Thailand Mega Flood 2011 : คนกล้าแห่งลุ่มแม่น้ำท่าจีน (2) วันนี้ทาง กทม สามารถกู้ส่วนที่พังของคันกั้นน้ำที่แนวคลองมหาสวัสดิ์ ได้กว่า 80% แล้วทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลมายังถนนบรมราชชนนีนั้นน้อยลง ทำให้จังหวัดประกาศที่จะไปกู้บริเวณที่น้ำท่วมสูงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ และนั่นจะทำให้ถนนเพชรเกษมสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปรกติ กลับไปที่ปัญหาว่า บริเวณนั้นไม่มีระบบระบายน้ำ ต้องทำอย่างไร จะนำน้ำที่ท่วมขังมาลงคลองภาษีเจริญให้ได้ จึงมีแนวความคิดที่จะทำ flood way ที่ถนนเศรษฐกิจและพุทธสาครด้วยกระสอบทราย แล้วใช้รถดันน้ำลงมา ฟังดูแปลกๆ แต่อย่างน้อยก็เป็นแนวคิดที่จะลงมือทำ ที่ถนนพระรามสองน่าจะมีพื้นที่ที่ตามแนวคลองได้รับผลกระทบแล้ว มีโครงการคลองประดิษฐ์ที่เป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ ที่จะลัดน้ำจาก คลองสีวาตากล่ำไปลงคลองมหาชัยระยะทาง 100 เมตร โดยประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดพร้อมเงินก้อนแรก หลักการคือดึงน้ำจากหน้าประตูระบายน้ำขึ้นมาให้เข้าสู่รางเหล็กสี่เหลี่ยม โดยเครื่องสูบน้ำแบบชาวบ้านจำนวน 200 ตัว แล้วผลักน้ำให้ไหลต่อไปด้วยเรือ โดยไม่ต้องผ่านเครื่องสูบน้ำตรงประตูตามปรกติ ซึ่งจะเพิ่มอัตราการไหลได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีแนวความคิดจากนักวิชาการที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือ อย่าง SCG ที่จะทำการวางท่อบนผิวถนนพระรามสองแล้วถมด้วยหินคลุกในกรณีที่น้ำท่วม ในส่วนของอำเภอบ้านแพ้ว ประชาชนก็ช่วยกันดันน้ำลงสู่แก้มลิงคลองหมาหอน นอกจากนี้ยังมีการขายเสื้อของโครงการ รวมใจชาวไทย พาน้องน้ำกลับบ้าน ด้วยแผนปฏิบัติการ น้ำวิ่งเร็ว รถก็วิ่งได้ เพื่อหาทุนเป็นค่าใช้จ่ายของภาคเอกชน โครงการดีๆ ที่ถูกคิดขึ้นอีกอย่างก็คือ การรับฝากของมีค่าไว้กับจังหวัด หากน้ำมา ก็ให้ประชาชนหนีไปขึ้นรถที่จุดนัดหมายตัวเปล่า โดยไม่ต้องพะวักพะวงทรัพย์สิน ความกล้าอีกอย่างก็คือการรื้อบ้านที่ขวางทางน้ำ ดูเหมือนสิ่งต่างๆ มากมายได้เกิดขึ้นในจังหวัดนี้ จังหวัดที่ไม่มีการกั้นกระสอบทราย แต่ใช้ระบบคลองตามแนวขวางที่ไม่สามารถจะผันน้ำลงทะเลตรงๆ ได้แบบ กทม. และหากคลองเหล่านี้พ่ายแพ้ ก็ยอมที่จะไปล่อยให้น้ำไหลผ่านในระดับที่ยอมรับได้ เพราะคนสมุทรสาครเคยชินกับการอาศัยอยู่กับน้ำ เพื่อทำสวนทำนาหรือการประมง การประชุมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องยังคงดำเนินการเพื่อประเมินสถานการณ์น้ำ และพิมพ์ออกมาเป็นประกาศเผยแพร่ในทุกวัน ทุกโครงการที่คิดขึ้น ก็ไม่สามารถจะกล่าวได้ว่าเป็นของภาคใดภาคหนึ่ง แต่เป็นองค์รวมของทั้งจังหวัด ที่นี่มีการประท้วงไปการปิดช่องทางน้ำ นายอำเภอรีบลงไปเจรจาอย่างรวดเร็ว การประกาศไม่รับถุงยังชีพ ไม่ได้แปลว่าที่นี่ไม่มีการแจกถุงยังชีพให้ประชาชน แต่มีพื้นที่ที่น้ำท่วมในสัดส่วน ที่ทางจังหวัดและภาคอาสายังสามารถดูแลได้ สิ่งที่แสดงความเป็นหนึ่งเดียวของที่นี่ ก็คือ มีคนไปขอถุงทรายที่เทศบาล แต่เค้าบอกว่าไม่ต้องเอาไปหรอก หากมีปัญหาทางหน่วยงานจะเข้าไปแก้ไขเอง หากทุกบ้านเอาถุงทรายไปกั้นหน้าประตูบ้าน แต่น้ำท่วมถนนสูงเป็นเมตร มันจะมีประโยชน์อะไร แทนที่ทุกคนในอำเภอจะเอาถุงทรายไปกั้นบ้านตัวเอง ทำไมเราไม่ช่วยกันไปกั้นจุดอ่อนที่น้ำจะเข้าท่วมจะดีกว่า นนทบุรีแสดงให้เห็นแล้ว ผมยังไม่ได้กลับไปบ้านที่ต่างจังหวัดมาเกือบเดือนแล้ว เพราะน้ำท่วมไม่สะดวก แต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง ที่นี่ไม่มีใครคิดว่าเพราะอะไรน้ำถึงท่วม แต่คิดเพียงว่าทำอย่างไรจะให้น้ำผ่านไปโดยที่เราไม่ลำบากในการใช้ชีวิต และถึงแม้น้ำจะท่วมก็ไม่เสียใจ เพราะเราได้แสดงพลังแห่งความสามัคคีแล้ว ผมดูข่าวน้ำท่วมภาพทางทีวีฉายให้เห็นการสูบน้ำออกจากประตูระบายแห่งหนึ่ง ชั่วเสี้ยววินาทีที่กล้องแพลนไปหน้าประตูระบายน้ำที่น้ำไหลแรงแห่งนั้น ผมเห็นลุงคนหนึ่งเอาเครื่องเติมอากาศแบบกังหันที่เราเห็นทั่วไปตามบ่อเลี้ยงกุ้ง เครื่องเล็กๆ มาวางหน้าบ้าน แล้วต่อใบพัดมาช่วยดันน้ำให้ไหลไปที่ประตูระบาย มันแทบจะไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่ผมรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจเลยทีเดียว ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ไม่ใช่จะบอกว่า โชคดีจังบ้านฉันน้ำไม่ท่วม แต่มันคือการบันทึกไว้ว่า ในเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 นนทบุรีและสมุทรสาครยังมีพื้นที่ที่น้ำไม่ท่วม ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะทั้งสองพื้นที่นี้มีความแตกต่างในหลายด้าน พวกเค้าทำได้อย่างไร นั่นคือสิ่งที่สำคัญ ในการรับมือน้ำท่วมใหญ่ในครั้งต่อไป จิตมนุษย์นี่ไซร้ ยากแท้หยั่งถึงค่ะ
โดย: addsiripun วันที่: 22 พฤศจิกายน 2554 เวลา:10:55:59 น.
|
บทความทั้งหมด
|