Law abiding citizen : เมื่อความยุติธรรมแปรเปลี่ยนเป็นความอยุติธรรม ประชาชนตาดำๆควรจะทำอย่างไร
เมื่อวานไปดูรอบพิเศษเรื่องนี้มา ในใจคิดแต่แรกเริ่มว่าหนังเรื่องนี้ต้องมันแน่ๆ จากคำโปรยและเทรลเลอร์ และ ต้องมีฉากหักเหลี่ยมเฉือนคมอย่างสุดเหวี่ยงกันอย่างแน่นอน(ปกติชอบดูหนังใช้สมอง) แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ไม่มีฉากไหนในเรื่องที่เราคิดว่าน่าเบื่อแม้แต่ฉากเดียว แต่มีข้อสงสัยนิดหน่อยว่าหนังเรื่องนี้ตัดฉากโหดออกไปหรือเปล่า หากใครได้ดูฉบับเต็มช่วยมาแจงให้ฟังหน่อย เพราะมีความคิดว่า ฉากโหดถ้าเสริมเข้ามาในเรื่อง อาจจะทำให้หวาดผวาได้มากกว่านี้

เนื้อเรื่องในเรื่องนี้เกี่ยวกับการที่ประชาชนตาดำๆคนหนึ่ง(เจอร์ราด บัตเลอร์)เรียกร้องสิทธิที่ตนเองพึงจะได้จากกระบวนการยุติธรรมป่วยๆคร่ำครึโบราณที่มีมาแต่ช้านานและไม่มีใครคิดจะเปลี่ยนแปลง หลายต่อหลายฉากในเรื่องโดยเฉพาะ ตั้งแต่เริ่มเรื่องที่ลูก-เมียพระเอกโดนฆ่าตายอย่างทารุณ แถมยังโดนข่มขืนซ้ำอีก เรื่องราวเหล่านี้ล้วนพบเห็นได้ในสังคมอเมริกาทั่วไป ซึ่งเป็นคดีที่ปิดไม่ลงเพราะไม่สามารถตามหาผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ แล้วตำรวจก็ปิดแฟ้มคดีไปเฉยๆโดยไม่ตามต่อเพราะอ้างว่ามีหลายคดีล้นมือ เหมือนเชิงพูดกลายๆว่า ให้ทำใจซะเถอะ ( แล้วจะมีตำรวจไว้ทำแมวอะไร) ซึ่งประชาชนบางคนคิดว่าหากตำรวจใส่ใจปัญหาหรือคดีของตัวเองมากกว่านี้ คนร้ายคงจะถูกจับได้ไม่ยากนัก แต่เราก็ไม่อาจทราบได้เหมือนกันว่า หากตำรวจตามจนถึงที่สุดแล้วจะสามารถจับคนร้ายมาดำเนินคดีได้หรือเปล่า(หากมีความสามารถไม่เพียงพอและกฏหมายมีช่องโหว่ไม่สามารถเอาผิดได้)

หนังเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความอยุติธรรมของกระบวนการยุติธรรมที่เกิดในศาลและผู้ถือครองกฏหมายทั่วโลก โดยเฉพาะอาชีพทนายที่มีหน้าที่ช่วยเหลือลูกความและทำให้ลูกความของตัวเองได้รับโทษเบาบางที่สุด แต่ถ้าหากทนายรู้ดีว่าลูกความของตัวเองผิดเต็มประตู สมควรได้รับโทษอย่างร้ายแรง อยากจะรู้ว่า ณ ขณะนั้น ทนายเหล่านี้จะใช้จิตสำนึกหรือจรรยาบรรณของตัวเองเข้ามาเป็นส่วนประกอบหนึ่งของการตัดสินใจหรือไม่ หรือคิดถึงเพียงแค่เม็ดเงินที่ตัวเค้าจะได้รับจากลูกความหากชนะคดีนี้ได้เท่านั้น มนุษยธรรมหรือความยุติธรรมที่มีให้กับผู้เสียหายนั้นไม่มีค่าในสายตาพวกเค้าเลยหรือ หากคนผิดต้องลอยนวลแต่ผู้เคราะห์ร้ายต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างไม่เป็นสุขเพราะจิตใจเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและรอคอยวันเวลาเพื่อกลับมาชำระหนี้

เรื่องนี้ยังคงเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันอย่างแพร่หลายว่ากฏหมายนั้นไม่สามารถตัดสินคดีหรือชี้ชัดได้กับทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ทุกสิ่งอย่างล้วนมีช่องโหว่หรือจุดบกพร่องรวมถึงกฏหมายด้วย กฏหมายในสมัยก่อนศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพยำเกรงของประชาชนทั่วไป บัดนี้กลายเป็นข้อบังคับห่วยๆที่หากประชาชนไม่พอใจก็ออกมาเรียกร้องเพื่อทวงสิทธิอันชอบธรรมของตัวเอง ดังที่ได้เห็นจากการชุมนุมประท้วงบ่อยครั้งที่เกิดขึ้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งเรานั่งผ่านทุกวัน บอกได้เลยว่าไม่มีวันไหนที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจะได้พักผ่อน มีหลายพวกหลายกลุ่มต่างแวะเวียนกันเข้ามาปักหลักที่นี่เสมือนบ้านของตัวเองเพื่อเรียกร้องสิทธิที่ตัวเองพึงจะได้รับคือสิ่งที่อยู่บนแท่นสูงสุดของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นั่นก็คือ รัฐธรรมนูญ หมายถึง การปกครองรัฐอย่างถูกต้องเป็นธรรม ดังนั้นประชาชนหากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐ ก็จะขยันกันแวะเวียนเข้ามาเพื่อเรียกร้องสิ่งนั้น แม้บางครั้งอาจจะทำให้เลยเถิดบานปลายไปและ มีผลกระทบต่อประชาชนทั้งประเทศ

ถามว่าพ่อในเรื่องนี้ทำถูกต้องไม๊ที่กลับมาเรียกร้องสิทธิที่ตัวเองพึงจะได้โดยเหมือนเป็นการย่ำรอยเท้าของฆาตรกรที่ฆ่าภรรยาตัวเอง การทำร้ายชีวิตคนอื่นเป็นทางเลือกที่ดีแล้วเหรอในการเรียกร้องความยุติธรรม ต่างคนก็ต่างความคิด การทำร้ายหรือทำลายชีวิตคนอื่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีหรอก เพราะมันจะทำให้จิตใจถูกตอกย้ำมากขึ้นเรื่อยๆและไม่สามารถลืมเหตุการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้ ตราบใดที่จิตใจยังไม่ถูกปลดปล่อยจากห้วงของความคิดแก้แค้น ตราบนั้นภาพที่คนรักถูกทำลายต่อหน้าก็จะไม่ลบเลือนไปจากจิตใจอย่างแน่นอน เพราะ ภาพตอนที่ทำร้ายคนอื่นมันจะไปซ้อนทับกับภาพที่คนรักของตัวเองถูกทำร้ายอยู่ร่ำไป ดังนั้นความเป็นธรรมประชาชนทุกคนสามารถเรียกร้องได้ แต่ต้องอยู่ในขอบเขตและควรพึงนึกเสมอว่า การเรียกร้องของตัวเองจะไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อคนอื่นหรือสังคมโดนรวม หากแต่ปัจจุบัน การเรียกร้องความยุติธรรมทุกครั้งจำเป็นต้องทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมากเพื่อให้รัฐมองเห็นความสำคัญและหันมาแก้ปัญหาให้กับตัวเองโดยเร็ว

สุดท้ายแล้วทางเลือกหรือจุดจบของพระเอกจะเป็นอย่างไร จะสามารถทวงความยุติธรรมให้กับประชาชนตาดำๆได้หรือไม่ และเมื่อใครเข้าไปดูอยากให้ลองพิจารณาว่าในเรื่องนี้คนที่สมควรถูกกล่าวโทษมากที่สุดคือใคร ระหว่างรัฐกับประชาชน หรือ ระหว่างพระเอกกับทนาย

ขอแนะนำให้เข้าไปดูอย่างแรง ความสนุกและความตื่นเต้นที่พลาดไม่ได้ซักตอนรอคุณอยู่ ยิ่งหากคุณดูเรื่อง prison break แล้วเกิดความรู้สึกประทับใจแล้วหละก็ แม้พระเอกเรื่องนี้จะไม่หล่อเท่า scofild แต่ความฉลาดและไหวพริบนั้นไม่ได้แตกต่างกันเลย เมื่อคุณเข้าไปดูหนังเรื่องนี้แล้ว คุณจะมีความคิดเหมือนเราว่าทำไมเราถึงคิดว่าหนังเรื่องนี้คล้าย prison break แต่คงไม่สามารถบอกได้ว่าเหมือนหรือต่างกันตรงไหน แต่ไม่อยากให้พลาดหนังเรื่องนี้ เพราะหนังเรื่องนี้จับจังหวะได้ดีไม่อืดหรือเร็วจนเกินไป ทำให้ดูสนุกและไม่น่าเบื่อหน่าย เวลาที่ผ่านไปไม่ถึง 2 ชม.อาจจะทำให้คิดว่าผ่านไปแค่ไม่ถึง 2 นาทีก็ได้ (เวอร์) ดังนั้นคอหนังแอคชั่นหรือใครที่ชอบหนังหักเหลี่ยมชิงไหวพริบไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้ด้วยประการทั้งปวง



Create Date : 16 ตุลาคม 2552
Last Update : 16 ตุลาคม 2552 15:26:24 น.
Counter : 2289 Pageviews.

4 comments
  
ไปมาแล้วคับ ผมสะใจมากๆเลย
โดย: อาเฉินน้อย IP: 124.120.156.30 วันที่: 16 ตุลาคม 2552 เวลา:20:09:11 น.
  
ผมก็ไปดูมาวันนี้ครับ
แต่ สิ่งนึงที่ผม หวังไว้จากเรื่องนี้
แต่ ผมก็ คิดไว้แล้วว่า หนังคง เป็นไป ตามที่ผมคาดไว้ไม่ได้อ สิ่งที่ผมหวังคือการที่ระบบกฏหมาย มันพังทลาย ต่อหน้า คนทุกคน
แต่ผมก็ ว่าตอนจบ พระเอกโดนจับไต๋ ได้ง่ายไป
ถ้าเทียบกับที่หนังเรื่องนี้ปูเนื้อเรื่องมาตอนแรกๆ อะครับ
โดย: Azaton IP: 124.122.174.28 วันที่: 16 ตุลาคม 2552 เวลา:21:34:29 น.
  
อยากไปดูครับ แต่ยังไม่มีโอกาสไปเลย
โดย: akenaza IP: 10.6.134.236, 202.28.179.4 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:10:33:35 น.
  
อะนะ ก็เวอร์จริงๆนะแหละ

หนังเรื่องนี้ไม่มันส์อย่างที่คิดอะ ตั้งทู้ไว้แล้ว ลองไปอ่านนะ //www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8451623/A8451623.html

ป.ล. background มันทำให้อ่านตัวอักษรยากไปมั้ย?
โดย: จุใจ IP: 58.9.142.65 วันที่: 20 ตุลาคม 2552 เวลา:9:03:12 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Noon0072.BlogGang.com

dfh
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]

บทความทั้งหมด