เทพ โพธิ์งาม.....กับความล้มเหลวที่แสนภูมิใจ
















เป็นข่าวเป็นคราวให้สะดุ้งเฮือกกันได้เหมือนกัน เมื่อจู่ๆ ตลกรุ่นลายครามอย่าง สุเทพ โพธิ์งาม หรือ "ป๋าเทพ" ตามที่คนในวงการเรียกขาน ก็ถูกฟ้องเป็นบุคคลล้มละลายแบบไม่ทันได้รู้เนื้อรู้ตัว แต่เพียงไม่ถึงสัปดาห์ที่เราได้มีโอกาสพูดคุยอย่างใกล้ชิด ตลกวัยใกล้ 60 ยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะบอกว่า มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลยสักนิด ไม่มีใครตาย หรือทรัพย์สินต้องสูญไปจากเหตุการณ์นี้ นั่นหมายถึงเขาไม่ได้ไปปล้น ฆ่า หรือค้ายาเสพติดให้คนอื่นต้องเดือดร้อน




"ถ้ามันแก้ไขอะไรไม่ได้ก็ติดคุกกันไป" เขาว่า

"ไม่ตายนี่"

อย่างที่ทราบกันว่า ก่อนหน้านี้ระหว่างที่ดำรงชีวิตด้วยอาชีพนักแสดงตลกมา 30 ปี เทพก็หาอย่างอื่นทำไปด้วย ทั้งร้องเพลง, ขายน้ำข้าวกล้อง, เปิดร้านขายของชำ และอู่ซ่อมรถ ซึ่งทั้งหมดล้วนจบลงด้วยคำว่า "เจ๊ง"




จนหลายคนส่ายหน้าตั้งคำถามเอากับเขาว่า เป็นเทพ โพธิ์งาม ซะเฉยๆ ก็น่าจะดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? จะต้องดิ้นรนให้เดือดร้อนไปทำไม?

"คนที่คิดแบบนั้นคือคนที่ตายแล้ว





"เรายังกระหยิ่มในใจของเราอยู่ทุกวันว่า เขาทำได้อย่างเราหรือเปล่า คุณอาจจะร่ำรวยร้อยล้านพันล้าน แต่คุณก็ทำอย่างเดียวนะ ได้แค่นั้นเหรอ เราไม่รวย แต่ทำได้มากกว่าเยอะเลย มันเป็นความสุขที่หาซื้อไม่ได้น่ะ





"เรามาจากศูนย์ ไม่กลัวหรอกถ้าจะต้องกลับไปศูนย์อีก ยิ่งอายุมากก็ยิ่งต้องรีบทำ เพราะเดี๋ยวจะไม่ได้ทำแล้ว ไม่ใช่ว่าอายุมากแล้วจะพัก สวรรค์ให้ทุกอย่างเรามา สมอง แขน ขา เราคงไม่เก็บไว้เฉยๆ เพราะคนที่เก็บไว้เฉยๆ คือคนโง่ คนที่หยุดคือคนที่ตายแล้ว เวลาที่เป็นมนุษย์ก็ทำไปสิ ในโลกนี้มีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะ อีกกี่ร้อยชาติก็ไม่หมด



"คนเราคิดว่ารวยแล้วจะพอแค่นั้นเหรอ ไม่คิดจะหาประสบการณ์อะไรใหม่ๆ เลยเหรอ เขาให้โอกาสเรามาแล้ว ถ้าชาติหน้าเกิดเป็นหมูหมา ก็ไม่มีโอกาสแบบนี้แล้วนะ




"สมองไว้คิด มือไว้ทำ ขาเอาไว้เดิน ก็ต่อสู้กันต่อไป ร่างกายก็เอาไว้สัมผัสสิ่งที่เราต้องเจอกับประสบการณ์ว่าเดินไปตรงนี้เจ็บนะ มันจะได้มีอะไรไปสอนลูกหลานว่า อย่าเดินนะตรงนั้นมันมีหนาม




"บางคนต้องรอให้ทำถนนก่อนถึงไปได้ แต่เราไม่ใช่ เราไปตั้งแต่ยังไม่ถางเลย ตั้งแต่เป็นป่าละเมาะ มีหนามเลย รู้แล้วก็สอนเด็กๆ รุ่นหลังได้ว่า อย่ามา ตรงนั้นเจ็บ เรานำทางเขาว่าอย่าให้ไปเจอสิ่งที่ไม่ดีนะ แล้วก็เป็นเรื่องจริงด้วย เพราะเราไปเจอมาด้วยตัวเอง ไม่ใช่ตามทฤษฎีที่ใครบอกมา





"ทุกวันนี้คิดว่าเหมือนเราได้เรียนรู้ในมหาวิทยาลัย แต่ในมหาวิทยาลัยนี้มีอะไรให้เลือกเรียนเยอะเลย จบวิชานี้ก็ไปเรียนวิชาโน้น มันเป็นความสนุก แล้วอีกหน่อยเราก็ตาย ผมไม่ได้หวังร่ำรวย เพียงแต่ก็ทำไป จบเมื่อไรเมื่อนั้นก็คือตาย"

ความผิดพลาดที่เอื้ออำนวยให้เกิดคำว่า "เจ๊ง" ป๋าเทพบอกว่ามันก็แค่ค่าหน่วยกิตที่ต้องเสียก็เท่านั้น





"อาจจะแพงก็จริง แต่มันก็คือความสุข เพราะถึงเราจะเก็บเงินได้เป็นล้าน สักวันมันก็ต้องหมด ไม่ใช่ว่าตายแล้วเอาไปด้วยได้ จะมานั่งเสียใจทีหลังว่ารู้อย่างนี้น่าจะทำไอ้นั่นไอ้นี่ก็ไม่ได้แล้ว ทำเลยดีกว่า เวลาตายจะได้สบายใจ เพราะกูได้ทำมาเยอะแล้ว





"ไม่ใช่ว่าอยากจะทำนั่น ทำนี่ แต่เพิ่งมาคิดได้เอาตอนป่วย

"ความผิดพลาดจะทำให้เรามีมานะ ต่อสู้ ถ้าคนเราไม่สู้ มันก็จบน่ะสิ เดี๋ยวไปเจออะไรที่หนักกว่านั้นไม่ตายเหรอ"





เขาบอกว่าเมื่อครั้งยังเป็นหนุ่ม ความอยากได้ อยากมี อยากเป็นก็ยังเยอะ แต่เมื่ออายุมากขึ้น เห็นสิ่งต่างๆ มามาก เจอทั้งเพื่อนฝูง คนเฒ่าคนแก่ที่ตายจากกันไป ก็คิดได้ว่า สุดท้ายมนุษย์ก็แค่นี้เองน่ะเหรอ





"เห็นคนตายก็คิดในใจว่า มนุษย์เรานะไม่มีคุณค่าจริงๆ เลย ตายแล้วได้ทำอะไรไว้บ้างหรือเปล่า สิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ที่ไม่เกี่ยวกับความร่ำรวยน่ะ ดังนั้น เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์ก็ควรจะทำอะไรที่ดีและไม่เบียดเบียนคนอื่นเอาไว้ให้มาก"





ป๋าเทพในฐานะพ่อของลูกบอกว่า ความคิดเหล่านี้เขาไม่เคยเอาไปยัดเยียดไว้ในหัวของทายาทคนใด เพราะทางในชีวิตเมื่อ 60 ปีล่วงมา กับชีวิตที่ต้องเดินไปข้างหน้ามันต่างกัน





"เดินไปเองเลยลูก ถ้ามันเซอย่างไรพ่อจะคอยประคอง แต่ข้างหน้าต้องเห็นเอง เจอเอง แก้ไขเอง เพราะยุคเรากับยุคเขามันคนละยุค เขาอาจจะเห็นอะไรที่มันแปลกๆ ใหม่ๆ มากกว่าที่เราเห็น อันนั้นเราผ่านมาได้แล้ว แต่ยุคใหม่นี่ลูกต้องเดินเองนะ ต้องเผชิญกับมัน ฉะนั้นหัดเอาไว้ซะ พยายามเดินให้แข็งไว้





"ผมเป็นคนไม่อุ้มลูก แต่ชอบมอง มองว่าเขาจะบินได้หรือยัง ปีกแข็งหรือยัง แต่ต้องบินเองนะลูก พ่อจะบินให้ดูหน่อย แต่คงไม่บินกับแกไปตลอด ต่อไปแกอาจจะบินได้ดีกว่าพ่อ




"ตอนนี้เราไม่ห่วงอะไรลูกแล้ว เขาโตแล้ว แต่เรามีรังอยู่นะ ลูกบาดเจ็บเมื่อไร หรือว่าบินไปชนอะไรเข้า กลับมานะลูก กลับมารังของเรา มารักษาตัวซะก่อน ดีเมื่อไรค่อยออกมาบินใหม่ ไม่ใช่ว่าอย่าบินอีกนะ บินแล้วเดี๋ยวก็กลับมาเจ็บอีก ผิดนะ พ่อแม่ที่สอนลูกแบบนี้ มันเรื่องของเขาแล้ว เราต้องสอนให้เขาบินเอง ใช้ความคิด ใช้สมอง ให้มันหลุดพ้นจากสิ่งที่มันจะเจ็บปวด





"ทุกวันนี้ก็พยายามทำตัวอย่างให้เห็น ว่ามันเป็นแบบนี้ไม่ต้องไปทำอะไรจริงจังกับชีวิตมากนัก ทำไปเถอะ ทำอะไรได้ก็ทำไป ถ้าผลตรงนั้นมันดีก็ดีไป แต่ถ้าไม่ดีก็หาทางใหม่"

เทพบอกว่าชีวิตวันนี้เมื่อเทียบตามสัดส่วนก็ไม่ต่างจากเมื่อก่อนมากนัก เขาเคยเป็นพระเอกหนังตลกที่ทำงานได้มากที่สุดเมื่อ 30 ปีก่อน วันนี้ไปไหนมาไหนก็มีคนให้การยอมรับ แต่สิ่งที่ภูมิใจกับชีวิตมากที่สุดก็คือความล้มเหลวทั้งหลายทั้งปวงที่คนอื่นพากันส่ายหน้านั่นแหละ





"มันคือกำไรชีวิตที่เราได้ทำแล้ว สัมผัสมาแล้ว ต้องเข้าใจนะว่ามันหาซื้อไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่เราต้องทำ เราภูมิใจที่ได้ทำตรงนี้ การที่เราทำอะไรก็เจ๊ง ก็ล่มจม แต่มันจบไปแล้ว จะมาคิดทำไม เราทำดีที่สุดแล้ว

"แต่เรามาถึงตรงนี้เราก็ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะนะ ที่มหาวิทยาลัยชีวิตเนี่ย สิ่งที่เราได้เรียนรู้มาเนี่ยอาจจะแค่ชั้น ป.2 ป.3 เท่านั้น มันยังมีอย่างอื่นให้เราได้เรียนรู้อีกเยอะ"






"แต่ที่ภูมิใจกับมันก็คือ เรารู้มาแล้วว่าตรงไหนเป็นอย่างไร เดินอย่างไรเจ็บ ไปตรงไหนปวด อะไรที่เจ็บมากเจ็บน้อย เรารู้แล้วว่าต่อไปจะเดินอย่างไรให้ดีกับชีวิต"



























Create Date : 30 กันยายน 2551
Last Update : 30 กันยายน 2551 0:01:40 น.
Counter : 3164 Pageviews.

7 comments
  
เป็นกำลังใจให้คุณป๋าเทพอีกคนน้าคะ อย่ายอมแพ้สู้ๆค่ะ
โดย: ยายแก้มนิ่ม วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:1:27:53 น.
  
เป็นศิลปินอีกคนหนึ่งที่นัทชอบ อาจจะมีคนคอยตั้งแง่กับการแสดงออกของเค้าอยู่บ้าง แต่นัทก็นับถือในความคิดความอ่านของเค้าค่ะ
โดย: Picike วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:2:21:33 น.
  
คนที่ไม่เคยผิดหวังในการทำอะไร
แสดงว่าเป็นคนที่ไม่เคยทำอะไรนั่นเอง
โดย: fahtsuki วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:6:43:04 น.
  


เรื่องบางเรื่อง มีไว้ให้เอาเยี่ยง มิได้ให้เอาอย่าง

นับถือ "หัวใจ" ป๋าเทพ ค่ะ
โดย: Big Spender วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:8:28:39 น.
  
คงต้องเริ่มหาดูทางyoutube เเล้วค่ะ ชีวิตน่าสนใจ
ขอบคุณมากค่ะ
โดย: YUCCA วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:17:02:05 น.
  


เป็นดาราตลกที่ปอชอบมากที่สุดค่ะ
เห็นเมื่อไหร่ ต้องมีขำทุกครั้ง

รองลงมาก้อเป็นโน๊ต อุดม

ป๋าเทพ...สู้ๆ ต่อไปนะคะ ^ ^

ปอเอากาแฟมาฝากค่ะ
โดย: Butterflyblog วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:18:48:12 น.
  
วาทะป๋า..ได้ใจจริงค่ะ

คนที่ไม่ยอมทำอะไร..เพราะกลัว
ก็คือคนที่ได้ตายไปแล้ว ทั้งๆ ที่ยังหายใจ(ขออนุญาตเปลี่ยนข้อความ แต่ความหมายยังคงเดิมค่ะ)

โดย: กลีบดอกโมก วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:21:24:28 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Offway.BlogGang.com

นอกลู่นอกทาง
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]