คุณยายแคมมี่ ตอนจบ

การเขียนบลอคแบบกะว่าจะเขียนหลาย ๆ ตอนนี่ถือเป็นห่วงผูกคอจริง ๆ เลย เขียนคาไว้ แล้วอีกชาตินึงมาเขียนต่อ จนคนที่อ่านคราวที่แล้วรวมทั้งตัวคนเขียนด้วย เริ่มเกิดอาการเลือนไปแล้ว ว่าแล้วก็เตือนความจำตอนแรก คลิกตรงนี้ค่ะ

คุณยายแคมมี่กลับไปบ้านนานแล้วค่ะ แอบคิดถึงเหมือนกันนะเนี่ย ตอนช่วงที่อยู่ ๆ คุณยายดีขึ้น แกดีขึ้นแบบหลังมือกลับมาเป็นหน้ามือเลยค่ะ คือพู่หยุดไปสองวันมาถึงเห็น คุณยายลุกนั่งอยู่บนเตียง ก็เสียงนำไปก่อนเลย

"ยายจ๋าาาาา" จ๋าไปแบบไม่หวังผล
"จ๋าาาาาา"

พู่งงไปเลยค่ะ เพราะปกติยายจะนอนซมอยู่นิ่ง ๆ บนเตียง คราวนี้คุณยายโต้ตอบ มีการขานรับด้วยวุ้ย ยายแกถามพู่ว่าหายไปไหนมาสองวัน คิดถึง

"วันหยุดก็หยุดบ้างสิคะยาย ทำงานมาก ๆ เดี๋ยวหนูเป็นบ้าไปซะก่อน"

ตอบจริง ๆ แค่วรรคแรก วรรคหลังคิดในใจ พอยายเริ่มดีขึ้น ยายกินเก่งเหมือนกันนะ ที่บ้านเขาขนเอาอาหารสารพัดอย่าง มาให้ยายกิน ช่วงที่ยายกินไม่ได้ เล่นเอาป่วนกันไปหมด เริ่มแรกเริ่มจากการที่ลูกเขยคุณยาย มาปรึกษาว่าคุณยายนอนไม่หลับ ต้องการให้หมอสั่งยานอนหลับ ก็ทำการเช็คแบบลงบันทึกรายชั่วโมงกันเลยค่ะ ทุกกะเป็นเวลาสามวัน ว่ายายนอนไม่หลับจริงเหรอ เพราะพยาบาลทุกคนยืนยันเหมือนกันหมด ว่ายายนอนทั้งวันทั้งคืน เข้าไปทีไรก็คร่อกฟี้ ยังบันทึกกันไม่ครบสามวันเลยค่ะ หมอสั่งยานอนหลับ ยายกินไม่กี่คืนก็เกิดอาการข้างเคียง ตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วหลง จำลูกจำหลานไม่ได้ แล้วก็หกล้มกลางดึกคืนหนึ่งค่ะ

ต่อมาลูกเขยคนเดิมมาบอกว่า "ยายกินข้าวไม่อร่อย" ขอยากินข้าวแล้วอร่อยหน่อย แล้วแกก็ยิงตรงไปคุยกับหมอ ขอยากินข้าวให้อร่อย หลายคนอาจจะคิด มันมีด้วยเหรอไอ้ยาแบบนี้ คำตอบคือมียาที่กินแล้วเจริญอาหารค่ะ แต่อร่อยมั้ยไม่รู้ เพราะไม่เคยกิน ซึ่งการใช้ยาให้เจริญอาหารมันเป็นผลข้างเคียง ขึ้นกับวัตถุประสงค์ที่จ่ายยา ข้อเสียของการใช้ยาตัวนี้คือมันทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายลดน้อยลง ก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไม อีตานี้ขออะไรไปทำไมหมอให้หมดเลย มารู้ทีหลังว่าแกสนิทกับหมอเป็นการส่วนตัว

แล้วคุณลูกเขยคนนี้ก็ล้วงลูก คอยเจ้ากี้เจ้าการมันไปทุกอย่าง แถมเป็นเจ้าหนูจำไม (ภาคตัวใหญ่) ต่อไปค่ะ ถามมันทุกสิ่งอัน จนสุดท้ายเพื่อน ๆ พู่ไม่ตอบคำถามแกแล้ว เพราะแกไม่ใช่คนที่ถูกใส่ชื่อ ให้รับผิดชอบต่ออาการเจ็บไข้ของคุณยาย หรือที่เรียกว่า Power of Attorney ตามกฏหมายแล้ว ข้อมูลคนไข้เปิดเผยเฉพาะคนที่รายชื่อเป็นคนรับผิดชอบเท่านั้น นอกนั้นอยากรู้อะไรไปถามคนนั้นเอาเองค่ะ ที่ยอมตอบอยู่ทุกวันนี่ถือเป็นการอะลุ้มอะล่วยแล้ว

จนวันหนึ่งตูทนไม่ไหวแล้ว เกิดความแคลงใจว่า ลูกหลานคนอื่น ๆ รู้มั้ยเนี่ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับการรักษาคุณยายบ้าง เลยขอคุยกับลูกชายคุณยายสองคนตอนเขามาเยี่ยม สรุปคือทั้งสองคนไม่รู้อะไรเลย แกมองหน้ากันทำหน้าเอือม แล้วบอกพู่ว่าอีตาจำไมตัวใหญ่เป็นอย่างนี้แหล่ะ หลังจากนั้นก็เป็นคำสั่งห้ามจากลูกชาย ห้ามเปลี่ยนยาให้ยาอะไรโดยไม่บอกแกก่อน ห้ามเปิดเผยข้อมูลคุณยายให้จำไมตัวใหญ่รู้ เฮ้อ...ค่อยยังชั่วหน่อย คุณยายจะได้ไม่ต้องเป็นหนูลองยา



ลูกสาวแกซึ่งพู่น่าจะเรียกแกว่าคุณป้า เพราะวันหนึ่งขณะปรนนิบัติคุณยายอยู่ แกมายืนข้างหลังแล้วถามว่า

"หนู แม่หนูอายุเท่าไหร่"

แกคงไม่กล้าถามอายุพู่ตรง ๆ แน่เลย พอบอกอายุแม่ตุ๊กตาไป อยู่ ๆ มีมือมาลูบหัวขึ้นลงจากด้านหลัง ตอนนั้นก็แอบซึ้งบวกงง จนคุณป้าแกบอก

"แม่หนูอายุน้อยกว่าพี่อีก หนูเป็นลูกพี่ได้เลยนะเนี่ย"

ช่วงที่ยายแกป่วยนอนซม คุณป้าคนนี้แกบอกขอคุยด้วย แล้วแกก็บอกแกกลัวยายจะตาย พูดไปก็น้ำตาไหลพรากไปอยู่ตรงหน้า พู่ก็ได้แต่ปลอบแกว่ายายไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวก็กลับบ้านได้แล้ว เช็ดน้ำตาให้คุณป้าไปก็ใจแป้วไป เป็นโรคแพ้น้ำตา อย่าร้องไห้สิคะ เดี๋ยวร้องตาม



กำลังใจสำคัญของคุณยาย หรือภาพน่ารักที่พู่เห็นจากครอบครัวนี้ คือคุณตาค่ะ แกมาเฝ้ายายทุกวันเลย ยายหลับแกก็นั่งหลับอยู่ข้าง ๆ นั่นแหล่ะ ตาใจดีแกบอกว่าแกเคยเป็นครูที่มุกดาหาร ถามแกว่าตีเด็กมั้ย

"ไม่ตี จะตีทำไมล่ะ"

ทั้งตาทั้งยาย อายุมากแบบเดินเองคนเดียว พู่ก็เสียวไส้แล้ว ปกติจะมีกายภาพมาพายายเดิน แต่คุณตาแกอยากให้คุณยายเดินเยอะ ๆ เลยพาเดินเอง แบบจับมือกันเดิน ไม่มี walker พู่เห็นแล้วหัวใจจะวาย

"ตาจ๋า เดี๋ยวก็ล้มไปทั้งคู่หรอก"

คือคนจูงก็ขาสั่น คนถูกจูงก็ขาสั่นแถมเข่าอ่อนอีก อย่า ๆ ทำอย่างนั้น สงสารหัวใจคนดูบ้าง แต่ตาแกไม่ฟังลูกหลานนะ เวลาจะบอกให้แกทำอะไร ลูกหลานแกมาเรียกพู่ คือขออาศัยหน้าหน่อย ให้เข้าไปบอกตาอย่างนี้ ๆ แล้วตาจะทำตาม ซึ่งก็จริงด้วยแหล่ะ



มีวันหนึ่งคุณยายน่ารักมากเลย คือพู่เข้าไปฉีดยาให้แก ยายแกกลัวเข็ม หลับตาปี๋ แกบอก "ย่าน" ก็คุยกับแกไปเรื่อย แกจะได้ไม่จดจ่ออยู่กับเข็มฉีดยา แกบอกพู่ว่าแกมีหลานเป็นหมอ

"ก็ดีสิยาย กลับบ้านไปจะได้มีคนรักษาต่อ"

ยายอึ้งไปสักพัก เปลี่ยนใหม่บอกว่า หลานแกเป็นพยาบาล

"อ้าว...ทำงานที่ไหนล่ะยาย"

ยายอึ้งไปอีก จนคุณป้าลูกสาวแกปล่อยก๊ากออกมา

"ยาย เขาหมายถึงหนูนั่นแหล่ะ"

แหะ..แหะ..หนูสมองช้าไปนี้ด ไม่เก็ตอ่ะค่ะคุณยาย คุณยายแกใจดี บอกจะยกสมบัติให้พู่ด้วยนะ ให้ไปขุดเอาที่บ้านแก บ้านแกอยู่ใกล้บ้านพู่ด้วย ตอนใกล้จะกลับคุณยายขอเบอร์โทรศัพท์ แถมชวนไปกินข้าวที่บ้านด้วย แต่ให้ไม่ได้อ่ะค่ะ ไม่ได้เล่นตัว แต่มันผิดกฎ

credit: line กับ ดุ๊กดิ๊กจากบลอคคุณขุนพลน้อยโคว่จง



Create Date : 18 สิงหาคม 2552
Last Update : 19 สิงหาคม 2552 16:36:15 น.
Counter : 913 Pageviews.

4 comments
เรื่องเล่าที่ไม่เกี่ยวกับวันสงกรานต์ tanjira
(13 เม.ย. 2567 16:10:32 น.)
Day..10 โฮมสเตย์ริมน้ำ
(11 เม.ย. 2567 08:25:45 น.)
"วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ เธอจะเห็นใครคนหนึ่งที่รอเธอ" คนผ่านทางมาเจอ
(10 เม.ย. 2567 23:49:39 น.)
come from away พุดดิ้งรสกาแฟ
(7 เม.ย. 2567 19:24:46 น.)
  
บางทีทำงานแบบนี้ก็รู้สึกผูกพันกะคนไข้เหมือนกันเนอะ คุณพู่
โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 18 สิงหาคม 2552 เวลา:13:22:45 น.
  
คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

[สบายดีนะคะ ร้อนมากๆ รักษาสุขภาพจ้า]

ไม่ได้แวะมาทักทายตั้งนาน สบายดีนะคะ
โดย: บี๋ (Yushi ) วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:16:48:18 น.
  
ชอบเรื่องที่พี่พู่เล่าจังเลย อยากเล่าเรื่องแล้วคนอ่านสนุกเหมือนพี่พู่จัง
โดย: Escobar วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:19:49:34 น.
  
เลยอดกินข้าวฟรีเลย
กฏที่ว่านี่ คือห้ามให้เบอร์โทร หรือว่าห้ามกินข้าวบ้านคนไข้

ถ้าห้ามให้เบอร์โทร
ก็ทำสลับกันคือ ขอเบอร์เค้ามาแทน
แบบนี้ยังผิดกฎอีกปะ?
โดย: merf1970 วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:22:10:37 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mommytukta.BlogGang.com

ชมพู่แก้มแหม่มของแม่ตุ๊กตา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด