ปั้นขลิบนึ่งไส้ปลา



วันนี้มาทานอาหารว่างของไทย ๆ กันค่ะ ซึ่งหารับประทานได้ยากมาก ๆ ลองมาดูกันนะคะว่าวันนี้แม่สลิ่มทำอาหารว่างอะไรทานค่ะ


จริง ๆ "ปั้นขลิบนึ่งไส้ปลา" เนี่ย จุ๋มคิดจะทำตั้งนานแล้วค่ะ แต่ว่าตำราอาหารที่มีปั้นขลิบนึ่งไส้ปลาหาไม่เจอค่ะ เลยต้องค้นหาเอาจากเวป แต่ว่ายังไม่ถูกใจ เพราะเจอแต่ไส้ไก่ วันก่อนไปเดินร้านหนังสือดอกหญ้า ก็เจอตำราอาหารคาว-หวาน ไทย มีสูตรปั้นขลิบนึ่งไส้ปลาค่ะ แต่เปิดดูเนื้อหาโดยรวมแล้วมันก็ซ้ำ ๆ กับเล่มที่มีอยู่ค่ะ เลยตัดสินใจไม่ซื้อ แต่เอากระดาษกับปากกาไป เลยอ่านแล้วทำความเข้าใจ แล้วก็แอบจดสูตรมาค่ะ


แม่สลิ่มเอา 2 สูตรมาผสมผสานกันค่ะ เพราะตำราเล่มที่ดอกหญ้าใช้แป้งสาลีทำเปลือกปั้นขลิบนึ่งจุ๋มว่ามันแปลก ๆ ค่ะ เพราะส่วนมากปั้นขลิบนึ่งใช้แป้งข้าวจ้าว เลยเอาแต่สูตรไส้ของตำราในร้านหนังสือดอกหญ้า ส่วนเปลือกหาเอาตามเวปค่ะ





ก่อนอื่นเรามาดูอุปกรณ์จำเป็นกันก่อนนะคะ ลังถึงค่ะ พอดีว่าจุ๋มมีแต่อันเล็ก ๆ นี้อ่ะคะ อันใหญ่ยังไม่ได้ไปขนมาจากชลบุรี เพราะที่เก็บไม่ค่อยจะมีค่ะ ลังถึงเราจะไว้ใช้นึ่งตอนนึ่งปั้นขลิบที่ปั้นแล้วนะคะ





กระทะทองและพายไม้ ไว้สำหรับกวนแป้งเพื่อให้สุกก่อนที่จะนำแป้งที่กวนแล้วมานวดอีกทีค่ะ พอดีว่ากระทะทองนี่ก็สมบัติเก่า ๆ ค่ะ 20 ปีได้แล้วมัง จุ๋มคิดว่าถ้าใช้พวกหม้ออลูมิเนียมและกระทะรรมดากวนแป้งมันคงจะไม่ค่อยร่อนนะคะ ถ้าเป็นพวกหม้อเทปล่อนพอได้คะ





แร่งร่อนแป้ง ไว้สำหรับร่อนแป้งก่อนที่จะนำแป้งมาผสมกันค่ะ





ผ้าขาวบาง ไว้สำหรับคลุมแป้งที่นวดแล้ว กันแป้งแห้งค่ะ นอกนั้นอุปกรณ์อื่น ๆ คงมีอยู่ในครัวของพวกเรากันแล้วค่ะ





ส่วนผสมไส้ปลา
- ปลาตาเดียว ต้มแล้วแกะเอาแต่เนื้อ 1 ถ้วยตวง บางตำราก็ใช้ปลาช่อนย่างค่ะ แต่บางตำราก็บอกว่าปลาตาเดียวทำแล้วอร่อย พอดีวันเสาร์จุ๋มไปโลตัสรามอินทรามาค่ะ เจอปลาตาเดียว รีบซื้อเลยค่ะ ที่โลตัสตกกิโลละประมาณ 65 บาท ถ้าจำไม่ผิดนะคะ ซื้อมา 2 ตัวแน่ะคะ แต่แบ่งมาทำตัวเดียวก่อนค่ะ
- หัวหอมแดง 1/3 ถ้วยตวง ถ้าหัวใหญ่ก็ประมาณ 4 หัว ถ้าหัวเล็กก็ประมาณ 5-6 หัวค่ะ
- รากผักชี 3-4 ราก
- กระเทียม 10 กลีบ
- พริกไทย 1 ช้อนชา
- ข่าโขลก 1 ช้อนชา แต่วันนี้จุ๋มไม่ได้ใส่ค่ะ ข่าไม่มีหลงเหลือในตู้เย็น
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปีบ
- ซอสปรุงรส
- เกลือป่น





ปลาตาเดียวหน้าตาแบบนี้นะคะ





แล้วนี่ด้านหลังเค้าค่ะ





เวลาเลือกปลาก็เลือกตัวแข็ง ๆ ตาใส ๆ ไม่มีรอยถลอกตามตัว ท้องไม่แตกนะคะ ปลาเราก็ขอดเกล็ดออก ล้างให้สะอาด ใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ เพื่อเอาไปต้มค่ะ จุ๋มผ่าครึ่งเป็นสองส่วน หัวและหาง เพื่อเอาลงหม้อง่าย ๆ ค่ะ

ตั้งน้ำ 1 หม้อใช้ไฟแรง กะให้ท่วมปลานะคะ





พอน้ำเดือดเราก็หย่อนปลาลงไปค่ะ แล้วลดลงเหลือเป็นไฟกลางพอค่ะ





ระหว่างที่รอปลาสุกเราก็ไปทำอย่างอื่นกันก่อนค่ะ ถ้าใช้พริกไทยเม็ด ก็โขลกพริกไทยให้ละเอียดก่อนค่ะ แล้วตักขึ้น จากนั้นเอารากผักชีซอยเล็ก ๆ ใส่ครกโขลกให้ละเอียด ตามด้วยกระเทียมปอกเปลือกเล็กน้อย พอให้มีเปลือกนิด ๆ จะได้หอม ๆ ค่ะ แล้วตามด้วยพริกไทยที่ตำไว้ รวมกันเป็นสามสหายเพื่อนรัก รากผักชี กระเทียม พริกไทย ค่ะ แล้วก็ตักขึ้นใส่ถ้วยไว้ค่ะ

วันนี้รูปบางรูปอาจจะไม่ค่อยชัดเพราะมือเจ็บค่ะ มีดบาดหลายที่เลย





เอ่อ จุ๋มบอกเพื่อน ๆ ก่อนนะคะว่า จุ๋มเอาจากหลายเล่ม แล้วก็อ่านในเวปรวมกัน แต่ละสูตรก็แตกต่างกันไปค่ะ เลยเอามารวม ๆ แล้วทำดูนะคะ เผื่อว่าเพื่อน ๆ อยากทำกินก็ลองเอาไปเป็นแนวทางนะคะ

พอปลาสุกเราก็ตักขึ้นไว้ใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำก่อนค่ะ แล้วก็รอปลาเย็น เดี๋ยวเราต้องแกะเอาแต่เนื้อ แกะตอนร้อน ๆ เดี๋ยวมือพองพอดีค่ะ





ระหว่างรอปลาเย็นเราก็มาปอกหอมแดง ล้างให้สะอาด แล้วซอยบาง ๆ ไว้ค่ะ





พอปลาเย็นเราก็แกะเอาแต่เนื้อออกมาค่ะ หนังไม่ต้องเอา ใช้มีดบางขูดหนังออกก็ได้ค่ะ ลอกง่ายมาก ปลาตาเดียวจะก้างไม่เยอะ มีก้างกลางลำตัวและที่หลังไม่มากค่ะ ในตำราเค้าไม่ได้บอกหรอกค่ะว่าหนังให้แกะออก แต่แม่สลิ่มคิดเอานะคะ ไม่ควรเอาหนังใส่ไป หนังสีมันดำ ๆ ด้วยอ่ะ ก้างเล็กก้างน้อยก็เลือกเอาออกให้หมดนะคะ

1 ตัวได้ 1 ถ้วยพอดี ปลาตัวนี้หนักประมาณ 3 ขีดครึ่งกว่า ๆ ค่ะ ซื้อมา 2 ตัวขนาดพอ ๆ กัน ชั่งรวมได้ 7 ขีดครึ่ง





เอาปลามาโขลกให้ฟู จุ๋มใช้ครกใบเดิมที่ตำกระเทียมพริกไทย ไม่ต้องล้างก็ได้ค่ะ

จริง ๆ ถ้ามีข่าโขลกพอโขลกเนื้อปลาฟูแล้วก็ใส่ข่าโขลกแล้วโขลกรวมกันให้เข้ากันดีนะคะ





แล้วก็ตักใส่ชามไว้ก่อนค่ะ





ตั้งกระทะ พอกระทะร้อนใส่น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะลงไปค่ะ บางตำราใช้หัวกระทิแทนน้ำมันก็มีค่ะ





พอน้ำมันอุ่นใส่หัวหอมแดงที่ซอยไว้ลงไปเจียวค่ะ





พอหอมซอยเริ่มเหลืองก็ใส่กระเทียม พริกไทย และรากผัดชีที่เราโขลกไว้ลงไปผัดค่ะ





พอหอมเจียวเหลือง กระเทียมพริกไทยหอมและเหลืองก็ใส่ปลาที่เราโขลกไว้ลงไปค่ะ ใช้ตะหลิวบี้ ๆ ยี ๆ ให้เนื้อปลากระจาย ไม่เป็นก้อนด้วยนะคะ





ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส เกลือป่น และน้ำตาลปีบค่ะ ให้มีรสชาติหวาน เค็ม





ตอนที่เติมเครื่องปรุงแล้วเนี่ย กลิ่นจะเหมือนหน้าปลาที่กินกับข้าวเหนียวเหลืองเลยคะ หอมมาก ๆ แม่สลิ่มแอบชิมไปเยอะเลยคะ ปรุงรสแล้วชิมดูค่ะ ช่วงนี้แม่สลิ่มลดไฟลงเหลือไฟอ่อน กลัวมันไหม้คะ เพราะมันแห้ง ๆ ไม่มีน้ำมากนะคะ ชิมให้มีรสชาติเข้มข้นนิดคะ เพราะเดี๋ยวเราต้องไปห่อกับแป้ง ถ้าชิมแบบพอดีเดี๋ยวห่อแป้งแล้วจะจืดนะคะ

ผัดให้แห้งแล้วตักขึ้นใส่ชามไว้ก่อนค่ะ





ลืมบอกไปค่ะว่าทำ "ปั้นขลิบนึ่งไส้ปลา" เนี่ย หลายขั้นตอนมาก ๆ อย่าเพิ่งท้อแท้ตั้งแต่ตอนอ่านนี่นะคะ 55555

มาว่ากันต่อค่ะ ได้ไส้ปลากันไปแล้ว ทีนี้มาว่ากันเรื่องแป้งบ้างดีกว่า


ส่วนผสมแป้ง

แป้งข้าวจ้าว 2 ถ้วยตวง
แป้งท้าวยายม่อม 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
น้ำมันพืช 2 ช้อนชา (บางตำราก็ไม่ใส่ค่ะ)
แป้งมันสำหรับทำนวลตอนนวด





ร่อนแป้งข้าวจ้าว 1 ครั้งแล้วตวงให้ได้ 2 ถ้วยตวง
แป้งท้าวยายม่อม จะเป็นเม็ด ๆ ให้บี้ ๆ ก่อนร่อน ไม่ง้านร่อนไม่ค่อยได้เนื้อแป้งค่ะ บี้แล้วร่อนแล้วตวงให้ได้ 4 ช้อนโต๊ะ
เมื่อได้แป้ง 2 อย่างแล้วเอามารวมกันแล้วร่อนอีก 1 ครั้งค่ะ

แม่สลิ่มใช้ถ้วยตวงแบบถ้วยตวงของแห้ง แล้วก็ช้อนตวงแบบมาตรฐานเลยนะคะ ไม่ได้กะ ๆ เอาคะ





เอาแป้งที่ร่อนแล้วใส่กะละมังหรือชามผสมค่ะ ใช้ใบใหญ่ ๆ หน่อยนะคะ ในรูปพอดีว่าแม่สลิ่มร่อนใส่ชามผสมเลยคะ

จากนั้นเติมน้ำเปล่าลงไปก่อน 1 ถ้วย น้ำมันพืช 1 ช้อนชาะ ใช้มือขยำ ๆ นวด ๆ ให้เข้ากันดี อย่าให้แป้งเป็นก้อนค่ะ





จากนั้นเติมน้ำเปล่า 1 ถ้วยที่เหลือ และน้ำมันพืชอีก 1 ช้อนชาลงไปค่ะ ขยำ ๆ นวด ๆ บี้ ๆ อย่าให้แป้งหลงเหลือเป็นก้อนค่ะ

ที่ให้ใส่น้ำทีละถ้วยเพราะใส่ครั้งเดียวหมดจะบี้แป้งลำบากกว่าค่ะ

จากนั้นถ้ามีผ้าขาวบางหลายผืนก็เอาแป้งและน้ำที่ผสมกันไว้ไปกรองอีกครั้งหนึ่งค่ะ ถ้ามีผืนเดียวไม่เป็นไรค่ะ เพราะเมื่อกี้เราร่อนแป้งแล้ว เพราะเดี๋ยวเราต้องใช้ผ้าขาวบางเพื่อคลุมแป้งอีกทีคะ





เอาแป้งที่ผสมไว้ใส่ลงในกระทะทองค่ะ





ตั้งไฟกลาง ใช้ไม้พายกวนแป้งไปเรื่อย ๆ แป้งจะค่อย ๆ จับตัวเป็นก้อน กวนจนแป้งรวมตัวเป็นก้อนเดียวกันและร่อนจากกระทะทองค่ะ ใช้เวลาไม่นานคะ 5-10 นาที แป้งจะใส ๆ ขึ้น





เอากะละมังหรือชามผสมมาอีกครั้ง โรยแป้งมันเพื่อเป็นนวลไว้ที่ก้นกะละมังหน่อย เอาแป้งที่กวนได้ตักมาใส่ไว้ในชามผสมก่อนคะ รอให้อุ่นนิด ๆ ก่อน นวดตอนนี้มือพองพอดีคะ





พักไว้แบบนี้แป๊บนึงคะ





พอแป้งอุ่นก็เอามือลงไปนวดแป้งจนแป้งนิ่ม โรยแป้งมันเป็นนวลได้เล็กน้อยคะตอนนวดแป้ง





พอนวดแป้งได้ที่แล้ว เอาผ้าขาวบางชุบน้ำบิดให้หมาดที่สุดคลุมแป้งไว้ค่ะ เพราะเดี๋ยวเราจะเสียเวลาปั้นมาก ๆ ถ้าไม่เอาผ้าชุบน้ำคลุมไว้แป้งไว้จะทำให้แป้งถูกลมแล้วแห้งคะ มีผลต่อตัวปั้นขลิบ เดี๋ยวนึ่งแล้วแตกคะ





เอารังถึงปูด้วยใบตองตานี (ถ้ามี) แนะนำให้ใช้ใบตองตานีเพราะเวลานึ่งขนมแล้วสีใบตองไม่ลอกใส่เนื้อขนมคะ ถ้าไม่มีก็เอาน้ำมันทาที่รังถึงคะ กันแป้งติด เดี๋ยวนึ่งแล้วแป้งขาดหมดพอดีคะ





มาเริ่มปั้นตัวปั้นขลิบกันค่ะ

ปั้นแป้งเป็นลูกกลม ๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว





จากนั้นใช้นิ้วแผ่แป้งเป็นแผ่นกลม ๆ บาง ๆ แบบนี้ค่ะ บางตำราเค้าบอกมีเครื่องช่วยปั้นด้วย ปั้นได้อย่างเดียว แต่ขลิบริมไม่ได้ จริงเปล่าไม่รู้คะ





ตักไส้ปลาที่ผัดไว้ใส่ลงไปคะ ใช้ช้อนกาแฟหรือช้อนเล็ก ๆ ตักเอานะคะ ช้อนใหญ่ ๆ เดี๋ยวไส้เยอะ ปิดไม่ได้พอดีคะ





จากนั้นก็พับแป้งให้เป็นครึ่งวงกลมคะ ประคอง ๆ ใส้ปลาด้วยนะคะ ระวังไส้จะหกหล่นหมดคะ

ใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้บีบ ๆ ส่วนโค้งของแป้งทั้ง 2 ด้านให้ติดกันให้สนิท บีบให้ริมแป้งบาง ๆ คะ เพื่อขลิบแล้วจะสวย หนา ๆ ขลิบแล้วไม่สวยคะ





จากนั้นก็ใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ค่อย ๆ ขลิบริมแป้งตั้งแต่บนลงล่างไปเรื่อย ๆ จนหมดค่ะ

ถ้าไม่เคยทำแรก ๆ จะยากคะ ค่อย ๆ ขลิบไปนะคะเดี๋ยวจะเร็วขึ้นเอง





ปั้นแป้งและขลิบริมแป้งไปเรื่อย ๆ เอาไปเรียงลงรังถึง อย่าให้ปิดรูรังถึง เดี๋ยวไอน้ำไม่มีช่องออก ปั้นและขลิบเกือบเต็มรังถึงก็ตั้งน้ำไว้เลยคะ

เมื่อเรียงเต็มแล้ว เทคนิคตอนก่อนนึ่งคือให้เอามือจุ่มน้ำแล้วพรม ๆ ที่ตัวแป้งที่ทำไว้เล็กน้อย ถ้ามีฟ๊อกกี้ใช้ฟ๊อกกี้ฉีด ๆ เอาก็ได้ค่ะ เพื่อกันแป้งแตกตอนนึ่ง เอาไปนึ่งในน้ำเดือดไฟแรง 5 นาทีค่ะ

ถ้ามีเศษแป้งติดนิ้วเยอะจะทำให้ขลิบแล้วไม่สวย เพราะเศษแป้งที่อยู่บนนิ้วจะไปสัมผัสกับริมที่เรากำลังขลิบ ปั้นหลาย ๆ ตัวก็ไปล้างมือทีนึงแล้วเช็ดให้แห้งแล้วมาปั้นใหม่คะ หรือเอามือที่ปั้นชุบแป้งมันเล็กน้อยพอเป็นนวลตอนปั้นค่ะ





ตั้งน้ำให้เดือด พอน้ำเดือดจัด เอาตัวซึ้งที่เรียงปั้นขลิบไว้ใส่ไป ปิดฝา นึ่ง 5 นาทีคะ

จากนั้นเอามาจัดใส่จานให้สวยงาม ทาน้ำมันถ้าต้องซ้อนชั้นกัน กันแป้งติดกัน โรยด้วยกระเทียมเจียว รับประทานกับผักชี ผักกาดหอม พริกขี้หนูสวนคะ





ปั้นขลิบนึ่งไส้ปลา จะปั้นเป็นแบน ๆ แบบนี้เพราะเหมือนว่าทำมาจากปลา ปลามีตัวแบน ๆ

จะมีของว่างที่ลักษณะคล้ายกันแบบนี้ แต่ไส้จะทำมาจากไก่ เอาไปผัดกับหัวไชโป้ว คล้าย ๆ ไส้สาคูไส้หมู วิธีการทำแป้งเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ตรงการปั้น จะปั้นเป็นรูปคล้ายคนโท แล้วเอาแหนบจีบขนมจีบรอบคนโท เรียก "ขนมจีบไทย" หรือบางทีปั้นเป็นรูปคนโทแล้วส่วนปากคนโทหักทำเป็นหัวนก แต่งให้เหมือนนกโดยใส่งาดำทำเป็นตา อะไรทำนองนี้นะคะ

ความจริงแม่สลิ่มมีแหนบคะ แต่วันนี้ไม่มีเวลาที่จะปั้นเป็น "ขนมจีบไทย" มาให้ดูนะคะ ไว้ว่าง ๆ ก่อนคะ แฮะ แฮะ

ลองทำทานกันดูนะคะ แล้วจะติดใจ

จานนี้สำหรับเพื่อน ๆ ในพันทิปจ้า พอดีลูกน้องที่ร้านเค้าช่วยปั้นและขลิบ บางตัวมันก็เลยรูปร่างพิลึกคะ



Create Date : 21 พฤศจิกายน 2548
Last Update : 24 ตุลาคม 2549 23:00:27 น.
Counter : 13197 Pageviews.

19 comments
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
The Last Thing on My Mind - Tom Paxton ... ความหมาย tuk-tuk@korat
(1 ม.ค. 2567 14:50:49 น.)
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
ทนายอ้วนจัดดอกไม้ - จัดดอกไม้ง่ายๆ – แจกันสวัสดีปีใหม่ 2567 - กุหลาบพวงสีชมพู - ขาว ทนายอ้วน
(2 ม.ค. 2567 15:16:32 น.)
  
เข้ามากินคนแรกเลย

ขอ10 ชิ้นเลยนะ พี่จุ๋มหิวๆๆๆๆ
โดย: หลังคาดำแดง วันที่: 22 พฤศจิกายน 2548 เวลา:20:07:22 น.
  
รู้จักแต่แบบทอด ไม่รู้มาก่อนเลยนะคะว่าปั้นขลิบมีแบบนึ่งด้วย
โดย: โย่งโก๊ะ IP: 58.8.27.141 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2548 เวลา:2:28:29 น.
  
พี่หลังคาสองสี ท่าทางหิวมากนะ อิอิ

คุณแตมป์คะ แบบนึ่งเนี่ยหาทานยากมาก ๆ เลยคะ เพราะเสียเวลาทำหลายขั้นตอนเลยคะ แต่อร่อยนะคะ ไม่แพ้แบบทอดเลยคะ
โดย: แม่สลิ่ม วันที่: 23 พฤศจิกายน 2548 เวลา:4:01:54 น.
  
oh.........wow บล็อคพี่จุ๋มสวยจัง อยากกินปั้นสิบไส้ปลา .... ผ่านไปไม่กี่อาทิตย์ บล็อคสวยขึ้นมากๆๆ เลย
โดย: Kofschip IP: 83.82.214.135 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2548 เวลา:4:51:15 น.
  
สวัสดีครับ....คุณจุ๋ม

เข้ามาชม ปั้นสิบนึ่งครับ ปกติกินแต่ทอด
เก่งจังครับ

บ๊าย..บาย
โดย: ช้อย วันที่: 23 พฤศจิกายน 2548 เวลา:9:10:05 น.
  
เคยกินแต่ทอดน่ะค่ะ เว็บมีแต่ของโปรดเลยนะคะ

ถ้าอ้าปากกินหมดทุกเมนูทั้งเว็บได้ก็กินไปละ อิอิ
โดย: kisara วันที่: 23 พฤศจิกายน 2548 เวลา:21:50:52 น.
  
น้องดาวสนใจแต่งบล๊อคไหมคะ เดี๋ยวพี่ส่ง code ให้คะ

ขอบคุณคุณช้อยคะ มาในนี้เลยไม่มีกุหลาบแดงเลยเนอะ

คุณ kisara ส่วนมากที่ขายกันจะเป็นแบบทอดคะ เพราะเก็บได้นานกว่า แบบนึ่งนี่ต้องทานภายในวันที่ซื้อมาอ่าคะ
โดย: แม่สลิ่ม วันที่: 24 พฤศจิกายน 2548 เวลา:20:00:45 น.
  
to P'joom....super great menu...jing jing.....
I stay far from thailand clound't find stuff for hrrrrrrrrrrrrr
โดย: noknoi IP: 69.142.32.253 วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:9:54:50 น.
  
เก่งจังเลยค่ะ น่ากินมาก เพิ่งเข้ามาดูเป็นครั้งแรกตอนหาสูตรช่อม่วง หนูอยากลองทำปั้นสิบบ้าง แต่ว่าอยากทำเยอะ ๆ แล้วเก็บไว้กินได้ไหมคะ ถ้าเราแช่แข็งแล้วเอามานึ่งอุ่นไหมมันจะเละไหมคะ
โดย: น้องแนน IP: 74.110.239.171 วันที่: 30 มกราคม 2550 เวลา:7:57:24 น.
  
น่ากินจังเลย
โดย: คนแดนไกล IP: 222.123.128.50 วันที่: 25 มีนาคม 2550 เวลา:16:29:52 น.
  
ดูดีและน่าทานมากค่ะ เราอยู่ออสเตรเลีย อยากทำเป็น entree' สำหรับดินเนอร์ปาร์ตี้ ไม่ทราบว่า ใช้ ทูน่าหรือ ซาวม่อน กระป๋องแทนปลาสดได้หรือเปล่า? แนะนำด้วยนะคะ
โดย: รัตน์ IP: 203.59.142.26 วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:9:00:18 น.
  
ไม่ทันได้คำแนะนำ แต่ก็ลองใช้เป็น ปลาทูน่า กระป๋องแทน ทำเสร็จแล้วค่ะ อร่อยมาก แต่แป้งอาจจะไม่นุ่มเหมือนของคุณจุ๋ม เพราะใช้แป้งมันแทนแป้งท้าวยัยม่อม ที่นี่หาแป้งท้าวยัยม่อมไม่ได้
โดย: รัตน์ IP: 203.59.142.26 วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:13:03:27 น.
  
มาขอสมัครเป็นลูกศิษย์ก้นครัวครับ
โดย: จั๊บน้อย IP: 202.91.18.194 วันที่: 2 กันยายน 2550 เวลา:1:13:34 น.
  
อร้อย
น่กิน
กำลังทำรายงาน
อยากกิน
โดย: เท้ IP: 203.146.63.182 วันที่: 10 กันยายน 2550 เวลา:21:33:20 น.
  
อร้อย
น่กิน
กำลังทำรายงาน
อยากกิน
โดย: เท้ IP: 203.146.63.182 วันที่: 10 กันยายน 2550 เวลา:21:33:22 น.
  
ทำอาหารน่าทานมากค่ะ ตอนนี้หนูอยู่ออสเตรเลีย หาส่วนผสมบางอย่างยากมาก อุปกรณ์ทำครัวบางอย่างก้อไม่มี อยากทำหลายอย่างที่พี่ลงเลย เคยเห็นช่อม่วงเป็นเมนูแรก สวย น่ากินมาก
โดย: Angie IP: 59.100.68.240 วันที่: 11 กันยายน 2550 เวลา:19:12:04 น.
  
แอบดูอยู่หลายเมนูล่ะ ไม่ได้คอมเมนส์สักอัน เพราะมั่วทึ่งในความสามารถอยู่ เก่งมากค่ะ ขอให้ทำบล๊อกต่อไปนะค่ะ
โดย: อยากกิน IP: 222.123.211.61 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2550 เวลา:23:03:08 น.
  
อยากทำบ้างจังคะ ขอบคุณท่สอนละเอียดมาก
โดย: ตุ๊กตา IP: 222.123.136.175 วันที่: 25 มกราคม 2551 เวลา:11:19:59 น.
  
เข้ามาดูนานแล้วค่ะ ชอบมากๆเลย

น่ากินค่ะ เห็นแล้วหิวๆๆ
โดย: Puinun IP: 203.158.118.15 วันที่: 29 มกราคม 2551 เวลา:2:27:42 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Monnira.BlogGang.com

แม่สลิ่ม
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 980 คน [?]