ความอดทน สองขั้ว ที่ควรฝึกลูก เราเชื่อว่า พ่อแม่หลายคน น่าจะเคยตกอยู่ในสถานการณ์ หรือกำลัง หรือ อาจจะมีโอกาสตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
บางเส้นทางที่คิดว่าเลือกแล้ว โดยส่วนมาก เด็กเล็กๆ คือพ่อแม่เลือกให้ เลือกเองก็ไม่มั่นใจเอง ว่ามันใช่ป่าววะ ปล่อยให้เด็กเลือกเองก็มี (เราก็ได้แต่บอกตัวเองว่า ไม่เป็นไร ให้ลูกได้ลองอะไรที่หลากหลายจะได้รู้ว่าชอบอะไร) บางครั้งพอเราเดินไปตามเส้นทางนี้แล้ว มันมักจะมีโมเมนต์ ที่ ลูกต้องอดทน..... พอมีคำว่า "ต้อง" เข้ามาแล้ว มันเหมือนเป็นสิ่งที่ จำเป็น ต้องทำ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...จริงหรือ?? เวลาที่เด็กอยู่ในสภาวะ ที่ "ไม่ใช่" บางที เค้าจะเผชิญกับ สิ่งเหล่านี้ อดทนต่อความยากลำบาก ทางกาย อดทนต่อความยากลำบาก ทางใจ อดทนต่อความล้มเหลว อดทนต่อความเปลี่ยนแปลง อดทนต่อสภาพแวดล้อมรอบข้าง อดทนต่อความแตกต่าง ทางความคิด อดทนต่อความเครียด แล้วแค่ไหน ถึงจะพอดี? โดยส่วนตัวแล้ว เรามองว่า ความอดทน เป็นทักษะจำเป็น แต่ ต้องพิจารณาให้ดี ว่า การฝึกความอดทนพร่ำเพรือนั้น บางครั้ง อาจจะกลายความโง่เขลาโดยไม่จำเป็น การฝึกอดทน ในเชิงปริมาณ เป็นการเจอสิ่งเดิมๆ ที่มากระตุ้นซ้ำๆ และอดทน ยิ่งมาก จะยิ่งทนได้นาน ไปจนถึงชาชิน เช่น การที่่เราเจอสิ่งที่เราไม่ชอบซ้ำๆ สมมติ ถ้ามีคนมาพูดแบบนี้กับเรา ฟังครั้งแรก อาจจะ ปริ๊ดแตกไป แต่พอนานๆ ไป ชิน... ปลง ช่างแม่ง เลวร้ายคือ สูญเสียความเป็นตัวเอง ทนซะจนไม่รู้ความต้องการของตัวเอง ว่าต้องการอะไร ปล่อยไหลไปตามคนอื่น สมมติ เช่น การที่เด็กโดนเพื่อนล้อ เพื่อนแกล้งในโรงเรียน แล้วเราบอกลูกให้อดทน การอดทนเรียน อดทนทำ ในสิ่งที่ไม่ชอบซ้ำๆ (บางคนจะบอกว่า เอ๊ะ ทักษะนี้ จำเป็นนะ...รออ่านต่อไป นี่คือ ความอดทนเชิงปริมาณ) หรือคิดง่ายๆ รองเท้ากัด ใส่ไม่สบาย ก็ทนใส่ไป จนเลือดออก เท้าด้าน ถึงจะหายเจ็บ ทนมาขนาดนี้ มันอาจจะใส่สวย (สวยข้างนอก เท้าด้านข้างใน พรุนไปด้วยพาสเตอร์) หรือ เสียดายซื้อมาแพง หรือไม่มีเงินซื้อใหม่ เหตุผลใดสักเหตุนึง สิ่งนี้ เป็น การฝึกเชิงปริมาณ ที่ เรา(หรือเด็ก) ควรจะมีการตระหนักรู้ ว่า ปริมาณนี้ ควรจะจำกัดอยู่ที่แค่ไหน และ แค่ไหนถึงจะไม่โอเค การฝึกความอดทนเชิงปริมาณ นี้ สิ่งที่ได้ คือ การรักและเมตตาตัวเอง ถ้าเรารักและเมตตาตัวเอง เราจะไม่ปล่อยให้ตัวเองไปตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องใช้ความอดทน เชิงปริมาณ เกินขีดจำกัด การฝึกสื่อสารความรู้สึก และ ต้องการของตัวเองออกไปให้คนอื่นรับรู้ การฟังความรู้สึกตัวเองเป็นเรื่องใหญ่มาก ใครหลายคนโตมาเป็นผู้ใหญ่ ที่ฟังเสียงตัวเองไม่เป็น แน่นอน พอฟังไม่เป็น จะสื่อสารได้ยังไง ถ้าไม่ฝึกสิ่งเหล่านี้.... โตขึ้น จะเกิดสถานการณ์ เช่น สามีไปมีเมียน้อย รึโดนทำร้ายร่างกาย เพราะรักต้องทน ใครบอกให้เลิก ก็ไม่เลิก วนเวียนว่ายอยู่แบบนั้น คนนอกจะมองว่า อดทนทำไม แต่เจ้าตัวก็ยังคร่ำครวญอยู่นั่น ในที่ทำงาน ก็อาจจะโดนกดขี่ เอาเปรียบ ผลพลอยได้จากการทน เกินปริมาณ คือ การมีนิสัย พร่ำบ่น ต่อสิ่งรอบตัว เพราะไม่รู้ความต้องการตัวเองที่แน่ชัด เพราะไม่รู้จะสื่อสารยังไง เพราะโทษสิ่งรอบข้างไว้ก่อน....ขอให้กูได้บ่น และ เป็นผู้ถูกในความคิด ก็ยังดี! มองโลกแง่ร้าย และเป็นผู้ถูกอยู่เสมอ ขาดการลงมือทำที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง (ก็ทนได้นิ) การสอนให้ลูก อดทน เชิงปริมาณ แบบไร้จุดหมาย เพื่อตอบสนองความต้องการของพ่อแม่เอง เป็นหนทางพาลูกไปสู่หายนะ อย่างแท้จริง ในขณะเดียวกัน..... ยังมีความอดทนอีกขั้วหนึ่ง นั่นคือ เชิงคุณภาพ ที่สำคัญมาก มันมาคู่กัน ความอดทนทำสิ่งที่เราไม่ชอบ เชิงปริมาณ ณ จุดหนึ่ง สามารถแปรเปลี่ยนเป็นความอดทน เชิงคุณภาพได้ เมื่อ เจ้าตัวได้เรียนรู้ และ เติบโต เมื่อคุณอดทนกับอะไรบางอย่างเหี้ยๆ ไปสักพัก มันจะมีโมเมนต์ ที่คุณ คิดได้ และเติบโต แบบก้าวกระโดด "ตื่น" แล้วบอกกับตัวเองได้ว่า เราอดทนต่อสิ่งนี้ ไปเพื่ออะไร ในแบบที่ไม่หลอกตัวเอง ต่อให้คุณอดทนไปทั้งชีวิตแบบไม่เรียนรู้ มันก็จะเป็นแค่ความอดทนเชิงปริมาณเท่านั้น ความอดทน เชิงคุณภาพ คือ ความอดทนที่มีเป้าหมาย เด็กจะทำสิ่งนี้ได้ ก็ต่อเมื่อ มันเป็นส่วนหนึ่งของการได้ทำสิ่งที่เค้ารัก และมีความสุข ถึงแม้มันจะลำบาก เขาก็ยินดีที่จะอดทน บางทีนะ เราก็มานั่งคิดว่า ที่ลูกเรามันอดทนนั่งทำการบ้านให้เสร็จๆ ไม่ใช่เพราะรักเรียน แต่ อดทนทำเพราะ เมื่อทำเสร็จแล้วมันจะได้เป็นอิสระ และ เล่นได้ตามใจปรารถนา ไม่ใช่อดทน เพราะอยากเรียน เด็กไม่รู้เรียนไปทำไม รู้แต่นี่คือหน้าที่ นี่มันลูกตรูนิ!! มิวเปิดหน้านี้ดูแล้วบอกว่า แม่ๆ นี่มันมิวชัดๆ (ภาพประกอบจากหน้งสือ พูดอย่างไรให้ลูกอยากเรียน สไตล์คุณแม่ญี่ปุ่น....แนะนำเลย ดีมาก) ![]() การเรียน ไม่ใช่การฝึกความอดทน เชิงปริมาณ เพียงอย่างเดียว เราคิดว่าเด็กๆ ในจุดที่เค้ายังไม่รู้ว่าตัวเอง ชอบอะไร อยากทำอะไร ไม่ว่าจะระดับชั้นไหน ประถม มัธยม มันเป็นเพียงแค่การฝึกความอดทนเชิงปริมาณ เท่านั้น แล้วมันอาจจะนำไปสู่วงจรอุบาทว์ ที่เขียนไว้ด้านบน อดทนจนชินชา อดทนจนไม่รู้ว่า ตัวเองชอบอะไร รักอะไร ต้องการอะไร หรือแม้กระทั่ง รู้สึกอย่างไร สิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจ คือ ลูกอดทนไปทำไม เขาจะเจอจุดที่เปลี่ยน ความอดทนเชิงปริมาณ เป็นคุณภาพได้อย่างไร ความอดทนเชิงคุณภาพนี้ จะนำไปสู่ ความมั่นใจในตัวเอง ความนับถือตนเอง และรักตนเอง ความเห็นส่วนตัว เราไม่ค่อยเห็นด้วยกับการอดทนเรียน เชิงปริมาณ ในระบบการศึกษาไทย เพื่อให้วิชาการแน่นปึ่ก เพื่อจะต้องไปแข่งขันเอาโล่ห์ เรียนพิเศษมันแน่นเอียดเสาร์อาทิตย์.....บางทีลูกคุณน่ะ อดทนได้ เพราะเสียงของพ่อแม่และคนรอบข้างกรอกหู "นี่คือ จำเป็น นี่ คือ สิ่งสำคัญ" ใครที่ทำอะไรแบบ ไม่ต้องอดทน ถือเป็นลาภอันประเสริฐของชีวิต (แต่เอาจิงดิ ต่อให้คุณทำสิ่งที่คุณรัก ในสิ่งที่คุณรัก มันก็จะมีบางแง่มุมที่คุณอาจจะไม่ชอบ และอดทนกับมันได้..... เพียงแต่ตัดคำว่า "้ต้อง" อดทน ออกไป มันเป็นความอดทนด้วยความยินดีมากกว่า) ![]() โดย: OneDeeK
วันที่: 7 กันยายน 2559 เวลา:13:43:00 น.พี่ชอบงานเขียนชิ้นนี้ของเกดนะ เขียนความรู้สึก ความคิดได้ละเอียด และมันเป็นแบบนั้นจริงๆ พี่เชื่อนะว่าคนเราต้องฝึกความอดทน แต่ก่อนที่จะอดทน ต้องถามว่า ทนเพื่ออะไร ถ้าทนเพื่อผลที่ดีงามก็ทนไป แต่ทนเพื่อสิ่งที่ไม่เข้าท่า ก็ไท่จำเป็นต้องทนพร่ำเพรื่อ
โดย: หุย IP: 223.24.117.219 วันที่: 7 กันยายน 2559 เวลา:14:55:13 น.
เป็น blog ที่น่าสนใจมากค่ะ
แล้วจะมาอ่านบ่อยๆนะคะ โดย: ป้าลิน IP: 188.165.240.145 วันที่: 21 ตุลาคม 2559 เวลา:3:18:35 น.
|
บทความทั้งหมด
|







วันที่: 7 กันยายน 2559 เวลา:13:43:00 น.
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [