important things for living a fulfilling life ![]() ของแพงขึ้น แม้แต่ดอกไม้ยังแพงกว่าที่ผ่านมา ดอก alstroemeria หรือที่เรียกว่า ลิลลี่ของชาวอินคา ก็เช่นกัน, เคยเป็นดอกไม้ราคาจับต้องได้ นาทีนี้ แพงขึ้นมากเลย ... เพิ่งกลับมาสังเกตเห็นว่า บันทึกล่าสุดคือ 11 เมษายน ผ่านมาถึงวันนี้ 14 มิถุนายน เนิ่นนานมากกกกกกกก ที่ห่างการจดจาร แย่เลย กลายเป็นเป้าหมายของปี 2024 ...ก็ทำไม่ได้ตั้งแต่ครึ่งปีแรกเสียแล้ว . . เดือนเมษายน ยังอยู่ไทย และได้ต้อนรับครอบครัวน้องชายคนเล็ก ที่พาครอบครัวแม่ยายไปเที่ยวบ้านช่วงสงกรานต์ ตลอด 2 อาทิตย์ของเดือนเมษายน เลยคล้ายวุ่นกับการพาเครือญาติดอง เที่ยวนั่นนี่นู่น และไปเป็นเพื่อนหลานสาวคนเล็ก ซ้อมแบดฯ รอกลับไปแข่งที่กรุงเทพฯ ![]() บางวันก็เช่ารถตู้ 9 ที่นั่ง วันละ 4,500 บาท สำหรับ 7 คนนั่ง เพื่อไปเที่ยวจังหวัดรอบ ๆ บ้านเกิด และเลยได้ภาพนี้ ป้ากับหลาน 2 คน หลานคนกลาง วัย 17 แล้ว ชอบนั่งใกล้ป้า แล้วจับข้อศอกคลึง ๆ อย่างเพลิดเพลิน หลานคนเล็ก วัย 11 ขวบ ชอบชวนป้าไปเดินซื้อของ ชมวิว แล้วระบายนั่นนี่นู่นในใจ ...ที่ไม่กล้าบอกพ่อแม่ ฟังแล้วเอ็นดูมาก เด็กก็มีปัญหา คาใจ แบบเด็ก . . พอถึงเดือนพฤษภาคม ก็มีเพื่อนจากแอลเอไปเที่ยวบ้าน เลยได้ตระเวนพาเที่ยวอีก ตอนแรกว่าจะไปปีนังด้วย แต่พอดีแม่มีนัดผองเพื่อนไปเที่ยวภูเก็ต ในเวลาคาบเกี่ยวกัน ก็เลยโบกมือลาทริปปีนัง เลือกเฝ้าบ้าน กับดูแลหมาหุ่นหมูชรา 2 ตัว เช้าวันเดินทางเลยไปส่งเฮียสองที่สถานีรถไฟ เฮียจะนั่งรถไฟไปปีนังหลายวัน หน้าตาเฮียเลยประมาณนี้แหละ เพราะตื่นเช้ามาก ![]() พอเฮียไปถึงปีนัง พ่อแม่เฮียก็ส่งข่าวว่า เจ้าของที่พักที่พวกเราชอบไปอยู่ คือ carnarvon house เสียชีวิตแล้ว ใจหายเลย เพราะเป็นเจ้าของบ้านเก่าที่ใจดีมาก ๆ และอายุยังไม่เยอะเท่าไหร่เลย ได้แต่คิดถึง ตั้งใจว่า กลับไทยคราวหน้า จะกลับไปรำลึกถึง, บ้าง .. จากนั้นก็รอดูคลิปเฮียสองที่ดี๊ด๊า กับรถไฟ กับเรือเฟอรี่ สนุกสนานจนหมดแรงทุกวัน ... ผ่านมา 10 วัน ก็ส่งเฮียสองกลับกรุงเทพฯ แล้วก็หันมาวุ่นกับการเตรียมธุระปะปัง เรื่องบ้าน ก่อนจะกลับแอลเอ นั่นคือ จ้างช่าง 2 คน มาซ่อมผนังที่ร้าว ด้วยการก่ออิฐและโบกปูน แล้วทาสี เพราะซ่อมนอกบ้านไม่ได้เนื่องจากช่างแทรกตัวเข้าไปไม่ได้ แล้วก็มุงกระเบื้องหลังคาครัวใหม่ เพราะเกรงฝนกระหน่ำ จากนั้นก็เร่งงานปรู๊ฟนิยาย 2 เรื่องยาว ๆ ให้เสร็จ จึงไม่ได้เข้ามานั่งบันทึกอะไรเลย, นั่นแล ... พอกลับมาแอลเอ ด้วยสายการบิน EVA การเดินทางก็ฉลุยดี ไม่ได้เสียเวลาที่สนามบินสุวรรณภูมิมากมาย มีเวลาไปกินข้าว ให้ร้านอาหารในนั้นฟันเละ มีเวลาเดินดูสินค้าทำมือ มาฝากบรรดาป้า ๆ และมีเวลานั่งอ่านนิยายจนจบ 1 เล่ม พอถึงแอลเอ ก็ไม่ต้องรอนาน เป็นคนที่ 3 ที่ผ่าน ตม. ด้วยความเร็วสูง นั่นคือ เดินไปยื่นพาสปอร์ตปุ๊บ ตม. รูปหล่อพูดปั๊บ welcome home จบข่าว แต่พอเดินไปรอรับกระเป๋า 1 ใบที่หนัก 15 กิโล ก็พบว่า คันชักกระเป๋าสีน้ำเงินคาดเส้นเหลือง หักกระจุย ![]() เลยเดินไปหาเจ้าหน้าที่สายการบิน เพื่อแจ้งเคลม สรุปว่า ต้องแจ้งเคลมเอง ผ่านทางเว็บไซต์ EVA ภายใน 7 วัน ตอนแรก เจ้าหน้าที่บอกว่า ต้องการเอกสารการเดินทาง ตามนี้ พบว่า ... ข้อ 3 และ 4 คือ ใบเสร็จตัวจริงของกระเป๋า และใบแจ้งการซ่อมว่า ตีราคาเท่าไหร่ ถึงกับงง ที่สุดตอบไปว่า เอกสารอื่นมีครบ ตามไฟล์แนบ แต่ใบเสร็จ ไม่มีแล้ว เพราะซื้อมา 2-3 ปีแล้ว และใบตีราคาการซ่อม ไม่มี เพราะซ่อมไม่คุ้ม อีเมลตอบกันไปตอบกันมาอยู่ 4-5 ครั้ง ที่สุดได้รับคำตอบว่า สายการบินจะจ่ายให้ 135 เหรียญ เป็นอันสิ้นสุดเคสนี้ บอกเพื่อนว่า ...ตลอดชีวิตการเดินทางของฉัน ซื้อประกันการเดินทางทุกครั้งเลย แต่หนนี้ ไม่ได้ซื้อ แล้วเป็นไงล่ะ ฟาดเคราะห์เลยเชียว ทว่า ก็โอเคแหละ จะได้ซื้อกระเป๋าขนาดกลาง ใบใหม่ เพราะกระเป๋าใบเล็กสีม่วงเงิน ที่มี ก็เล็กเกินจะใช้ข้ามประเทศ ส่วนกระเป๋าสีครีมคาดน้ำตาล ใบใหญ่ ก็ใหญ่เกิ๊นนนนน สำหรับวัยนี้ที่จะลากเอง กระเป๋าเดินทางสีดำ กับ สีแดง ใบพอดี ๆ เป็น 2 ใบที่ขนาดดีงาม ก็ถูกบางคนยึดไปใช้แล้ว เอาว่าได้เวลาซื้อกระเป๋าใบใหม่ ขนาดเดิม... ยกเว้นว่า อาจจะต้องใช้เวลา กับการหาสีน้ำเงินเข้มและคาดเหลืองแบบน้อยที่สุด, ได้ คงต้องรอดู.
|
บทความทั้งหมด
|