ทำไมเราจึงเรียกบ้านพักผ่อนของเราว่า "บ้านป่า"น่าจะเป็นรีสอร์ทสวยๆงามๆจึงจะพักผ่อนสบาย ***************************************************คำตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คือ เพราะบ้านนั้นรกและล้อมด้วยไม้ใหญ่เหมือนไม้ในป่าต้นใหญ่ๆ ล้อมระเบียงเอนกประสงค์เนื้อที่โดยรอบเกือบ 100 ตรม.นั้นอยู่ห่างจากขอบระเบียงเพียงเมตรกว่าๆ หาความสวยงามแบบรีสอร์ทดังๆไม่ได้เลยแต่เนื้อที่บนระเบียงนั้น เช้าๆผู้ชราวัย 80/90 ก็เดินวิ่งเหยาะๆพอเรียกเหงื่อได้เหมือนกันตอนเลี้ยวเข้ามาในที่จอดรถก็ยังไม่ค่อยรกเท่าไรแต่พอขึ้นไปอยู่บนระเบียงบ้าน มองออกไปจากโต๊ะกินข้าว สามด้านของระเบียงบ้านถูกล้อมไว้ด้วยไม้ใหญ่ เราก็มองออกไปไม่เห็นใคร ใครก็มองเข้ามาไม่เห็นเรา เหมือนหาเพื่อนร่วมโลกไม่ได้เลย สงบดีแท้บนระเบียงนี้มีไม้หอมล้อมอยู่หลายต้น เช่น จำปู จำปีแขก บุหงาส่าหรี ลำดวน กุมาริกาปีบ ห่างออกไปหน่อยเป็ พยอม กันเกรา กระดังงาไทย ประยงค์ จำปา จำปี ฯลฯถ้าใครมาบ้านแล้วถามว่าหอมอะไร เราก็บอกได้แต่ว่า บอกไม่ถูกมันปนๆกันแต่ตอนนี้กลิ่นแรงที่สุดตั้งแต่ค่ำๆจนถึงสายๆวันรุ่งขึ้นคือสายหยุด ที่กำลังให้ดอกดกมาก สายหยุดต้นนี้ก็มีตำนานแต่แรกที่สร้างบ้านเสร็จ พอดีเราเพาะสายหยุดได้ 1 ต้นกำลังงาม เราก็เอาลงไว้ชิดระเบียง กะให้เลื้อยไปตามพนักที่นั่ง เอาเข้าจริงก็เริ่มจะรกเลยจับเถาวนเป็นวงแล้วก็ค่อยๆแต่งพุ่มจนในที่สุดได้พุ่มแบบนี้ ใช้เวลาหลายปีลำต้นก็บอกชัดว่าไม่ใช่ไม้ยืนต้นแต่เวลาดอกบานจนเหลืองอร่ามก็จะมีแมลงแบบนี้มากัดกินริมกลีบดอกแหว่งไปหมด หาดีได้ไม่กี่ดอกหาดอกสวยๆมาให้ชมหนึ่งดอกด้านหนึ่งของระเบียงมีต้นเสลา (สะ-เหลา) เวลาดอกบานก็นอนชมเพลินไปหรือถ้าเวลากล้วยไม้ให้ดอกก็ชมเพลินไปอีกแบบเดินเล่นรอบๆบ้านก็ยังมีจุดน่าสนใจให้ชม เดินเล่นจริงๆในสวนป่าแห่งนี้ เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงๆไม่รู้ตัว เก็บภาพได้มากมายมองไปทางทิศใต้ คือเทือกเขาใหญ่ แต่เดิมเห็นได้มากกว่านี้แต่เจ้าของที่ทางโน้นก็ปลูกป่าเหมือนกันแล้วบังเทือกเขาไปเสียมากแต่ไม่ว่ากันการมีป่าเพิ่มขึ้นมากๆทำให้บริเวณหุบเขานี้เย็นสบายดีตลอดปียืนมองลงไปจากบนบ้านก็มีหลายจุดที่ต้นไม้เลี้ยงตัวเอง เช่นพวกเฟิร์นและกล้วยไม้บนคาคบ ซึ่งไม่สามารถขึ้นไปให้ปุ๋ยได้ จึงเติบโตและให้ดอกอย่างเป็นธรรมชาติจริงๆ กล้วยไม้ตามคาคบนี้มีเป็นร้อย อยู่ตามกระถางห้อยๆไว้ก็อีกเป็นร้อย มีคนสวนคนเดียวก็ดูแลไม่ทั่วถึงลงไปเดินเก็บภาพก็อาจเจออะไรแปลกๆแบบนี้ ซึ่งไปทีไรก็มีแปลกอยู่เรื่อยแต่อย่าไปยุ่งกับเค้าน่าจะดีเพราะไม่รู้ว่าจะมีพิษหรือไม่ กลับหัวกลับหางหรือเปล่าก็ไม่รู้อีกเราปลูกสวนป่าแบบไม่มีความรู้ทั้งวิชาการและประสบการณ์ อยากปลูกอะไรตรงไหนก็แหมะลงไป ก็เลยเหมือนป่าที่ขึ้นเองตามธรรมชาติเราก็อยู่ไปแบบมีความสุขอย่างพอเพียง สภาพป่าที่มีไลเคนไปทั่วเชื้อเชิญให้มีไม้ป่ามาขึ้นให้อีกอีกอย่างที่เป็นเสน่ห์ของบ้านป่า คือ พวกกระรอกกระแตและนกต่างๆ ทั้งนกกลางวันและนกกลางคืน ค่ำลงก็เข้าซุกนอนตามพุ่มไม้ อย่างนกเอี้ยงถ้ำจะแอบเข้านอนใต้ถุนบ้านป.ล. พยายามไม่ให้โหวตตกหล่นค่ะ เพื่อนๆและน้องๆอัพใหม่แล้วช่วยกรุณามาทักทายด้วยนะคะHOME & GARDEN
แวะมาชมธรรมชาติด้วยคนครับพี่ภาวิดา"บ้านกับป่า"ไม่ง่ายเลยที่จะอยู่กันได้แบบนี้ "ป่า"ในหมู่ชนยุคใหม่พวกเธอจะเข้าใจได้ดีได้เพียงใด? แต่ก็น่าจะซึ่มซับได้ดีโดยที่พวกเขาก็ไม่เข้าใจป่ามากนัก ทว่าผู้เป็นเสาหลัก"แม่และพ่อ"ได้ปลูกฝังไว้ให้ จึงนับว่าพวกเขาโชคดียิ่งนัก,"ศิลป์ะ"ในการสร้างอนาคต ของตนเอง จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก แต่ชีวิตของตนของตนนั้นจะขาดโลกของ"ศิลป์ะ"ไปไม่ได้เลย เพราะในโลกของศิลป์ะนั้นมัน คือ "การพึงพาในกันและกัน,"คุณแม่ของผมนั้น ท่านมีศิลป์ะ ในการดำเนินชีวิตของท่านที่น่าสนุกมาก"คิดได้เมื่อภายหลัง"ท่านมีการศึกษาน้อยมาก เป็นชาวสวนทุ่ง ชาวสวนเมืองสมุทรสงคราม แต่ท่านมีความสามารถมองเห็นอนาคต ของพวกลูกๆหลานๆของท่านได้ทลุถึงอนาคตของพวกเขา, วันนี้ผมนับว่า โชคดียิ่งนัก ที่พบเพื่อนๆที่ต่างวัย และสูงวัย ต่างมีประสพการณ์ชีวิต ต่างก็มาแบ่งปั้นให้กันและกัน ในโลกของโซเซียลมีเดียแห่งนี้ ที่ไร้พรมแดนเอย....
ได้ครับพี่ภาวิดา แต่เป็นน้ำส้มสายชูหมักก่อนน่ะครับพี่....(หมักด้วยผลเซอร์รี่)ผลจากที่ได้ทดลองหมัก"ผลเซอรรี่"มาได้ระยะหนึ่งเกิน30วัน นำออกมาทดลองชิม จะมีรสเปรียวอมหวาน สีจะออกเหลืองปนน้ำตาล ผมได้ทดลองเอาใช้แทนน้ำส้ม"สายชูหมัก"ที่ซื้อจากห้างโลตัลประจำ"รสชาคดีทีเดียวครับคุณพี่ให้ลูกชาย(คนเล็ก)ให้เขาทดลองชิมดู เขาบอกก็โอเครครับพ่อ...ยินดีมากครับพี่ภาวิดา ผมจะส่งตัวอย่างไปให้ทดลอง"ดูก่อน...ชิมน่ะครับ"เป็นน้ำส้มหมักด้วยผลเซอรรี่ ที่ลูกชายคนโตเขาปลูกไว้ที่บริเวณบ้านนานมากแล้วครับพี่,ปล.สำหรับผล"มะม่วงหาวมะนาวโห่"เนื่องจากเป็นของฝากจากพวกญาติๆของคุณนายเธอ ที่พวกเขาเป็นสายสมพันธุ์ของเธอไปเชื่อมกันไว้ ฝากมาให้ชิม วันที่3/05/2563 ผมเลยเอาทดลองหมักผสมรวมมิตรกับพวกผลเซอร์รี่"เข้าช่วงฤดูฝนออกผลมาก"(หมักรวมมิตร)คงจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะทราบผลครับ...ปล.2พี่ภาวิดาส่งที่อยู่ที่สะดวกมาทางหลังไมค์ได้ครับ ผมจะส่งตัวอย่างไปให้ครับพี่ ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นครับ,
ยินดียิ่งนักครับพี่ภาวิดาจำเป็นอย่างยิ่ง"ภาชนะที่จะใช้หมัก"แปรรูปให้เป็นเอนไซม์"จะต้องใช้โอ่งเคลือบมังกรดีที่สุดครับ(ไม่แนะนำให้ใช้ภาชนะที่เป็นอย่างอื่นๆเด็ดขาด)ข้อต่อมา....น้ำตาลอ้อยแท้ๆ มีจำหน่ายที่กลุ่มนักมังสะวิรัติ"ร้านจำหน่ายอยู่ตรงข้ามปั้มเอสโซ่ใกล้ตลาดอินทรักษชมรมอาหารมังสะวิรัตถ.นวมินทรเขตบึงกุ่มกทม.10240ครับ"ฯลฯ....ข้อต่อมา...น้ำสะอาดที่ใช้ดื่ม ตามสูตรคำนวนแบบว่า มีผลเซอร์รี่+น้ำตาลอ้อยแท้+น้ำดื่มสะอาด เช่น...ผลเซอร์รี่5กิโล,น้ำตาลอ้อย1กิโล,น้ำสะอาดที่ใช้ดื่ม4ขวดลิตร,ข้อสุดท้าย....ปิดสนิทด้วยจานกระเบือง"ห้ามใช้พาสติกทุกชนิด"แล้วโบกปูนเคลือบให้สนิทไม่ให้อากาศถ่ายเทเข้า-ออก อีกทั้งกันพวกแมลงต่างๆมาใข่ทิ้งไว้ให้เกิดหนอนฯลฯครับหมักไว้ในที่ร่มๆไม่ให้โดนแสงแดด,หมักไว้12เดือนครับพี่สูตรนี้น่าจะได้น้ำส้มสายชูหมัก" ชั้นเยี่ยมแล้วครับ"ยินดีครับคุณพี่ภาวิดา ที่สนใจธรรมชาติที่มอบให้
ต้นไม้ดอกไม้รก ๆ แบบบ้านป่า ดูสวยงามเป็นธรรมชาติ
ไม่ชอบแบบที่จัดเป็นระเบียบเรียบร้อย ดูสวยแต่ไม่เป็นธรรมชาติ
เหมือนสาวสวยสมัยนี้หน้าตาสวยเหมือนกันหมด สงสัยทำจากหมอเดียวกัน 555
ขอบคุณกำลังใจจากพี่ภาด้วยนะคะ