รีวิว PENTAX K-3 ถึงจะเป็นพระรอง แต่อย่ามองข้าม
01

ตั้งแต่ได้มันมาลองเล่น ผมก็พยายามหาคำตอบว่าทำไมใครสักคนหนึ่งถึงควรจะซื้อมันมาใช้ หรือไม่ควรซื้อมันมาใช้ แต่ละเหตุผลที่นึกได้มันไม่เกี่ยวกับกล้องเลยแฮะ มันไปเกี่ยวกับการตลาด เกี่ยวกับแบรนด์เสียมากกว่า
เพราะว่ากันเฉพาะในส่วนตัวกล้องถึงมันจะไม่มี Wow factor ให้คนต้องหันมาจับตามองด้วยความทึ่งบัตรเครดิตในกระเป๋าจะเด้งออกมา แต่ถ้าจะหาว่ามันทำอะไรไม่ได้ หรือถูกเจ้าตลาดทิ้งห่าง ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอีกเช่นกัน

ในกลุ่มกล้อง DSLR ขนาด APS-C ราคาบอดี้ระดับ 4 หมื่น ตัวเลือกอื่นที่ต้องถูกจับมาเทียบแน่ๆ คือ Nikon D7100 กับ Canon 70D รวมไปถึงกล้องที่คาดว่า และหวังว่าจะมาในปีนี้อย่าง D400 และ 7D mark II และคนจำนวนไม่น้อยที่จะต้องมองไปถึงกล้องฟูลเฟรมระดับพื้นฐานหรือกล้อง Mirrorless ด้วย

ซึ่งเทียบกันโดยรวมแล้ว ผมว่า PENTAX K-3 มีข้อดีที่สามารถแข่งกับกล้องอื่นๆ ได้อย่างไม่น้อยหน้าทีเดียว
จากที่ผมเคยจับกล้องมาหลายๆ กล้องในระยะนี้ ผมรู้สึกอยู่อย่างหนึ่งว่ากล้องถ่ายรูปแทบจะทุกยี่ห้อมักจะมีลักษณะอนุรักษ์นิยมสูงมาก พยายามรักษาสไตล์การใช้งานให้เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละยี่ห้อ ทั้งที่ลักษณะหลายๆ อย่างมันก็ไม่เห็นจะจำเป็นต้องเป็นแบบนั้นก็ได้
ว่าไปแล้วบางอย่างมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้นด้วยซ้ำ อย่างเช่นการวางตำแหน่งปุ่ม ISO หรือสวิชท์เปิดปิดไว้ที่มือซ้าย การจัดระบบเมนู การออกแบบการทำงาน และอีกหลายอย่างที่รวมแล้วทำให้ workflow ซับซ้อนขึ้นโดยไม่จำเป็น

ถึงกล้องเพ็นแท็กซ์เม้าท์ K จะมีอายุยาวนานเกือบสี่สิบปี แต่ K-3 กลับไม่มีลักษณะอนุรักษ์นิยม และไม่สร้างระบบงาน หรือการจัดวางปุ่มที่เป็นเอกลักษณ์ แต่พยายามออกแบบการใช้งานให้ workflow เรียบง่าย และสั้นที่สุด ลดความผิดพลาดของผู้ใช้โดยอัดระบบอำนวยความสะดวกมาให้เต็มที่ และกึ่งๆ บังคับให้ใช้เสียด้วย ชนิดที่ไม่สนว่าจะทำให้ผู้ใช้กล้องดู “ไม่โปร” หรือเปล่า ไม่ว่าจะมือเก่าที่คุ้นเคยกับระบบของกล้องอื่นมาก่อน หรือมือใหม่ไม่เคยใช้กล้องไหนมาเลยก็ตาม ก็มีฐานะที่ถูกผลักดันให้ใช้ workflow แบบกึ่งอัตโนมัติเท่าเทียมกันหมด

เดี๋ยวผมจะพาไปชี้จุดที่น่าสนใจของ K-3 ว่ามีอะไรบ้าง
ส่วนสเป็คโดยละเอียดคงไม่ต้องพูดกันให้มากความ ในเว็บไซต์ผู้ผลิตมีแบบเต็มๆ ทั้งรูปกล้อง เมนู ฟีเจอร์ ถ้าสนใจหาอ่านที่ไหนก็ได้ง่ายๆ

18


ตัวกล้อง

เป็นบอดี้ DSLR มาตรฐาน บอดี้แมกนีเซียมแข็งแรงทนทาน ซีลกันน้ำกันฝุ่นมาเรียบร้อย ใช้ได้สบายใจ ถึงจะไม่เคยใช้เพ็นแท็กซ์มาก่อนแต่ผมว่านักถ่ายภาพทั่วไปสามารถหยิบขึ้นมาปรับค่าและใช้งานได้ในทันทีโดยไม่ต้องอ่านคู่มือ ไม่มีอะไรพิสดารเหนือความคาดหมาย ปุ่มทุกปุ่ม ฟังก์ชั่นทุกอย่างมีชื่อกำกับเรียบร้อยเข้าใจได้ง่าย ทำงานได้ตามชื่อ ไม่ต้องกดปุ่มคอมโบ้เรียกใช้ท่าไม้ตายเหมือนบางยี่ห้อ แค่กดปุ่มร่วมกับหมุนวงแหวนธรรมดาๆ ตามสามัญสำนึกก็พอ
จัดวางปุ่มแป้นคานโยกต่างๆ ได้สอดคล้องตามการใช้งานดีมาก ออกแบบตัวกล้องได้ดี จับถือได้ถนัดมั่นใจปรับแต่งค่าได้ง่าย ไม่ต้องละสายตาจากช่องมองภาพ ergonomic ทำได้ยอดเยี่ยม การประกอบทำได้ประณีตแน่นหนาแข็งแรง จับถือได้มั่นใจไม่ต้องกลัวหลุดเป็นชิ้นๆ ปุ่มแป้นไม่โยกคลอน น้ำหนักกดดี
แป้นปรับโหมดมีปุ่มล็อก มีคานล็อกกำหนดหน้าที่ว่ากดก่อนหมุน หรือไม่ต้องกดก่อนหมุนก็ได้ เวลาใช้จริงถึงไม่ล็อคแป้นมันก็ไม่เคลื่อนหมุนเองง่ายๆ สักเท่าไหร่ แต่ไอ้คานล็อกนี่ผมทำเคลื่อนประจำ ถ้าผมใช้คงต้องทำให้เป็นระบบกดก่อนหมุนแล้วเอาเทปแปะคานล็อกนี่ไว้

อะไรก็ดี ยกเว้นอย่างเดียว คนมือเล็กแบบผมจะจับกล้องได้ไม่ถนัด ทั้งที่ K-3 เป็นกล้องที่บอดี้เล็กกว่ากล้องในคลาสเดียวกัน แต่กริ๊ปตรงส่วนนิ้วก้อยมือขวายื่นล้ำหน้ามามากไปนิดนึง ทำให้ต้องวางมือในตำแหน่งที่ทำให้จับกล้องไม่เต็มมือ ถ้าใครมือใหญ่ นิ้วยาว น่าจะจับกล้องได้ถนัด ก็แปลกดีเป็นกล้องเล็กที่ออกแบบให้คนมือใหญ่จับถนัดกว่าคนมือเล็ก

น้ำหนักกล้องหนักกว่าที่คิดไปหน่อย เห็นกล้องเล็กๆ นึกว่าจะเบา ยกขึ้นมาหนักเอาการเลย ดูในสเป็คแล้วหนักกว่า Nikon D7100 กับ Canon 70D ประมาณครึ่งขีด เวลาใช้งานจริงไปหักลบกับขนาด น้ำหนัก ของเลนส์เพ็นแท็กซ์ที่มักจะเล็กกว่าเบากว่า รวมแล้วก็ไม่น่าจะได้เปรียบเสียเปรียบเรื่องน้ำหนักเท่าไหร่ เทียบกับ DSLR ในระดับใกล้ๆ กัน

ไม่มีจอพับ จอหมุนให้ใช้ ผมใช้จอหลังกล้องไว้ดูเมนู กับฮิสโตแกรมเท่านั้น เลยไม่ค่อยให้ความสำคัญเรื่องจอเท่าไหร่ แต่ใครที่จะใช้จอถ่ายมุมต่ำ มุมสูงก็ลำบากหน่อย ถึงจอติดตายจะทำให้กล้องมีจุดอ่อนเรื่องความเสี่ยงที่จะเสียหายน้อยลงไป แต่ก็ต้องชั่งน้ำหนักเอาตามการใช้งานของแต่ละคนว่าจะให้ความสำคัญเรื่องความสะดวกในการใช้งานจอพับขนาดไหน

โดยรวมแล้วบอดี้กล้องก็ไม่ได้หวือหวาตื่นตาตื่นใจอะไร K-3 เป็นการพัฒนากล้อง K-5 ทั้ง 3 รุ่นย่อยที่ดีอยู่แล้ว ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นเท่านั้นในปีนี้

02


เนื่องจาก K-3 เป็นกล้องโปร หรือคนที่เอาจริงเอาจังกับการถ่ายภาพ จึงไม่มี scene mode ให้ใช้ แต่ที่พิเศษกว่ากล้องอื่นๆ อยู่ที่โหมดที่เพิ่มมากกว่ากล้องอื่น

Sv - ผู้ใช้เลือก ISO กล้องเลือกช่องรับแสงกับความไวชัตเตอร์ให้
TAv - ผู้ใช้เลือกช่องรับแสงกับความไวชัตเตอร์ กล้องเลือก ISO ที่เหมาะสมให้

สองโหมดนี้ผมก็ไม่เคยคิดว่าจะได้ใช้ ผมเป็นมนุษย์โหมด P อยู่แล้ว ไม่คิดว่าจะมีโหมดไหนที่ได้ค่าที่ต้องการ และสะดวกสบายไปกว่านี้อีกแล้ว ถ้าต้องการล็อกค่าอะไร ASM เดิมๆ ที่มีก็ตอบสนองได้เพียงพอแล้ว
แต่ปรากฎว่าผมกลับใช้โหมด TAv, Sv กับเยอะมาก มันช่วยอำนวยความสะดวกได้ดี สถานการณ์หลายอย่างที่เคยใช้ PAS แล้วต้องปรับค่าโน่นนี่ หรือต้องคอยระวังคอยสังเกตค่าต่างๆ ก็ไม่ต้องทำ
เลือกโหมดที่เหมาะสม เซ็ตค่าที่ต้องการเสร็จแล้วก็ยิงยาว แทบไม่ได้ดูค่าต่างๆ ที่กล้องรายงานเลย ตัดความกังวลเรื่องการปรับตั้งระหว่างถ่ายไปได้หมด ปล่อยเรื่องอื่นให้กล้องจัดการไป ไปเอาใจใส่เรื่อง subject อย่างเดียวพอ
ในหลายๆ สถานการณ์ใช้สะดวกกว่า P ที่เคยใช้อีกอ้ะ

แล้วก็มีนิสัยใหม่ๆ ขึ้นมาคือชอบกดปุ่มเขียว ปกติผมใช้ P แล้วชิฟท์ค่าไปมา ก็จะตั้งให้กดปุ่มเขียวเข้า P ปกติ เวลาชิฟท์ค่าไปจนเพลิน กดปุ่มเขียวก็กลับเข้าสู่ P ง่ายดีกว่าการปิดเปิด หรือเปลี่ยนโหมดแบบยี่ห้ออื่น
ซึ่งเราก็ตั้งค่าได้อีกว่า P จะทำงานแบบไหน เช่นจะให้กล้องเลือกอัตโนมัติตามสถานการณ์การ เลือกตาม P ปกติ เลือกให้ใช้ความไวชัตเตอร์สูงไว้ก่อน เน้นชัดลึก เน้นชัดตื้น หรือให้เลือกค่าที่ได้คุณภาพสูงสุดจากเลนส์ที่ใช้ พวกนี้ตั้งได้ทั้งนั้น ใช้แล้วสะดวกสบายสุดๆ แถมยังได้ค่าที่ต้องการอีกด้วย
ในโหมดอื่น ปุ่มเขียวก็จะเปลี่ยนหน้าที่ไปเรื่อยๆ ตามความเหมาะสมของแต่ละโหมดตามหลักการ 'เขียวผ่านตลอด' เจ้าปุ่มเขียวนี้เวลาใช้แล้วมันทำให้ติดเป็นนิสัยอย่างไม่น่าเชื่อพอๆ กับแป้นหมุนหลังกล้องของแคนอนเลย

03


แยกโหมด B กับ X ออกมา เพื่อความสะดวกเวลาจะถ่ายเปิดหน้ากล้องนานๆ และใช้กับแฟลชสตูดิโอ ไม่ต้องไปใช้ร่วมกับ M ช่วยลดความผิดพลาดในการตั้งค่าไปได้หลายอย่าง ป้องกันลืมโน่นลืมนี่ และทำให้วงแหวนหน้าหลังกลายเป็นการปรับช่องรับแสง กับ ISO แทน สะดวกดีเพราะสองสถานการณ์นี้เราก็ไม่ได้ปรับสปีดชัตเตอร์กันอยู่แล้ว
โหมด B สามารถทำหน้าที่ได้ทั้งชัตเตอร์ B (กดถ่ายปล่อยหยุด) และ T (กดถ่ายกดหยุด) แล้วแต่การตั้งค่ากล้อง

มีโหมด U ให้ 3 โหมด เอาไว้ให้ user ตั้งค่าที่ใช้บ่อยๆ เก็บไว้ตรงนี้ได้ ตามประสากล้องโปรทั่วไป

ปุ่ม RAW/Fx เอาไว้สำหรับคนที่ถ่าย jpg เป็นปกติ และต้องการเก็บ RAW บางภาพ จะใช้ตรงนี้สะดวก แต่ผมถ่าย RAW อยู่แล้วเลยตั้งไว้เปิดไฟจอ LCD เฉยๆ ส่วนปุ่ม digital preview ตรงสวิชท์ปิดเปิดก็ใช้งานได้สะดวกดีเวลาต้องการดูภาพที่จะได้จริง มันจะถ่ายภาพมาโชว์ให้ดูทั้งค่าแสงและชัดลึก
เลยไม่รู้จะใช้เช็คชัดลึกแบบ optical preview ไปทำไม มืดก็มืด ดูก็ยาก เวลาจะเทสแสงสี ทดลองโหมดสี หรือเอ็ฟเฟค ฟิลเตอร์พิเศษที่มีให้ ก็ใช้ digital previw เห็นได้ทันที ง่ายด้วย แค่กระดิกนิ้วทีเดียว เห็นภาพทันที ไม่ต้องรอโหลดนานๆ เหมือนถ่ายภาพปกติมาดู ถึงไม่เลิศหรู real time เหมือน Mirrorless แต่ทำงานได้น่าพอใจ

น่าสังเกตอย่างหนึ่งว่าเพ็นแท็กซ์จะไม่ค่อยเอาปุ่มไปรวมๆ กันให้ทำหลายหน้าที่ในปุ่มเดียว แต่ละปุ่มแยกกันอยู่ แบ่งหน้าที่กันเด็ดขาด อย่างปุ่มโหมดโฟกัส ก็อยู่แยกกับคานเลือกแมนวล/ออโต้โฟกัส (ในขณะที่นิคอนเอาไปรวมกันไว้) ส่วนปุ่ม live view ก็ไม่เอาไปไว้ที่เดียวกับปุ่มเข้าโหมดถ่ายวิดีโอเหมือนกล้องอื่น แยกระบบงานของการถ่ายภาพนิ่งกับภาพเคลื่อนไหวเป็นคนละส่วนกันไปเลย ไม่เหลื่อมๆ ซ้อนๆ กันอย่างที่กล้องสมัยนี้นิยมกัน

ส่วนการทำงานของกล้องข้ามไปก่อนเดี๋ยววนกลับมาอีกที ไปดูเลนส์กันก่อน

04


20


เลนส์คิท

เซ็ตที่ผมได้มาพร้อมกับกล้องเป็นชุดคิท PENTAX smc DA 18-135mm F3.5-5.6ED AL [IF] DC WR (ฮู้ย.. ชื่อมันยาวหลาย เลนส์สมัยนี้ตั้งชื่อแต่ละทีต้องบรรยายสรรพคุณให้ครบ)
มี WR บอกได้ว่าเป็นเลนส์กัน (ละออง) น้ำ เพื่อให้เหมาะสมกับกล้องที่ weather resistance อย่าง K-3

แค่ได้ยินว่าเป็นเลนส์คิทช่วงซูมยาวช่องรับแสงแคบ สาธุชนชาวกล้องต่างก็สิ้นศรัทธาธรรมเสียแล้ว ผมก็ด้วย
แต่ด้วยความอยากรู้ว่าในเซ็ตที่คนทั่วไปจะซื้อใช้กันจริงๆ จะเป็นอย่างไร ผมเลยเจาะจงขอยืมเฉพาะชุดคิทจากอีส เอนเตอร์ไพรซ์มาลอง ให้มันรู้กันไปว่าเราจะได้อะไรจากเลนส์คิทตัวนี้มั่ง เพราะถ้าซื้อเซ็ตนี้ราคามันจะถูกกว่าซื้อแยกชิ้น จาก 6 หมื่น 2 กว่าๆ เหลือ 5 หมื่น 9 มีทอน และเป็นเลนส์ช่วงยาวที่ใช้งานทั่วไปได้ครบถ้วนดี ยิ่งถ้าคิดว่ามันเป็นเลนส์ช่วงยาวละก็ ดูมันเล็กและเบากว่าที่คิดเยอะเลย รูปร่างหน้าตาดี การประกอบแน่นหนากระบอกไม่คลอนไม่รูด จับถนัดดี โฟกัสก็ได้ใกล้เอาการสามารถเอาไปถ่ายโคลสอัพดอกไม้ หรือของเล็กๆ ได้สบาย

ภาพนี้ซูมสุด ช่องรับแสงกว้างสุด หน้าเลนส์ห่างดอกไม้ฝ่ามือเดียว ดอกจิ๋วๆ เท่าเหรียญบาทยังออกมาใหญ่โตใช้ได้ ฉากหลังนุ่มนวลสวยงาม วงแสงสวย ไม่เกะกะ ไม่บาดตา เป็นเลนส์ที่ออกแบบฉากหลังได้แจ่มทีเดียว

10


คาแร็คเตอร์ของเลนส์ผิดไปจากที่คาดไว้นิดหน่อย ผมคาดว่าจะเป็นเลนส์คมจัด คอนทราสท์จัดตามสไตล์เพนแทกซ์ แต่ภาพออกมาคอนทราสกลางๆ สียังจัดอยู่ แต่ไล่โทนแสงสีนุ่มนวลดูสบายตา ไม่บาดตาเหมือนเลนส์ของ PENTAX Q ที่ผมลองเล่นไปเมื่อตอนปีใหม่
เก็บส่วนมืดส่วนสว่างของภาพได้ดีดีเทลไม่หาย ความคมกับดีเทลรวมแล้วอยู่ระดับกลางๆ ค่อนข้างดี ด้อยกว่า Nikon 16-85mm ที่ผมใช้ประจำนิดหน่อย แต่ถ้าคิดว่ามันเป็นซูม 7.5X กระบอกจิ๋วเท่านี้ ก็เรียกได้ว่าคุ้มราคาที่จ่ายไป

Distortion กับ Chromatic Aberration ผมเปิดฟังก์ชั่นแก้ความคลาดด้วยซอฟท์แวร์ในกล้องไว้ เลยไม่ค่อยเห็น แต่ตอนมองในช่องมองภาพ ยิ่งเวลาซูมนี่เห็นในช่องมองได้เลยว่ามันมี distortion แต่เวลาถ่ายออกมากล้องจัดการใช้ซอฟท์แวร์กำจัดมันเรียบร้อยแทบไม่มีเหลือให้เห็น

แต่สิ่งที่ทำให้ผมทึ่งที่สุดในเลนส์นี้คือแฟลร์ กับโกสท์อิมเมจ ตามภาพนี้เลยครับ ถอดฮู้ดถ่ายย้อนแสงดวงอาทิตย์อยู่ที่ด้านบนซ้ายของภาพ ช่องรับแสงกว้างสุด ซูมกว้างสุด แดดส่องหน้าเลนส์เต็มๆ

05


ดูแฟลร์มันสิครับ เห็นมั้ย?

นั่นสิ.. ผมก็ไม่เห็น
ภาพนี้ถ้าเป็นเลนส์นิคอน 16-85 สุดรักของผมละก็ แฟลร์กับโกสท์พาดเป็นทางจากบนซ้ายลงมาล่างขวาแล้ว
อันนี้เป็นหนึ่งในเรื่องที่น่าประทับใจของเลนส์เพนแท็กซ์รุ่นนี้ นอกเหนือไปจากเป็นซูมตัวเดียวจบขนาดเล็กกระทัดรัด

แต่เรื่องที่ไม่ได้ดั่งใจผมคือการเก็บดีเทลที่ไม่สามารถแสดงพลังของเซ็นเซอร์ 24 ล้านพิกเซลแบบไม่มี AA filter ออกมาได้ การหาซื้อเลนส์เดี่ยวมาเสริมทัพสำหรับงานที่เน้นดีเทลยิบๆ ก็ยังเป็นเรื่องจำเป็นอยู่ ถ้าต้องการรีดแรงม้าจากเซ็นเซอร์จนหยดสุดท้าย แต่ในงานทั่วไปที่ไม่ได้ขยายภาพเกิน 20 นิ้ว เลนส์ตัวนี้ทำได้เกินพอ

อีกสถานการณ์หนึ่ง ย้อนดวงอาทิตย์เต็มๆ เหมือนกัน อยู่กลางภาพด้านบน ถอดฮู้ด แต่ไม่ได้ได้ถอดฟิลเตอร์ เลยมีแฟลร์จากฟิลเตอร์เห็นได้ลางๆ แต่เลนส์เก็บรายละเอียดหลังคาและใบไม้ออกมาได้ขนาดนี้นี่แจ่มกว่าเลนส์เดี่ยวดีๆ หลายรุ่นอีกนะเนี่ย

06


ย้อนกลับมาที่ฟังก์ชั่นของกล้อง
ช่างภาพที่ถ่าย RAW อยู่แล้วก็สามารถเลือกได้ว่าจะเซฟเป็น .DNG มาตรฐาน หรือ .PEF เฉพาะของเพนแท็กซ์
ส่วนช่างภาพ JPG เคยมั้ยครับที่ถ่ายอยู่ พอกดชัตเตอร์แล้วสงสัยว่าจะมีอะไรผิดพลาด นึกได้ว่าน่าจะถ่ายเป็น RAW ไว้ด้วยนะ แต่จะย้อนกลับไปถ่ายอีกรอบก็ไม่ทันซะแล้ว
ฟังก์ชั่นน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ ถึงจะถ่าย JPG แต่ K-3 ยังเก็บข้อมูลดิบของเซ็นเซอร์ภาพสุดท้ายไว้ใน Buffer ของกล้องอยู่นะครับ เราสามารถเซฟ RAW นั้นออกมาได้ ฟังก์ชั่นนี้อาจจะช่วยชีวิตช่างภาพได้ในเวลาฉุกเฉิน
และสำหรับช่างภาพ jpg ที่ถ่าย RAW เป็นบางภาพก็ยังสามารถเก็บ RAW ได้สะดวกแค่กดปุ่ม RAW

ดูจากการจัดระบบงานของเพนแท็กซ์ โดยเข้าไปผจญภัยในเมนูจะสังเกตเห็นว่าช่างภาพจะถูกผลักดันให้ใช้ jpg เป็นหลักเสียมากกว่า ส่วน RAW เป็นแค่ไฟล์สำรองเผื่อฉุกเฉินเท่านั้น กล้องเสนอทางเลือกมหาศาลที่จะปรับแก้ และปรับแต่งภาพ ตั้งแต่ช่วยเหลืออำนวยความสะดวกการตั้งค่าก่อนถ่าย ขั้นตอนการถ่าย และการปรับภาพหลังถ่าย เพื่อให้ได้ไฟล์สมบูรณ์ที่สุด โดยไม่ไปฝากความหวังกับ RAW และโปรแกรมตกแต่งภาพในคอมพิวเตอร์เลย ทุกอย่างสามารถทำเสร็จได้จากกล้อง

เริ่มกันตั้งแต่การตั้งค่าสีก่อนถ่าย กล้อง ตั้งค่าสีได้สิบกว่าแบบตามแต่ความเหมาะสมของการใช้งาน และยังสามารถเพิ่มเอฟเฟคพิเศษก่อนถ่ายได้อีกเกือบสิบแบบ หรือจะใส่หลังจากถ่ายแล้วก็ได้อีกเป็นสิบ
เวลาใช้กล้องผมเลยต้องถ่ายเป็น RAW+JPG แทนที่จะ RAW อย่างเดียวเหมือนทุกครั้ง เพราะอยากเล่นสี เล่นโทนบ้างอะไรบ้าง

07


Custom Image

Bright, Natural, Portrait,Landscape, Vibrant, Radiant, Muted, Bleach Bypass, Reversal Film,Monochrome, Cross Processing


Digital Filter

Extract Color, Toy Camera,Retro, High Contrast, Shading, Invert Color, Unicolor Bold, Bold Monochrome
Tone Expansion, Sketch, Water Color, Pastel, Posterization, Miniature, Soft, Starburst, Fish-eye, Slim

08


เรื่องโปรเซส RAW ก็แน่นอนปรับค่าได้ทุกอย่างเพียบอยู่แล้ว ไม่ต้องพึ่งคอมพ์กันเลย แต่ที่ผมชอบมากคือสามารถรวมภาพจากกล้องแล้วทำ Index ได้จากกล้องเลย ไม่ต้องมาทำกันทีหลัง มีเลย์เอาท์ให้เลือกหลายแบบ ลองแบบนี้ดูละกัน

09


วัดแสง แม่นยำอยู่ในระดับที่น่าพอใจ พึ่งพาอาศัยได้สบายๆ มีโหมดให้เลือกใช้ได้ครบถ้วนตามมาตรฐานสะดวก คล่องตัว เทียบเท่ากับกล้องอื่นๆ กล้องติดจะให้ความสำคัญส่วนไฮไลท์มากหน่อย ในสถานการณ์ที่แสงจ้า จะติดอันเดอร์นิดๆ ถ้าจะจบหลังกล้องก็ต้องพึ่งพาการชดเชยแสงบวกไว้ ส่วนเวลาฉากหลังมืดมันไม่ค่อยถูกหลอกให้โอเวอร์เท่าไหร่มักจะออกมาพอดี
เวลาถ่ายจริงผมไม่ค่อยชดเชยเท่าไหร่หรอก เน้นเก็บไฮไลท์ไว้ แล้วเอามาแก้ทีหลังดีกว่า บางทีไม่ต้องใช้วิทยายุทธในการโปรเซสอะไรมาก เพราะเซ็นเซอร์มันเก็บมาอยู่แล้ว แต่การโปรเซสให้ได้โทนภาพสีต่างๆ นั้น กล้องมันจะบีบช่วงแสงให้แคบลงกว่าปกติไปเอง กดชดเชยเพิ่มแสงเอาดื้อๆ ในซอฟท์แวร์ก็ได้ละ หรือเอา RAW มา re-process อีกรอบในกล้องโดยเพิ่มแสงก็ได้เหมือนกัน
เรื่องการวัดแสง ผมว่าช่างภาพสามารถฝากชีวิตเอาไว้ได้อย่างสบายใจ

14


โฟกัสไม่ได้รวดเร็วล้ำหน้า ประมาณเกาะกลุ่มกับกล้องอื่นๆ ใช้แล้วไม่รู้สึกว่าเร็วหรือช้ากว่ากล้องอื่น การเลือกกรอบโฟกัสอัตโนมัติในโหมด 27 กรอบ มีตัดสินใจเลือกผิดไปบ้าง แต่โหมด 9 กรอบ ก็ทำได้รวดเร็ว แม่นยำได้ดั่งใจ
แต่การหาโฟกัสในที่แสงน้อยเป็นที่น่าปลาบปลื้มแกผู้ใช้มาก ที่มืดๆ กล้องก็ยังหาโฟกัสได้รวดเร็วแม่นยำน่าประทับใจ ชนิดที่ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าถ้ามืดขนาดนั้นให้หมุนโฟกัสเอง ยังไม่รู้จะโฟกัสได้หรือเปล่าเลย นี่กดปุ๊บโฟกัสเป๊ะ เข้าทุกช็อตไม่มีหลุด
การเลือกกรอบโฟกัสเองทำได้รวดเร็วมาก แม้จะไม่ใช่จอสัมผัส แต่แป้นทิศทางด้านหลังก็ตอบสนองได้ดี มีปุ่มสลับโหมดให้แป้นนี้กลายเป็นแป้นฟังก์ชั่นด้วย ก็ช่วยอำนวยความสะดวกในการปรับค่าอื่นๆ ได้อีก
ปุ่มอำนวยความสะดวกเยอะมาก ผมใช้ไม่ครบครับ บ่องตง

15


กันสั่นเป็นไงมั่งไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้ไปเค้นมันมาก ได้แต่ใช้ไปตามปกติ ในที่แสงน้อย ในถ้ำ หรือกลางคืน ก็ไม่มีปัญหาอะไร พวกระบบแก้ไขภาพอัตโนมัติทุกระบบผมเปิดใช้ครบทั้ง Chromatic Abberration, Vingnett, Distortion, Dynamic Range, Noise Reduction เอาแบบที่ใช้จริงเลย กะว่าให้จบหลังกล้อง ไม่ต้องเอามาโปรเซสอะไรเพิ่มเติม

16


Multi-Area White Balance

กล้องสามารถแยกปรับไวท์บาล้านซ์อัตโนมัติได้หลายพื้นที่ได้ในภาพเดียวกัน เป็นมรดกตกทอดมาจาก Ricoh c9jผมเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกใน PENTAX K-3 นี่แหละ
อย่างเช่นภาพนี้มีค่าสมดุลย์สีที่ต้องปรับคือแสงแดดที่ด้านบนขวา แสงเทียน และแสดงฟลูออเรสเซนซ์ที่ด้านล่างซ้าย ถ้าเอาด้านบนขวาเป็นหลัก ด้านล่างซ้ายจะกลายเป็นสีเขียว ถ้าเอาด้านล่างซ้ายเป็นหลัก ด้านบนขวาจะเป็นสีน้ำเงินอมม่วง อันนี้ยังไม่ต้องพูดถึงแสงเทียนนะ
แต่ระบบนี้ทำให้ทั้งด้านบนขวา และด้านล่างซ้ายกลายเป็นแสงขาวได้พร้อมๆ กัน อาจจะไม่เปะสมบูรณ์แบบ แต่ก็อยู่ในระดับที่สามารถจบหน้างาน ส่งงาน jpg ได้ทันที
ส่วนตรงแสงเทียนผมตั้งค่า WB ไว้ให้แก้แสงสีส้มแค่เล็กน้อย เพราะชอบภาพสีอุ่นๆ หน่อย แต่สามารถตั้งค่าให้แก้สีมากกว่านี้ก็ได้

11


Lazy man mode สุดประทับใจอีกอันนึงคือ การแก้ระนาบของภาพให้โดยอัตโนมัติ

กล้องมีระดับน้ำอิเลคทรอนิคส์มาให้ด้วย ไม่ใช่แค่เอาไว้ดูเท่านั้น แต่ฟังก์ชั่นพิเศษแถมมาให้ใช้คือ ถ้าถือกล้องเอียงเล็กๆ น้อยๆ กล้องจะจัดการหมุนเซ็นเซอร์เอียงชดเชยให้ เพื่อให้เส้นขอบฟ้าตรงได้เองอัตโนมัติ เป็นฟังก์ชั่นช่วยประหยัดเวลาแก้ไขภาพทีหลัง ลดความเครียดตอนถ่ายไม่ต้องพิถีพิถันกับการตั้งระนาบมาก และลดการทำงานหน้าคอมพ์ไปได้เยอะ

..บับแว่ อยากบอกกล้องว่า โถดีออก นี่เองจะรู้ดีเกินไปละนะ

12


อ้อ เกือบลืม...
ฟังก์ชั่นพิเศษที่เพนแท็กซ์ภูมิใจนำเสนอมากคือ AA filter simulator
เนื่องจากว่าเซ็นเซอร์ 24 ล้านพิกเซลที่เอามาใช้นี่ไม่มี AA filter ทำให้ได้ความคมชัดสูงสุด แต่อาจจะเกิดปัญหา moire ได้เวลาเอาไปถ่ายอะไรที่มีลวดลายเป็นแพทเทิร์นซ้ำๆ ก็เลยหาทางออกโดยใช้วิธีสั่นเซ็นเซอร์ความถี่สูง เพื่อให้แสงตกบนเซลไซท์ครบชุดทั้ง 4 เซล จะได้ทำให้อาการ moire หายไป
แต่ในความเป็นจริงเรื่อง moire นี้ก็ผมไม่ค่อยเจออยู่แล้ว ถึงจะมีบ้างผมก็ไม่รู้สึกว่ามันจะเป็นปัญหาอะไรกับชีวิตนักหนา ก็เลยไม่เคยคิดจะเปิดใช้ AA filter simulator สักครั้ง ก็เลยไม่สามารถบอกได้ว่ามันได้ผลหรือไม่อย่างไร

13


ISO
ผมไม่ได้เทสว่าความไวแสงสูงๆ เป็นไง เพราะแค่นี้ก็เกินที่ผมใช้งานไปแล้ว เท่าที่ดูย้อนหลังก็กลางๆ ไม่ได้โดดเด่นจนเป็นจุดขาย แต่ก็ไม่ได้สร้างข้อจำกัดให้ปัญหาอะไรในการใช้งานจริง
การปรับความไวแสงรวดเร็วมากทั้งระบบปรับเอง และการสลับไปมาระหว่างปรับเอง กับอัตโนมัติ คล่องตัวรวดเร็วกว่ากล้องอื่นที่เคยใช้

การเลือกใช้ ล็อก เปลี่ยนค่า ISO/F/Speed ในกล้อง PENTAX K-3 ทั้งแมนนวล ออโต้ และการสลับโหมดเปิดรับแสงทั้งสามค่านี้ไปมาระหว่างแมนวล กึ่งออโต้ หรือฟูลออโต้ ทำได้น่าประทับใจที่สุดในบรรดากล้องที่ผมเคยใช้มา เลือกใช้ ล็อค และปรับค่าได้แม่นยำ ให้กล้องทำก็ได้อย่างที่ต้องการไม่ผิดพลาด หรือจะทำเองก็ทำได้รวดเร็วมาก จะสลับไปมาก็ยังสะดวกอีก
ทำให้สั่งการเปิดรับแสงได้ดั่งใจคิด เปลี่ยนค่าตามใจได้เร็ว โดยไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องใช้สมาธิเอาใจใส่ อันที่จริงคือผมแทบไม่ได้สนใจค่าเปิดรับแสงเลยด้วยซ้ำ เลือกโหมด เลือกค่าเริ่มต้นอย่างที่อยากให้ภาพออกมาว่าเราให้ความสำคัญกับอะไร จากนั้นไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไงกล้องจัดการให้เองหมดทุกอย่าง อยากทำเองก็กลับมาทำ เสร็จแล้วกดปุ่มเขียวกลับสู่ฐานที่มั่นเหมือนเดิม

17


ฟีเจอร์อื่นๆ ของมันมีเยอะมากครับ ทั้งซอฟท์แวร์ และฮาร์ดแวร์ ผมเล่นอยู่อาทิตย์นึงยังใช้งานมันได้ไม่ครบเลย แต่มันก็เป็นกล้องที่ใช้งานง่าย ได้ภาพดี โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องพึ่งพาวิทยายุทธขั้นสูง แค่เลือกเอาว่าจะใช้อะไรจากบรรดาสารพัดสิ่งอันที่มันมีมาให้เท่านั้น ศักยภาพในการทำงานของกล้องมากมายเหลือเฟือ สำหรับการใช้งานระดับอาชีพ หรือในการใช้งานระดับสมัครเล่นก็จัดมาให้ครบๆ

แต่ PENTAX K-3 จะขายได้ หรือขายไม่ได้ในตลาดนี้ อยู่ที่ตัวแทนจำหน่าย และศูนย์บริการจะต้องทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นให้ได้ พร้อมด้วยการตลาดที่ดึงดูดใจ แต่ส่วนตัวของกล้องเองนั้น สอบผ่านสบายๆ อยู่แล้ว

.

19



อัลบั้ม Review: PENTAX K-3
https://www.facebook.com/dhapana/media_set?set=a.10203181487926691.1073741880.1492667919&type=3

วัดเมือง จ.ฉะเชิงเทรา by PENTAX K-3
https://www.facebook.com/dhapana/media_set?set=a.10203242219724948.1073741882.1492667919&type=3

PENTAX K-3 Spec.
//www.ricoh-imaging.co.jp/english/products/k-3



Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2557 9:05:17 น.
Counter : 4531 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Mister-gray.BlogGang.com

อะธีลาส
Location :
Sydney  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 44 คน [?]

บทความทั้งหมด