น้ำตกคลองลาน : เหยี่ยวนกเขาชิครา

หลังจากเจอนกสองชนิด ก็เดินกันไปเรื่อยๆโดยไม่พบนกอะไรที่น่าสนใจเลย ก่อนกลับแวะเข้าห้องน้ำกัน
แต่เราสะดุดใจกับนกตัวใหญ่ที่เกาะอยู่ตรงทางเดิน
เลยถามไกด์เขาเลยบอกว่า เหยี่ยวนกเขาชิครา
ทับศัพท์มาตรงๆ จากขื่อภาษาอังกฤษว่า Shikra (Asian)ซึ่งมาจากภาษาอูรดูของอินเดียเช่นเดียวกับเหยี่ยว Besra
โชคดีมากที่ได้มองเห็นตัวมันเกาะอยู่บนต้นไม้
ไม่ใช่มองจากใต้ปีก ในขณะที่มันร่อนหากินอยู่บนท้องฟ้า
หัวและสำตัวด้านบนสีเทา ลำตัวด้านล่างสีน้ำตาล มีขีดขวางสีขาว
ขนาดตัวราว 26-30 ซม. เพศเมียดวงตาสีเหลือง
ตัวผู้ดวงตาสีแดง อาศัยอยู่ในป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง
กระทั่งตามสวนผลไม้ กินแมลงปีกแข็ง สัตว์เลื้อยคลาน
และนกขนาดเล็กเป็นอาหาร
มีถิ่นอาศัยอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่ทวีปแอฟริกาที่อยู่ใต้ซาฮารา
ข้ามยังคาบสมุทรอาหรับ อิหร่าน กลุ่มประเทศสถานทั้งหลาย
แนวเขาหิมาลัย อนุทวีปอินเดีย ไทย อินโดไชนา จีนตอนใต้
เกาะไหหลำ บางส่วนของมาเลเซีย และเกาะสุมาตรา

มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tachyspiza badiaร่วมสกุลเดียวกันกับเหยี่ยวนกกระจอกเล็กที่เขียนก่อนหน้า
จำแนกโดยนักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมัน Johann Friedrich Gmelin
ในปี พ.ศ. 2331-2332 จากภาพร่างของนกชื่อ brown hawk
ของ Peter Brown ที่พบในศรีลังกา เมื่อปี พ.ศ. 2319
แบ่งออกเป็น 6 ชนิดย่อย โดยใน FB : Thai Raptor Research
กล่าวว่าในประเทศไทยพบ 2 ชนิดย่อย คือ T. b. poliopsis เป็นชนิดประจำถิ่น และทำรังวางไข่ทางภาคเหนือของไทยบางส่วนเป็นนกซึกโลกตอนเหนือ ที่อพยพมาอาศัยในฤดูหนาว และT. b. dussumieri อาศัยอยู่ในอินเดีย เป็นนกอพยพผ่านภาคใต้ของไทย
ไปยังคาบสมุทรมาลายา และหมู่เกาะต่างๆ ผ่านเขาดินสอ จ. ชุมพร
ก่อนปี พ.ศ. 2550 การพบเหยี่ยวนกชิคราทำรัง
หรืออพยพผ่านในภาคใต้ของไทยนั้นหาได้ยาก
แต่ปัจจุบันพบว่าเหยี่ยวชิคราลงไปไกลถึงเกาะสุมาตรา
สาเหตุนั้นเป็นไปได้ว่า นกชนิดนี้มีการกินอาหารที่หลากหลาย
จนปรับตัวอาศัยและทำรังอยู่ร่วมกับพื้นที่ที่มีการใช้งานของมนุษย์ได้
แต่ในอีกมุมหนึ่งนั้น ทำให้มนุษย์ก็เข้าถึงรังของพวกมันได้
ทำให้มีการนำลูกของมันมาขายเป็นสัตว์เลี้ยงอย่างผิดกฎหมาย
เพราะเหยี่ยวนกเขาชิคราเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทหนึ่ง
ที่ห้ามการล่า ครอบครอง เพาะพันธุ์ จำหน่าย และนำเข้าส่งออก