~~~~~~ Perhaps Love - - รอยทรงจำ ครั้งที่ ๒ ~~~~~~




เช้าวันต่อมา ผมไปโรงเรียนด้วยอาการที่แปลกเปลี่ยนจนตัวเองประหลาดใจ เหมือนสายตามันจะคอยมองหาแต่สาวน้อยที่ชื่อ ‘พาย’ คนนั้น จนในที่สุดตอนเที่ยงผมก็เจอเจ้าตัวที่โรงอาหาร เธอรวบผมยาวหยักศกให้เป็นหางม้าสูงและผูกโบว์สีขาวอันใหญ่ไว้ พายโบกมือให้ผมพร้อมรอยยิ้มร่าเริงก่อนจะนั่งลงกินข้าวกับเพื่อนผู้หญิงในกลุ่ม

“มึงรู้จักน้องพายด้วยเหรอวะ?” ไอ้ไผ่ถามผมพลางเอาศอกกระทุ้งที่สีข้าง ผมนิ่วหน้าก่อนตอบ

“ก็ไม่เชิง เจอเค้าที่ร้านหนังสือพี่อ้ายน่ะ”

“อ้อ..มิน่า กูว่าคนอย่างมึงไม่น่าจะไปรู้จักใครเค้าได้ พายนี่ตอนอยู่โรงเรียนเดิมเค้าน่ะ ดังนะเว้ย เรียนก็เก่ง กิจกรรมก็ทำ เจ๋งเลยแหละ ไง..เอ็งชอบเค้าเหรอ?” หลังคำอธิบายยืดยาวกับการตบท้ายด้วยคำถามนั่นทำให้หน้าผมร้อนวูบ

“เฮ้ย..ไม่ใช่ ก็เคยคุยกันครั้งเดียวเอง”

“อ้าว..เกี่ยวอะไรหละมึง? จะคุยกันกี่ครั้งแล้วไง? มึงชอบเค้าเปล่าล่ะ?” ประโยคท้ายทำผมกระอักกระอ่วน และด้วยความที่คบกันมานาน ผิวไผ่จึงเข้าใจดีว่านั่นเท่ากับผมไม่ต้องการคุยเรื่องนี้ต่อ มันจึงได้แต่ยักไหล่และจัดการกับก๋วยเตี๋ยวตรงหน้า...




หลังจากวันนั้นผมพยายามทำตัวให้ ‘เหมือนเดิม’ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่พยายามใช้สายตาของตัวเองไปเพียรเฝ้ามองหาใครอีก หลังกินข้าวเที่ยงก็ขลุกอยู่แต่ที่ห้องเรียน อ่านหนังสือรอฆ่าเวลาจนกว่าจะบ่าย แต่...ผมก็รู้สึกว่า...ตัวเองกำลัง ‘พยายาม’ จนผิดปกติ และแต่ละวันในสัปดาห์นั้นก็ผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน…




จนในตอนค่ำของวันเสาร์ น้ำก็โขยกเขยกเข้ามาหาผมที่ห้อง วันนั้นมีนมาทำรายงานที่บ้านเราตั้งแต่ช่วงบ่าย ผมเองก็เพิ่งกลับมาจากบ้านผิวไผ่ได้ไม่ถึงสิบนาทีดี

“พี่ดิน น้ำรบกวนหน่อยสิ” ประโยคเริ่มต้นพร้อมกับเสียงอ้อนๆ นั่นหมายความว่าเจ้าตัวกำลังจะขออะไรสักอย่างจากผม

“อะไรล่ะเรา?”

“พี่ดินช่วยไปส่งมีนหน่อยสิพี่ มันมืดแล้วน่ะ น้ำจะไปส่งก็ไม่ได้ เมื่อเย็นน้ำตกบันไดข้อเท้าเคล็ดอยู่เนี่ย” นิ้วเรียวชี้ไปที่ข้อเท้าที่มีผ้าพันอยู่ หน้าตาเหยเก “นะ..เดี๋ยวแม่มีนว่าน่ะ แล้วน้ำจะโทรไปบอกแม่มีนเองว่าคนที่ไปส่งเป็นพี่ของน้ำเอง แม่มีนเค้าจะได้ไม่ว่า นะพี่ดินนะ”

ประโยคท้ายเจ้าตัวทำเสียงครวญพร้อมตาปรอย ผมพยายามค้นหาเล่ห์กลที่ซ่อนอยู่ แต่เมื่อไม่เห็นวี่แววอะไร ผมจึงถอนหายใจแล้วพยักหน้า

“โอเค เดี๋ยวพี่ไปส่ง ขออาบน้ำก่อนแล้วกัน”

“ขอบคุณค่ะพี่ดิน” เสียงอ่อยๆ นั้นทำเอาผมใจอ่อนจนอดเอื้อมมือไปขยี้ผมสั้นๆ ของเจ้าตัวไม่ได้

“ไม่เป็นไร ไปบอกมีนแล้วกัน เดี๋ยวพี่อาบน้ำแป๊บเดียว”

“ค่ะ” พยักหน้ารับแล้วเจ้าตัวก็โขยกเขยกออกไป ผมใช้เวลาไม่นานนักสำหรับการอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดคอกลมสีดำตัวเก่งและกางเกงขาสั้นแค่เข่าสีครีม ก่อนจะลงไปยังห้องรับแขก สองสาวที่กำลังคุยกันอยู่พร้อมใจเงียบเสียงลงทันที แม่ผมหันมามองก่อนพยักพเยิด

“ไปส่งน้องหน่อยแล้วกันนะดิน เดี๋ยวพ่อแม่เค้าจะว่าเอาได้ว่าเราดูแลลูกสาวเค้าไม่ดี ขี่รถระวังๆ แล้วกัน”

“ครับ” ผมพยักหน้า ก่อนจะเดินออกไปคว้ามอเตอร์ไซค์มารอ ได้ยินเสียงมีนล่ำลาแม่แว่วๆ ก่อนที่กลิ่นหอมอ่อนๆ จะกรุ่นนำหน้าเจ้าตัวมาจนผมต้องหันไป “บ้านมีนอยู่แถวไหนนะ?”

น้องสาวผมที่เดินมาด้วยรีบอธิบายทาง ผมถามย้ำเพื่อความมั่นใจก่อนหันไปที่มีนซึ่งยังคงเสมองต้นไม้ใบหญ้าอยู่

“ซ้อนท้ายพี่นะ ใส่กระโปรงมาคงต้องนั่งข้างเดียวน่ะแหละ เกาะดีๆ แล้วกัน”

“ค่ะ” เสียงอ่อนเบารับคำ ผมสตาร์ทรถ ก่อนที่จะรู้สึกถึงน้ำหนักที่เบาะข้างหลัง และสัมผัสรอยแตะเบาๆ ที่เอว

“เจอกันวันจันทร์นะน้ำ”

“อืมม์...ถึงบ้านแล้วโทร.มาบอกเราด้วยนะ”

“จ้ะ”

หลังจบประโยคท้าย ผมก็บิดให้รถวิ่งไปตามเส้นทางที่เพิ่งได้รับการบอกกล่าวมา รอยแตะที่เอวกลายเป็นการเกาะที่แน่นขึ้น ผมอมยิ้มให้กับสัมผัสที่เปลี่ยนแปลงนั้น เราเงียบกันอยู่พักใหญ่ทีเดียวก่อนที่ผมจะเริ่มชวนเธอคุย

“รายงานทำเสร็จมั้ยมีน?”

“เสร็จค่ะพี่ดิน” เสียงมีนดูเหมือนดังกว่าที่พูดปกติ เนื่องจากต้องแข่งกับเสียงเครื่องยนต์และลมแรงที่ปะทะหน้า

“ต้องส่งวันไหนเนี่ย?”

“วันจันทร์ค่ะ คาบแรกเลย” มีนตอบก่อนจะหัวเราะในประโยคต่อมา “น้ำเป็นคนพรีเซนต์ด้วยแหละค่ะ”

“น้ำเนี่ยนะ” ผมหัวเราะ พร้อมกับที่มีเงาดำตัดผ่านหน้ารถ ผมใจหายวูบก่อนตัดสินใจเบรก แล้วโลกทั้งโลกก็ดับมืดลง...





ผมรู้สึกตัวอีกครั้งที่โรงพยาบาล สีหน้าคนที่ยืนรายล้อมอยู่ดูจะโล่งใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

“พี่ดิน เป็นไงบ้าง?” เสียงน้ำดังขึ้นมาทันที ดวงตาแดงก่ำราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก “เจ็บมากมั้ยพี่?”

ผมพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่หนักที่ขาจนต้องปล่อยตัวลงนอนอีกครั้ง

“เดี๋ยวพี่ น้ำไขเตียงขึ้นให้ก่อน” เจ้าตัวกระวีกระวาดเขยกไปหมุนให้เตียงค่อยๆ ตั้งขึ้นมา ผมเลิกผ้าห่มดูปรากฏว่าขาขวาโดนใส่เฝือกไว้

“กระดูกร้าวน่ะดิน คงต้องนอนอยู่โรงพยาบาลสักพัก” เสียงแม่ตอบ ก่อนเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ “ดินเจ็บตรงอื่นบ้างมั้ย”

ด้วยประโยคนั้น ผมจึงลองขยับร่างกายเพื่อเช็คสภาพตัวเอง รู้สึกปวดที่แขนเล็กน้อย แต่พอดูก็เป็นเพียงรอยช้ำถลอก มือโดนพันผ้าไว้ แต่คงไม่ได้หนักอะไรเพราะผมยังกระดิกนิ้วได้เป็นปกติ

“ตรงอื่นก็นิดหน่อยน่ะครับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก แล้วพ่อล่ะครับ?” ผมถามเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ในห้องมีเพียงแม่ น้ำ แล้วก็คุณน้าข้างบ้านเท่านั้น

“พ่อไปทำบุญน่ะลูก เห็นบอกว่ามีคนทักแล้วว่าบริวารจะมีเคราะห์ แต่พ่อก็ไม่ได้ทำบุญสะเดาะเคราะห์ ก็เลยไปทำซะ เดี๋ยวคงมา” แม่พูดกึ่งๆ หัวเราะ สีหน้าดูดีขึ้น

“พี่ดินอยากกินอะไรมั้ย เดี๋ยวน้ำจะโทร.บอกให้พ่อซื้อเข้ามา”

“ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้อยากกินอะไรเป็นพิเศษ” ผมยิ้มให้น้องสาว ก่อนจะนึกขึ้นได้ “แล้วมีนล่ะ?”

จบประโยคนั้น ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบทันที น้องสาวผมหันไปมองแม่ ทำท่าราวกับพูดไม่ออก จนแม่ต้องเอ่ยปากออกมา

“ไม่เป็นอะไรมากหรอกลูก” เสียงแม่เบาจนผมต้องขมวดคิ้ว

“ไม่เป็นอะไรมาก แล้วทำไมทุกคนต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วยล่ะครับ?” ผมหันไปคาดคั้นกับน้ำ “ตกลงมีนเป็นอะไรมากหรือเปล่า?”

“ก็ถลอกปอกเปิกนิดหน่อยน่ะพี่” น้ำหลบตาขณะตอบ

“ขาหักแขนหักหรือเปล่า?”

“เปล่าค่ะ”

“หัวกระแทกพื้นหรือเปล่า?”

“เอ่อ..เปล่าค่ะ”

“แค่ถลอกนะ?”

“ค่ะ”

“ไงดิน เป็นไงมั่ง” เสียงพ่อที่กำลังเปิดประตูเดินเข้ามานั้นราวกับระฆังช่วยชีวิต น้ำถอยห่างออกไปและให้พ่อเข้ามาไต่ถามอาการผมแทน จากนั้นผมก็ลืมเรื่องของมีนไปเลย...




สายวันต่อมาผมนึกถึงมีนได้อีกครั้ง จึงถามแม่ที่ลางานมาเฝ้าผมว่ามีนอยู่ห้องไหน

“มีนเขากลับบ้านแล้วลูก เพิ่งออกไปเมื่อเช้านี้เอง ดินอยากไปเยี่ยมเค้าเหรอ?”

“ครับ” ผมพยักหน้ารับ

“เอาไว้ดินออกจากโรงพยาบาล หายดีแล้ว แล้วค่อยไปเยี่ยมน้องเค้านะ ตอนนี้เอาตัวเองให้หายก่อนแล้วกันนะลูก”

“ครับแม่” ผมรับคำ ขณะที่สีหน้าแม่ราวกับโล่งใจขึ้น…




วันต่อมาผมก็ออกจากโรงพยาบาลแต่ยังคงต้องใช้ไม้ค้ำยันในการช่วยเดิน ผมหยุดอยู่กับบ้านหนึ่งอาทิตย์เต็มจึงจะเริ่มไปเรียนต่อได้ ระหว่างนั้นมีนไม่เคยมาเยี่ยมผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว ขณะที่พายเองก็หายไปด้วยเช่นกัน แต่เมื่อวันแรกที่ผมไปโรงเรียนก็มีหนังสือภาพเรื่อง ‘ความรักของต้นไม้’ มาวางไว้บนโต๊ะ ที่หน้าแรกมีลายมือตัวเล็กๆ ของเจ้าตัวเขียนไว้

หายไว-ไวนะคะพี่
ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ไปเยี่ยมเลย

พายค่ะ


“พายเค้าฝากมาให้” ไผ่เดินมาบอกขณะที่ผมอ่านข้อความอยู่ “มึงเป็นไงมั่ง”

“ก็ดีขึ้นเยอะ” ผมตอบยิ้มๆ “ไปเยี่ยมกูครั้งเดียวแล้วหายหัวไปเลยนะมึง”

“แหม...มึง กูต้องเตรียมแข่งบาส ช่วงนี้ซ้อมหนักจะตายห่- กูก็โทร.ไปถามที่บ้านมึงแล้วไง น้ำยังบอกเลยว่ามึงไม่เป็นอะไรมาก”

“เออๆ กูพูดเล่น” ผมหัวเราะกับท่าทีเดือดร้อนนั้น

“แล้วมึงโทร.ไปหามีนบ้างยัง?”

“โทรไปแล้วแต่ไม่ได้คุยเลย ไม่อยู่บ้าง หลับแล้วบ้าง กะว่าเสาร์นี้จะให้น้ำขี่รถพาไปหาหน่อยน่ะ” หลังประโยคบอกเล่าของผม ไผ่ก็ยักไหล่ก่อนที่จะโยนสมุดกองหนึ่งให้

“อ้ะ..เลคเชอร์ช่วงมึงไม่อยู่ อาทิตย์หน้าอาจารย์จะเริ่มควิซแล้วนะ เพราะงั้นทวนซะด้วย เดี๋ยวทำไม่ได้ สงสัยอะไรก็ถามกูแล้วกัน”

“เออ..ขอบใจ”

แล้ววันทั้งวันนั้นผมก็ต้องจมอยู่กับการพยายามตามเรื่องเรียนให้ทันเพื่อนจนไม่ได้คิดอะไรอีกเลย แม้กระทั่งเจ้าของหนังสือภาพเล่มนั้น...

“วันนี้น้ำกลับมืดนะพี่ดิน รายงานยังไม่เสร็จเลย คงพาพี่ไปบ้านมีนไม่ได้แล้วแหละ” ประโยคบอกเล่าจากโทรศัพท์นั่นทำให้ผมต้องถอนหายใจ

“อืมม์...ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่โทรเรียกไอ้ไผ่มารับก็ได้”

“ค่ะ” ปลายสายเงียบเสียงไปก่อนจะตัดเข้าสัญญาณวางสาย ผมจึงกดไปอีกเบอร์แทน...

“เออ..ได้ รออีกไม่เกินสิบห้านาที เดี๋ยวกูจะรีบบิดไปหามึงเลย”

“เออ..ขอบใจว่ะไผ่”

“มึงหายแล้วพากูไปเลี้ยงหนังสักเรื่องแล้วกัน” ตอนท้ายเจ้าตัวกลั้วหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี...




กว่าผมกับไผ่จะไปถึงบ้านมีนได้ก็เสียเวลาพอสมควร เนื่องจากผมเองก็ไม่เคยมา อาศัยแค่ความทรงจำที่น้ำเคยบอกเส้นทางไว้เมื่อก่อนเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นแม่ของมีนกำลังยืนกำกับคนสวนให้รดน้ำต้นไม้อยู่ที่หน้าบ้าน ผมจึงยกมือไหว้อย่างเก้ๆ กังๆ เนื่องจากมือข้างหนึ่งยังต้องจับที่ไม้ค้ำยันอยู่

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีจ้ะ มาหาใครเหรอลูก?” ใบหน้ายิ้มแย้มที่มีดวงตาอารีหันมาถาม ทำให้ผมใจชื้นขึ้น

“มาหามีนน่ะครับ”

“มีนเหรอ? เอ่อ..จะให้แม่บอกว่าใครมาหาล่ะ?”

“ดินครับ พี่ของน้ำน่ะครับ” หลังจบประโยคนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของแม่ของมีนจางลง

“เดี๋ยวแม่ไปบอกให้แล้วกัน”

จบประโยคร่างนั้นก็เข้าไปในบ้าน ผมกับไผ่จึงนั่งลงที่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน แม่ของมีนหายไปนานเสียจนผมกับไผ่เริ่มอึดอัด จนราวๆ สิบนาทีต่อมา แม่มีนก็ออกมาบอกเรียบๆ

“มีนเค้าบอกให้ดินเข้าไปในบ้านน่ะจ้ะ”

ผมหันไปมองหน้าไผ่ ไผ่ทำท่าทางว่าจะรออยู่ที่นี่ ผมจึงค่อยๆ เดินขโยกเขยกตามแม่ของมีนเข้าไป

“รอเดี๋ยวนะ อีกพักมีนคงลงมา”

ผมรับคำ ขณะที่แม่ของมีนเดินกลับออกไปทางหน้าบ้าน ราวห้านาทีร่างคุ้นตาก็เดินลงบันไดมา

แก้มที่เคยยุ้ยนั้นตอนนี้เซียวลงผิดตา รอยยิ้มของมีนดูฝืนเฝื่อนเต็มที และที่สำคัญรอยแผลเป็นซึ่งกินเสี้ยวหน้าตั้งแต่หน้าผากลงมาจนถึงปลายตานั้นทำให้ผมใจหายวูบ

“มีน...” ผมเอ่ยชื่อเธอแผ่วเบา รู้สึกเสียใจจนบอกไม่ถูก

“สวัสดีค่ะพี่ดิน” มีนยกมือไหว้หากแต่ท่าทางเหินห่างอย่างรู้สึกได้ รอยยิ้มของเจ้าตัวดูเจื่อนจาง “ขอบคุณนะคะที่มาเยี่ยม”

“มีน..พี่ขอโทษ พี่ไม่รู้เลย” ผมกล้ำกลืนน้ำลายลงคอ “มีนเจ็บมากมั้ย?”

มีนยิ้มให้กับคำถามที่ดูเหมือนโง่เง่าของผม แต่เธอก็ส่ายหน้า

“ไม่เจ็บแล้วล่ะค่ะพี่ พี่ดินล่ะคะเป็นไงบ้าง?”

“ก็...ไม่เป็นไรมากหรอก อีกไม่นานก็หายแล้ว” ผมตอบเธอไป ต่อจากนั้นดูเหมือนเราจะคุยเรื่องราวที่ไม่ค่อยมีสาระนัก ก่อนผมจะลาจากมีนมาอย่างมึนงง ไม่รู้สิครับ...ผมรู้สึกสับสน ทั้งรู้สึกผิด อึ้งและพูดไม่ออก ยิ่งบางครั้งเมื่อมีนทำท่าเหมือนอายแผลเป็นและพยายามหันแต่ด้านที่ไม่เป็นแผลคุยกับผม ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่มากขึ้น...




หลังจากนั้นไม่กี่อาทิตย์ผมก็ตัดเฝือกออก ผมจึงเริ่มไปเยี่ยมมีนที่บ้าน หลังจากที่ผ่านมาทำได้เพียงโทรศัพท์ไปถามข่าวคราวเท่านั้น ผมทยอยเอาดอกไม้ ขนม หนังสือไปให้เธอ บางครั้งก็พามีนไปที่ร้านพี่อ้าย โดยหวังว่าสิ่งต่างๆ ที่ผมทำนั้นจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น และดูเหมือนว่าจะได้ผล เพราะมีนเองก็มีรอยยิ้มที่สดใสมากขึ้นเรื่อยๆ




เย็นวันหนึ่งผมไปร้านพี่อ้ายเพียงลำพัง เมื่อขึ้นไปที่ชั้นบน ก็เจอพี่อ้ายกำลังนั่งคุยกับพายอยู่อย่างออกรส พอเห็นผมพี่อ้ายก็พยักหน้าให้

“ไง ดิน”

“หวัดดีครับพี่”

“มีนไม่มาด้วยเหรอ?” คำถามนั้นทำเอาผมเหลือบมองสาวน้อยที่นั่งข้างๆ ก็พบสายตาของเธอที่มองมาเหมือนสนใจในคำถามนั้นเช่นกัน

“ไม่มาครับ ติดธุระ” ผมตอบพลางลากเก้าอี้จากโต๊ะติดกันมานั่งด้วย

“คราวนี้ดื่มอะไร?” พี่อ้ายถาม ด้วยรู้ดีว่าตั้งแต่ผมสนิทกับมีน บางครั้งผมก็เลือกที่จะดื่มชาเป็นเพื่อนเธอ

“ขอกาแฟแล้วกันครับ”

“รอแป๊บหนึ่งนะ” จบประโยคพี่อ้ายก็ไปที่เคาน์เตอร์ ผมกับพายนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่พายจะถามคำถามแรกกับผม

“ถอดเฝือกแล้วเหรอพี่?”

“อืมม์”

“แข็งแรงดีแล้วสิถึงขนาดขี่มอเตอร์ไซค์มาได้เองเนี่ย?”

“ก็โอเคแหละ” ผมยิ้มเก้อๆ “เออ..ขอบคุณมากนะสำหรับหนังสือ หนังสือดีมากเลย แล้วพายเป็นไงบ้าง?”

“จะเป็นไงล่ะพี่ ก็สบายดี ไม่เจ็บไม่ไข้ ไม่ได้เจออะไรอย่างใครเค้านี่” ประโยคท้ายเจ้าตัวยิ้มนิดๆ “หนังสือนั่นน่ะจริงๆ มีหนังสืออีกเล่มนะของคนเขียนคนเดียวกันเลย แต่เล่มนั้นพายหาซื้อไม่ได้แล้ว จริงๆ พายอยากให้เล่มนั้นพี่มากกว่า น่าจะเหมาะที่พายจะให้พี่มากกว่า”

ประโยคท้ายเจ้าตัวสบตากับผมอีกครั้ง ผมเพียงยิ้มรับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรตอบไป

“หมู่นี้พี่ไม่ค่อยมาร้านพี่อ้ายเลยนะ”

“อืมม์..พี่ต้องดูแลมีนน่ะ”

“รู้แล้ว...” พายลากเสียงยาว ก่อนยิ้มนิดๆ และถามคำถามที่ทำให้ผมต้องอึ้ง “แล้วคิดว่าจะดูแลเค้าไปอีกนานแค่ไหนล่ะพี่?”

แก้วชาของพี่อ้ายที่ถูกนำมาวางแทรกหลังประโยคนั้น ทำให้ผมไม่ต้องตอบคำถามที่ตัวเองก็ไม่มีคำตอบให้ แต่เจ้าตัวเองก็ดูเหมือนว่าไม่สนใจนัก กลับหันไปคุยกับพี่อ้ายแทน...



จบการลงครั้งที่ ๒


ขอบคุณเพื่อนๆ ที่มาอ่าน

และช่วยลงคอมเม้นท์นะ



Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2550 16:55:10 น.
Counter : 4260 Pageviews.

9 comments
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
  
เม้นท์ในพันทิพไม่ได้ ไม่ได้เป็นสมาชิก เห็นชื่อคนเขียนแล้วเข้ามาอ่าน เพราะมีลูกพี่ลูกน้องสองคนที่ชื่อมีน กับ เมษ เรืองสนุกค่ะ แค่ติดขัดบ้างเล็กน้อยค่ะ
ไง ก็สู้ ๆ แต่งเรืองสนุก ๆ ต่อไปค่ะ
โดย: เมษ์ IP: 125.238.156.187 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:17:12:59 น.
  
^
^
^
ขอบคุณน้า
โดย: มีนเมษ วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:17:43:40 น.
  


สวัสดียามเย็นค่ะ


ห่างหายไปนาน


กลับมาทักทาย สบายดีไหม...


มาขออ่านด้วยคนคร้าบ



โดย: Donut_ty วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:18:08:09 น.
  
สนุกดีนะคะ .....

แต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่น่าจะรุนแรงได้ถึงขนาดนี้เลยนะคะ

เพราะปูเรื่องมาเรื่อยๆทั้งตอนที่ขี่รถกันมาก็ดูราบรื่นดี

แต่ทำไมกลายเป็นหน้ามีนต้องเป็นขนาดนี้

แล้วจะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:19:54:08 น.
  
มาติดตามอ่านเรื่องน่าสนใจค่ะ
โดย: tiki_ทิกิ IP: 203.113.34.61 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:23:00:44 น.
  
อืม มาอ่านตอนนี้ก็งง ๆ เรื่องอุบัติเหตุนิดหน่อย
เพราะเหมือนว่าไม่น่าจะหนักหนามากขนาดนั้นสำหรับมีน
เหมือนว่าให้น้ำหนักเพื่อเป็นจุดเปลี่ยนการกระทำของพระเอก
พอมาอ่านสั้น ๆ แล้วบางทีก็วิจารณ์ลำบากมังคะ
คงต้องรอหลาย ๆ ตอนก่อน แล้วแสดงความเห็นทีเดียว

ติดตามค่ะ :D
โดย: หมาเลี้ยงแกะ วันที่: 4 เมษายน 2550 เวลา:2:07:39 น.
  
สวัสดีวันศุกร์ ขอให้มีแต่ความสุขนะคะ
โดย: i_nookae วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:3:51:43 น.
  
出会い出会い系サイト出会い喫茶出会い掲示板ナンパ出会いカフェ人妻出会い無料系サイト優良出会い系攻略完全無料。アダルトビデオアダルト動画アダルトアニメアダルト画像アダルトサイト無料DVDアダルト風俗サンプル無料風俗優良アダルトサイト比較海外。人妻画像人妻パラダイス知合い人妻援護会人妻コレクション風俗告白。熟女画像東京熟女掲示板動画熟女ビデオおまんこオナニーエロ画像エロフラッシュアニメエロ動画エロゲームエロ漫画無料エロサイト。エッチ画像エッチ動画エッチ小説写真エッチアニメエッチ0930。セックスアナルセックス画像セックス動画セックスフレンドスワッピングSEX写真セックスボランティセックス体位東京セックス仕方SEX。おっぱい画像おっぱい村長おっぱい楽園掲示板おっぱい命おっぱいゲーム。巨乳動画巨乳画像アイドル巨乳掲示板風俗。セフレ募集セフレ掲示板セフレ画像掲示板セフレの作り方出会い無料素人セフレ。童貞狩りエロ漫画童貞狩り童貞喪失童貞オークション素人童貞逆援不倫パートナー不倫出会い人妻不倫不倫を楽しみたい方にはお薦め人妻画像など満載出会いサイトを楽しむならココ出会い系で一緒に遊ぼう
โดย: アダルト IP: 124.25.160.59 วันที่: 17 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:55:49 น.
  
出会い出会い系サイト出会い喫茶出会い掲示板ナンパ出会いカフェ人妻出会い無料系サイト優良出会い系攻略完全無料。アダルトビデオアダルト動画アダルトアニメアダルト画像アダルトサイト無料DVDアダルト風俗サンプル無料風俗優良アダルトサイト比較海外。人妻画像人妻パラダイス知合い人妻援護会人妻コレクション風俗告白。熟女画像東京熟女掲示板動画熟女ビデオおまんこオナニーエロ画像エロフラッシュアニメエロ動画エロゲームエロ漫画無料エロサイト。エッチ画像エッチ動画エッチ小説写真エッチアニメエッチ0930。セックスアナルセックス画像セックス動画セックスフレンドスワッピングSEX写真セックスボランティセックス体位東京セックス仕方SEX。おっぱい画像おっぱい村長おっぱい楽園掲示板おっぱい命おっぱいゲーム。巨乳動画巨乳画像アイドル巨乳掲示板風俗。セフレ募集セフレ掲示板セフレ画像掲示板セフレの作り方出会い無料素人セフレ。童貞狩りエロ漫画童貞狩り童貞喪失童貞オークション素人童貞逆援不倫パートナー不倫出会い人妻不倫不倫を楽しみたい方にはお薦め人妻画像など満載出会いサイトを楽しむならココ出会い系で一緒に遊ぼう
โดย: アダルト IP: 124.25.160.59 วันที่: 17 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:56:40 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mustlovedog.BlogGang.com

มีนเมษ
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]