0143. 28 พฤษภาคม 2544 คำกล่าวและการตอบคำถามผู้สื่อข่าวของพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในโอก
กล่าวและการตอบคำถามผู้สื่อข่าว

ของ

พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีพบสื่อมวลชน

วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม 2544

ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

เวลา 17.00 น.

-----------------------

เรียนท่านคณะรัฐมนตรี พี่น้องสื่อมวลชน

และพี่น้องประชาชนที่รับชมรับฟังอยู่ทางบ้าน

ความจริงวันนี้รัฐบาลอยากจะมีบรรยากาศสบาย ๆ ได้พูดคุยกับพี่น้องสื่อมวลชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสื่อมวลชนที่ทำข่าวอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล และกระทรวงต่าง ๆ มาตลอดเวลา 3 เดือนที่รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลมา ก็อยากจะพูดคุยกันในบรรยากาศสบาย ๆ เพื่อจะเล่าให้ฟังว่า เราได้ทำอะไรไป เราจะทำอะไร และมีอะไรที่พี่น้องสื่อมวลชน ซึ่งอาจจะใกล้ชิดกับประชาชน มีความรู้สึกว่าน่าจะได้ทำเพิ่มขึ้นหรือน่าจะได้เพิ่มน้ำหนักไปตรงไหน อันนี้คือสิ่งที่เราอยากจะฟังจากท่านด้วย

ผมขอเรียนว่า 3 เดือนที่ผ่านมานั้น เป็นช่วงที่ผมเองถือว่าทำงานหนักมากที่สุด ครั้งหนึ่งในชีวิต

เพราะตอนที่ผมลำบากเป็นหนี้เป็นสินต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของครอบครัวนั้น ผมว่าผมทำงานหนักแล้ว แต่ผมเชื่อว่า 3 เดือนที่ผ่านมานั้น ผมทำงานหนักมากกว่า และยอมรับว่าระหว่างช่วงที่ทำงานหนักนั้น ก็มีความสุขมากที่การทำงานหนักของผม เป็นผลดีต่อการแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ผมคนเดียวคงไม่ถึงวันนี้ แต่โดยคณะรัฐมนตรีที่ได้ทุ่มเทกัน ซึ่งแต่ละคนทำงานกันหนักมาก และข้าราชการก็ให้ความร่วมมือดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ทำงานใกล้ชิดกัน ได้มีการพูดคุยกัน ทางสภาฯ เอง ก็เป็นสภาฯ ที่ถือว่าค่อนข้างที่จะเป็นสภาฯ แห่งการสร้างสรรค์มาก ซึ่งผมเองผมก็พอใจ

พี่น้องสื่อมวลชนทั้งหลายที่ติดตามทำข่าวรัฐบาลมา ผมต้องขอขอบคุณและขออภัยที่ท่านต้องทำงานหนักด้วย เพราะวันเสาร์-อาทิตย์ ผมก็ทำงาน จึงทำให้ท่านไม่ได้พักผ่อนกัน ท่านต้องทำงานหนักกับพวกผมด้วย เพราะว่าท่านไม่อยากจะตกข่าว ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะต้องให้ท่านทำงานหนัก แต่เป็นภารกิจของท่าน ซึ่งต้องขอขอบคุณ ที่ผ่านมานั้นเราถือว่าต่างคนต่างมุ่งเป้าหมายไปที่ความผาสุขของประชาชน เราอยากให้ประชาชนได้รับทราบข่าวสาร ได้รับทราบแนวทางในการแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองให้ประชาชนฟัง ท่านก็ทำงานหนัก ผมก็ทำงานหนัก วันนี้จริง ๆ แล้ว ผมไม่อยากเห็นทุกคนนั่งหน้าซีเรียสอย่างนี้ อยากจะพูดคุยกันสบาย ๆ ผมขอเล่าอะไรให้ฟังซึ่งส่วนใหญ่ทุกท่านก็ทราบดีกันอยู่แล้วว่า เราทำอะไรกันไปบ้างแต่วันนี้ย้ำอีกครั้งหนึ่ง ความจริงการแถลงผลงานของรัฐบาลนั้น เป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่ง 1 ปีต้องแถลงต่อสภาฯ 1 ครั้ง แต่ในช่วงนี้ถือว่าเราพูดคุยกัน เพื่อที่จะให้ท่านในฐานะเป็นตัวแทนของประชาชนแขนงหนึ่งได้มาพูดจากันกับทางรัฐบาลด้วย

ผมขอเรียนอย่างนี้ว่า อยากให้ท่านย้อนนึกไปถึง วันนี้ ผมได้กล่าวกับประชาชนในวันที่ผมได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่บ้านผม คงจำได้ผมบอกว่า ผมจะขอเป็นรัฐบาลที่ไม่รู้จักคำว่า “เหน็ดเหนื่อย” ท่านจำได้หรือไม่ และวันนี้เราก็ทำงานกันและไม่เคยบ่นว่าเราเหนื่อย เพราะเราเต็มใจ ทั้งนี้ก็เกิดจากกำลังใจที่พี่น้องประชาชนได้มอบให้กับรัฐบาลชุดนี้มากอย่างท่วมท้น นั่นคือสิ่งที่เราจะต้องมีหน้าที่ตอบแทน และสิ่งที่ดีที่สุดคือการทำงานแก้ปัญหาให้เขาอย่างไม่มีคำว่า “เหน็ดเหนื่อย” และผมก็พูดอีกว่า “ผมจะไม่ขอเป็นเพียงผู้นำ” เพราะกฎหมายให้เป็นผู้นำ แต่ผมต้องการเป็นผู้นำที่นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ประเทศไทย ซึ่งวันนี้เราจะขอเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ อย่างที่สมควรจะเปลี่ยนมานานแล้ว แต่เนื่องจากว่าอาจจะเป็นเพราะบรรยากาศทางการเมืองก็ดี เหตุการณ์ก็ดี มันไม่อำนวยเหมือนครั้งนี้ เพราะเป็นรัฐบาลหลังวิกฤติ และเป็นรัฐบาลซึ่งเข้ามาด้วยฉันทานุมัติจากประชาชนอย่างท้วมท้น เพราะฉะนั้นเลยสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรที่บ้านเมืองควรจะต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างเต็มที่ และต่อจากนี้ไป ท่านจะเห็นการเปลี่ยนแปลงมากมาย

การทำ Work Shop

เรื่องแรกที่ท่านเห็นชัดเจนคือ เราพยายามเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมาร่วมกันแก้ปัญหาของชาติแทนที่เราจะแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน จนทำให้เกิดธิฐิ เกิดมีความรู้สึกว่าเราคนละพวก และผลสุดท้ายไม่มีใครเป็นพวกประชาชน เราต้องบอกว่า เราทุกคนต้องเป็นพวกประชาชนและมาแก้ปัญหาร่วมกัน นี่คือข้อเรียกร้องของผม ทั้งด้านของการเมืองและของสภาฯ ทั้ง 2 สภาฯ ในวันแถลงนโยบายท่านคงจำได้ ผมได้แก้ไขการบริหาร โดยเริ่มต้นตั้งแต่ที่มีการประชุมหัวหน้าส่วนราชการทั้งหลายที่ห้องนี้ท่านคงจำได้ เพื่อจะเรียกร้องให้ข้าราชการทั้งหลายได้หันกลับมาร่วมกันทำงานโดยไม่เห็นว่าเราอยู่คนละส่วนราชการ เราเป็นรัฐบาล และประชาชนเป็นภาคประชาชนหรือเอกชน เราต้องการให้เกิดพลังเพราะว่าวันนี้เราต้องการพลังในการแก้ปัญหาของประเทศ และเราได้มีการประชุมจัด Work Shop ซึ่งหลายฝ่ายที่อาจจะเข้าใจ หรือว่าพยายามไม่เข้าใจได้พูดเรื่องของ Work Shop ในทางที่ค่อนข้างจะสับสน ความจริงแล้วการทำ Work Shop นั้นเป็นการแก้วิธีการบริหารอย่างหนึ่งของรัฐบาล ที่เรายอมรับและตระหนักดีว่า ประเทศไทยได้แบ่งกระทรวง ทบวง กรม ออกไปในลักษณะของการจัดองค์กรแบบเก่า ทำให้เกิดความไม่คล่องตัวในการประสานงานร่วมระหว่างส่วนราชการที่แยกส่วนกันอยู่ เราจึงเอาปัญหาเป็นตัวตั้ง แล้วเอาผู้ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการเมืองและส่วนราชการทุกส่วนมานั่งรวมกัน เพื่อเอาปัญหามาถกกัน แล้วมองปัญหาให้ครอบคลุมพร้อมกัน หาทางออกพร้อมกัน และหลังจากนั้นจึงมอบหมายหน้าที่การงานให้ส่วนราชการ หรือคณะกรรมการ คณะบุคคลแต่ละกลุ่มเอาไปทำ และวันนี้หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มกลับเข้ามาในหลายรูปแบบ อาทิ การออกกฎหมาย ระเบียบ การจัดการ หรือการแก้ปัญหาต่าง ๆ ซึ่งหลายสิ่งหลายอย่างได้เดินไปอย่างคล่องตัวและเร็วกว่าที่คิด ผมเชื่อว่าถ้ารัฐบาลนี้ไม่ทำการบ้าน ไม่วางนโยบายไว้ล่วงหน้า ไม่นำนโยบายที่วางล่วงหน้าเข้ามาเป็นนโยบายรัฐบาล 3 เดือนไม่สามารถทำได้ถึงขนาดนี้แน่นอน เพราะฉะนั้นวันนี้ 3 เดือน เราทำ 3 เดือนก็จริง แต่การบ้านมันทำล่วงหน้าไปตั้ง 1-2 ปีแล้ว ถึงทำงานได้เร็ว ไม่อย่างนั้นจะทำงานได้เร็วอย่างนี้ไม่ได้

ปรับปรุงวิธีการงบประมาณ

รัฐบาลชุดนี้ได้ปรับปรุงวิธีการงบประมาณใหม่เป็นครั้งแรก เพราะงบประมาณในสมัยเดิมเราใช้วิธีว่า ปีที่แล้วมีค่าใช้จ่ายเท่าไร ปีนี้ต้องมีค่าใช้จ่ายเท่าไร และจะเพิ่มหรือลดเท่าไร เราใช้วิธีนั้นและอย่างมากที่สุดก็มีโครงการที่เป็นจินตนาการของรัฐบาลหรือฝ่ายการเมืองแล้วใส่เข้าไป แต่ครั้งนี้เป็นการวางนโยบายที่มีการเปลี่ยน ถึงแม้ว่าเราจะเข้ามาในช่วงปีปฏิทินงบประมาณที่บีบ แต่เราพยายามที่จะแก้วิธีงบประมาณ โดยผสมผสานวิธีการงบประมาณหลาย ๆ วิธีเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Zero-Based Budgetting System หรือ Programme Planning Budgetting System เข้าไปด้วยกันเพื่อที่จะให้ได้งบประมาณที่จะสามารถใช้เงินส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหา ในการที่จะเดินยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีงบประมาณสำหรับเดินยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหา จึงเป็นการจัดงบประมาณที่จัดสรรเงินสำหรับยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นการเปลี่ยนงบประมาณครั้งแรก แต่ถ้าถามว่าพอใจหรือยัง คงต้องขออีกรอบงบประมาณหนึ่ง ถึงจะจัดได้ดีกว่านี้ เพราะปีปฏิทินไม่ได้บีบ

การแก้ปัญหาความยากจน

รัฐบาลนี้เป็นครั้งแรกอีกเช่นกัน ที่เอาสถานภาพความเป็นจริงของประเทศไทยมาบอกกับประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้รู้สภาพปัญหาที่แท้จริง เพื่อที่จะได้ปรับตัวเตรียมตัวในการที่จะเผชิญกับการแก้ปัญหาหรือสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงในอนาคตข้างหน้า

1. การพักหนี้เกษตรกรรายย่อย สิ่งที่ได้ทำไปในการแก้ปัญหาอันแรกผมขอเริ่มต้นที่ปัญหาของความยากจนที่รัฐบาลนี้ได้ทำไปเรียบร้อย ที่ท่านทราบกันดี คือเมื่อวันที่ 1 เมษายน เราได้มีการประกาศพักหนี้เกษตรกรรายย่อยเป็นเวลา 3 ปี โดยรัฐบาลรับผิดชอบดอกเบี้ยให้และมีโปรแกรม 2 โปรแกรม คือการให้ประชาชนเลือกพักหนี้ แต่ถ้าประชาชนที่เป็นเกษตรกรรายย่อยเลือกที่จะใช้กรณีลดดอกเบี้ย หรือลดหนี้แล้วกู้เพิ่มก็ได้ ปรากฎว่าได้มีประชาชน 39% ที่เลือกใช้โครงการพักหนี้ อีก 61% ไม่ใช้โครงการพักหนี้

2. 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นเรื่องหนึ่งที่เราเริ่มทดลองเป็นครั้งแรกใน 6 จังหวัดคือนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค เราเข้ามาทำงาน เรามีสิทธิ์สั่งข้าราชการเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เท่ากับเดือนมีนาคม 1 เดือน เราสามารถทดลองโครงการนำร่อง 6 จังหวัด ให้มีการใช้นโยบายประกันสุขภาพถั่วหน้าคือ 30 บาทรักษาทุกโรค 26 จังหวัด และวันที่ 1 มิถุนายนศกนี้ คือ 3 เดือนหลังจากนั้นเราจะมีโครงการนำร่องทดลองอีก 15 จังหวัด ซึ่งเชียงใหม่จะเป็นจังหวัดต้นแบบ ที่มีรูปแบบต่างๆ ของการให้บริการ รวมทั้งโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลของเอกชน โรงพยาบาลแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลของกระทรวงกลาโหม ได้เข้ามารวมเป็นระบบเดียวกัน เป็นโครงการนำร่องที่เบ็ดเสร็จที่สุดที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป



3. กองทุนหมู่บ้าน เป็นนโยบายอีกเรื่องหนึ่งที่ได้ไปแล้วก็คือ มีการประชุมแกนนำ เครือข่ายของหมู่บ้านต่างๆ คือ กองทุนหมู่บ้าน ได้ร่างระเบียบกรรมการหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว และกำลังขึ้นโครงกฎหมายที่จำเป็น ซึ่งจะเป็นกฎหมายฉบับสั้นๆ เพื่อจัดตั้งกองทุนหมู่บ้านและประมาณต้นเดือนกรกฎาคมนี้ กองทุนหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 1 ล้านบาทจะถึงมือทุกหมู่บ้าน และหมู่บ้านไหนตั้งกรรมการพร้อม ซึ่งกรรมการจะเป็นกรรมการผู้นำหมู่บ้านเอง โดยไม่มีข้าราชการเข้าไปชี้นำ เป็นผู้นำธรรมชาติ ถ้าเขาตั้งผู้นำหมู่บ้านเสร็จ เงินจำนวน 1 ล้านบาท ก็พร้อมที่จะถูกจ่ายเข้าไปเป็นทุนหมุนเวียนประจำหมู่บ้าน เพื่อจะให้ประชาชนได้มีเงินทุนหมุนเวียนใน ส่วนนี้ อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ตอนนี้แผนงานเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว แบบฟอร์มเริ่มแจกจ่ายแล้ว ประมาณวันที่ 25 มิถุนายนนี้ จะมีการเปิดบริการธนาคารประชาชน เป็นการให้ประชาชนได้เข้าหาแหล่งเงินกู้ที่ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อการประกอบอาชีพ ประชาชนจะได้หลุดพ้นจากหนี้นอกระบบ อันนี้ก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เกิดขึ้น

4. หนึ่งผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล เป็นปัญหาที่รัฐบาลกำลังดำเนินการกันอยู่ คือ มีการสัมมนาเรื่องโครงการหนึ่งผลิตภัณฑ์ต่อหนึ่งตำบล ซึ่งจะเป็นการร่วมมือกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงศึกษาธิการ ทบวงมหาวิทยาลัย เพื่อให้ประชาชนได้รับความรู้ที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเขา และรัฐบาลนี้ได้แก้ปัญหาสมัชชาคนจน เรื่องม๊อบต่าง ๆ ที่ประชาชนผู้เดือดร้อน ต้องมารอนแรมอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นเวลา 9 เดือน บัดนี้ได้กลับบ้านไปหมดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราได้ติดตามการแก้ปัญหาตามมติของคณะรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ทราบว่าที่เขื่อนปากมูลได้มีการเปิดประตูน้ำ 2 บาน เพื่อทดลองแล้ว แต่ว่าจะเปิดต่ออีก เราคงจะต้องเร่งทำงานให้เร็วที่สุด

การแก้ไขปัญหาสังคม

1. ยาเสพติด ซึ่งเป็นเรื่องของปัญหาสังคม ที่เราได้ทำเรื่องยาเสพติดคงจำได้ เราจัด Work Shop ที่จังหวัดเชียงราย และจนเดี๋ยวนี้ผลจากการจัด Work Shop ก็มีกฎหมายเข้า ครม.แล้ว กำลังจะเข้าสภาฯ เป็นกฎหมายที่เปลี่ยนสถานะผู้เสพเป็นผู้ป่วยที่จะต้องส่งเข้าไปบำบัด และส่วนสถานบำบัดที่ร่วมกันทำระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับกระทรวงกลาโหมนั้น ได้เริ่มต้นแล้ว และมีการอบรมในการป้องกันปัญหายาเสพติดก็มาก ถ้าเปรียบเทียบเดือนมีนาคม - เมษายน ที่ผ่านมา 2 เดือน รัฐบาลนี้สามารถจับยาบ้าได้ 26 ล้านเม็ด ในขณะที่ 3 เดือนของปีที่ผ่านมา จับได้ 10 ล้านเม็ด ของเราจับได้ 26 ล้านเม็ดไม่นับเฮโรอีน หรือพวกยาเสพติดชนิดอื่นๆ

2. การปฏิรูประบบการศึกษา ได้มีการเสนอกฎหมายเข้า ครม. ในวันพรุ่งนี้ (29 พ.ค.44) แต่ผมระงับไว้ เพราะว่า กฎหมายที่เสนอเข้ามาเป็นเพียงการจัดโครงสร้างระบบการบริหาร ซึ่งผมต้องการรับรู้ รับทราบแนวทางในการที่จะพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนก่อน ก่อนที่จะมาดูเรื่องเพียงแค่โครงสร้างของการบริหาร ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการและทบวงมหาวิทยาลัยกำลังทำงานหนัก เพื่อที่จะให้ได้แนวทางที่ชัดเจนก่อนที่ผมจะผ่านเรื่องเข้าไป ซึ่งเรากำลังทำอยู่

3. การปฏิรูประบบกระบวนการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรมกำลังเร่งรัดเพื่อจัดทำแผน ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นประชาพิจารณ์แผน

การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

1. เรื่องการท่องเที่ยว รัฐบาลได้จัดทำ Work Shop เรื่องการท่องเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ และ

เมื่อวันอังคารที่ผ่าน มาได้อนุมัติงบประมาณให้การท่องเที่ยวอีก 500 ล้านบาท เพื่อเร่งในเรื่องของการ

ส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อให้ยอดของการท่องเที่ยวดีขึ้น ซึ่งเรามีเป้าหมายว่าจะทำให้รายได้ของการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1% ของจีดีพี หรือประมาณ 50,000 ล้านบาท และจะมีการเปิดให้ร้านค้าคืน Vat ได้มากขึ้นมี duty free เกิดขึ้น ซึ่งได้มีการแก้ไขกติกาและพร้อมที่จะประกาศเร็วๆ นี้ ผมได้มีการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว

2. เรื่อง TAMC เราได้จัดทำ Work shop เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ศกนี้ที่ชะอำ พรุ่งนี้กฎหมาย

จะเข้า ครม. เพื่อจะอนุมัติกฎหมายจัดตั้ง TAMC ขึ้น ซึ่งจะมีผลใช้ประมาณต้นเดือนมิถุนายนโดยประมาณ เพื่อจะให้มีการโอนหนี้เสียออกจากธนาคารของรัฐ เพราะธนาคารของรัฐเป็นกลไกที่สำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับภาครัฐต่อไป และขณะเดียวกัน จะมีการเอาหนี้เสียที่เป็นผู้ให้กู้ตั้งแต่ 2 รายขึ้นไปของธนาคารเอกชน ซึ่งแก้ไขปรับโครงสร้างหนี้ได้ยากจะเอาเข้าที่ TAMC ให้เป็นเจ้าหนี้เดียวกัน เพื่อแก้ไขการปรับโครงสร้างหนี้ได้ง่ายขึ้น พรุ่งนี้กฎหมายก็คงจะได้รับความเห็นชอบจาก ครม.

3. การพัฒนาตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้ หลังจากนั้นเรามี Work Shop เกี่ยวกับเรื่องของการพัฒนาตลาดทุน ตลาดตราสารหนี้ เพื่อให้เงินถูกกระจายจากธนาคารมาสู่ตลาดทุน ตลาดตราสารหนี้ได้มีการตกลงร่วมระหว่าง กลต.กับกรมสรรพากร มีกติกาหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ตลาดตราสารหนี้เกิดขึ้นได้จริง ได้มีการปรับปรุงระบบการคิดภาษี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการเปิดตลาดตราสารหนี้ และได้มีการปรับปรุงเรื่องของการจูงใจทางภาษีให้บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งตลาดหลักทรัพย์ใหม่ ตลาดหลักทรัพย์เดิม ที่เป็นตลาดหลัก เรื่องทั้งหมดนี้ ได้ผ่านครม.เรียบร้อยแล้ว และจะออกเป็นกฤษฎีกา เป็นกฎกระทรวง ในอีกไม่กี่วันนี้ ซึ่งจะทำให้เพิ่มความแข็งแรงของตลาดหลักทรัพย์ได้อีก แต่ยังมีกฎหมายที่รัฐบาลชุดก่อนได้เสนอไปแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นวุฒิสมาชิก ซึ่งผมได้ขอความร่วมมือจากวุฒิสมาขิกให้เร่ง ซึ่งอาจได้รับการพิจารณาเร็วๆ นี้คือ กฎหมายมหาชน กฎหมายเรื่องของเครดิตยูโร และกฎหมายด้านธุรกรรมอิเลคทรอนิกส์ทั้งหลาย ซึ่งจะมีกฎหมายสำคัญและเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของเราให้ทันสมัย ให้เป็นสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของกฎหมายมหาชนนั้น มีความจำเป็น เพราะ MSCI ได้เปลี่ยนดัชนีในการให้ชั่งน้ำหนัก ในการให้น้ำหนักในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของทั่วโลกใหม่ เพราะฉะนั้นเราต้องพยายามให้มีหุ้นที่เป็นฟรีโฟล็ตในตลาดมากขึ้น เพราะฉะนั้นกฎหมายมหาชนจึงจำเป็น ซึ่งผมได้ขอร้องทางวุฒิสมาชิกว่า ขอให้กรุณาเป็นพิเศษ ซึ่งก็จะทำให้ตรงนี้ ช่วยผนึกกับสิ่งที่รัฐบาลได้อนุมัติในครม. เพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์เรามีความแข็งแรงขึ้น

4. การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราทำไป คือเราได้มีการทำ Work shop ในการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและบทบาทของ BOI ตอนนี้ BOI ได้สรุปผลการทำงานออกมาแล้ว ขณะเดียวกันเราได้มีการตั้งทีม tackle ที่ทำให้ IMD ลดลำดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทยลง เพื่อรีบแก้ปัญหาในส่วนนี้ด่วน กรรมการชุดนี้กำลังทำงานกันอยู่ และเรียกมาดูตลอดเวลา ส่วนเรื่อง SME ใน วันที่ 8-9 มิถุนายนนี้ เราจะมีการหาแนวทางในการช่วย SME แต่วันพรุ่งนี้จะมีมาตรการในการที่จะแก้ไขปัญหาส่งออกเฉพาะหน้าโดยด่วนเข้าครม. เกี่ยวกับการดูแลสภาพคล่องของผู้ส่งออก

สำหรับเรื่องของกฎหมายนั้น ขอเรียนว่ารัฐบาลนี้จะมีกฎหมายเข้าสภาฯ ไม่มากนัก เพราะผมคิดว่ากฎหมายที่มีอยู่มันไปแล้วเอาเท่าที่จำเป็น กฎหมายที่มีอยู่อาจจะนำไปสู่การยกเลิกกฎหมายถึง 300-400 ฉบับ ซึ่งคณะของท่านมีชัยฯ กำลังดูอยู่ เพราะการที่มีกฎหมายมากเกินไป แล้วไม่ได้รับการบังคับใช้ จะเป็นช่องว่างไม่ค่อยเหมาะสมเกี่ยวกับเรื่องการปฏิบัติต่อกฎหมายหรือคอรัปชั่นเกิดขึ้นได้ รัฐบาลนี้จะยกเลิกเปรียบเสมือนตอนที่รัฐบาลนี้ เข้ามาเป็นรัฐบาล ได้ยกเลิกกรรมการที่แต่งตั้งโดยครม.ไปถึง 200 คณะ ซึ่งอะไรที่ไม่จำเป็นเราก็ยกเลิกหมด และทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่ได้ทำมาใน 3 เดือนของการเป็นรัฐบาลชุดนี้ พวกเราทำงานเหนื่อยแต่เรามีกำลังใจเพราะพี่น้องประชาชน สื่อมวลชนให้กำลังใจเราตลอดเวลา และข้าราชการให้ความร่วมมือดีเหลือเกิน สภาฯ ก็ให้ความร่วมมือ เพราะทุกคนตระหนักดีว่าปัญหาบ้านเมืองในวันนี้หนักหนา คนไทยด้วยกันมัวเกี่ยงงอนกัน ตั้งท่าใส่กันก็จะไม่เกิดเป็นผลดีต่อภาพรวมของประเทศ วันนี้เราเลยโชคดีที่เป็นรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุน และร่วมมือจากทุก ๆ ฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านฟังเสียงประชาชนแล้ว อยากให้ทำอะไรที่ยังไม่ได้ทำก็แนะนำกันได้ อยากให้ทุกอย่างเป็นกันเอง ผมอยากให้รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของประชาชนและใกล้ชิดกับประชาชนจริงๆ มีอะไรจะแนะนำ เชิญได้ตามสบายๆ ไม่ต้อง

ซีเรียส เชิญครับ

ผู้สื่อข่าว ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาที่ท่านนายกฯ บอกว่า ทำงานหนักมากนายกฯ ประเมินผลงานของรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่ ท่านอื่น ๆ ได้ทำงานหนักเหมือนท่านนายกฯ และท่านคิดว่าแต่ละท่านสอบผ่านหรือไม่ ถ้าท่านตอบว่าทุกคนสอบผ่าน อยากทราบว่า ท่านใช้อะไรมาเป็นมาตรฐานการทำงานของ

รัฐมนตรีแต่ละท่าน

นายกรัฐมนตรี การวัดผลของการทำงานของรัฐมนตรี ความจริงคือมี 3 ส่วน ถ้าส่วนที่ง่ายที่สุดคือการนับงานเป็นชิ้น แต่ในช่วง 3 เดือน ถ้าเราจะนับงานเป็นชิ้นของบางประเภทยังไม่มี เพราะเนื่องจากว่า บางประเภทต้องปรับพื้นฐานของการแก้ไขปัญหาก่อน แต่ถ้านับดูจากกิจกรรมที่ทำความขยัน ความทุ่มเทที่ทำ ผมมองถึงความที่กำลังทำอยู่ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีก 2-3 เดือนถึงจะเสร็จ พวกนี้ยิ่งถือว่าผ่านใหญ่ เพราะผมเห็นแล้วว่าแต่ละคนทำการบ้านมีความคืบหน้าทุกคน แต่งานนับ 1-4 ง่าย บางงานนับอย่างนั้นไม่ได้ เพราะวิธีการประเมินผลงานต้องประเมินหลายแบบ แต่จากการที่ผมเป็นหัวหน้าทีม นั่งดูคนทำงานแล้วผมไม่ได้เข้าข้างคณะรัฐมนตรี ผมชื่นใจแทนประชาชนครับว่า เขาทุ่มเทกันยังไง แล้วที่สำคัญที่สุด รัฐบาลนี้

3 เดือนที่ผ่านมา ผมอยู่ใกล้ที่สุด ผมกล้ายืนยันว่าไม่มีอะไร Fishy แม้แต่นิดเดียว

ผู้สื่อข่าว ในความแตกต่างของนโยบายดอกเบี้ย ขณะนี้ระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทย นำมาซึ่งคำถาม 2 ประเด็น ประเด็นแรก รัฐบาลจะทำอย่างไรเพื่อให้นโยบายของรัฐบาล อันได้แก่ การให้ประชาชนมีรายได้จากดอกเบี้ยเงินฝากมากขึ้น ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สิ่งที่เขาส่งสัญญาณออกมาตอนนี้คือ ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้หรือคิดว่าดอกเบี้ยลดไปไม่ได้แล้ว รัฐบาลจะทำยังไงที่จะทำให้นโยบายนี้ประสบความสำเร็จ และไม่ถูกการเงินระหว่างประเทศมองว่ารัฐบาลนี้กำลังเข้าไปแทรกแซงความเป็นกลางของธนาคารกลาง

นายกรัฐมนตรี พอดีบังเอิญผมดูรายการของคุณเอกพลพูด ซึ่งคุณเอกพลเป็นศิษย์เก่าแบงก์ชาติก็พูดได้ดีท่านบอกว่า ความเป็นอิสระของแบงก์ชาติคือ นโยบายการเงิน ส่วนนโยบายหรืออัตราการแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลังและแบงก์ชาติ ส่วนเรื่องการกำกับสถาบันการเงินนั้นความจริงแล้วในหลายประเทศเป็นเรื่องของรัฐบาลไม่ใช่เป็นเรื่องของแบงก์ชาติ แต่บังเอิญของประเทศไทยเราฝากให้

แบงก์ชาติทำแต่ก็ต้องร่วมกัน เพราะฉะนั้นสรุปแล้ว แบงก์ชาติมีความอิสระตรงนโยบายทางการเงิน ซึ่งเป้าหมายก็คือ ต้องการให้เกิดการถ่วงดุลกันระหว่างนโยบายการเงิน และนโยบายการคลัง ซึ่งการคลังเป็นเรื่องของรัฐบาล ไม่อยากให้ 2 สิ่งนี้อยู่ด้วยกัน การถ่วงดุลนั้นจะต้องเป็นอิสระจากกัน จนสามารถทำงานให้มีความกลมกลืนร่วมกันได้ นั้นคือสิ่งที่ผมฟังมา สรุปคือว่า สิ่งที่วันนี้บางคนอาจจะไม่เข้าใจเอาคำถามที่ผมถามไปมองเหมือนว่า ผมสั่งแบงก์ชาติความจริงแล้วอย่างที่ผมเรียนวันนี้ผมแข็งแรงดี แต่ผมก็เดินไปหาหมอทุก 6 เดือน เพื่อตรวจเลือดว่า มีคอเรสเตอรอล กรดยูริก หรือน้ำตาลเป็นอย่างไร ผมจะได้ทราบว่า ร่างกายของผมแข็งแรงดีหรือไม่ ทั้ง ๆ ที่ผมมีความรู้สึกว่าผมแข็งแรง แต่ไม่ประมาทต้องเช็คดูเหมือนกัน วันนี้ผมมีความรู้สึกว่า นโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ใช้มานานแล้วยังใช้ได้ดีอยู่หรือ ไม่ถามไม่ได้สั่ง ถามก็คือต้องการคำตอบที่เป็นวิชาการ ไม่ต้องการคำตอบที่เป็นความรู้สึกของผู้ว่าแบงก์ชาติ เพราะว่าคนอย่างผมต้องการคำตอบทางวิทยาศาตร์ ไม่ต้องการ Drafting จากใครทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นผมก็เลยถาม และได้มีคำตอบ ซึ่งผมบอกว่า ช่วยไปหาคำตอบอีกหน่อยได้หรือไม่ เพราะคำตอบที่ให้ยังไม่ค่อย Convince นี้คือสไตล์ผม เพราะผมเป็นคนที่จะดูหลักวิชา ปรากฏว่า หลังจากที่ผมถามก็เลยขอเวลาไปศึกษา ก็มีคำตอบจากสื่อมวลชนมากมาย ก็กลายเป็นว่าผมไปสั่งการให้ดอกเบี้ยขึ้นลง ไม่ใช่ เพราะผมเองไม่เคยบริหารงานแบบใช้ความรู้สึกบริหาร ผมจึงอธิบายให้เข้าใจว่า ผมอยากทราบคำตอบที่เป็นวิชาการ เพื่อผมจะได้เข้าใจว่า ดอกเบี้ยต่ำยังมีความจำเป็นอยู่ เพราะผมสงสัยว่า ทำไมดอกเบี้ยของประเทศไทยถึงได้ต่ำกว่าดอกเบี้ยของเงินสกุลที่เขาแข็งกว่า เช่น ดอลล่าร์นั้นคือข้อสงสัย เพราะเงินมีการไหลออกมากกว่าไหลเข้า ผมเลยไม่แน่ใจว่า ดอกเบี้ยมีส่วนหรือไม่ นั้นคือสิ่งที่ผมถามและอีกอันหนึ่งที่ผมกำลังห่วงอยู่ว่ากำลังซื้อของ ประชาชนได้หดหายไปส่วนหนึ่งเกิดจากดอกเบี้ยที่ลดลงอย่างรวดเร็วหรือไม่ ลดลงมากเกินไปหรือไม่ นั่นคือคำถามที่ต้องการคำตอบทางวิทยาศาตร์ ความเป็นอิสระในนโยบายการเงินของแบงก์ชาติยังมีต่อไป แต่ต้องมีหลักวิชาการ

นายกรัฐมนตรี ผมในฐานะนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวของเศรษฐกิจไทย ผมจึงมีสิทธิที่จะสอบถามและเรียกร้องคำตอบที่เป็นเหตุเป็นผล ซึ่งเป็นคำถามที่ผมได้มาจากประชาชน เกี่ยวกับการคงนโยบายดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งมีข้อสงสัยว่า ทำไมประเทศ และ เงินบาทจึงอ่อนค่าลงเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินสหรัฐฯ เพราะสาเหตใดที่เราจะยังต้องคงนโยบายดอกเบี้ยต่ำ การที่ดอกเบี่ยต่ำนั้นดีแต่เราต้องคงนโยบายนั้นอีกยาวนานแค่ไหน ซึ่งคงจะไม่ได้หมายความว่าต่ำขนาดนั้น แต่ ต่ำแค่ไหน คือ คำถามที่เราต้องการคำตอบที่มีหลักวิชาการรองรับ

ผู้สื่อข่าว ส่วนที่เป็นนโยบายหลัก ๆ ของรัฐบาล ดูเหมือนว่าจะแถลงและทราบกันมาแล้วตลอด

3 เดือนว่า รัฐบาลทำอะไรกันบ้าง จึงอยากจะทราบเรื่องของนโยบายและผลงานที่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ไม่ใช่เรื่องการเมืองล้วน ๆ ที่บอกว่ารัฐบาลนี้เข้ามาบริหารไม่ใช่เข้ามาเล่นการเมือง แต่เรื่องของการเมืองนี้ เราจะทิ้งไม่ได้ อย่างกรณีความจริงใจในการปฏิรูปทางการเมือง การสนับสนุนการทำงานขององค์กรอิสระ ผมจะถามรวม ๆ คือ เรื่องของสภาฯ ในการออกกฎหมาย การให้ความสำคัญกับการตอบกระทู้ ถามสด การเสนอญัตติของฝ่ายค้าน นี่คือเรื่องของการปฎิรูปทางการเมือง ไม่ทราบว่าโดยส่วนตัวของท่านนายกฯ และรัฐบาล มีความจริงใจในการที่จะสนับสนุนสิ่งนี้อย่างไรบ้าง

นายกรัฐมนตรี ผมอยากจะย้ำกับพี่น้องสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนที่อยู่ทางบ้านอีกครั้งหนึ่งว่า ใครมาเป็นรัฐบาล หรือประเทศไหนจะมีรัฐบาลแบบไหนก็ตาม Bottom line หรือบรรทัดสุดท้ายของการมีรัฐบาลก็คือ เพื่อความผาสุกของประชาชน ไม่ใช่ความสวยงามของระบอบเพียงอย่างเดียว ระบอบประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือสำคัญที่เรามีความเชื่อว่า จะนำมาซึ่งความผาสุกของประชาชน เพราะฉะนั้นเรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยเพื่อจะนำมาสู่ความผาสุกของประชาชน แต่เราคงไม่ต้องใช้เวลาและทรัพยากรอย่างมากมาย เพื่อทุ่มเทให้ประชาธิปไตยมีความสวยงาม โดยไม่คำนึงถึงเรื่องความผาสุกของประชาชนเพียงอย่างเดียว ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่เราต้องรักษา ต้องทำให้ดี แต่ขณะเดียวกันนั้น ต้องไปสู่เป้าหมายเพื่อความผาสุกของประชาชน ประชาธิปไตยไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของการมีรัฐบาล การมีรัฐบาลเป้าหมายสุดท้ายคือ ความผาสุกของประชาชนด้วยระบบที่เรามั่นใจดีที่สุดในขณะนี้ คือ ประชาธิปไตย อันนี้ต้องย้ำอีกที ประชาธิปไตยต้องนำไปสู่ความผาสุกของประชาชน รัฐบาลนี้ยึดมั่นในประชาธิปไตยล้านเปอร์เซ็นต์ แล้วสนับสนุนการทำงานเพื่อให้ระบอบประชาธิปไตยนั้นเกิดความเหมาะสม ถ่วงดุลกันถูกต้อง ความพอดีเป็นหัวใจของความสำเร็จทุกระบบ ถ้าเมื่อไรเรามองด้านเดียว เราจะไม่เห็นความพอดีและเราจะหลงสิ่งนั้น จนไม่สามารถนำมาซึ่งความผาสุกของประชาชน เพราะฉะนั้น วันนี้ความผาสุกของประชาชนเป็นหัวใจใหญ่สุดของหน้าที่รัฐบาลนี้ และรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ใครก็เถียงไม่ได้ว่า มาจากประชาธิปไตยล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นรัฐบาลที่ประชาชนเลือกมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย วันนี้เรายึดมั่นในส่วนนี้ เรื่องของการตอบกระทู้กฎหมายหรือวิธีปฏิบัติ กระทู้ ใครไม่รู้จะถามกระทรวงไหนก็ถามนายกฯ นั่นคือหลัก ถามนายกฯ ไปก่อน แต่นายกฯ สามารถจะมอบหมายให้รัฐมนตรีคนไหนตอบก็ได้ เพราะนายกฯ ก็ต้องใช้เวลาในการวางยุทธศาสตร์ในการฟื้นประเทศ ซึ่งวันนี้ ถ้าเราปเห็นประชาชนที่ลำบากอยู่ เห็นนักธุรกิจที่กำลัง ดิ้นรนต่อสู้ เห็นผู้ส่งออกที่พยายามจะหาเงินสภาพคล่องอยู่นั้น เราจะเข้าใจว่าวันนี้สิ่งที่จะต้องทำคือ ความผาสุกของประชาชน ถ้าผมจะต้องไปตอบกระทู้ตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่รัฐมนตรีสามารถไปตอบแทนผมได้นั้น ผมก็ไม่ต้องทิ้งงานยุทธศาสตร์ที่จะต้องทำสำคัญ แต่ถ้าผมมีเวลา ผมเต็มใจไปตอบกระทู้ เรื่องตอบกระทู้จึงเป็นสิ่งที่ขอเรียนว่า ผมเต็มใจ แต่บางครั้งเวลาไม่อำนวย แล้วส่วนใหญ่ผมไปที่สภาฯ ผมจะนั่งประชุมหรือทำงานด้วย รอว่าถ้าเมื่อไรผมต้องเข้าไปสภาฯ ผมจะขอออกจากห้องประชุมวิ่งไปสภาฯ ผมจะทำอย่างนั้นโดยตลอด ถ้าผมไม่ต้องเดินทางไปไหน ผมให้ความสำคัญกับสภาฯ ให้เกียรติกับสมาชิกสภาฯ แต่บังเอิญว่าผมต้องเลือกทุ่มเวลาเพื่อความผาสุกของประชาชนเป็นหลัก

ส่วนเรื่องขององค์กรอิสระทั้งหลายนั้น เป็นองค์กรที่เราต้องเคารพและให้เกียรติ แต่ขณะนี้สิ่ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นของใหม่ เป็นครั้งแรก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นใหม่ไม่มีอะไรเรียบร้อยตลอด ต้องมีขลุกขลักบ้างแม้กระทั่งการเลือก กทช. ปลัดสำนักนายกฯ ทุ่มเทตั้งใจมาก ทำทุกอย่างถูกขั้นตอนหมด ใช้งบประมาณที่จำกัด งบประมาณพิเศษก็ไม่มี งบประมาณที่มีอยู่ในสำนักนายกฯ ใช้ไม่พอ เงินส่วนตัวก็ยังต้องใช้ เพื่อให้งาน กทช. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แม้กระนั้นก็ยังโดนวุฒิสมาชิกส่งกลับมาบอกว่า ทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแรก การมองปัญหานั้นไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ความขลุกขลักในครั้งแรกนี้ต้องไม่ใช่เป็นอุปสรรคที่เราจะปฏิเสธว่า สิ่งที่มีมาใหม่นั้นไม่ดี แต่เราต้องยอมอดทนที่จะปรับจูนให้สิ่งที่มีใหม่นั้นได้เข้ากับสภาพแวดล้อมและปรับจูนจนลงตัว ซึ่งอาจจะต้องมีการใช้ไปสักระยะหนึ่ง เราต้องอดทนที่จะเห็นการที่ยังไม่เรียบร้อยจนลงตัว เพราะฉะนั้นรัฐบาลนี้มีความอดทนที่จะยอมรับองค์กรที่เกิดใหม่ที่ยังขลุกขลักและพร้อมสนับสนุน วันนี้องค์กรอิสระของบประมาณอะไรมา ผมให้ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณประสานกับองค์กรอิสระโดยตรงเลย ผมไม่เคยคุยเลย ถ้าสิ่งนี้มีความจำเป็น ผมก็ให้งบประมาณไม่พอเราต้องเจียดจ่ายในภาครัฐให้ เพราะต้องการให้องค์กรอิสระเหล่านี้เกิดขึ้น องค์กรอิสระเหล่านี้มีการแต่งตั้ง

ข้าราชการ ผมต้องเซ็นเข้า ครม. ผมเซ็นไม่เคยถาม ไม่มองหน้าว่าใครเป็นใคร เพราะฉะนั้น เราสนับสนุนตรงนี้มาโดย ขอเรียนว่า Case ที่เกิดขึ้นทั้งหมด อย่าไปคิดว่ารัฐบาลนี้ไม่สนับสนุน แต่ทุกอย่างต้องเข้าใจว่าของใหม่ต้องขลุกขลัก ถ้าไม่ขลุกขลักไม่ใช่ของใหม่ เป็นเรื่องธรรมดา

ผู้สื่อข่าว ขณะนี้ประชาชนพูดกันมากว่า ค่าไฟฟ้ามหาโหด โดยเฉพาะค่า FT ท่านมีนโยบายจะแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไร ปัญหาต่อมาคือว่า ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับไฟฟ้า พนักงานใช้ไฟฟรี ซึ่งการบินไทยขณะนี้แก้ปัญหาแล้ว ส่วนรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ จะแก้ปัญหาด้วยหรือไม่

นายกรัฐมนตรี รัฐบาลเพิ่งมาทำงานได้ 3 เดือน บางเรื่องเราตกอยู่ในภาวะตั้งรับ คือหมายความว่า เรื่องที่มีมาแล้วอย่างไร ต้องมานั่งแก้ปัญหาของเก่า อาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะในการที่จะรื้อ ปรับ และเปลี่ยน บางเรื่องเป็นเรื่องใหม่เรารุกเลย เช่น การประกันสุขภาพ การพักหนี้เกษตรกร เป็นเรื่องที่เราเตรียมมา เรารุกได้เลย แต่บางเรื่องเราเข้ามารับสภาพปัญหาที่มีอยู่แล้ว เราตั้งรับ ซึ่งต้องใช้เวลากว่าจะรื้อ จะถอน ต้องทำความเข้าใจกว่าจะปรับ จะเปลี่ยน เรื่องของไฟฟ้านี้เป็นเรื่องที่เราเห็นใจประชาชน เราหาทางอยู่ เพราะไปผูกต่อเนื่องกันพอสมควรกับสัมปทานไฟฟ้าเอกชนด้วย ซึ่งวันนี้เรากำลังดูและแก้อยู่ เพราะฉะนั้น รัฐมนตรีจาตุรนต์ฯ ก็ดี ท่านรองพิทักษ์ฯ ก็ดี กำลังดูกันอย่างเต็มที่เพื่อหาทางบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนเรื่อง cerk ของบรรดาข้าราชการและกรรมการนั้น กำลังตรวจดู อะไรที่เกินความจำเป็น over มากไปเราก็จะตัด ซึ่งเราไม่ชอบอยู่แล้ว แต่ขอเวลาอีกสักระยะ

ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ท่านนายกฯ จะบรรยายภาวะการเป็นผู้นำตลอดร้อยวันที่ผ่านมาอย่างไร และการดำเนินการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมีผลต่อภาวะการเป็นผู้นำของไทยอย่างไร

นายกรัฐมนตรี ผมได้ตอบคำถามดังกล่าวเป็นภาษาไทยไปแล้ว ผมคิดว่าตลอด 90 วันในการทำงาน ผมค่อนข้างพอใจในผลงานที่ผ่านมา โดยเฉพาะความร่วมมือและการทำงานอย่างหนักของสมาชิกคณะรัฐมนตรีและข้าราชการทุกท่าน รวมทั้งการได้รับการสนับสนุนจากประชาชนสาธารณชน สำหรับกรณีคดีของผมในศาลรัฐธรรมนูญนั้น ผมไม่ได้มีความวิตกกังวลอย่างใด และพร้อมที่จะยอมรับผลการตัดสินของศาล อย่างไรก็ตาม ผมยังคงทำงานอย่างหนักต่อไปจนกว่าผมจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน ผมอาสามารับใช้และทำงานให้ประชาชนตราบเท่าที่ผมจะได้รับอนุญาตให้ทำงาน

ผู้สื่อข่าว ขอถามท่านนายกฯ 2 ข้อคือ 1.จาก VDO ที่ฉายให้ดูนั้น เห็นว่ามีโครงการมากมาย ที่ได้เริ่มทำไปแล้ว และบางอันจะออกมาเป็นกฎหมาย เพื่อที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ท่านนายกฯ คาดว่าอีกเมื่อไรระบบเศรษฐกิจภาค Real Sector ภาคการเงินจะได้รับผลดีจากนโยบายของรัฐบาลที่กระทำไปอีกประมาณกี่เดือน ข้อ 2. เกี่ยวกับเรื่องศาลรัฐธรรมนูญเป็นอุปสรรคอันหนึ่งของท่านนายกฯ หรือไม่ ที่จะทำให้ท่านนายกฯ ทำงานไม่ได้ต่อไป หรือทำงานได้ช้าลง

นายกรัฐมนตรี ข้อ 1 คือเรื่องที่เป็นห่วง Real Sector และแบงค์ทั้งหลาย ผมขอเรียนว่า วันนี้เราแก้ปัญหา 2 ระดับ ระดับหนึ่งคือการแก้ปัญหาของประชากรส่วนใหญ่ที่เป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความยากจน เรื่องของเศรษฐกิจในชนบทที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร ตรงนั้นเราค่อนข้างทำได้เร็ว ผมเชื่อว่าถ้ากองทุน

หมู่บ้านลงแล้ว และธนาคารประชาชนก็เปิดแล้ว อีกประมาณ 2-3 เดือนเราจะเห็นความเคลื่อนไหวของเงิน ซึ่งจะมีพลังหมุนกันหลายรอบในชนบทและส่งผลถึงภาคเศรษฐกิจในเมือง ขณะเดียวกัน เมื่อเราเอาหนี้เสียออกจากระบบแล้ว ธนาคารก็จะเริ่มเดินงานได้ เมื่อเศรษฐกิจขยับ ธนาคารเดินได้ ผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะได้รับการเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ผมคิดว่าภายในปีนี้ จะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่มากพอสมควร

สำหรับเรื่องที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับผมนั้น ขอเรียนว่าไม่ทำให้ผมเสียเวลาและเสียความรู้สึกในการที่จะปล่อยสมองให้ว่างในการแก้ไขปัญหาของชาติแม้แต่น้อย ถ้าจะต้องใช้เวลาก็คือการไปแถลงปิดคดี ซึ่งผมได้บอกกับทางทีมกฎหมายว่า ผมอยากให้จบเร็ว ๆ เพราะเนื่องจากว่ามันเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของประเทศ เพราะหลายฝ่ายก็ยังใช้ระบบเฝ้าดูอยู่ว่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น หรือ ถ้าไม่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร ซึ่งผมเองก็เคารพในคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะออกมาเป็นอย่างไรก็เคารพ เพียงแต่ว่าผมอยากให้จบเร็ว ไม่อยากให้ชลอ แต่ระหว่างที่ยังไม่จบนี้ ผมเข้าใจกระบวนการ ต้องมีเวลา แต่ระหว่างนี้ผมทำงานหนักตลอด ไม่ต้องห่วงว่าผมจะมีอะไรที่มาสะกิดทำให้ผมทำงานไม่ได้หรืออะไรไม่มี เต็มใจและสนุกมากกับการทำงาน โดยไม่สนใจเลยว่าเมื่อไรศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินแล้วออกมาอย่างไร พร้อมน้อมรับ

ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ท่านจะอธิบายการทำงานของท่านในรอบ 100 วันอย่างไร และการพิจารณาคดีจะมีผลกระทบต่อการทำหน้าที่ของท่านมากน้อยแค่ไหน

นายกรัฐมนตรี ผมได้ตอบคำถามนี้เป็นภาษาไทยไปเรียบร้อยแล้ว แต่จะตอบเป็นภาษาอังกฤษอีกครั้งว่า ในช่วงระยะเวลา 90 กว่าวันที่ผ่านมา ผมพอใจกับผลการดำเนินงานที่ได้รับความร่วมมือและการทำงานอย่างหนักของคณะรัฐมนตรีทุกคน รวมทั้งการได้รับความสนับสนุนจากสาธารณชน ในกรณีของผมที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดีในศาลรัฐธรรมนูญ ผมไม่ได้มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการตัดสินของศาล และยอมรับเกี่ยวกับการตัดสินว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ไม่มีอะไรที่จะมาบั่นทอนกำลังใจของ ผมยังทำงานอย่างหนักจนถึงวันที่ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน ผมเต็มใจและสมัครใจ

ผู้สื่อข่าว ขอต่อเนื่องเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ เพราะว่าหลายคนก็เป็นห่วงท่าน นายกฯเหมือนกัน ถ้าเกิดศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินออกมาทางบวกหรือทางลบ ท่านนายกฯ ได้เตรียมทางออกของตัวเองไว้หรือไม่อย่างไร เพราะว่าเกี่ยวข้องกับอนาคตของประเทศชาติ

นายกรัฐมนตรี ผมขอเรียนว่า ถ้าเปรียบเสมือนฟุตบอลที่การเล่นของทีมจะออกมาบวกหรือลบ ก็ไม่ได้เปลี่ยนทีม อาจจะเปลี่ยนกัปตันเท่านั้นถ้าลบ ถ้าบวกก็กัปตันคนเดิม ถ้าลงก็เปลี่ยนกัปตันแต่ทีมเดิม เพราะฉะนั้นนโยบายทั้งหลายไม่เปลี่ยน ทิศทางในการบริหารไม่เปลี่ยน และผมคงไม่หนีไปไหน จะยังอยู่ในประเทศไทย คงยังเป็น Good citizen ของประเทศไทยต่อไปถ้าออกมาลบ แต่ถ้าออกมาบวก ผมพร้อมที่จะออกไปทำ Road Show ทั่วโลก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทยทันที เพราะก่อนหน้านี้ผมได้เดินทางไปเยือนประเทศใกล้เคียงมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่ทำ Road Show เป็นเรื่องเป็นราว เมื่อไรที่ผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญออกมาเป็นบวก ผมจะไปออก Road Show ทั่วโลก เพื่อให้ประเทศไทยได้รับความยอมรับและไว้วางใจ และมั่นใจจากทุกส่วนของโลก

ผู้สื่อข่าว เรื่อง ป.ป.ช. ที่เมื่อวานคุณกล้าณรงค์ ออกมาบอกว่ามีการข่มขู่องค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. รวมไปถึงในเรื่องของการดำเนินการที่เป็นการกดดัน ป.ป.ช. ตรงนี้ท่านนายกฯ.จะดูแลอย่างไร

นายกรัฐมนตรี มีใครกล้าข่มขู่คุณกล้าณรงค์ คุณกล้าณรงค์ไม่มีใครกล้าข่มขู่หรอกนะครับ

ผู้สื่อข่าว ท่านนายกฯ แถลงว่า ผลงาน 3 เดือนน่าพอใจ แต่ทำไมตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ สวนทางกับคำพูดท่านนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก หรือฐานะทางการคลัง แม้กระทั่งตลาดหุ้นก็ต้วมเตี้ยมอยู่แค่นั้น ไม่ได้ไปไหนเหมือนกับที่นายกฯ พูดว่าดีขึ้น

นายกรัฐมนตรี คืออย่างนี้ ผมเข้ามา 3 เดือน ต้องรับสิ่งที่ต่อเนื่อง เหมือนเราวิ่งแล้วหยุดตรงเส้นชัยทันทีไม่ได้ เพราะมันมีแรงเฉื่อย ต้องวิ่งต่อไป ขณะเดียวกันเราต้องรีบรับช่วงถือไม้ผลัดวิ่งต่อ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นสิ่งที่เราถือว่า เป็นผลพวงจากทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้น รวมทั้งเรื่องปัจจัยภายนอกด้วย ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า เศรษฐกิจที่เป็นตลาดใหญ่ของเราในการส่งออก ตลาดอเมริกา ญี่ปุ่น อาเซียน มีปัญหาหมดทุกที่ แต่เราพยายามที่จะช่วยตัวเอง และจากการที่เราไปเจรจากับประเทศต่าง ๆ นั้น เรามั่นใจว่า จากนี้ไปทุกสิ่งทุกอย่างน่าจะ Move ในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่จะเพิ่มการค้าการลงทุนระหว่างประเทศต่อประเทศที่เราไปเจรจาจะเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ ถึงปัจจุบันนี้ผมขอเรียนเลยว่า พอยิ่งมาทำงานได้พักใหญ่ ๆ ได้เห็นทั้งหมดแล้ว ยังไม่หนักใจ และมั่นใจว่าทีมของเรา จะสามารถทำงานและผลักดันไปข้างหน้าได้ดี

ผู้สื่อข่าว มีปัญหาเก่า 2 เรื่องที่น่าสนใจ คือ แบงก์ไม่ปล่อยเงินกู้ และคิดว่ารัฐบาลเตรียมมาบ้างแล้ว ที่ผ่านมา 3 เดือนเวลายังน้อยไป เลยคิดว่าอีกประมาณ 3 -6 เดือนข้างหน้าจะปล่อยกู้มากขึ้นหรือไม่ คำถามที่ 2 ทางพรรคเคยเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมัน ตอนนี้เบนซินราคา 17 บาทกว่า คิดว่าจะใช้เวลาอีกกี่เดือนให้น้ำมันลดต่ำกว่านี้ได้

นายกรัฐมนตรี เรื่องแบงก์ปล่อยเงินกู้ ผมขอเรียนว่า วันนี้เรากำลังปรับจูน เพราะว่าเนื่องจากเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการบริโภคในประเทศยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร ฟื้นตัวในระดับหนึ่ง แต่ไม่มากพอ แบงก์เลยมีความกลัวที่จะปล่อยกู้ เพราะว่าเรื่องการกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทยค่อนข้างที่จะเข้มงวด แบงก์เลยกลัว ต่างคนต่างกลัว เลยทำให้เกร็งไปหน่อยในการปล่อยกู้ ผมได้พูดกับแบงก์ของรัฐว่า แบงก์พยายามมองไปข้างหน้า อย่ามองอดีตมากนัก ต้องมองอนาคตให้มาก หากขืนมองแต่อดีต คงปล่อยกู้ใครไม่ได้ในประเทศไทย แบงก์รอฟ้องล้มละลายผมเท่านั้นเอง แบงค์ก็เสียหาย ผมก็เสียหาย ถ้าแบงก์ปล่อยกู้ให้ผม ผมจะมีเงินมาใช้หนี้ผม แบงค์ฟังแล้วเชื่อ ผมเลยได้ปล่อยกู้ และจึงมีวันนี้ของผมขึ้นมา ผมจึงยกตัวอย่างให้แบงค์ของรัฐว่า ให้มองอนาคตว่า อนาคตของธุรกิจที่ไปขอกู้นั้น ถ้าเขามีอนาคตอยู่ก็ต้องช่วยเขา แต่ผมไม่สามารถที่จะไปสั่งซ้ายหันขวาหันได้กับระบบธนาคาร เพราะเป็นระบบที่เขามีอยู่ แต่ให้แนวคิดเขาไป ให้กำลังใจเขาในการจะปล่อยกู้ ผมเชื่อว่าสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ต้องมีกลไกบังคับกันเอง คือการฟื้นตัวของระดับรากหญ้าของประชาชนทั่วไป อันนั้นถึงจะช่วยได้มาก

เรื่องธนาคารประชาชนในอนาคตข้างหน้า จะแก้ปัญหาเรื่องของหนี้นอกระบบและอะไรอีกมาก จะทำให้เกิดการจ้างงานในชนบท ผมเชื่อว่าการแก้ปัญหาระดับรากหญ้า เป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนที่สุด และจะทำให้ไทยเป็นประเทศที่ต่างจากรูปแบบของการแก้ปัญหา ต่างจากประเทศอื่น เชื่อว่าตรงนั้นจะทำให้ไปได้ดี

ส่วนเรื่องน้ำมันนั้น เราได้ พยายามดูสูตรราคาน้ำมัน สูตรการอ้างอิงโรงกลั่นที่สิงคโปร์ เราดูและกำลังแก้กันอยู่ ผมเองได้ติดต่อกับทางมาเลเซียว่าจะขอซื้อน้ำมันจากมาเลเซีย เพราะอยู่ใกล้กัน ค่าขนส่งถูก และทางอินโดนีเซียก็จะเอาน้ำมันมากลั่นกับเรา โดยจะมีการแลกเปลี่ยนกัน เพื่อให้น้ำมันลดลง ตอนนี้กำลังเร่งทำกันอยู่ ขอเวลาสักระยะหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ ผมเพิ่งเรียนภาษาไทย ผมมี

คำถามอยู่ 2-3 คำถาม คำถามแรก ที่มีการพูดกันในตลาดการเงินระหว่างประเทศว่า ถ้าหากศาล-

รัฐธรรมนูญตัดสินโดยไม่ส่งผลดีต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งผมหวังว่าจะไม่เกิดขึ้น จะทำให้มีแรงกดดันอย่างหนัก โดยเฉพาะด้านความเชื่อมั่นของสาธารณชนและความเชื่อมั่นของนักลงทุนเอง ทั้งนี้ อยากทราบว่านายกรัฐมนตรี ได้เตรียมเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้อย่างไร นายกรัฐมนตรี จะสามาถเรียกความมั่นใจทั้งสองประการ ซึ่งมีความสำคัญมากได้อย่างไร ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในทางไม่ดีต่อนายกรัฐมนตรีๆ ประการที่สอง ถ้าจะดูจากทางเลือกทางเศรษฐกิจที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งขณะนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กล่าวว่า ทางเลือกในการดำเนินนโยบายการเงินมีอยู่อย่างจำกัด รวมทั้งทรัพยากรทางด้านการคลัง ซึ่งมีการร้องขอไม่ให้รัฐบาลใช้เงินเพิ่มเติมอีก 50,000 ล้านเหรียญนั้น ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีข้อจำกัดในการดำเนินงาน ดังนั้น ในระยะสั้นนี้ รัฐบาลมีทางเลือกอย่างไร ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและเผชิญหน้ากับภาวะตกต่ำของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ คำถามที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ประเทศไทยกำลังค่อยๆเปลี่ยนจากความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯไปมีความใกล้ชิดกับสาธารณรัฐประชาชนจีนมากขึ้น และนายกรัฐมนตรีดูเหมือนได้กล่าวกับประชาคมโลกว่า จะเป็นอิสระจากมหาอำนาจตะวันตก และจะยืนอยู่ด้วยตนเอง ผมจะขอบคุณอย่างสูง หากท่านายกรัฐมนตรีจะตอบคำถามทั้ง 3 ข้อนี้

นายกรัฐมนตรี ความจริงแล้ว บางคำถามผมได้ตอบเป็นภาษาไทยไปแล้ว อย่างไรก็ตามผมจะพยายามตอบเป็นภาษาอังกฤษอีกครั้งหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ถ้าศาลพิจารณาไปในเชิงลบ หรือไม่เป็นผลดีต่อตัวผม จะเกิดอะไรกับความเชื่อมั่น ผมขอยืนยันต่อประชาคมต่างประเทศได้เลยว่า ไม่ว่าผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไร นโยบายในการบริหารประเทศยังคงเป็นเช่นเดิม สมาชิกคณะรัฐมนตรีก็ยังคงเป็นหน้าเดิม รวมทั้งพรรคแกนนำรัฐบาลก็ยังคงเป็นพรรคเดิม ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย คือตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ถ้าผลการตัดสินของศาลออกมาในทางลบ แต่ถ้าผลการตัดสินออกมาในทางบวก ตัวผมเองจะเริ่มเดินสายไปต่างประเทศ

(Road Show ) เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประเทศไทย ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ ประการที่สอง ที่เกี่ยวกับนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง ซึ่งเรามีช่องทางในการดำเนินงานอันน้อยนิดในการดำเนินนโยบายแต่ละอย่าง แต่ถ้าเราแยกบริหารในแต่ละนโยบายโดยไม่มีการประสานนโยบายทั้งสอง ก็อาจจะไม่มีนโยบายที่ดีเกิดขึ้น

นอกจากนี้ เรายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายจากพันธมิตรสหรัฐฯ เป็นพันธมิตรสาธารณรัฐ-ประชาชนจีนแต่อย่างใด เป็นแต่เพียงกระชับความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างกันเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแนบแน่นยิ่งขึ้นทั้งระหว่างสหรัฐฯ ไทย และจีน ขณะนี้ผมกำลังรอกำหนดการที่จะเดินทางเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ และเพิ่งได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับอดีตประธานาธิบดีบุชว่า ผมจะเดินทางเยือนสหรัฐฯ ทันทีเมื่อกำหนดทั้งของผมและประธานาธิบดีสะดวก จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงในนโยบายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแต่อย่างไรและเมื่อผมพูดถึงการพึ่งพาตนเอง จากคำสอนในหนังสือพระคริสต์ใหม่บทที่สองกล่าวว่า จงช่วยเหลือตัวเองก่อนพระเจ้าจะช่วยเหลือเรา ผมได้พูดกับเพื่อนชาว-

เอเชียว่า เราควรต้องร่วมมือร่วมใจกันมากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อรวมกันแล้ว เอเชียมีประชากรถึง 3,000 ล้านคน และมีเงินสำรองกว่าครึ่งหนึ่งของเงินสำรองของทั้งโลก ดังนั้นจึงควรต้องมีความร่วมมือระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น

ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ นายกรัฐมนตรีจะช่วยกรุณาขยายความ เมื่อท่านได้เคยกล่าวว่า รูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และของญี่ปุ่นล้มเหลว

นายกรัฐมนตรี ผมไม่คิดว่าจะมีรูปแบบใดที่ล้มเหลวทั้งหมด หรือประสบความสำเร็จทั้งหมด เราต้อง

รู้จักนำมาปรับใช้ โดยเรียนรู้ทั้งจากความสำเร็จและความล้มเหลวของคนอื่น และนำมาปรับให้เข้ากับสถานการณ์ของตนเอง เนื่องจากไม่มีสูตรสำเร็จรูปในด้านเศรษฐกิจที่ไหน เราต้องนำมาปรับให้เข้ากับเรา

ผู้สื่อข่าว นายกรัฐมนตรีครับ มีความพร้อมในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจหรือ สินทรัพย์อื่นๆเช่น บริษัทการบินไทย จำกัด หรือบางธนาคาร ซึ่งจะสร้างโอกาสให้กับนักลงทุนต่างประเทศ

นายกรัฐมนตรี เราไม่มีความ ต้องการที่จะขายทรัพย์สินของชาติในราคาต่ำ ธุรกิจก็คือธุรกิจ ต้องมีการเจรจา เพื่อจะได้ในราคาที่เหมาะสม

ผู้สื่อข่าว อยากทราบว่า ตอนนี้ท่านนายกฯ มีความมั่นใจกับการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ในใจท่าน คิดว่ากี่เปอร์เซ็นต์ในการที่จะผ่านหรือไม่ผ่าน ประเด็นที่ 2 คืออยากจะขอให้ท่านนายกฯ ยืนยันว่า ณ ถึงวันนี้จะมีการปลด ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือไม่ ในตลอดรัฐบาลนี้

นายกรัฐมนตรี เดี๋ยวขอเชิญทุกคนทานอาหารดีกว่าครับ.

---------------------

สำนักโฆษก/ถอดเทป

Resource:
//www.thaigov.go.th/webold/news/speech/thaksin/sp28may44.htm



Create Date : 12 มีนาคม 2551
Last Update : 12 มีนาคม 2551 15:30:50 น.
Counter : 745 Pageviews.

0 comments
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
BUDDY คู่หู คู่ฮา multiple
(3 ม.ค. 2567 04:49:04 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Moonfleet.BlogGang.com

moonfleet
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]

บทความทั้งหมด