูต่อไปค่ะ)

ส่วนรสชาตินะคะ ออกมามีกลิ่นดอกไม้พฤกษาๆ หน่อย มีความหนืดนิดๆ ของน้ำค่ะ เราว่าโอเคนะคะ สวยทั้งรูป จูบก็หอมหละ ชอบๆ









ต่อไปเป็นเครื่องดื่มของเหมียวค่ะ กับเมนู Peach Pie Moonshine 120 บาทเช่นกันค่ะ


เมนูนี้นอกจากเครื่องดื่มแล้วก็มีพีชมาด้วยชิ้นหนึ่งตามภาพนะคะ แต่เราไม่ได้ชิมพีชนะคะ เจ้าของเมนูกิน อิอิ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า พอกินด้วยกันแล้วหอมมาก อร่อยมากค่ะ เราได้ชิมแต่น้ำ จะออกเปรี้ยวนิดๆ และมีกลิ่นหอมเบาๆ ค่ะ อร่อยดีเช่นกันนะคะ








ห้าตัวต่อไปนี้ก็ยังเป็นของเพื่อนร่วมโต๊ะเช่นเคยค่ะ (วันนั้นเรากินแต่ชาร้อนที่เลือกมาหละ จนกระทั่งเจ้าของร้านไปทำมาเพิ่มให้เอง นั่นก็คือ Toffee Coffee ค่ะ แต่เดี๋ยวไปดูแต่ละอันกันก่อนเนาะ






สามรูปแรกจากซ้ายไปขวาได้แก่ ช็อกโกแลตร้อน The Last Rasp และ Toffee Coffee ค่ะ ส่วนรูปเดี่ยวเป็นกาแฟร้อนของคุณอ้น Drip Brewing Coffee ซึ่งคุณอ้นเลือกบราซิลนะคะ (มีหลายตัวให้เลือกค่ะ) ส่วนรูปเดี่ยว อีกอันเป็นของเหมียวอีกเช่นเคยกับวานิลาปั่นค่ะ


ซึ่งผลการลองดื่มไปทั่วมีดังนี้นะคะ ช็อกโกแลตร้อน เข้มข้นมากค่ะ และไม่หวาน วิปครีมอร้อย อร่อย ตัวเดอะลาสต์ราสพ์ หวานอมเปรี้ยว และผสมผสานระหว่างสองรสได้ดี คิดว่าน่าจะเป็นรสที่ผู้หญิงชอบ และได้กลิ่นน้ำผึ้งด้วยนะคะ ส่วนทอฟฟี่คอฟฟี่ หอมคาราเมล กาแฟนมรสละมุนดี เหมาะกับคนที่ไม่ได้ดื่มกาแฟเข้มมากนักอย่างเราค่ะ และวานิลาปั่น จะมาแบบหอมอ่อนๆ รสละมุนๆ นะคะ ส่วนกาแฟดำคุณอ้น เราไม่ได้ชิมแหละ ขอผ่านนะฮับ














ต่อไปเป็นอีกหนึ่งเมนูเครื่องดื่มค่ะกับ Cold Brew Ice Cube Latte 150 บาทค่ะ


ตัวนี้จะมาเป็นก้อนน้ำแข็งกาแฟที่ brew มาแล้วเรียบร้อย นมในขวดสีชา และไซรัปนะคะ ตัวนี้เนื่องจากเทนมเยอะไปหน่อย (แบบว่า..เพื่อการถ่ายรูป) เลยทำให้รสกาแฟอ่อนไปค่ะ แนะนำให้เทนมทีละน้อยๆ ก่อนให้กาแฟได้ละลายออกมาก่อนนะคะ น่าจะได้รสที่กลมกล่อมกว่า เพราะเทอย่างในภาพ รสนมกลบรสกาแฟไปหมดเลยฮ่ะ เหมือนกินนมเหยาะรสกาแฟน่ะ




















เอาหละค่ะ หมวดเครื่องดื่มหมดไปแล้ว (สักที ฮา) ต่อไปมาเริ่มกันที่อาหารก่อนเลยค่ะ กับแอพพิไทเซอร์แรกเลย Homemade Liver Pate with Bread 180 บาทค่ะ


ตัวนี้จะมีตับบด ขนมปัง และเครื่องเคียงสามอย่างคือ พริกไทยสด เปลือกส้มและผักดองค่ะ 


ซึ่งขอแนะนำให้ลองกินให้ครบทั้งสามเครื่องเคียงนะคะ เพราะจะได้ความอร่อยและรสชาติที่แตกต่างกันอย่างมากค่ะ อย่างเปลือกส้มก็จะหอม และเปรี้ยวอมหวานนิดๆ พอกินคู่กับพริกไทยก็หอมและเผ็ดนิดๆ พอเป็นแตงกวาดองก็สดชื่อและเปรี้ยวนิดๆ ค่ะ ซึ่งอร่อยคนละแบบแบบไม่น่าเชื่อ เป็นจานเปิดที่ทำให้เห็นว่า เจ้าของร้านน่าจะเป็นคนสรรกิน ช่างประยุกต์และรักอาหารพอสมควรเลยแหละ

















เมนูนี้เป็นแอพพิไทเซอร์อีกตัวที่เก๋ไก๋มากค่ะกับ Chicken Skin With Mashed Potato 160 บาท


ตอนแรกงงมากว่าเฮ้ย เอาหนังไก่มาเป็นท็อปปิ้งให้มันบดเนี่ยนะ แต่พอกินเท่านั้นแหละค่ะ แม่เจ้า อร่อยมาก เข้ากันแบบไม่น่าเชื่อค่ะ อร่อยค่ะ ตัวมันเค้าบดมาไม่ได้เนียนละเอียดนะคะ ยังมีเทกซเจอร์ให้เคี้ยวอยู่ ส่วนตัวหนังไก่ก็จัดเต็มมาอย่างที่เห็น (อย่าพูดถึงแคลอรี่และคลอเลสเตอรอลฮ่ะ) แต่หนังไก่มีบางอันที่ไม่กรอบสุดนะคะ ซึ่งได้แจ้งทางร้านไปแล้วค่ะ ถ้ากรอบทุกชิ้นได้จะสุดมากๆ (แต่คิดว่าถ้าโรยมาแล้วเจอมันบด ก็มีส่วนทำให้กรอบน้อยลงหรือนิ่มได้ค่ะ เพราะงั้นต้องระวัง อาจจะต้องโรยตอนก่อนเสิร์ฟไปเลยค่ะ)

















ต่อไปกับเมนูสลัดเมนูแรกค่ะ Young&Wild Mizuna Salad with Italian Sausages 250 บาทค่ะ


ตัวนี้อร่อยกว่าสลัดตัวที่สองนะคะ (สำหรับข้าพเจ้าเองน่ะนะ แหะๆ) มีเทกซเจอร์ที่หลากหลาย ส่วนไส้กรอกอิตาลี ก็มีรสเปรี้ยวนิดๆ คล้ายๆ แหนมบ้านเราแหละค่ะ



















ต่อไปกับเมนูสลัดเมนูที่สองค่ะ Nicoise Salad 195 บาทนะคะ


สำหรับเมนูนี้ ผักสดค่ะ น้ำสลัดก็เปรี้ยวนิดๆ สดชื่นดี แต่สำหรับเรา เมนูนี้ไม่ได้มีอะไรเด่นมากค่ะ



















ขอคั่นด้วยนามบัตรจากทางร้านหน่อยนะคะ นามบัตรยังเก๋เลย อาร์ทเชียวค่ะ















มาต่อกันที่เมนูซุปค่ะ ตัวแรกเป็นซุปเห็ดค่ะ ซึ่งตัวนี้ไม่ได้อยู่ในลิสต์ที่จะเสิร์ฟตั้งแต่แรกนะคะ อ่านจากเมนูแล้วน่าจะเป็น Farmer Mushroom Soup 160 บาทค่ะ


ตัวนี้รสชาติดีนะคะ เข้มข้นเลยหละ หอมด้วย ปรุงมาค่อนข้างโอเคและลงตัวค่ะ เป็นซุปที่อร่อยเลยนะคะ














ต่อไปค่ะ กับซุปที่อยู่ในลิสต์นะคะ นั่นก็คือ Warm Hearty Pumpkin Soup 160 บาทค่ะ


ซึ่งเมนูนี้มาแบบเข้มข้นมาก จนหนืดเลยค่ะ ถ้าใครชอบซุปฟักทองแบบเข้มข้นสุดๆ น่าจะชอบนะคะ (เพราะอันนี้เจ้าของร้านบอกว่า มีแขกต่างชาติคนหนึ่งมาสั่งแต่เมนูนี้ค่ะ) แต่ด้วยความที่เรากินซุปอีกสองตัวแล้วมันรสชาติโดนกว่า ตัวนี้สำหรับเราเลยไม่เด่นเท่าซุปอีกสองตัวค่ะ แหะๆ





















ต่อไปเป็นซุปที่อยู่ในลิสต์เช่นกันค่ะกับ Caramalized Onion Soup ค่ะ ราคา 220 บาท


ตัวนี้รสชาติดีนะคะ เข้มข้น หวานตัวหอม และชีสก็ยืดหยดมาก อร่อยค่ะ เราชอบซุปตัวนี้เช่นกันค่ะ สำหรับสามตัว มีซุปฟักทองตัวเดียวที่อาจจะอ่อนไปหน่อยเมื่อเทียบกับสองตัวที่เสิร์ฟด้วยกันน่ะค่ะ























ต่อไปกับพิซซ่าถาดแรกค่ะ Miele 260 บาท ประกอบไปด้วยแอปเปิ้ล น้ำผึ้ง อัลมอนด์ บรีและมอสซาเรลล่าชีสนะคะ


ตัวนี้มีความหวานน้ำผึ้ง หอมชีส และเปรี้ยวนิดๆ ของแอปเปิ้ลค่ะ ถามว่าอร่อยมั้ย อร่อย แต่ด้วยความกินอาหารคาวอยู่ พอเจอพิซซ่าหวานเข้าไป เราเลยแปลกๆ ลิ้นหน่อยน่ะค่ะ แหะๆ


แต่ตรงนี้พี่ต้นบอกว่า เค้าว่าชิ้นแอปเปิ้ลมันบางไปหน่อย ทำให้รสของแอปเปิ้ลมันไม่ชัด เลยโดนความหวานกลบค่ะ แต่เราโอเค เพราะปกติเราไม่ค่อยกินเปรี้ยว และไม่ชอบแอปเปิ้ลเขียว แหะๆ













คั่นด้วยภาพผู้ประสานงานพาเหล่าบล็อกเกอร์มาที่นี่กันหน่อยค่ะ

จะทำท่าคิกขุไปไหนคะพ่อคู้ณณณณณ











ต่อไปเป็นเมนูพาสต้ากันบ้างค่ะ ตัวนี้เป็น Linguine AI Fruitti Di Mare 325 บาทนะคะ


ตัวนี้ลวกเส้นมาสุกกำลังดีค่ะ กลิ่นซีฟู้ดก็ทั่วถึงทั้งเส้น (สมกับชื่อมากๆ) ออริกาโนเยอะและกลิ่นของออริกาโนทั่วถึงทั้งเส้นเช่นกันค่ะ ถ้าใครรักซีฟู้ด น่าจะชอบเมนูนี้นะคะ



















มาหม่ำพาสต้ากันต่อค่ะ กับ Creamy Mushroom with Truffle Oil 220 บาทค่ะ


เมนูนี้ครีมมี่มากๆ (สมกับชื่ออีกแล้ว) และหอมเห็ดทรัฟเฟิลด้วยค่ะ ตัวนี้ขอเตือนว่าต้องกินตอนร้อนๆ นะคะ เพราะถ้าปล่อยให้เย็นแล้วจะเลี่ยนพอควรเลยทีเดียวค่ะ แต่ถ้ากินร้อนๆ นี่จะซัดกันลืมอ้วนเลยทีเดียวหละค่ะ หุๆ
















ต่อไปเป็นพิซซ่าอีกเมนูค่ะกับ Egg Bacon&Cheese 240 บาทค่ะ

ข้อดีที่เห็นของที่นี่ก็คือ ค่ะ..แป้งบางหมดเลยนะคะ ซึ่งเมนูนี้แปลกดีค่ะ แต่ไม่ชอบรสโดยรวมของเมนูนี้เท่าไหร่ แต่เบคอนอร่อยนะคะ กรอบ เค็มกำลังดีค่ะ เพลิน

อืมม์..สรุปแล้วเมนูพิซซ่าทั้งสองเมนูที่เราได้ชิมนี่...ไม่ค่อยโดนเรามากนักค่ะ













ต่อไปกับขนมปังกระเทียมค่ะ เราได้กินตอนเย็นแล้วน่ะค่ะ แต่หอมฉ่ำกระเทียมดีค่ะ ถ้าได้กินตอนร้อนๆ น่าจะฟินเฟร่อนะฮับ 








ขอเบรคคั่นด้วยเรื่องเล่าจากเจ้าของร้านนี้นะคะ น้องบัน (ผู้ชาย) กับน้องเฟิร์น (ผู้หญิง) ค่ะ ซึ่งแต่เดิมน้องทำร้านกาแฟอยู๋ที่เขาใหญ่นะคะ แล้วพอดีเจ้าของร้านเดิมตรงนี้จะเลิกกิจการแล้วก็ถามน้องว่าสนใจมั้ย น้องก็เลยมารีโนเวท ทำเป็นร้านนี้ค่ะ

น้องน่ารักทั้งคู่เลย และจากหลายๆ อย่างรู้สึกเลยว่าเป็นคนที่รักการเดินทางและรักการกิน (เหมือนใครแถวๆ นี้น้อ แหะๆ) ค่ะ













ต่อไปค่ะกับเมนดิชเมนูแรก Smokey Barbecued Pork Ribs 480 บาทค่ะ


ก่อนอื่นเลยตอนพนักงานยกมา กลิ่นนี่กรุ่นโชยหอมควันที่รมมาก่อนเลยค่ะ และตัวรสชาติก็ดีมาก หมักมาได้เข้าเนื้อ แต่มันแห้งติดกระดูกไปหน่อยค่ะ นี่ถ้าล่อนๆ กินง่ายกว่านี้จานนี้จะให้เอเลยนะคะ เพราะพอแห้งแล้วกินยาก ยังไงก็ต้องใช้มือแทะค่ะ ซึ่ง..ถ้าไม่ได้มากับคนสนิทๆ กัน มันก็..ดูไม่งามอะนะคะ ฮา








ต่อไปเป็นอีกหนึ่งเมนูเมนดิชค่ะกับ Duck Confit with Rasberry Sauce 360 บาทค่ะ

ตัวนี้ทำเป็นมาได้หนังกรอบแต่เนื้อฉ่ำมากค่ะ ซอสเป็นเบอร์รี่เปรี้ยวๆ แต่เนื่องด้วยมาทีหลังเมนูซี่โครงหมูรมควัน ซึ่งรสเข้มมากและอร่อย (ถึงจะกินยาก) ก็เลยทำให้สำหรับเราแล้วเมนูนี้ไม่เด่นนะคะ











ต่อไปเป็นเมนดิชจานสุดท้ายแล้วค่ะกับ Herbed Tenderloin Steak 590 บาทค่ะ

ตัวนี้ สองจานทำมาสุกไม่เท่ากันน่ะนะคะ ของเราจะแรร์กว่าหน่อยหนึ่ง อีกจานสุกไปนิดหนึ่งค่ะ ซึ่งตรงนี้ก็เม้นท์แจ้งน้องไปแล้วค่ะว่า ต้องระวังเรื่องการคงมาตรฐาน เพราะเราสั่งกันไปมีเดียม (หรือมีเดียมแรร์หว่า?) ทั้งคู่นะคะ

ตัวเนื้อชุ่มฉ่ำมากค่ะ นุ่มเลยแหละ กับราคาขนาดนี้ เราว่าโอเคอยู่นะคะ 












หลังจากอิ่มของคาวทั้งหมดแล้วก็ถึงเวลาของหวานกันแล้วค่าา ทางร้านก็ยกกล่องชามาให้เลือกกันค่ะ ก็มีสองท่านที่ยังไม่ได้ชิมชาร้อนเลยเลือกไป น้องจ๊ะจ๋าเลือก Vanilla Vanille ส่วนพี่ต้นเลือกเบอร์ 9 Rare Red Ruby ค่ะ

ส่วนอีกตัวไม่แน่ใจว่าของใคร เหมือนจะเป็นช็อกโกแลตปั่นมั้งคะ แหะๆ แต่ไม่ได้ชิม เอารูปมาให้ดูเฉยๆ เนาะ

ตัวชาวานิลา เวอนิล กลิ่นวานิลาสุดมาก ฟุ้งกำจาย แต่รอนานมากกว่าจะฟิวส์เช่นกันค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำอุณหภูมิไม่เหมาะหรือเปล่า แล้วเวลาดื่มก็..รสความเป็นชามันบางไปหน่อยน่ะค่ะ

ส่วนของพี่ต้น จะออกแนวฟรุ้ตตี้ๆ หน่อยค่ะ ซึ่งพอกินกับฟรุ้ตเค้ก พี่ต้นบอกว่า "คือมาก" เพราะงั้นลองแมทช์กันดูนะคะ









ต่อไปมาว่ากันที่ของหวานแต่ละเมนูนะคะ


เมนูแรกกับ Tiramisu 180 บาทค่ะ ตอนมาเสิร์ฟ คุณบันบอกว่า ขออภัยด้วยที่เซ็ตตัวยังไม่ดี แต่ทำไม่ทันแล้ว เทกซเจอร์คงไม่ได้ แต่ช่วยชิมรสชาติหน่อยนะครับ

ซึ่ง..ปกติอย่างที่คนอ่านรีวิวบล็อกเรารู้ๆ นะคะ เราไม่ชอบทิรามิสุง่ะ แต่กลายเป็นว่าพอเป็นเทกซ์เจอร์แบบไม่เซ็ตตัวสำเร็จแบบนี้ ซึ่งพอกินเข้าปากแล้วมันละลายหายวื้บไปในปากเลย...เรากลับชอบค่ะ เหมือนสายลมพัดผ่านเราให้ได้กลิ่นหอมชื่นแล้วก็หายไปให้คิดถึงน่ะ เราชอบนะคะ แต่ไม่รู้คนอื่นว่าไงนะ แหะๆ







ต่อไปเป็นครีมบูเล่ค่ะ ตัวนี้รสชาติจะออกแนวละมุนๆ หอม หวานนิดๆ จากที่เผาหน้าค่ะ อร่อยแบบละมุนๆ ค่ะ











สำหรับตัวนี้นะคะ ก็คือ Fresh Coconut Pie 80 บาทค่ะ 


ตัวนี้มะพร้าวชัดเจน ออกแนวเบาๆ คล้ายกับร้านเฟิร์นฟอเรสต์ที่เรากินที่เชียงใหม่เลยค่ะ (คุยกับเจ้าของร้านก็บอกว่าได้สูตรจากญาติที่เปิดร้านที่เชียงใหม่เหมือนกัน แต่เค้าจำชื่อร้านญาติไม่ได้) แต่ยังไม่พีคเท่านะคะ แต่ก็ถือว่าอร่อยค่ะ ชอบหละ

















ต่อไปเป็นเค้กช็อกหน้านิ่มค่ะ (นอกลิสต์อีกแล้ว ฮา ตอนเค้าเอามาเสิร์ฟนี่ เฮ้ย ด้วยความตกใจกันทั้งโต๊ะว่า มีอีกเรอะ) 


ตัวนี้อร่อยนะคะ ใกล้เคียงกับร้านกัลปพฤกษ์เลย ช็อกโกแลตเข้มข้น เนื้อนุ่ม เบาๆ แต่แน่นค่ะ











จากนั้นหลายบล็อกเกอร์ก็อำลากลับไปค่ะ แต่รถเราถูกจอดขนาบข้างและหน้าอยู่ เลยกลับเข้ามาคุยกับคนที่ยังไม่กลับ (ฮา)

อันนี้ของคุณอ้นค่ะ จำชื่อไม่ได้ เจ้าตัวกินแบบไม่ใช่ไซรัป ไม่ใส่น้ำตาลอะไรทั้งสิ้นค่ะ เราชิมไปหน่อย ซึ่งคนไม่กินกาแฟแบบเรา โอเคนะคะ เข้มดี แต่ไม่เวอร์เกิน แหะๆ







ปิดท้ายกันด้วยสติกเกอร์สวยๆ ของทางร้านค่ะ ใครจะขอเพื่อนำไปติดก็ได้นะฮับผม







สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ


เราค่อนข้างประทับใจมากๆ กับความละเอียดอ่อน ความมีศิลปะหลายๆ อย่างทั้งตัวร้านและอาหารค่ะ เจ้าของร้านน่ารักทั้งคู่เลย และอย่างที่บอกว่า กินอาหารหลายๆ อย่างแล้วรู้สึกถึงความรักอาหารของเค้าค่ะ

แม้ว่าบางอย่างจะยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก (เราไปกินหลังจากเค้าเพิ่งซอฟท์โอเพิ่นนิ่งไม่กี่อาทิตย์น่ะนะ) แต่คิดว่าสักพักพออะไรๆ อยู่ตัวแล้วน่าจะเป็นร้านที่ดีร้านหนึ่งเลยค่ะ (จากในเฟซบุ๊คก็จะเห็นชาวต่างชาติไปให้คะแนนดีๆ เขียนชมเชยกันเยอะมากๆ)


ร้านนี้มีซ้ำแน่นอนค่ะ แล้วถ้าได้ไปกินอีก จะมารีวิวอีกทีนะคะ






ปฏิทินธรรม


วันพุธที่ 2 ธันวาคม 2558

1. 
ฟังธรรมบรรยาย โดย พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม จากวัดป่าหนองไผ่ จ.สกลนคร เวลา 12.00 - 13.30 น.
ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์

https://www.facebook.com/RamaBuddhismClub/photos/a.258464484256629.38487.235548169881594/647502355352838/?type=3&theater



วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม 2558

1. ปฏิบัติบูชา เทิดไท้องค์ราชัน.
ณ โรงละครเอ็มเธียเตอร์ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่

https://www.facebook.com/bogboon/posts/1004760269567609




วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม 2558 (กิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน)

1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต (เดือนนี้งานทอดกฐินด้วยค่ะ)
ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37
เวลา 06.30-10.30 น.


ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่
//www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447



2. งานไถ่ชีวิตโคกระบือ ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน
ณ. วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯ
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.614964165213890.1073741836.335629013147408/540852169291757/





วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม 2558

1. ตักบาตรพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น วัดพุทธบูชา (ทุกวันเสาร์แรกของเดือน)

2. ฟังพระธรรมเทศนา พระราชภาวนาวิกรม (เลี่ยม ฐิตธมฺโม) วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี เวลา 14.๐๐ - 16.๐๐ น.

ณ โถงกิจกรรมชั้น 1 หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ
https://www.facebook.com/buddhadasaarchives/photos/a.310319065534.192269.293506240534/10153692664975535/?type=3&theater




วันพุธที่ 16 ธันวาคม 2558

1. พระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ณ พระเมรุ วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร
https://www.facebook.com/Phadhummasiro/photos/a.653693274671719.1073741825.354030414638008/997450856962624/?type=3&theater



วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม 2558

1. ถวายภัตตาหาร และถวายสังฆทานแด่พ่อแม่ครูอาจารย์สายกัมมัฏฐาน หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ฉลองปีใหม่ประจำปี 2559
ณ. อาคาร Test Cell 2 ฝ่ายช่างการบินไทย ดอนเมือง เวลาประมาณ 6.00น

https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.335848433125466.75888.335629013147408/1004295552947414/?type=3&theater




วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 19-20 ธันวาคม 2558

1. ขอเชิญร่วมบำเพ็ญกุศล งานครบรอบ 26 ปี วันคล้ายวันมรณภาพหลวงปู่หลุย
ณ มูลนิธิหลวงปู่หลุย จันทสาโร - ที่พักสงฆ์ กม. 27 ซ. แข่งขัน 3 ปทุมธานี
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.335848433125466.75888.335629013147408/1001161636594139/?type=3&theater



วันอาทิตย์ที่ 13 และ 27 ธันวาคม 2558 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน)

1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14
กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น.

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่
https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts



วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม 2558(จัดทุกวันเสาร์ที่สี่ของเดือน)

1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร สดับธรรม พระเถระวัดป่ากรรมฐาน เมตตารับบาตร โดย


เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

1,469,696+2870783=4340479/11911/1022



Create Date : 04 ธันวาคม 2558
Last Update : 7 ธันวาคม 2558 15:19:01 น.
Counter : 28266 Pageviews.

14 comments
  
ร้านสวยหรูหราอลังการมากกกกก เหมือนร้านต่างประเทศเลย
บรรยากาศดี๊ดีด้วยอ่ะ ไฮโซมั่กๆ
ชอบใจน้ำแข็งที่ใส่กลีบดอกไม้ลงไปด้วย เป็นอะไรที่เก๋ดูดีสุดๆ
ว่าแล้วก็กรี๊ดดดดดดดังๆให้คอเจ็บซักรอบ 55
ทั้งเครื่องดื่มและเมนูต่างๆหน้าตาดีน่ากินไปหมด
เจ้าของร้านก็หน้าตาดีทั้งคู่เลย




บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Sweet_pills Travel Blog ดู Blog
pantawan Health Blog ดู Blog
toor36 Cartoon Blog ดู Blog
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Food Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น





โดย: mambymam วันที่: 4 ธันวาคม 2558 เวลา:8:32:27 น.
  
ร้านสวยมากครับ อาหารก็น่ากิน
โดย: benz47 วันที่: 4 ธันวาคม 2558 เวลา:13:24:57 น.
  
ร้านบรรยากาศดีค่ะ
นาทีนี้ถูกใจสลัดที่สุดค่ะ
ร่างกายต้องการผักด่วนมาก ^__^
โดย: เนินน้ำ วันที่: 4 ธันวาคม 2558 เวลา:13:47:13 น.
  
โหยย..แค่บรรยากาศร้านก็น่านั่งแล้วค่ะ สวยงามตามท้องเรื่อง มาเจอเมนู wild dardenea นี่ไปไม่เป็นเลย อะไรจะสวยหวานขนาดนั้น ไอเดียดีฝุดๆเลยค่าาา
โดย: touch the sky วันที่: 4 ธันวาคม 2558 เวลา:16:53:29 น.
  
ร้านสวยน่าไปนั่งมากครับ บรรยากาศสบายๆ

อาหารน่ากิน ดูหลากหลายดี

นามบัตรเค้าเก๋ดีครับ เอาไปทำที่คั่นหนังสือได้เลย
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 4 ธันวาคม 2558 เวลา:22:28:52 น.
  
เลิฟเลิฟตารางอุณหภูมิชา <3 ร้านน่าไปจังค่ะ ปัญหาคือที่จอดรถลำบากนี่สิ *คิดหนัก*
โดย: Froggie วันที่: 5 ธันวาคม 2558 เวลา:8:27:50 น.
  


ร้านสวยได้ใจมากค่ะ
ออกแบบตกแต่งสถานที่และแสงออกมาดูสวยหรูดูแพง
เรียกว่าทั้งร้านและอาหารนับเป็นงานศิลปะชั้นดีเลยค่ะ
ราคาอาหารก็พอเหมาะ ไม่แพงเกิน
ขอให้ร้านขายดีมีลูกค้าเยอะ ๆ นะคะ
คุณเต้ยทำรีวิวร้านนี้ได้ดีมากค่ะ
ถ่ายภาพสวยและให้รายละเอียดเพียบ
ว่าแต่ ไม่ให้คะแนนตบท้ายเหรอคะ

สุขสันต์วันพ่อค่ะ
โดย: haiku วันที่: 5 ธันวาคม 2558 เวลา:19:16:17 น.
  
ตกแต่งร้านสวย น่าไปถ่ายรูป

อาหาร เครื่องดื่ม ขนม น่ากินไปหมด เสียดายร้านอยู่ไกลเกิ๊นนนน ยากที่พี่จะได้ไปจ้ะ ไกลออกนอกเมือง มีหวังได้ไปอยู่บ้าง ไกลแบบวิ่งเข้าไปในเมือง ยากมากสำหรับพี่
โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 5 ธันวาคม 2558 เวลา:20:44:03 น.
  
Best Review Blogger 1 สาวไกด์ใจซื่อ


ภาพสวยอ่าาาาาาาาาาพี่เต้ย
อยากไปชิมเลยทีเดียว
โหวต best review ให้พี่เต้ย เพราะบุ๊งชอบพี่เต้ยรีวิวตรงดีค่ะ ชอบ ๆ
โดย: Close To Heaven วันที่: 6 ธันวาคม 2558 เวลา:10:04:09 น.
  
สวยไปหมดค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 6 ธันวาคม 2558 เวลา:15:52:45 น.
  
ร้านสวยมากชอบ ๆ
โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 7 ธันวาคม 2558 เวลา:8:31:32 น.
  
สวัสดีจ้ะคุณเต้ย
ขอบคุณที่แวะฟังเพลงเก่าด้วยกันจ้ะ
วิ่งตามมาคิดว่าอัพใหม่ซะอีก



โดย: mambymam วันที่: 7 ธันวาคม 2558 เวลา:15:52:46 น.
  
ลงช้าไม่เป็นไรหรอกพี่เต้ย ตามคิว ๆ อิอิ
พรุ่งนี้เจอกันน้า มาเตือนล่วงหน้า แต่อันนี้คงไม่ลืมสินะ 555
โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 8 ธันวาคม 2558 เวลา:8:31:07 น.
  
ตามมาส่งกำลังใจจ้า
ส่วนผัก จัดไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ^__^
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กิ่งฟ้า Literature Blog ดู Blog
Rinsa Yoyolive Travel Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Food Blog ดู Blog
โดย: เนินน้ำ วันที่: 8 ธันวาคม 2558 เวลา:16:12:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Pakwan.BlogGang.com

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]

บทความทั้งหมด