เดินเข้าประตู ผมนั่งพิมพ์ข้อความเหล่านี้ในยามเยาว์ของวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ซึ่งเป็นวันที่ผลการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยจะถูกนำไปแปะไว้ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อให้คนที่ทราบผลการสอบแล้ว (จากทางเว็บไซต์และระบบสอบถามผลทางโทรศัพท์ ที่ผมไม่แน่ใจว่าปัจจุบันจะยังมีบริการแบบที่ว่าหรือเปล่า) ได้เดินทางไปเฮฮากับรุ่นพี่ร่วมคณะที่คอยท่าต้อนรับเราอยู่ ผมนั่งพิมพ์เพื่อคำนึงถึงช่วงนี้เมื่อ ๖ ปีที่แล้ว...มันเป็นช่วงเวลาหลังจากที่ผมได้รู้ผลทางโทรศัพท์ว่าผมสอบติด และได้เป็นนิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย... เช้าวันนั้นผมกับเพื่อนร่วมโรงเรียนที่เอนท์ฯติดพร้อมกันก็นั่งรถแท็กซี่ไปที่เกษตรฯ เพื่อจะไปผจญกับน้ำท่วมขนาดครึ่งแข้งภายในเกษตรฯ (ผมจำได้ว่าฝนตกหนักในคืนก่อนวันประกาศผลฯ) ก่อนจะได้ยินเสียงกลองรับน้องกระหน่ำจนไม่มีช่องว่างให้ความเงียบ พร้อมกับได้เห็นซุ้มของรุ่นพี่หลากคณะที่คอยท่าต้อนรับเราอยู่ ตอนนั้นเราก็สนุกสนานกับการต้อนรับ โดยพกความฝันอยากเป็นดีเจ.ไว้ที่กระเป๋าเสื้อ โดยที่ไม่รู้เลยว่า หลังจากวันนั้น ชีวิตที่เคยฝันว่าจะสนุกกับการเป็นนิสิตที่ดีจะเปลี่ยนไป ตั้งแต่ถูกลมแห่งโชคชะตาพัดเราไปสู่แวดวงค่ายอาสาฯ ก่อนจะพบว่าภาพของค่ายอาสาฯ ที่น่าจะเป็นพื้นที่แห่งเสรีภาพ กลับมีกรงขังที่หนาแน่นกว่าโลกภายนอก จนผมหลบลี้มาพบกับหนังสือและวารสารภายในมหา’ลัย ที่ชักนำให้ผมหลงมนต์เสน่ห์เจ้าตัวอักษร...พอรู้ตัวอีกทีความฝันอยากเป็นดีเจ. ก็ไม่รู้ว่าหายไปไหนก็ไม่รู้ แต่กลับทดแทนด้วยความฝันบนเส้นทางนักปั้นอักษรขึ้นมาแทน... เมื่อมองย้อนกลับมายังปัจจุบัน ผมกำลังแอบสงสัยว่าน้องๆ ที่กำลังเดินทางเข้ามาสู่มหา’ลัยนั้น เขาพกอะไรเข้ามาบ้าง และเขาจะออกจากที่นี่ไปในสภาพแบบไหนกัน ผมอยากรู้เสียจริงๆ... |
ใช่ พี่หนุ่ยหรือเปล่าครับ