อ๋องน้อย เจ้าสำราญ - บทที่ ๕ (YURI)

 

“ท่านพี่ขออภัยที่ให้ท่านต้องรอนาน เมื่อคืนข้าเมามากไปหน่อย” มู่หรงเหลียนซิงในอาภรณ์หรูหราสีเข้มเหลือบทอง มือโบกพัดก้าวเข้ามายังห้องโถง สีหน้าคมคายยิ้มแย้มเช่นปกติ ทรุดนั่งเก้าอี้ว่างข้างแขก ทั้งคู่สนิทสนมกันราวกับพี่น้องคลานตามกันมา โดยมีหงซิ่วตามมาดูแลเจ้านายอย่างเป็นกังวล

“ข้าต่างหากที่ผิด ที่มาหาเจ้าโดยไม่บอกล่วงหน้า” จ้าวจิงเฉิงไม่คิดถือสา ด้านหลังของเขามีคนสนิทตามมาด้วยหนึ่งคน

“ว่าแต่ท่านพี่มีเรื่องอันใด” อ๋องน้อยถามตรงๆ ด้วยช่วงนี้เขาน่าจะเก็บตัวอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ มากกว่าแวะมาเถลไถลข้างนอกจวน

องค์ชายสี่จิบชาเสร็จก็พูดขึ้น

“ชาหอมมาก”

“ฝีมือชงชาของพี่หงซิ่วเยี่ยมยอด ใครชงก็ไม่อร่อยเท่านาง” อ๋องน้อยยกความดีความชอบให้สาวใช้คนสนิท

“เจ้าเก่งมาก” จ้าวจิงเฉิงหันไปยิ้มให้หงซิ่ว ชื่นชมในฝีมือของสตรีผู้นี้

เขาเคยให้คนมาเรียนวิธีชงชากับหงซิ่ว แต่รสชาติออกมาดีไม่ถึงครึ่ง สุดท้ายจึงต้องพาตัวเองมาที่นี่บ่อยๆ เพื่อจะได้จิบชา

...ใบชาดีเลิศแต่ผู้ชงไร้ฝีมือ ก็ยากจะได้ชารสเยี่ยม

“ขอบคุณเพคะ” นางย่อตัวลงเล็กน้อยอย่างอ่อนหวานนุ่มนวล สมกับเป็นสาวใช้ข้างกายอ๋องน้อย

องค์ชายสี่ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนหันมาคุยกับญาติผู้น้อง

“ข้ามาวันนี้มีเรื่องตลกมาเล่าให้ฟัง”

เจ้าของบ้านเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“เรื่องตลกอันใด”

“เรื่องเมื่อวานที่เจ้าห้าชนะประมูลสาวงามน่ะสิ” จ้าวจิงเฉิงยิ้มมุมปาก “ไม่รู้ใครเอาไปรายงานเสด็จพ่อ เจ้าห้าโดนเรียกตัวเข้าเฝ้าด่วน โดนทำโทษให้คุกเข่าสำนึกผิดหน้าตำหนัก ตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน หักเบี้ยเลี้ยงครึ่งหนึ่งเป็นเวลาหนึ่งปี”

โดนลงโทษขนาดนี้คงเข็ดไปอีกสักพัก

มู่หรงเหลียนซิงหัวร่อเบาๆ อย่างสะใจ

“สมน้ำหน้า ถ้าเขาไม่ตัณหาจัดก็คงไม่เป็นแบบนี้”

จ้าวจิงเฉิงจ้องหน้าญาติผู้น้อง

“เจ้าคาดเอาไว้แล้วว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้”

“ข้าไม่ใช่หมอดูนะท่านพี่” อ๋องน้อยโคลงศีรษะ ยกแก้วชาขึ้นจิบกลบเกลื่อน

ที่จริงแล้ว จ้าวเฟยเทียนไม่ได้เดาใจยาก หลังเขามีจุดอ่อนเรื่องบ้าผู้หญิงจนขึ้นสมอง เจอะสาวงามเป็นอดใจไว้ไม่ได้ จะทุ่มเงินหว่านซื้อหรือข่มเหงบีบคั้นเพื่อมาเป็นสมบัติของตน ตอนนี้ในจวนองค์ชายห้าน่าจะมีอนุภรรยาเกินยี่สิบคนแล้ว ยังไม่รวมสาวใช้อีกมายมาย แต่กระนั้นเขายังไม่วายจะไปเที่ยวหอคณิกาเป็นนิจ หากไม่มีเบี้ยหวัดจากท้องพระคลัง คงไม่มีปัญญาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเช่นนี้

มู่หรงเหลียนซิงคิดรังเกียจโจรราคะอย่างมาก จึงกลั่นแกล้งเขาเป็นประจำ

ในจำนวนองค์ชายทั้งหมด จ้าวเฟยเทียนเป็นผู้ที่ไม่สมควรเป็นรัชทายาทที่สุดในความคิดของอ๋องน้อย หากบุคคลเหลวไหลเช่นนี้เป็นใหญ่เป็นโต คงไม่พ้นข่มเหงราษฎรให้เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าเป็นแน่ ดีไม่ดีแว่นแคว้นอาจถึงกาลล่มสลาย

ว่าแล้วเชียว

องค์ชายสี่ถอนใจเบาๆ ไม่คิดจะคาดคั้น หากจับไม่ได้ไล่ไม่ทันอีกฝ่ายไม่มีทางยอมรับสารภาพแน่ เขารู้ว่าญาติผู้น้องฉลาดเจ้าเล่ห์อย่างที่สุด เพียงแต่ไม่ยอมเอาไปใช้ในด้านดี

“โชคดีที่ข้าไม่โดนเจ้าเกลียด ไม่งั้นคงลำบาก”

อ๋องน้อยกระแอมไอหลายครั้ง เกือบสำลักน้ำชา

“ท่านพูดเหมือนข้าเป็นคนเลวร้ายมาก”

“หรือไม่จริง”

“ท่านพูดแบบนี้ได้อย่างไร ข้าเป็นน้องท่านนะ” คนถูกว่าเริ่มโวยวาย

“ข้าจำได้ว่าเจ้าเป็นน้องข้า ลืมได้อย่างไร กวนประสาทแบบนี้ทั้งแคว้นคงมีแค่เจ้าคนเดียว” จ้าวจิงเฉิงหัวเราะเบาๆ

มู่หรงเหลียนซิงเบ้ปากเล็กน้อยที่อีกฝ่ายโดนแขวะ

หงซิ่วกับคนสนิทขององค์ชายสี่อมยิ้มในหน้า ที่เห็นผู้สูงศักดิ์สองคนต่อปากต่อคำกันอย่างสนิทสนมรักใคร่

“มาเล่นหมากล้อมกันสักตาดีไหม” องค์ชายสี่ชวน

“ไม่เอาหรอก เล่นด้วยทีไรก็แพ้ท่านทุกที คราวก่อนแพ้พนันเสียชาหลงจิ่งไปตั้งเยอะ จนข้าแทบไม่มีชาดื่ม ข้าเข็ดแล้ว” คนน้องบ่นแบบไม่จริงจัง

ใบชาหลงจิ่งหรือใบชามังกร จัดเป็นใบชาราคาแพงที่หายากมาก ขนาดในเมืองหลวงมีเพียงไม่กี่ร้านที่หามาจำหน่ายได้ ว่ากันว่าชานี้มีราคาแพงกว่าทองคำเสียอีก มีเงินมหาศาลก็ซื้อไม่ได้ ขนาดในวังหลวงฮ่องเต้ยังไม่มีชาชนิดนี้ดื่มทุกวัน

โชคดีที่ท่านแม่ของมู่หรงเหลียนซิงให้คนส่งมาให้เป็นประจำ จวนแห่งนี้จึงมีชาชนิดนี้ดื่มตลอดทั้งปีไม่ขาด

องค์ชายสี่ส่ายหน้า

“เจ้าชอบออมมือให้ข้า”

“ข้าเปล่านะ ท่านก็รู้ว่าข้าชอบวางหมากมั่ว มีกลยุทธ์ที่ไหน” อีกคนไม่คิดยอมรับ

“การสอบสัปดาห์หน้าเจ้าตั้งใจให้มากหน่อยนะ” จ้าวจิงเฉิงพูดเสียงจริงจัง

คนฟังหรี่ตาเล็กน้อย เดาว่านี่น่าจะเป็นจุดประสงค์แท้จริงที่อีกฝ่ายมาหาตน

“มีอะไรสำคัญ”

“ข้าได้ข่าวมาว่า คนของตระกูลหนานกงจะมาร่วมทดสอบครั้งนี้ด้วย”

แววตาของอ๋องน้อยเป็นประกายขึ้น ก่อนเผยรอยยิ้มเหยียดออกมา

ตระกูลหนานกงเป็นตระกูลแม่ทัพของแคว้นจ้าวมาสามชั่วคน บัดนี้ใกล้ที่จะส่งไม้ต่อให้รุ่นลูก แน่นอนว่าคนตระกูลนี้เป็นศัตรูโดยธรรมชาติกับตระกูลมู่หรงที่มีอำนาจยิ่งใหญ่อยู่ชายแดน

ก่อนหน้านี้ มู่หรงเหลียนซิงเคยปะทะฝีปากกับหนานกงอวี้ คุณหนูใหญ่ โดยนางหาว่าม้าของตนไปขวางทางขบวนเกี้ยวของนางให้หยุดอยู่กลางตลาด เสียเวลาไปหลายเค่อ

อ๋องน้อยไม่รู้สึกรู้สาตอบกลับไปว่า “ม้าของข้ามันไม่ค่อยเชื่อง ถ้าเจ้ามีปัญญาก็มาดึงมันให้พ้นทางเอง”

คุณหนูหนานกงจึงสั่งคนรับใช้ให้มาดึงบังเหียนม้า พอเข้าใกล้ก็โดนม้าดีดจนมีคนเจ็บไปหลายคน สุดท้ายเดือดร้อนไปถึงเจ้าเมืองต้องมาตัดสินคดีความ เขาขอร้องแทบจะกราบกรานให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายเลิกรากันไป โดยค่ารักษาพยาบาลคนเจ็บทั้งสองฝ่ายแบ่งกันจ่ายเท่าๆ กัน

“ฝากไว้ก่อนเถอะมู่หรงเหลียนซิง” คุณหนูหนานกงพูดอาฆาตทิ้งท้าย

“รีบมาเอาคืนนะคุณหนู ข้าขี้เกียจเก็บไว้นาน” อ๋องน้อยตอบด้วยท่าทางเบิกบาน

สตรีนางนั้นสะบัดหน้าแล้วจากไป ขณะที่อีกคนยืนหัวเราะจนท้องแข็ง

ส่วนคุณชายหนานกง หนานกงเหวย อ๋องน้อยเคยยิงธนูแย่งกระต่ายตัวเดียวกันในงานเสด็จประพาสของฮ่องเต้ปีที่แล้ว ครั้งนั้นถูกตัดสินให้เสมอกัน ได้กระต่ายไปคนละครึ่งตัว

เรื่องนี้แพร่ออกไปทำให้ชาวบ้านพากันร่ำลือไปว่า สองตระกูลมีฝีมือทัดเทียมกัน ตระกูลหนานกงได้รับการยกย่องสรรเสริญ ขณะที่ตระกูลมู่หรงถูกเหยียดหยามดูแคลน หาว่าป่าเถื่อนต่ำช้า

ทว่ามู่หรงเหลียนซิงก็ไม่เคยสนใจ ออกจะพึงพอใจกับชื่อเสียงเน่าๆ ของตนเสียด้วยซ้ำ

“น่าสนุกดี” เจ้าของจวนตอบ

เจ้าก็เป็นซะแบบนี้

องค์ชายสี่ส่ายหัวกับการแสดงออกของญาติผู้น้อง ที่ดูไม่ร้อนใจกับปัญหาอะไร

“ตอนนี้บ่อนทั้งเมืองกำลังลงขันพนัน เรื่องเจ้ากับคุณชายหนานกงว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะการสอบครั้งนี้”

“จริงรึ” นัยน์ตาของเจ้าของบ้านแจ่มใสกว่าเดิม มองเป็นเรื่องสนุก “อัตราต่อรองเท่าใด”

“ถ้าเจ้าชนะ จ่ายหนึ่งต่อสิบ”

“หา!” อ๋องน้อยหลุดอุทาน รู้สึกเหมือนโดนหมิ่นเกียรติ “ดูถูกข้าเกินไปแล้ว แบบนี้ข้าต้องไปสั่งสอนเจ้าพวกนั้นสักหน่อย”

มู่หรงเหลียนซิงขยับตัวจะลุก พลันเจ็บแปลบที่บาดแผล มีเหงื่อซึมแตกเต็มหน้าผาก จึงทรุดตัวลงนั่งตามเดิม

เจ็บชะมัด!

“แทนที่เจ้าจะออกไปโวยวาย ข้าว่าเจ้ารีบท่องตำรา เผื่อว่าจะชนะการสอบน่าจะดีกว่า”

คนฟังกลอกตาไปมา

“ที่แท้ท่านก็มาเกลี้ยกล่อม เพื่อให้ข้าท่องตำรา”

“ข้าไม่อยากให้เจ้าเสียหน้า อย่างไรข้าก็เข้าข้างเจ้า” องค์ชายสี่ตอบยิ้ม จิบชาร้อนอย่างชื่นชอบ “ข้ามาเพื่อบอกเจ้าว่า ข้าเดิมพันข้างเจ้าไปแล้ว เจ้าก็อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ”

อ๋องน้อยแค่นหัวเราะออกมา

“ท่านลงเงินไปเท่าใด”

“หนึ่งหมื่นตำลึง”

มู่หรงเหลียนซิงอ้าปากค้าง ชี้นิ้วไปยังญาติผู้พี่ด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

...หากชนะพนันได้เงินถึงหนึ่งแสนตำลึง

“นี่ท่าน ท่านกะร่ำรวยเพราะพนันครั้งเดียว”

“ใช่ เจ้าก็ตั้งใจล่ะ” จ้าวจิงเฉิงพูดยิ้ม “เย็นแล้วข้าจะกลับไปท่องตำราต่อ ไว้เจอกันวันสอบนะ”

ข้าว่าท่านน่ะร้ายกาจกว่าข้าอีก

อ๋องน้อยถอนใจเบาๆ ได้แต่ตอบกลับไปว่า

“ขอรับท่านพี่”

ขณะที่มู่หรงเหลียนซิงออกมาส่งจ้าวจิงเฉิงที่เกือบหน้าประตูใหญ่ โดยมีหงซิ่วตามมาด้วยอย่างเป็นห่วง

“ส่งแค่นี้ก็พอ”

“ฝากคารวะท่านน้าด้วย ไว้สอบเสร็จข้าจะไปพบ”

“อือ” องค์ชายสี่โบกมือให้ แล้วเดินจากไปพร้อมผู้ติดตาม

ในจำนวนองค์ชายทั้งหมด จ้าวจิงเฉิงเป็นพวกที่ติดดินที่สุด ไม่ถือตัวเป็นเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์เหมือนองค์ชายองค์หญิงคนอื่น ที่ไปไหนต้องขี้นเกี้ยวแห่เป็นขบวนยาวเหยียด

“ท่านควรจะพักได้แล้ว” หงซิ่วเตือนหลังแขกลับสายตา พร้อมเข้ามาประคองแขนของเจ้านาย หลังเห็นอีกฝ่ายมีเหงื่อแตกพลั่กเต็มหน้า เดาว่าคงเจ็บบาดแผลไม่น้อย

“ข้ารู้แล้ว” อ๋องน้อยถอนใจเบาๆ ยกแขนปาดเหงื่อทิ้ง

มู่หรงเหลียนซิงก้าวไม่กี่ก้าว พลันมีใครบางคนวิ่งเข้าประตูใหญ่มาด้วยท่าทางเร่งรีบ

“แย่แล้วพี่เหลียนซิง” เฉียนซูเหิงร้องโวยวาย

เจ้าของบ้านหันไปมองเพื่อนใหม่

“มีอะไรน้องซูเหิง”

“พี่หยุนจือ พี่หยุนจือเกิดเรื่อง”

“กับใคร” อ๋องน้อยถามอย่างเร็ว

“กับคนตระกูลหนานกง”

ไปผิดใจอะไรกับพวกนั้น

คนฟังขมวดคิ้วมองว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ในเมืองนี้มีไม่กี่คนที่กล้าตอแยกับคนตระกูลใหญ่นั้น

“มีปัญหาอะไร”

“พี่หยุนจือไปบอกถอนหมั้นกับคุณชายหนานกง ทางนั้นไม่ยอม กล่าวหาว่าฝ่ายพี่หยุนจือไม่รักษาสัจจะเลยคิดใช้กำลัง พี่หยุนจือให้ข้าหนีออกมาก่อน ข้าก็เลยมาบอกพี่เหลียนซิง...”

ถอนหมั้น

แววตาของมู่หรงเหลียนซิงมืดครึ้มลงหลายส่วน หันไปทางสาวใช้คนสนิท

“เตรียมรถม้า สั่งคนมีฝีมือดียี่สิบคนให้ตามไปด้วย”

“เจ้าค่ะ” หงซิ่วรับคำ

OoXoO

เรื่องยุ่งๆ กำลังมาอีกแล้วค่ะ เปิดตัวคู่แค้นคนสำคัญอีกคนของอ๋องน้อย ในตอนหน้าหยุนจือจะโชว์ฝีมืออีกรอบ วรยุทธนางเอกของเราจะสูงส่งขนาดไหน หรือโดนถล่มยับเยิน ต้องเอาใจช่วยกันต่อค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์ ทุกหัวใจ ทุกการติดตามค่ะ สุขสันต์วันตรุษจีน เฮงๆ รวยๆ ทุกท่านนะคะ

นาง ^^

OoXoO




Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2565
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2565 21:02:58 น.
Counter : 626 Pageviews.

0 comments
: เพราะรักนั่นแหละ : กะว่าก๋า
(5 ก.ย. 2567 04:22:22 น.)
โดริวัล จูเนียร์ เรียกตัวลูคัส มูราสำหรับเกมรอบคัดเลือก ล่องแม่ปิง
(5 ก.ย. 2567 21:42:51 น.)
มัณฑนา​ โมรา​กุล​ ปรศุราม
(2 ก.ย. 2567 13:35:09 น.)
:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการที่ 359 :: กะว่าก๋า
(2 ก.ย. 2567 04:56:55 น.)
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Nuinang.BlogGang.com

นิ้วนาง-เดียนา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]

บทความทั้งหมด