ถ้ำประทุน : เหยี่ยวนกกระจอกเล็ก

เมื่อคนเมืองได้ออกมาเที่ยวป่า เห็นอะไรก็เป็นนกใหม่ได้เสมอ
บนท้องฟ้ามีเหยี่ยวร่อนอยู่ตัวหนึ่ง ไกด์ยกกล้องขึ้นส่องดู แล้วพูดว่าเหยี่ยวนกกระจอกเล็ก (Besra หรือ Besra Sparrowhawk)
เป็นชื่อนกในภาษาอังกฤษที่สั้นกระชับเหมือนกับเป็นคำเฉพาะ
ทำให้เราสงสัยถึงกลับต้องไปค้นหาที่มา
พบว่ามาจากคำว่า เหยี่ยว ในภาษาอูรดู
ซึ่งเคยเป็นภาษาราชการในสมัยราชวงศ์โมกุล
เป็นหนึ่งใน 23 ภาษาของอินเดีย ที่ยังคงใช้กันในรัฐแถบตอนเหนือ
และเป็นภาษาราชการของประเทศปากีสถานในปัจจุบัน
อังกฤษรับคำนี้ไปใช้ในสมัยที่เข้ามาปกครองบริติชราช
จัดเป็นนกประจำถิ่นที่พบเห็นได้ไม่บ่อย จับนกที่เล็กกว่าเป็นอาหาร
โดยอาศัยลมร้อนจากพื้นดินในการพยุงตัวบินร่อนหาในที่สูง
การจำแนกชนิด จึงมักจะมาจากลวดลายที่เห็นได้จากใต้ปีก
ซึ่งหากเราไม่ได้มากับผู้เชี่ยวชาญ เห็นเพียงแค่เพียงใต้ปีก
ก็คงแยกชนิดจากเหยี่ยวชนิดอื่นได้ยาก
ถ้าอยากจะเห็นตัวมันในระดับสายตา จะต้องรอฤดูกาลเหยี่ยวอพยพ
ด้วยความสูงของเขาดินสอ ก็พอจะถ่ายรูปนกในระดับสายตาได้
หรือความเป็นไปได้อีกอย่าง คือการนั่งบ่อนกในป่าช่วงหน้าร้อน
ที่นกต่างๆ ไม่สามารถจะหาน้ำจากแหล่งอื่นๆ ในธรรมชาติได้

มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tachyspiza virgata จำแนกโดย
Jacob Temminck นักสัตววิทยาชาวดัชต์ในปี 1822
จากตัวอย่างที่ได้มาจากเกาะชวา กระจายตัวตั้งแต่
ตอนเหนือของปากีสถาน อินเดีย พม่า ตอนใต้ของจีน
ลงมาอินโดไชนา ไทย ฟิลิปปินส์ บอร์เนียว สุมาตรา ชวา
แบ่งเป็น 10 ชนิดย่อย โดยชนิดย่อย T. v. affinis
ที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือ ทำรังตามแนวเทือกเขาหิมาลัย
ไปจนถึงตอนกลางของประเทศจีน เมื่อถึงฤดูหนาวก็จะอพยพลงใต้
เพื่อไปหากินในหมู่เกาะของประเทศอินโดนีเซีย
ในขณะเดียวกันชนิดย่อยบางส่วนนี้
ก็กระจายตัวลงมาถึงประเทศไทย และอินโดไชนา
ดังนั้นพวกนี้จะเป็นชนิดประจำถิ่น
ที่ไม่มีการอพยพ ดังเช่นนกตัวที่เราเห็น
ส่วนชนิดย่อยที่เหลืออีก 9 ชนิดนั้น ก็น่าจะไม่มีการอพยพ
เพราะเป็นนกประจำถิ่นตามเกาะต่างๆ เช่น ศรีลังกา ไต้หวัน
และหมู่เกาะต่างๆ ของฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย เป็นต้น
งดงาม