ไปขี่อูฐที่ไจเปอร์ 19/11/2006...India....
กลับจากทริปฃชุราโหเมื่อวาน
ได้เวลาไปขี่อูฐ ตามใจที่ฝักใฝ่ว่า มาถึงอินเดีย อิฉานจะต้องขี่อูฐให้ได้
เพราะในชีวิตยังไม่เคยสัมผัสกับการขี่อูฐ
กะว่าจะฝันอยากขี่นกกระจอกเทศเป็นรายต่อไป555

และแล้วเช้าวันที่ 19 ก็มาถึง ตื่นตอนตีห้า รีบอาบน้า อาบท่า
เตรียมตัวลงไปรอที่ล๊อบบี้ราหุล เพราะเดี๋ยวรถยนต์จากโรงแรมไฮแอท
ซึ่งเป็นรถที่อิฉานจะต้องไปเที่ยวเมืองไจเปอร์คนเดียว จะมารับ
เพราะโปรแกรมไปไจเปอร์มีแบบแพ็คเกจ 3 วัน 2 คืน เลยไม่เอาอ่ะ
อิฉานจะไปแบบ ไป - กลับ วันเดียว ก็ทำได้เหมือนกันแต่แพงน่าดูเลยล่ะ
อิฉานเชื่อใจบริษัททัวร์นี้มาตลอดทริปแล้ว ยังไงเสียก็ต้องดูแลฉันดีแน่


พนักงานขับรถมารับตอนหกโมงเช้าตามสัญญา
สภาพรถยนต์สีขาวใหม่เอี่ยม ไม่มีรอยบุบ
ส่วนใหญ่รถในเดลีมีรอยบุบแทบทุกคัน
เพราะการจราจรรีบเร่งแบบจะไปตายกันอยู่ทุกวัน
แบบว่ารถข้ามาอยู่ข้างหลัง บีบแตรปู๊ดๆปร๊าดๆให้เจ้าคันหน้าหลีกทางออกไปซะ
เพราะฉะนั้นบนท้องถนนจะมีเสียงแตรรถกันอยู่ทุกลมหายใจเลยทีเดียว
ส่วนโซเฟอร์แต่งกายด้วยแบบฟอร์มสีขาวไปทั้งตัว
มีบั้งสีทองบนไหล่เสื้อ
ส่วนอิฉานก็นั่งคนเดียวอยู่เบาะหลัง
เสื้อผ้าแบบเซอร์แหลก (เพราะซำไปซำมา)+ รองเท้าบู๊ทคู่ชีพ

การไปเมืองชัยปุระ หรือคนอินเดียเรียกเมืองนี้ว่า ไจปูร์ หรือ ไจเปอร์
กินเวลาการเดินทางประมาณ 4 -5 ชั่วโมง
สถานที่สำคัญก็คือ
พระราชวังแอมเบอร์ ( Amber Fort )
พระราช้วังสายลม ( Palace of the wind )
ส่วนการขี่อูฐต้องไปที่ไจซาลเมอร์ ซึ่งเนื้อที่จะเป็นทะเลทราย
สำหรับเรื่องขี่อูฐของอิฉานคือไปไม่ถึงไจซาลเมอร์หรอกค่ะ
ขี่มันแถวท้องถนนเมืองไจเปอร์เนี่ยก้อ พอแล้ว


จากเวลา 6 โมงเช้า แวะกินอาหารเช้าตอน 8 โมงเช้าที่โรงแรมหนึ่งระหว่างทาง
ค่าอาหาร 100 รูปีและที่ขาดไม่ได้คือ Masala Tea
ส่วนโซเฟอร์รออยู่ด้านนอกตามมารยาท





รถมาถึงเมืองไจเปอร์ มารับไกด์หนุ่ม (ต่อไปนี้จะเรียกว่า ปุนจาญ นะคะ)
หน้าพระราชวังสายลม บ้านเมืองทาสีเป็นสีชมพู(อมส้ม)
ปุนจาญแนะนำตัว พร้อมกระตือลือล้น บอกข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม
เพื่อถ่ายรูปพระราชวังและจะได้เห็นเต็มตา
อธิบายว่า ส่วนที่เห็นตามช่องหน้าต่างลายฉลุเป็นที่นางสนมกำนัล
สมัยก่อนนั้น พวกหล่อนชอบมองมาเบื้องล่างอยู่ทุกวัน
เพราะไม่สามารถออกมาเดินเล่นด้านนอกได้



จากนั้นก็พาเราข้ามถนนกลับมาที่รถ
เพื่อพาเราไปป้อมปราการแอมเบอร์ ซึ่งเป็น
สถานที่ที่ พระมหาราชาและมหารานี พร้อมด้วย
เหล่านางสนมกำนัล พำนักอยู่อาศัยในสมัยก่อน

ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ช่างวิจิตร ประณีตบรรจงเหลือเกิน
เรียกว่างดงามอร่ามตาไปเสียทุกที
การแกะสลักลวดลายเครือเถาและการฝังกระจกเงา
ชิ้นเล็กๆลงในเนื้อหิน กระจกเหล่านี้
เป็นตัวเสริมแต่งความงามของห้อง
เช่นเมื่อจุดโคมประทีป กระจกจะสะท้อมแสงไฟน่าดูมาก
ถ้าพรมปูพื้นพรมแดง เพดานห้องที่ประดับกระจกก็จะสะท้อน
เป็นสีแดงทั้งห้อง
ปุนจาญบอกว่า แม้แต่เครื่องแต่งกายของพระมหารานี
ก็ประดับเป็นกระจก หนักถึง 18 กิโลกรัม
บางทีเดินไม่ไหว ต้องมีรถลาก เข็นกันตามท้องพระโรง















ทางเดินแคบๆที่พระมหารานีจำเป็นต้องมีรถลาก
เพราะชุดแต่งกายประดับกระจำเงาหนักถึง 18 กิโลกรัม
พระนางเดินไปไม่ไหว
/





มีบริการขี่ช้างขึ้นมาที่ป้อมแอมเบอร์ด้วย
ปุนจาญถามจะขึ่ช้างไหม อิฉานบอกไม่ขี่หรอก
ฉันอยากขี่อูฐมากกว่า เพราะฉันขี่ช้างที่เมืองไทยมามากพอแล้ว
เดี๋ยวเธอพาไปขี่อูฐจะขอบคุณมากเลย เพราะไม่เคยขี่อูฐ




ว่าไปแล้วตลอดเวลาที่ไกด์ปุนจาญเนี่ยปากหวานมากเลย
บอกเราว่า อิฉานสวย แต่งตัวเท่ห์ ดูแล้วสมาร์ทดี
เวลาเดินก็ทะมัดทะแมง สุดท้ายก็บอกว่า "ผมนึกรักคุณแล้วซิ"
ในใจอิฉันก็ (กูนึกแล้ว เอ็งต้องมีคำนี้ออกมาจากปากแน่
เห็นลูกนัยน์ตาอ้นแสนเจ้าชู้ของเอ็งแล้ว กูต้องระวังตัวให้ดีแล้วแหละ)
จากนั้นก็ตอบไปว่า "โอ๊ย ! ไม่ต้องมารักฉันหรอก เพราะฉันมีลูกมีปั๊วแล้ว
ทางที่ดีนะ เธอเป็นได้แค่น้องชายฉันดีกว่า"( ใจดีสู้เสือ ยิ้มไว้ เพราะปุนจาญจะต้องบริการเราอยู่ถึงเย็น เราต้องทำใจดีเอาไว้)
ดูท่าทางเธอประมาณแค่ 30 ปี ปุนจาญตกตะลึงว่าทำไมดูปุนจาญแก่ไป
5 ปี เพราะเขาแค่ 25 ปีเท่านั้น
แต่สำหรับฉันเธอรู้ไว้ ฉันน่ะ 42 แล้วนะเฟ้ย อิฉานก็บอกไป
ตาปุนจาญ ทำตาตะลึงอีกว่า ไม่อยากเชื่อเร้ยยยย


หลังจากดูป้อมแอมเบอร์เสร็จ ก็นั่งรถไปขี่อูฐ
ก่อนขี่อูฐนี่ ปุนจาญแวะพาเราไปซื้อสินค้า
สินค้าที่พาไปซื้อเป็นพรมเปอร์เซีย

มีคนมาต้อนรับ โปรโมทแรกย้อมใจเราโดยการพาไปพิมพ์ผ้า



อิฉานก็เลือกแป้นพิมพ์เป็นรูปอูฐ คือในหัวสมองฉันเวลานี้
มีแต่ camal...camal คนต้อนรับบอกเดี๋ยวไปชมสินค้าด้านในก่อน
ค่อยมารับผ้าที่พิมพ์นะ

จากนั้นก็พาเราไปนั่งบนเก้าอี้บุนวมอย่างดี
พร้อมถามอยากดื่มน้าอะไร ที่นี่มีทุกอย่าง
ฉันเลือกเอาน้าดื่มสะอาด 1 ขวดพอมือแล้วกัน
มองรอบๆบริเวณมีแต่พรมเปอร์เซีย มีหลายขนาดด้วยกัน
มีนักท่องเที่ยวหัวแดงอยู่กลุ่มหนึ่ง มาก่อนหน้านี้แล้ว
ซึ่งก็ทำหน้าเซ็งๆพร้อมดื่มน้าไปด้วย
ทำไมพวกเขาถึงหน้าเซ็งๆกัน
เพราะไม่อยากซื้อพรมด้วยราคาแพงนั่นเอง
ส่วนอิฉานก็เซ็งเหมือนกัน เมื่อไหร่กูจะได้ออกจากตรงนี้ไปซะที
ตะล่อมให้ซื้ออยู่ได้ ไม่มีอารมณ์เลย แต่ก็ยิ้มบอกว่า
"บ้านฉันไม่เหมาะกับพรมเปอร์เซียเลยค่ะ เสียใจด้วยนะคะ "
ปุนจาญมากระซิบ นี่เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องพานักท่องเที่ยวมาดูสินค้าพื้นเมือง
ถ้าอิฉานไม่ซื้อไม่เป็นไร ถ้าอยากซื้อบอกนะ
เขาจะช่วยต่อราคาให้ บอกคนพวกนั้นไปว่า
อิฉานเป็นเพื่อนกับปุนจาญเจอะกันที่เมืองไทยแล้วกัน
อิฉานก็ยิ้มอยู่ในใจ และบอกว่า "ขอบใจมากๆ"

จากด่านพรมเปอร์เซีย ก็ต้องผ่านด่านสินค้าจิปาถะอีก
แบบว่าอยากได้อูฐไม้ฉลุลาย ราคา 2,000 รูปี
คนขายลดได้แค่ 1500 รูปี ฉันต่อ 1,000 เขาก็ไม่ให้
ปุนจาญมากระซิบ ไม่ได้เราก็ออกจากที่นี่ ไปที่อื่น
เดี๋ยวพาไปซื้อ ที่นั่นก็มีเหมือนกัน
คนขายหาผ้าคลุมไหล่มาทาบๆ อีก เพื่อที่จะได้ขายอะไรให้เราสักอย่าง
แต่อิฉานก็ไม่เอาล่ะค่ะ ผ้าคลุมไหล่ที่บ้านเพียบแล้ว
ปุนจาญทำซิกแนลว่า ออกจากที่นี่ดีกว่า
ขาออกจะขึ้นรถ พนักงานพิมพ์ผ้านำผ้าพิมพ์ที่อิฉันพิมพ์อูฐไว้มาให้

จากนั้นปุนจาญพาไปซื้อสินค้าอีกที่หนึ่ง
ที่นั่นมีอูฐอยู่หนึ่งตัวรออยู่ด้วยพร้อมคนจูงอูฐ
เห็นแล้ว อิฉานก็บอกขอขี่อูฐก่อนนะ ก่อนที่จะซื้อสินค้า
เราบอกขี่สัก 20 นาทีก็พอ คิดเท่าไหร่ล่ะ
ปุนจาญบอกว่าคนจูงอูฐอาจคิดกับนักท่องเที่ยว 500 รูปี
แต่สำหรับอิฉานเป็นเพื่อนเขา จะให้คนจูงอูฐแค่ 100 รูปีเท่านั้น
ว่าแล้วก็ขึ้นบันไดเพื่อขี่อูฐเพราะอูฐตัวสูงเขามีบันไดให้ขึ้นไป
ส่วนปุนจาญขอนั่งซ้อนท้ายไปด้วย
การขี่อูฐก็ต้องโยกหน้าโยกหลัง ไปตามจังหวะการเดินของอูฐ




ขี่เสร็จไปล้างมือเสียหน่อยเพราะไม่ไว้ใจในความสกปรก
ก่อนที่จะไปดูสินค้า พอย่างเท้าเข้าไปก็พบกับผ้าส่าหรี่สีสวยๆ
มีการมาห่มส่าหรี่แบบลวกๆให้ดูพร้อมถ่ายรูปด้วยก็ได้
แต่จะให้ฉันถอดเสื้อผ้าเพื่อจะได้ใส่ชุดส่าหรี่ อิฉานก็ไม่เอาล่ะค่ะ
เพราะในใจไม่ต้องการซื้อส่าหรี่ แต่ได้ผ้าคลุมหัวสีสวยมาผืนหนึ่ง
ขึ้นชั้นบนไปเป็นแกลอรี่ ก็ได้รูปมา 2 รูป ปุนจาญรู้ว่าเราอยากได้
เขาก็บอกกับคนขายว่าเราเป็นเพื่อนกัน มาเที่ยวอินเดีย
ไม่ใช่นักท่องเที่ยวเหมือนทุกครั้งนะ คนขายก็ลดราคาให้ครึ่งต่อครึ่ง
ส่วนอูฐนั้นได้แบบจ๊าปกว่าไม้ฉลุลาย คือ
ตัวอูฐประดับด้วยกระจกชิ้นเล็กๆเต็มตัว ตัวสูงประมาณฟุตกว่าๆ
ราคา 2,000 รูปีแต่ลดได้ 900 รูปี อิฉานดีใจมากๆเลย
อูฐตัวนี้สวยงามมาก สมใจเราจริ๊ง จริง
บอกแพ็คให้ดีด้วยนะเพราะจะต้องนำขึ้นเครื่อง
คนขายก็บอกรับรองได้ แล้วก็พาไปดูว่า
เขาแพ็คด้วยพลาสติกกันกระแทก พันหลายรอบให้เลยล่ะ





หลังจากซื้อของและขี่อูฐเป็นที่น่าพอใจ
อิฉานก็บอกปุนจาญว่า หิวอยากกินข้าว
พาไปกินอาหารที่อร่อยๆหน่อยซิ
ฉันจะเลี้ยงเองในฐานะที่เธอถ่ายรูปให้ฉัน
ฉันดีใจที่ได้รูปเยอะกว่าทุกทริปที่ผ่านมา

รถจอดที่ร้านอาหารหนึ่ง
อิฉานก็บอกโซเฟอร์ว่ามากินด้วยกันนะ
(เพราะโซเฟอร์เหมือนเพื่อนตาย ทีอยู่
กับฉันตลอดตั้งแต่รับจากโรงแรมที่ฉันพัก
และพาไปเที่ยวจนกว่าจะส่งกลับโรงแรม
จะไม่เรียกมากินด้วยกันก็อย่างไรอยู่
เพราะการที่เขาทำตัวเหมือนฉันเป็นเจ้านายเนี่ยแหละ
ฉันจึงเรียกเขามากินด้วย)
พอถึงเวลาโซเฟอร์ก็บอกปฏิเสธ
ฉันเลยบอกกับบ๋อยว่า "จัดน้าดื่มหรืออาหารอะไรก็ได้ให้โซเฟอร์ด้วย
แล้วจดลงไปในบิลอาหารมื้อนี้ด้วยแล้วกันนะ"



ภายในร้านอาหารมีแขกเต้นโฟล๊คแด๊นซ์พร้อมถือเครื่องสีเดินอยู่ไปมา
ส่วนปุนจาญแวะเข้าห้องน้าไปนานสักครู่
พอออกมา เห็นผมบนหัวหวีแซกตรงซะเรียบเป็นมันแวว
เหมือนในใจเขาจะถามว่า ผมหล่อรึเปล่าครับ
ส่วนอิฉานนึกขำอยู่ในใจ ปุนจาญจะมาไม้ไหนล่ะนี่

อิฉานบอกปุนจาญ สั่งอาหารอะไรก็ได้ตามใจเธอแล้วกัน
ส่วนฉันเอาข้าวผัดไก่ และสลัดผักสดกับ น้ามะนาวโซดา
ช่วงที่รออาหารอยู่ ปุนจาญบอก รูปที่ถ่ายไป ที่รูปเขากับเราน่ะ
ส่งมาทาง E-mail ได้ไหม อยากได้เก็บไว้ดู
เราก็บอกได้ซิ จะส่งไปให้ แต่รอเดือนหน้าแล้วกันนะ
เพราะฉันยังต้องเที่ยวและกลับไปทำงานอีกคงไม่มีเวลาหรอก
แล้วเขาก็ยื่นนามบัตรส่งให้มา เราก็รับไว้
ปุนจาญชอบเรามาก บอกว่า ให้ผมบอกใครๆได้ไหมว่าคุณเป็นแฟนผม

พอดีอาหารที่สั่งมาขัดจังหวะพอดี อิฉานก็เริ่มกินก่อนล่ะค่ะ
ส่วนปุนจาญไม่กินตาม มีแต่พูดว่า ต้องบอกมาก่อนว่าให้เขา
ไปบอกใครได้ไหมว่าอิฉานเป็นแฟนปุนจาญก่อน ถึงจะกิน
อิฉานก็ตอบไปว่า นี่เธอ ฉันมีสามี มีลูก แล้วนะ จะมาคิดอะไรกะฉัน
ดูท่าจะตลกมากเกินไปแล้วล่ะ อยากกินก็กิน ไม่กินก็ไม่ต้อง
ฉันเป็นได้แค่เพื่อนเธอเท่านั้นแหละเอาไหมเล่า
ปุนจาญเห็นท่าไม่ดี ก็เริ่มกิน เลยพูดเรื่องอื่น ถามถึงทริปนี้เรามีความสุขไหม
เราก็บอกทริปนี้เหรอดีมากๆ สนุกดี ได้ขี่อูฐ ซื้อของได้ถูกเพราะมีเธอช่วยต่อราคาให้
ว่าแล้วปุนจาญ ก็เริ่มกินจนหมดเกลี้ยง ส่วนจากข้าวผัดไก่ของอิฉานก็อร่อยนะ
แต่มันกินไม่ลง เพราะอีตาปุนจาญมานั่งขอความรักอยู่ได้
กินไปได้แค่ครึ่งจานก็อิ่มแล้ว สลัดกินแค่แตงกวาไป 2 - 3 ชิ้น
พอถึงตอนเช็คบิล ปุนจาญบอกขอให้เขาเป็นคนจ่ายเถอะ
เราบอกไม่ต้องหรอกเพราะเราเป็นคนอยากกินเอง
ฉันจะจ่ายเอง
จ่ายเสร็จ มีสมุนไพรหลังอาหารสำหรับเคี้ยวดูบ้างว่ารสชาดเป็นไง
เคยเห็นแต่ในหนังสือ เลยบอกปุนจาญอยากกิน เธอทำให้ฉันดูก่อน
ฉันถึงจะกล้ากิน พอเข้ากินแค่พอคำ เราก็ตักกินบ้าง
เวลาเคี้ยวกลิ่นหอมดี ทำให้ปากสะอาดมีกลิ่นหอม ดับอาหารที่คาวปากดีได้เหมือนกัน




บอกปุนจาญเดี๋ยวหาซื้อสมุนไพรแบบนี้ให้หน่อยซิ อยากได้
ปุนจาญบอกได้ซิ เด๋วซื้อให้เป็นของขวัญแล้วกัน
และแล้วก็ขึ้นรถพาไปซื้อให้ทันที



จากนั้นแวะซื้อของข้างทางตรงพระราชวังสายลม
ได้มาเป็นโมบายประมาณหนึ่งเมตร
มีอูฐห้อยระย้าหลายตัวได้มา 4 เส้น
พอขึ้นนั่งในรถ โซเฟอร์กระซิบบอก
"ไม่ให้ทิปไกด์หน่อยเหรอเขาบริการคุณดีมากเลยนะ"
อิฉานก็รีบบอกทันทีเหมือนกัน "ฉันก็อยากให้อยู่เหมือนกันแหละ"
"ตอนกินข้าวตะกี้นะ เขาอยากจะจ่ายค่าอาหารให้ฉันนะ "
"ถ้าฉันไปให้ทิปเขา เขาคงไม่เอาหรอกค่ะโซเฟอร์"
โซเฟอร์ทำหน้าเอ๋อไปเลย (แกคงงงน่าดู)

จากตรงนี้ได้เวลาห้าโมงเย็น ก็แยกทางกลับสู่เดลี
ถึงเดลีตอนห้าทุ่ม ง่วงมากๆเลย ก่อนนอนขอกินบะหมี่กระป๋องก่อน
เพราะเมื่อตอนบ่ายกินข้าวไปนิดเดียวเอง

P.S.เรื่องรูปที่จะส่งให้ทาง E-mail
จากวันนั้นจนวันนี้ก็ไม่ส่งให้หรอกนะปุนจาญ...




Create Date : 06 ธันวาคม 2549
Last Update : 14 ธันวาคม 2551 7:41:52 น.
Counter : 3821 Pageviews.

0 comments
봄 처녀(Virgin spring) by 홍난파(NanPa Hong) ปรศุราม
(17 เม.ย. 2567 10:09:12 น.)
ระยองฮิสั้น จันทราน็อคเทิร์น
(12 เม.ย. 2567 15:33:48 น.)
หาอะไรดับร้อนกับน้องถั่วแดงที่ร้านเย็น เย็น หวานเย็น สาขาMRTท่าพระ นายแว่นขยันเที่ยว
(12 เม.ย. 2567 00:32:31 น.)
ซ้งเย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา พุทธมณฑลสาย 1 แมวเซาผู้น่าสงสาร
(11 เม.ย. 2567 10:45:53 น.)

Naomichankuro-bara.BlogGang.com

ป้าซิ่ง Naomichan
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 70 คน [?]

บทความทั้งหมด