Ebola : ไวรัสมรณะแห่งกาฬทวีป (1) ไวรัสอีโบล่าพบครั้งแรกในวันที่ 26 ส.ค. 1976 ที่เมือง Yambuku ประเทศซาอีร์ในขณะนั้น หรือประเทศสาธารณรัฐคองโกในปัจจุบัน ผู้ป่วยรายแรกนั้นเป็นครูใหญ่ที่ออกไปท่องเที่ยวแถบแม่น้ำ Ebola ลำน้ำสาขาทางเหนือของแม่น้ำคองโกติดกับประเทศแอฟริกากลาง เค้าเสียชีวิตลงในเดือนต่อมา ต่อมาก็มีชาวบ้านที่อาศัยในหมู่บ้าน เข้ามารักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการเดียวกันในอัตราการตายที่สูงมาก คล้ายกับโรคที่เกิดจากไวรัส Marburg ก่อนหน้านี้ องค์การอนามัยโลก ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือโดยการจำกัดพื้นที่ ส่งมอบเวชภัณฑ์ หลังการระบาดสิ้นสุดลงมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 318 ราย เสียชีวิต 280 คน นักวิทยาศาสตร์ได้นำตัวอย่างจากผู้ป่วยไปวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุ ในที่สุดก็มีการประกาศว่าเป็นไวรัสที่ไม่เคยพบที่ใดมาก่อน ให้ชื่อตามสถานที่ค้นพบว่า Ebola virus โดยจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับ ไวรัส Marburg จาการศึกษาล่าสุดพบว่าพบไวรัสในตัวอย่างฟอสซิล ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ย้อนไปได้อย่างน้อย 10 ล้านปีก่อน โดยไวรัสทั้งสองชนิดนั้นแยกสายพันธ์กันเมื่อราว 1000 ปีที่แล้ว จากนั้นก็มีการระบาดขึ้นเป็นระยะๆ โดยพบว่าการะบาดแต่ละครั้ง เกิดจากไวรัสที่ต่างสายพันธ์กัน และแต่ละสายพันธ์ก็มีความรุนแรงที่ไม่เท่ากัน ปัจจุบันมีการจำแนกไว้ 5 สายพันธ์ ตามจำนวนของนิวคลีโอไทด์และการเรียงตัว ปี 1976 สายพันธ์ที่ระบาดครั้งแรกในประเทศซาอีร์ชื่อว่า Ebola virus (EBOV) มีอัตราการตายสูงถึง 88% ในปีเดียวกันมีระบาดครั้งที่สองที่เมือง Nzara ประเทศซูดาน มีอัตราการตาย 53% จำแนกเป็น Sudan Ebola virus (SDUV) การระบาดซ้ำที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากเกิดจากสองสายพันธ์นี้เป็นสำคัญ ปี 1989 สหรัฐอเมริกาก็ได้พบอาการที่คล้ายกับโรค Ebola ในลิงที่นำเข้ามาเพื่อการวิจัยจากฟาร์มแห่งหนึ่งในประเทศฟิลิบปินส์ ปีต่อมาพบว่าคนงานที่สัมผัสลิงมีการสร้างภูมิคุ้มกันโดยไม่แสดงอาการป่วย จัดให้เป็นสายพันธ์ Reston ebolavirus (RESTV) ซึ่งมีความร้ายแรงต่ำ ปี 1994 นักวิจัยที่ทำงานใน Tai national prak ประเทศไอวอรีโคสต์ มีอาการป่วยด้วยอาการคล้ายกับโรคไข้เลือดออก หลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์ เธอก็ออกจากโรงพยาบาล และหายเป็นปรกติในเวลา 6 สัปดาห์ จำแนกเป็น Côte d'Ivoire ebolavirus (CIEBOV) ซึ่งพบเพียงรายเดียว ปลายปี 2007 ถึงต้นปี 2008 มีรายงานการผู้ป่วยโรคอีโบล่าในเขต Bundibugyo ประเทศอูกานด้า มียอดผู้ป่วยสูงถึง 149 ราย เสียชีวิต 37 ราย คิดเป็นอัตราการตาย 25% ตัวอย่างถูกส่งไปที่ CDC ได้รับการตั้งเป็นสายพันธ์ใหม่ Bundibugyo ebolavirus (BDBV) ถึงตรงนี้หากใครอ่านข่าวแล้วมีการพูดถึงอีโบล่าในประเทศฟิลิบปินส์ เพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนของเราแล้วก็คงไม่ตื่นตะหนกตกใจ เพราะสายพันธ์ Reston ebolavirus (RESTV) นี้ยังไม่เคยสร้างความรุนแรงมาก่อน แต่ในขณะเดียวกันก็จะเห็นได้ว่าไวรัสอีล่านั้นเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติของไวรัสที่เมื่อมันขยายจำนวนทุกครั้ง ก็มีโอกาสที่จะเกิดการเรียงลำดับที่ผิดพลาดจนเกิดเป็นสายพันธ์ใหม่ โชคดีที่พบว่ามันมีอัตราการกลายพันธ์ที่ต่ำกว่าไข้หวัดใหญ่ที่ 100 เท่า การระบาดของอีโบล่าในปี 2014 มีรูปแบบคล้ายกับครั้งแรกที่เราค้นพบมัน เริ่มจาการระบาดของสายพันธ์ EBOD ที่มีความร้ายแรงสูง ตามมาด้วยการแพร่ระบาดของสายพันธ์ SUDV ที่มีความรุนแรงน้อยกว่า แต่การระบาดในครั้งนี้มีสิ่งที่น่าวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากปี 1976 ที่มีรายงานเป็นครั้งแรกจนถึงปี 2013 มียอดผู้ป่วยที่ถูกวินิจฉัยโดยองค์การอนามัยโรคไว้ 1716 ราย เปรียบเทียบกับถึง 2615 ราย จากการระบาดเพียง 6 เดือนในปีนี้ แสดงให้เห็นว่าหากเราไม่สามารถหยุดยั้งการระบาดในครั้งนี้ได้ หนังวิทยาศาสตร์แนวไวรัสล้างโลก ก็อาจอยู่ใกล้เพียงเอื้อม ตอนนี้ 50-50 เราเชื่อว่าเขาสร้างโรค สร้างวัคซีนขาย ได้ไปเดียมาจากหนังเรื่องหนึ่งน่ะ อิอิ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 28 สิงหาคม 2557 เวลา:13:29:30 น.
|
บทความทั้งหมด
|