โปรดวิพากษ์ข่าวดังกันอย่างมีสติ แต่อย่าริอาจหาญวิจารณ์ยกตระกูล จากกรณีเรื่องรถเก๋งชนรถตู้ ก็เป็นกรณีศึกษาหนึ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยถึงความขาดสติ และ วิจารณญาณในการอ่านข่าว รวมถึง หลงลืมในการพิจารณาแหล่งที่มาของข่าวนั้นๆว่าน่าเชื่อถือเพียงใด เช่น กรณี บีบี ที่มีคนนำข้อความขึ้นมา โดยเข้าใจผิดคิดว่าเป็น แพรวา และ มีข้อความรุมด่าคนเหล่านั้นมากมาย รวมถึง ส่งข้อความไปด่าคนนั้นอย่างขาดสติ บ้าคลั่ง ทั้งๆที่ หากพิจารณาอย่างมีสติและไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วนั้น เป็นไปไม่ได้ที่ แพรวา จะเขียนข้อความในลักษณะนั้นลงไปเพื่อประจานตนเอง ถึงแม้ว่า จริงแท้แล้ว เธอจะมีพฤติกรรม ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม แต่ ก็ไม่จำเป็นที่เธอจะขาดความเฉลียวถึงกระทั่ง พิมพ์ข้อความ อันประจานความผิดบาปของตัวเอง เหตุการณ์การปะทะของคนชนชั้นกลาง และ คนชนชั้นล่างในช่วงปีที่ผ่านมานี้นั้นดุเดือดรุนแรงมาก จึงทำให้หลายคนเริ่มมองเห็นความเหลื่อมล้ำในสังคมอย่างชัดเจน แม้บางคนปฏิเสธ แต่ด้วยเหตุเพราะไม่อยากเข้าร่วมกับฝั่งที่ตนเองไม่นิยม แต่ เหตุการณ์ข่าวในสังคมหลายต่อหลายเหตุการณ์ทำให้สามารถมองเห็นความคิดของคนในสังคมได้อย่างคร่าวๆว่า พวกเขาเหล่านั้นกำลังยอมรับ ความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยไม่รู้ตัว เช่นกรณีนี้ หากคนที่ขับรถเก๋งมิใช่คนนามสกุล เทพ หัสดิน ณ อยุธยา ก็จะไม่มีการสนใจ หรือ สืบหาต้นตระกูลนี้ว่าเป็นอย่างไร ดำรงตำแหน่งอะไร หรือสนใจและแม้แต่จดจำชื่อของจำเลยก็เป็นได้ แต่อนิจจา กรณีนี้ นอกจากคนตายจะเป็น เด็กธรรมศาสตร์ แล้ว คนขับรถเก๋งก็ดันเป็นคนตระกูลพระราชทาน จึงทำให้หลายต่อหลายคน เกรงว่า คดีนี้จะเงียบหายไปโดยผู้กระทำความผิดไม่ได้รับโทษอันสมควรอย่างแน่นอน 2 มาตรฐาน ในสังคมไทยที่เคยออกจากปากของคนชนชั้นล่างเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ ณ วันนี้ คำๆนี้ออกมาจากปากของคนชนชั้นกลางเพื่อเรียกร้องสิทธิ์บ้าง แต่ หารู้ไม่ว่า ใน ขณะเดียวกัน คนชนชั้น(อะไรไม่รู้ที่มีนามสกุลพระราชทาน) ตอนนี้กำลังถูกริดรอนสิทธิ์และถูกบังคับมิให้เรียกร้องสิทธิ์อันพึงจะได้รับในฐานะการเป็นพลเมืองในประเทศด้วยซ้ำ ขนาดลุง พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก ที่เป็นเพียงผู้ร่วมนามสกุลออกสื่อเพราะน่าจะทนไม่ได้กับการที่คนในสังคมส่วนใหญ่แยกแยะไม่ได้ ด่าคนโดยสนใจที่นามสกุลจึงทำให้เหมารวมคนทั้งตระกูลว่าเป็นคนไม่ดี ไม่มีความรับผิดชอบให้ท้ายคนผิด ใช้ตำแหน่งเอื้อประโยชน์ในการหลบเลี่ยงความผิด ทั้งๆที่ เขาเป็นเพียงผู้ร่วมนามสกุล หากมีอายุอานามสามารถร่ำเรียนเขียนอ่านได้ น่าจะพึงรู้ด้วยตนเองได้ว่า คนกระทำความผิดย่อมได้รับโทษนั้น และ ข้อความกลับกันของข้อความนี้ก็คือ คนที่ไม่ได้กระทำความผิด ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับโทษนั้นรวมถึงการพิพากษาทางสังคมเช่นเดียวกัน การออกมาเรียกร้องสิทธิ์ให้กับผู้ตายเป็นสิ่งที่ดี แต่ ก็ไม่รู้ว่า การเรียกร้องนั้นสมควรมีขอบเขตหรือไม่ เรียกร้องแบบไหนถูกหลัก การด่าทอลามปามถึงโคตรเหง้าตระกูลนั้นคือ การเรียกร้องแบบถูกต้องเยี่ยงนั้นหรือ หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วยังมองเห็นว่า เป็นการกระทำที่ถูกต้อง เราคงต้องถอนหายใจ รวมถึงอำลาอาลัยประเทศไทยดั้งเดิม และ เข้าสู่ประเทศไทยยุคใหม่แบบไร้อารยธรรม
เป็นธรรมดาที่ผู้คนมักจะเหมาอะไรรวมๆไปเสมอ ทั้งๆที่บางทีก็รู้ว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น บทจะยกย่องใคร พวกใคร ก็ยกกันไม่ลืมหูลืมตา บทจะด่าก็ด่ากันสิ้นโคตรเลยทีเดียว หวังว่าเมื่อเวลาผ่านไป อารมณ์ชั่ววูบต่างๆเบาลงบ้างแล้วก็คงพิจารณากันตามความเป็นจริงและแยกแยะได้ว่า คนแต่ละคนก็ต่างๆกันไป พูดเหมารวมไปหมดไม่ได้หรอก จริงๆแล้วในทุกๆวงศ์ตระกูลก็มีดีบ้างไม่ดีบ้างคละกันไป
โดย: ผู้ไม่สันทัดกรณี IP: 115.87.8.121 วันที่: 5 มกราคม 2554 เวลา:0:31:09 น.
|
บทความทั้งหมด
|
||||||||||||||||||||
 |
|
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [