ภาพ: Life is...
ชีวิต คือ อะไร

ลองค้นหาความหมายของชีวิต คลิกที่คำว่า 'ชีวิต'

..................................






















............................................

แล้วสำหรับคุณ ชีวิต คือ อะไร?

.........

ถ้าชีวิตจริงมีคำตอบง่าย ๆ แค่ 'คลิก' ....ก็คงจะดีไม่น้อย

หากแต่มันไม่ใช่ จึงต้องค้นหากันต่อไป

ว่า อะไร คือ ชีวิต?





Create Date : 24 กันยายน 2551
Last Update : 9 ตุลาคม 2551 9:15:15 น.
Counter : 1757 Pageviews.

68 comments
เติมให้ความมี เติมให้ความไม่มี ปัญญา Dh
(14 เม.ย. 2567 20:54:29 น.)
คุย โอพีย์
(13 เม.ย. 2567 21:51:16 น.)
พระราชวังบ้านปืน ดาวริมทะเล
(9 เม.ย. 2567 14:46:08 น.)
"วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ เธอจะเห็นใครคนหนึ่งที่รอเธอ" คนผ่านทางมาเจอ
(10 เม.ย. 2567 23:49:39 น.)
  
ประโยคง่าย ๆ แต่บางครั้ง ก็ยังหาคำตอบไม่ได้

บางคนหาทั้งชีวิต ยังไม่รู้เลยนะคะ ว่าชีวิตคืออะไร
โดย: แค่คนหนึ่งคน วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:11:54:16 น.
  
อืม สคริปต์คุ้นๆ นะ 555+
ภาพสวยดีครับ
โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:15:11:41 น.
  
ชีวิตคือธรรมชาติ
โดย: sherief วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:17:22:39 น.
  


สวัสดีค่ะคุณปอย

นั่นสินะคะ....

"ชีวิต" คืออะไร ????

ปอเอากาแฟและขนมมาฝากค่ะ
ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ งุงิ ^ ^
โดย: Butterflyblog วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:17:43:40 น.
  
สวัสดีครับคุณปอย ชีวิตผมตอนนี้ต้องการความสงบ..ที่ปลายทาง แต่ทำไมมันไกลจากชีวิตผมจัง

สบายดีนะครับคุณปอย ผมเพิ่งจะว่างแล้วพรุ่งนี้จะมาใหม่

ปล.คุณปอยมีอะไรมาฝากครับ ตามไปที่บล็อกผมนะครับ
โดย: nongmalakor วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:19:57:41 น.
  
ขอบคุณที่คุณปอยไปเยี่ยมครับ

คุณปอยหายไปนานจริงๆ
แต่คงไม่ได้เจ็บป่วยนะครับ
พี่หนูหล่อสบายดี

ชีวิต เหรอครับ พจนานุกรมบอกว่า
คือ ความเป็นอยู่... อย่าไปคิดอะไร
กับมันมากเลยครับ มีชีวิต แล้วก็
ไม่มีชีวิต มันก็แค่นี้เอง มีความสุขกับ
ชีวิตวันนี้ก็พอครับ
โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:20:19:58 น.
  
กรี๊ด ...คุณปอยอัพบล็อก

แถมยังน่ารักมากๆ อีกด้วยค่ะบล็อกนี้...
สมใจคนรอจริงๆ เลย

ชอบจังเลย ภาพสวย และสื่อความหมายแบบให้คิด
ลงตัวทั้งข้อความและภาพถ่าย

ชอบภาพชีวิตคือการค้นพบ
มากที่สุดเลยค่ะ พระอาทิตย์ตกใช่หรือเปล่าคะ ?
แล้วเป็นที่ไทยหรือคูเวตล่ะคะเนี่ย ..ร้อนแรงน่าดูเลยค่ะดวงตะวัน

งืมๆ สมกับความคิดถึงหน่อย ^^
โดย: BeCoffee วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:21:33:12 น.
  
ลืมบอกไปค่ะ
วันนี้อ้อนก็แหงนหน้ามองดูพระจันทร์ครึ่งดวงแล้วนะคะ
สวยมากเลย ...

คงจะเริ่มเต็มดวงมากกว่าเมื่อวานหน่อย แต่ก็ยังเป็นโหมดครึ่งดวงอยู่
ฟ้าที่นี่ค่อนข้างใส เห็นดวงดาวอยู่ข้างๆ ดวงจันทร์
ส่องแสงระยิบ เหมือนยิ้มให้กัน
น่ารักดีนะคะ ...

ยิ้มให้พระจันทร์ที่โน่นบ้างนะคะ รอยยิ้มของเราจะได้ส่งถึงกันค่ะ
อิอิ หวานซะงั้น
โดย: BeCoffee วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:21:35:31 น.
  
ตะ เอง กร้อออออ

เค้า น่ะ

ม่าย จาม เยยยยยย

แตร่ เค้า

ไอ ไอ ไอ

ไอ love u

กิ้วววววววววววววววววววว

แซว สาววววววววววววว

เขิลลลลลล

เขิลลลลลลลลลลลลลลล

อาย อาย อาย

เอม จา พูด

วร่า

วร่า

อืมมมมมมมมมมม

อืมมมมมมมมมมมมมมมมม

ม่าย บอก

อาย อาย
โดย: dogamania วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:0:49:51 น.
  
เค้า

เค้า

อืมมมมมม

เปน ห่วง ตะ เอง ทุก คั้ง

เวลา ตะ เอง บิน

อืมมมมมมมมม

เวลา

ตะ เอง หาย

เค้า ก้อ กัว

อืมมมมมมมมมมมมมม

อยาก หั้ย ตะ เอง ปอด พัย

ฝน ตก

เค้า ก้อ ห่วง นะ ก้าบบบบบบ

เอม มี 4ขา

ยึด มั่น

ใน ฟาม รัก กว่า คน 2 ขา ก้าบ

4ขา เปิด วง เยยยยยยยยยยยยยยยยยย

555555555555555

วง รำ พัดดดดดดดดดดดดด
โดย: dogamania วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:0:58:56 น.
  
สวัสดีครับ ไม่ได้เข้ามาเสียนานเลย
คำถามตอบยากจัง ไม่ตอบดีกว่า
ขี้เกียจคิดให้ปวดสมอง ทรมานชีวิต...เอ๊ะ อิอิ
ชีวิตตอนนี้คืองานเริ่มเยอะอีกแล้ว การบ้านทั้งหลาย
และชีวิตต่างแดนที่ตอนนี้ชินจนรู้สึกไม่ต่างจากบ้านอีกแล้ว
โดย: Unravel IP: 133.37.240.199 วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:11:16:15 น.
  
ขีวิต คือ การต่อสู้..เขาว่าไว้

ชีวิต คือ การชดใช้เวรกรรม

อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกชีวิต มีความสงบสุข ค่ะ


Recados e Imagens - Góticas - Orkut

Recados, Gifs e Imagens no Glimboo.com

โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:12:47:16 น.
  
ผมเห็นว่าคำถามนี้จะนำไปสู่ความเข้าใจเรื่องกรรมได้ลึกซึ้งขึ้น
เพราะคนส่วนใหญ่ยังนึกว่าการก่อกรรมเป็นเรื่องที่ต้องโชว์ตัว โชว์เสียง
หรืออย่างน้อยก็ต้องมีชื่อแซ่ของเจ้าตัวปรากฏเป็นที่รับรู้เสียก่อน ความเข้าใจดังกล่าวนั้นคลาดเคลื่อนนะครับ
กรรมนั้นคือเจตนา ต่อให้คุณนอนคิดร้ายอยู่บนยอดเขา ไม่มีใครเห็น คุณก็ทราบชัดอยู่แก่ใจ
และสามารถสำเหนียกรู้สึกได้ว่าใจคุณดำมืดเพราะโดนเมฆหมอกอกุศลทาบทับแล้ว

สำหรับกรรมที่ทำอยู่ในใจจริงๆ มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจคุณเองคนเดียวนั้น เรียกว่า 'มโนกรรม'
สำหรับมโนกรรมนั้นจะสำเร็จสมบูรณ์เต็มขั้นในทันทีที่ตั้งใจคิดและมีความยินดีกับความคิดนั้น
หากจะพูดว่ามโนกรรมคือกรรมที่ก่อแล้วยังไม่ทันส่งผลกระทบดีร้ายกับผู้อื่นก็คงได้
ตัวอย่างเช่นคุณคิดจะด่าเขา แต่ระงับใจไม่ด่า อย่างนั้นก็เป็นเพียงมโนกรรมอันเป็นอกุศล
มีผลให้จิตคุณทุกข์ร้อนอยู่คนเดียว ยังไม่เป็นวจีกรรม ยังไม่มีเสียงกระทบหูใครให้ใจเป็นทุกข์ขึ้นมา
แต่หากคลื่นความคิดแรงจนทะลักรั้วกั้น หลุดจากสมองไปกระทบผู้อื่น ไม่ว่าจะทางภาษาพูดหรือภาษาเขียน
ทำให้เขาเกิดความเข้าใจว่าคุณคิดอย่างไร ตรงนั้นจัดว่าเป็นวจีกรรมได้หมด
พูดง่ายๆว่า 'ภาษา' นั่นเองคือเครื่องมือก่อวจีกรรมของมนุษย์

ฉะนั้นคุณจะแอบเขียนอะไรทางอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝงเฉพาะกิจ ไม่มีใครอื่นรู้เห็น
ไม่มีใครรู้จักเลย แม้เพียงครั้งเดียวก็นับว่าสร้างวจีกรรมไปแล้วหนึ่งครั้ง และกรรมก็จะติดตามคุณเป็นเงาตามตัว
ไม่ผิดต่างไปจากกรรมอื่นๆที่กระทำโดยเปิดเผยหน้าตาตัวตน
เจตนาเกิดขึ้นที่จิตของคุณ กรรมก็เกิดที่จิตของคุณเช่นกัน
เพราะกรรมคือเจตนา เจตนาคือกรรม ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าบุคคลคิดแล้วจึงก่อกรรมทางกาย วาจา ใจ

อินเตอร์เน็ตเปิดโอกาสให้เราเห็นอะไรหลากหลายจริงๆ แม้แต่การทำงานของกรรม
อย่างเช่นที่ผมรู้จักหลายๆคน เห็นกรรมทางวาจาของเขาในเบื้องต้น
แล้วได้เห็นพัฒนาการหรือความเสื่อมทรามทางจิตใจในเวลาต่อมา เป็นไปตามวิธีคิดเขียนให้ดีให้ร้ายแก่ผู้อื่น
ผู้ก่อความวุ่นวาย นานไปย่อมมีจิตใจที่วุ่นวาย ปั่นป่วนเหมือนพายุ
และแสดงแนวโน้มที่จะฟุ้งซ่านแส่ส่ายไปในเรื่องเหลวไหล พูดจาจับต้นชนปลายไม่ติดมากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้ก่อกระแสความเยือกเย็น นานไปย่อมมีจิตใจเยือกเย็น สงบราบคาบผาสุก
และแสดงแนวโน้มที่จะแน่วนิ่งหนักแน่นในเรื่องเป็นเหตุเป็นผล พูดจามีต้นมีปลายมากขึ้นเรื่อยๆ

บอกได้เลยครับว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกอินเตอร์เน็ตนั้น
อาจจะให้ผลเร็วและแรงเสียยิ่งกว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงเสียอีก
ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร? เพราะบนอินเตอร์เน็ตอาจมีผู้รับคำพูดของคุณจำนวนมาก
ขอให้ลองนึกดู หากคุณพูดเบาๆว่า 'ไอ้โง่' ก็อาจมีคุณคนเดียวในโลกที่ได้ยินเสียงอกุศลของตัวเอง
แต่ถ้าคุณพิมพ์คำว่า 'ไอ้โง่' ลงในกระทู้ของเว็บบอร์ดที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมคับคั่ง
คุณไม่มีทางปรับให้ดังหรือเบาได้ตามใจชอบได้เลย คุณทำอกุศลกรรมกับคนแบบไม่เลือกหน้าเข้าแล้ว
คำด่านั้นอาจทำให้คนนับพันนับหมื่นเกิดความแสลงใจ
ความแสลงใจของคนนับไม่ถ้วนนั่นแหละ จะย้อนกลับมาก่อเหตุให้คุณแสลงใจยิ่งกว่าพวกเขาได้

ผมเห็นแล้วนึกเสียดายครับ หลายคนยังเป็นเด็ก
และมีความสนุกที่จะขีดเขียนข้อความฝากไว้ในอินเตอร์เน็ตด้วยความคึกคะนอง
บางทีไม่รู้ตัวเลยว่าเอาอนาคตมาทิ้งเสียด้วยการสนทนาแบบไร้หน้าไร้เสียงนี่เอง
โอกาสก่อกรรมในยุคไอทีของพวกเรานี้ มีได้เป็นร้อยเป็นพันเท่ามากกว่ายุคอื่นครับ
กระดิกนิ้วง่ายๆไม่กี่ที ผลอาจใหญ่หลวงยิ่งกว่าพยายามพูดในห้องประชุมใหญ่หลายๆอาทิตย์เสียอีก
หากจิตตั้งไว้ดีแล้วก็สบายตัวไป แต่หากจิตยังตั้งไว้ในมุมมืด อย่างนั้นก็คงน่าเป็นห่วงหน่อยล่ะ
โดย: บูรณิจน์รัตนวิเชียร (คนเล็กของเล่นใหญ่ ) วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:14:33:04 น.
  
โดย ดังตฤณ เจ้าของหนังสือ--เสียดายที่คนตายไม่ได้อ่าน--
โดย: ลืมอ้างอิง (คนเล็กของเล่นใหญ่ ) วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:14:34:25 น.
  
เอามาให้อ่านกันครับ อีกหนึ่งความเห็นของสื่อมวลชนอย่างคุณหยุ่น

ทัศนะวิจารณ์

กาแฟดำ

10 ตุลาคม พ.ศ. 2551 05:00:00

เมื่อต้องเลือกระหว่างวิชาชีพ กับสำนึกชั่วดีในยามวิกฤติ

ผมเขียนคอลัมน์ที่ตีพิมพ์เมื่อวานนี้ ก่อนจะได้อ่าน "บันทึกทูตไทยถึงบัวแก้ว"

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : ก่อนจะได้ข่าวกัปตัน การบินไทย ประกาศว่าถ้า ส.ส. ของพรรครัฐบาลที่มีส่วนทำให้เกิด "ตุลาฯทมิฬ" เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เป็นผู้โดยสาร เขาจะไม่ขับเครื่องบินลำนั้น

ก่อนที่จะมีข่าวว่าหมอบางคนที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จะไม่รับรักษาคนไข้ ที่เป็นฝ่ายกระทำต่อผู้ชุมนุมจ นต้องบาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมาก

ข่าวนักการทูต หมอ นักบิน ซึ่งล้วนเป็นคนมีเกียรติและศักดิ์ศรี ปฏิเสธจะทำหน้าที่ ที่มโนธรรมตนเองเตือน ว่าไม่ถูกต้องและไม่ชอบธรรม เป็นประเด็นน่าคิดน่าใคร่ครวญยิ่งนัก

เพราะโดยหลักแห่งจริยธรรมวิชาชีพแล้ว หมอไม่มีสิทธิจะไม่รักษาคนไข้ด้วยเหตุผลว่าเขาหรือเธอมีความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน หรือด้วยเหตุผลของเพศ ศาสนา หรือ ชนชั้น

โดยหลักสากลแล้ว กัปตันเครื่องบินก็ย่อมจะไม่ปฏิเสธผู้โดยสารเพียงเพราะเขาหรือเธอมีสถานะทางสังคมอย่างใดอย่างหนึ่ง

และนักการทูตในฐานะข้าราชการประจำโดยหน้าที่ก็จะต้องชี้แจงกับรัฐบาลของประเทศนั้นๆ ตามคำสั่งของกระทรวงการต่างประเทศ

เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาปฏิเสธที่จะทำหน้าที่ด้วยเหตุผลอะไร?

ตอบได้ว่า ด้วยความสำนึกแห่งความเป็นคนไทยในยามที่จะต้องแสดงจุดยืนของตนเอง

แน่นอนว่าโดยหลักวิชาชีพแล้ว พวกเขาย่อมรู้ว่าการปฏิเสธที่จะทำหน้าที่ของตนเป็นสิ่งผิดหลักปฏิบัติ

และรู้ต่อไปด้วยว่าอาจจะถูกหัวหน้าหน่วยงานของตนเพ่งเล็ง สอบสวน และ ถึงขั้นลงโทษ

แต่ในยามบ้านเมืองวิกฤติ ในยามที่มโนธรรมของสุจริตชน ต้องตอบตัวเองว่าจะทำงานรับใช้ใคร เพื่ออะไร และสำนึกแห่งชั่วดีกระตุ้นเตือนให้ปัจเจกชนทุกคน ต้องเลือกข้างระหว่างธรรมกับอธรรม คนที่ถือว่าเป็นมืออาชีพ ก็ต้องตัดสินใจว่าจะยืนอยู่ตรงจุดไหนของสังคม

การยืนอยู่ตรงกลาง การแสดงความลังเล และ การทำประหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในบ้านเมืองหรือยังคงทำหน้าที่เดิมตามปกตินั้น ย่อมมิใช่วิสัยของผู้ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง

จดหมายของ "เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศหนึ่งในเอเชีย" ที่ปฏิเสธที่จะชี้แจงกับรัฐบาลประเทศนั้นๆ ตามคำสั่งของกระทรวงการต่างประเทศนั้น ให้เหตุผลดั่งที่วิญญูชนผู้มีสติปัญญาพึงจะคิด

เพราะคนระดับเอกอัครราชทูต ระดับนายแพทย์ ระดับกัปตันสายการบินแห่งชาติ ย่อมแยกแยะได้ว่าอะไรคือความจริง อะไรคือความเท็จ อะไรคือคำสั่งการไร้จริยธรรม และอะไรคือสำนึกแห่งความเป็นมืออาชีพของตน

"ท่านทูต" ผู้นี้ถามอย่างผู้มีสติปัญญาครบถ้วน ในฐานะคนไทยที่รับผิดชอบว่า จะให้ท่านอธิบายกับรัฐบาลนั้นๆ ได้อย่างไร ในเมื่อท่านในฐานะคนไทยเอง ยังไม่เชื่อตามที่กระทรวงการต่างประเทศให้แถลงเลย

ท่านถามในจดหมายเปิดผนึกฟ้องคนไทยที่เป็นเจ้าของประเทศตอนหนึ่งว่า

"...จะอธิบายอย่างไรว่ามาตรการของตำรวจ ระลอกแล้วระลอกเล่าตลอดวันที่ 7 ตุลาคม เป็นการกระทำที่เป็นไปตามกฎหมาย มาตรฐาน และ หลักปฏิบัติสากล...?"

"จะอธิบายอย่างไรกับมาตรการอันรุนแรงเกินกว่าเหตุของตำรวจ อันนำมาซึ่งการเสียชีวิตและบาดเจ็บของคนไทยจำนวนมาก...?"

"การชี้แจงสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือยังมีความเคลือบแคลงในข้อเท็จจริง หรือภาพเพียงบางส่วน รังแต่จะทำลายความน่าเชื่อถือของผู้ชี้แจงไปด้วย..."

นี่คือ ถ้อยคำที่ออกมาจาก "ความสำนึก" ของคนเป็นตัวแทนของประเทศไทยในต่างแดน ที่ต้องทำหน้าที่ตามมาตรฐานที่คนไทยรับได้และที่สังคมโลกตรวจสอบได้

เป็นความสำนึกที่ตอบตัวเองได้ ว่าเขาไม่ใช่ขี้ข้าของนักการเมืองที่บังเอิญขึ้นมามีอำนาจในแผ่นดิน

แน่นอน ทั้งหมอ นักบิน และ นักการทูต ที่แสดงจุดยืนไม่ยอมทำหน้าที่ของตนเพื่อต่อต้านการกระทำของรัฐบาลต่อประชาชนนั้น ย่อมรู้ดีว่าตนกำลังเสี่ยงกับการถูกลงโทษและกล่าวหาจากบางวงการ

แต่ในยามบ้านเมืองวิกฤติและความสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมโดยส่วนรวมแล้ว เราเคารพในการกล้าตัดสินใจที่จะยกเว้นการปฏิบัติตามหลักการแห่งวิชาชีพบางข้อ

เพื่อแสดงความกล้าหาญจากสำนึกแห่งมโนธรรมต่อสังคม

พวกเขาเลือกแล้วระหว่างการทำหน้าที่ตามปกติแล้วรู้สึกผิดต่อวิญญาณของคนไทยที่ถูกทำร้าย และสังหาร กับการปฏิเสธที่จะรับใช้อธรรมเพื่อให้สังคมที่หดหู่รันทดและสิ้นหวังได้เห็นแสงสว่างเล็กๆ

แสงสว่างที่เรียกว่า "มโนสำนึก" ของคนกล้าในยามบ้านเมืองวิกฤติ

(เข้ามาร่วมแสดงความเห็นในยามบ้านเมืองวิกฤติ ได้ที่ //www.oknation.net/blog/black และ //www.suthichaiyoon.com ตลอด 24 ชั่วโมง)


//www.bangkokbiznews.com/2008/10/10/news_301992.php



"การยืนอยู่ตรงกลาง การแสดงความลังเล และ การทำประหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในบ้านเมืองหรือยังคงทำหน้าที่เดิมตามปกตินั้น ย่อมมิใช่วิสัยของผู้ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง......."!!!

ความ'เป็นกลาง' ของพวกเขามีประโยชน์อะไรสำหรับสังคมไทย ประเทศไทย และระบอบประชาธิปไตย......?


--------------------------------------

อันนี้จากฟอเวิดเมลล์ครับ


-----------------------------------

วันนี้เลิกคบกับเพื่อนไปคนนึงเพราะมันบอกว่ามันเป็นกลาง

เนื่องจากส่งเมล์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันที่ 7 ไปหาเพื่อนทุกคน

แล้วมีอีนังนี่มันส่งเมล์กลับมาบอกว่า อย่าส่งเมล์แบบนี้มาหามันอีก

มันไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น มันไม่สนใจว่าใครผิด ใครถูก มันมีแนวทางของมัน

มีการดำเนินชีวิตของมัน มันไม่อยากรับรู้เรื่องพวกนี้เลย

เพื่อเราจบทั้ง ป.ตรีและโท ที่บางมด เราจึงมั่นใจว่าเรื่องไม่มีการศึกษาคงไม่ใช่

เพื่อเรา อีก 2-3 คน เป็นคนรักทักษิณ พวกนั้นเรารับได้นะ

เพราะเขามีหลักคิดของเขาว่า ทุนนิยมจะพาชาติเจริญ

แต่อีกพวกเป็นกลางนี่ น่ารังเกียจกว่า เพราะมันไม่ทำอะไรเลย

แล้วเสือกแหกปากโวยวายว่า อย่ามากระทบกระเทือนชั้นนะ

พวกแกจะซ่อมบ้านก็ซ่อมไป แต่อย่ามาทำเสียงดัง และห้ามทำสกปรกด้วยนะ

ชั้นจะกินและนอน เฉยๆ รอบ้านเสร็จและเข้าอยู่อย่างเดียว

น่าทุเรศ และน่าสมเพชกว่า พวกตรงข้ามซะอีก

เพราะอย่างน้อยๆ อีกฝั่งนึง เขาก็อยากเห็นประเทศชาติเจริญ? ในแบบของเขา

เราเลยบอกว่า ถ้ามีการศึกษาขนาดนี้ มีโอกาศ ได้รับข้อมูลข่าวสารขนาดนี้

และมันยังไม่สามารถแยกแยะ ถูก ผิด ชอบ ชั่ว ดี ได้

อย่าอยู่เป็นคนต่อไปเลย....ไปตายซะ

ความเป็นกลางแบบนี้ แย่ยิ่งกว่าเลือกข้างซะอีก

-------------

อันนี้ความเห็นของผมเอง

คนกลุ่มหลังนี่ก็คงทำนอง ใครชนะก็เอาด้วยหมด
เหมือนในสงครามน่ะครับ จะมีพวกคุ้ยกองศพของทหารที่เพิ่งรบเสร็จ

เพื่อหาทรัพย์สมบัติติดตัวของทหารแต่ละศพ

Photobucket
โดย: บีแหลมสิงห์ (คนเล็กของเล่นใหญ่ ) วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:15:13:56 น.
  
สวัสดีครับคุณปอย
สำหรับคุณปอยแล้ว ชีวิต คืออะไรละครับ

โดย: nongmalakor วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:16:32:54 น.
  


สวัสดีค่ะ ปอเอากาแฟมาฝากคะ
คุณปอยสบายดีนะคะ ดูแลสุขภาพด้วยค่ะ งุงิ ^ ^
โดย: Butterflyblog วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:17:42:41 น.
  
สวัสดีค่ะคุณปอย
ไม่ได้มาคอมเม้นนานเหมือนกัน
มาดูๆอยู่ค่ะ...แต่ไม่ได้ล๊อกอิน
ช่วงที่ผ่านมารู้สึกอยากอยู่เงียบๆ
ไม่อยากทำอะไรเลย และมีบางเรื่องทำให้สบสนข้างในหัวใจนิดหน่อย
อื่ม....
คำตอบของชีวิตมันมี แต่หลายๆครั้งที่ยากในการกระทำ
อย่างเลือกทางเดิน บางทีบีก็ไม่รู้จะเลือกทางไหน
ก็เลยหมุ่นอยู่กับทีด้วยความมึนงงในคำตอบ
ค่ะ ไม่ง่ายและก็ไม่ยากในการใช้ชีวิต

บีมีสองอัลบั้มImagination's light กับ embracing the wind ของ kevin kern
วันฝนตกๆอากาศเย็นๆเเบบนี้นอนฟังไปดูฝนตกไป... อื่ม...

บีสบายดีค่ะ
เเต่ไม่ชอบฤดูหนาวเลย
มันทำให้เหงาๆยังไงไม่รู้

คุณปอยเองเป็นยังไงบ้างค่ะ
โดย: ท้องฟ้าเสียงเพลงทะเล วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:18:35:12 น.
  
ชิวิด เอม ครืออออ

พรี่ ดุ่บ ก้าบบบบบ

หาย จัย เข้า ก้อ ดุ่บ

หาย จัย ออก ก้อ ดั่บ

ตรด ออก ก้อ ดัง

ปู้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ดุ่บ

ก้าบบบบบบบบบ
โดย: dogamania วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:20:49:38 น.
  
nothingness
โดย: สาวลาว IP: 125.25.16.18 วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:22:31:43 น.
  
ชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นกันไป
ชวนดุ่บดั่บไปดิ้นดุ๊กดิ๊ก 555+

บางทีคิดๆ แล้วก็รู้สึกว่าชีวิตช่างว่างเปล่า
แต่อย่างน้อยฉันก็อิ่มใจว่า ในชีวิตฉัน
ฉันก็ได้รู้จักเธอ ..

มั่วไปนั่น ;p
โดย: กะต่าย IP: 58.9.140.59 วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:23:59:05 น.
  
คุณปอย โค้ดที่ทำในบล็อกนี้ทำยังไงหรือคะ

บอกมั่งๆ หลังไมค์ก็ได้ค่ะ
โดย: BeCoffee วันที่: 11 ตุลาคม 2551 เวลา:0:04:46 น.
  

ชีวิตคือ อะไร ..
คำถามที่คงไม่ต้องตอบล่ะมั้ง
เน๊อะ
นิยามใครก็นิยามใครน่ะแหละ ไม่ต้องสรุปหรอก

แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ
..

ว่าแต่ ยามนี้ที่เมืองนู้น โอเค อยู่นะ
โดย: inmemoir วันที่: 11 ตุลาคม 2551 เวลา:1:11:00 น.
  
เอม

ย่อง

ย่อง มา

คง ม่าย มี คัย เหน นา

แว้ว ก้อ

ตา โกน ดัง ดัง ก้าบบบ

วร่า

เอ่อ

วร่า

ห้าม บอก คัย นะ ก้าบ พี่ เนื้อ ขรู่

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โดย: dogamania วันที่: 11 ตุลาคม 2551 เวลา:2:06:13 น.
  
สวัสดีครับคุณปอย ไม่รู้ช่วงนี้คุณปอยกลับเมืองไทยหรือเปล่า อยากบอกว่า วันนี้เปิดมหกรรมหนังสือแห่งชาติ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
//www.thailandbookfair.com/bookexpo2008/index.php เห็นคุณปอยชอบอ่านหนังสือ เลยแวะเอาข่าวมาบอกครับ ยังไงก็ขอให้มีความสุขกับชีวิตนะครับ
โดย: nongmalakor วันที่: 11 ตุลาคม 2551 เวลา:9:23:10 น.
  
เป็นคำถามง่ายๆที่ตอบได้ยาก
เพราะแต่ละคน...ไม่เหมือนกันแน่นอน

^ _ ^
โดย: หมูปิ้งไม้ละ 5 บาท วันที่: 11 ตุลาคม 2551 เวลา:10:35:59 น.
  
เพราะชีวิตคือชีวิต..
โดย: อัสติสะ วันที่: 11 ตุลาคม 2551 เวลา:18:30:40 น.
  
โอ้โห ไอเดียลูกเล่นเจ๋งไปเลยค่ะคุณปอย
ชอบภาพการเลือก การเดินทาง และความหวังค่ะ ^^

สำหรับปุ๊กชีวิตคือการหาคำตอบอ่ะค่ะ
เพราะไม่รู้ถึงเกิดมา และเพราะยังไม่รู้อีกหลายๆ อย่างเราถึงไม่อยากตาย
ตราบใดที่ยังรู้สึกว่าอยากค้นหาคำตอบ ตราบนั้นก็ยังมีชีวิต

ยังมีอะไรให้อยากค้นหาจนถึงลมหายใจสุดท้ายเลย

แล้วสำหรับคุณปอยชีวิตคืออะไรคะ?

--------------------------------------------

คุยจากในบลอค
คุณปอยจะแพร่เชื้อไรคะ
ถ้าเป็นเชื้อความน่ารักนี่ขอรับเป็นพาหะต่อด้วยความยินดี อิอิ

เรื่องดวงปุ๊กดูกะพี่ที่ทำงานค่ะ เค้าไม่ได้ดูเป็นอาชีพอะไรแต่ดูได้ พวกน้องๆก็เลยเข้าแถวไปดูกะเค้าตอนพักจากงาน ปุ๊กก็ด้วย อิอิ

แต่ก่อนก็เป็นเหมือนกันนะคะ พอเค้าว่าแม่นก็อยากไป พอไปแล้วมันไม่ตรงเลยอ่ะค่ะ ขนาดนิสัยปุ๊กยังบอกได้ไม่ตรงเลย หลังจากนั้นเลยชอบดูพวกทำนายทายนิสัยอะไรเล่นๆ ขำๆ มากกว่า ไม่เสียตังค์ให้หมอดูล้ะค่ะ ขนาดว่าสุดท้ายเจอที่แม่นๆ ก็เหมือนที่คุณปอยบอกนะว่ามันเป็นสิ่งที่เราเองก็รู้อยู่แล้ว สรุปเชื่อตัวเองดีกว่าเนาะ ^^

คุณปอยหายๆไปแล้วก็อย่าลืมกลับมาไวๆนะคะ เดี๋ยวคิดถึงนานเกินไป เหงาแย่เลย :D
โดย: Hobbit วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:1:44:26 น.
  
ชีวิต
คือ
ชีวิต



โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:8:16:57 น.
  
เป็นวิธีการอัพบล็อกและแทรกภาพถ่ายที่น่ารัก ช่างคิด และชวนค้นหามากเลยครับ
เพิ่งรู้ว่าบล็อกแก๊งค์ของเราทำแบบนี้ได้ด้วย 555+ (หรูล้ำมากไปแล้ว)

ชีวิตคืออะไร + อะไรคือชีวิต...อ่า เรื่องปรัชญานี่ผมมืดมอดเอามากๆเสียด้วย
จะตอบจะถกเถียงคงไมไหว แต่หากเอาแค่ในคำจำกัดความของผมเอง
คำว่าชีวิตไม่ใช่สิ่งที่เราต้องไปค้นหาความหมายของมันหรอกครับ
การไปเสียเวลาค้นหาหรือตีความชีวิต ถือเป็นการเสียเวลาในชีวิตเอามากๆ
(เหมือนเราเกิดมาเป็นผู้ชายแล้วพยายามมานั่งตีความว่าผู้ชายคืออะไรนั่นแหละ)

การเอาตัวรอดและบริการมัน(ชีวิต)ให้เกิดความสุขในทุกวินาทีปัจจุบันต่างหากที่น่าค้นหามากกว่า
ณ วินาทีนี้ผมเองถือกำลังล้มเหลวกับการค้นหาที่ว่าครับ 555+
เพราะผมมันเป็นพวกเชี่ยวชาญการก่อสร้าง พบเจอ และเก็บกักความทุกข์
และมีความสามรรถในการบริหารให้มันทุกข์ต่อเนื่องได้อย่างต่อเนื่องเสียด้วย 555+

อะไรคือชีวิต...ถ้าชีวิตพูดได้มันคงจะตอบคำถามนี้ด้วยคำถามอีกทบนึงว่า “แล้วจะรู้ไปทำไม”
คำถามที่ชีวิตถามผมว่าน่าสนใจกว่านะ ว่ามนุษย์จะตอบที่มาของความอยากรู้ของเราเองได้ไหม ^^

ปล
ชอบภาพชีวิตคือการค้นหา(หรือภาพมดแดงหลงทาง 555+)มากๆ
เพราะมันไม่ชัดเจนแบบเรียบๆ(แบบมองแล้วรู้เลย) แต่ชัดเจนทางความคิดเอามากๆ
(คือดูแล้วต้องคิดตามก่อนอะถึงจะเข้าใจ ไม่ดูถูกคนดูภาพดี)
(ผมเองก็ดูภาพไมเก่งหรอกครับ ภาพไหนดูแล้วไม่เข้าใจจะถามเอาทีหลังนะ 555+)
โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:18:35:20 น.
  
ใช่ค่ะ ชีวิตถ้าหาคำตอบได้ง่ายๆมันก้อไม่หนุกน่ะสิ

สำหรับเพียง ชีวิตคือการเดินทางค่ะ
อาจจะได้เจอใครบางคนแล้วก้อร่วมเดินทางไปด้วยกัน
หรือพบแค่เพียงผ่าน ก็มีเยอะแยะไป
แล้วระหว่างการเดินทางก้อได้เจออะไรใหม่ๆ หรืออาจจะเจออะไรเก่าๆก้อได้
มีอะไรให้แก้ไขตลอดเวลา อะไรที่ผ่านไปก้อเป็นอดีต เก็บไว้เปนบทเรียนสำหรับปัจจุบันและอนาคต

ไม่รุ้ว่าจะคิดอะไรลึกซึ้งได้กว่านี้อีกแล้วอ่ะค่ะ
รุ้แต่ว่าชีวิตตอนนี้มีความสุขดี และถ้ามีไรไม่ดีเข้ามาก้อต้องหาทางผ่านมันไปให้ได้ แค่นี้ล่ะค่ะ

ขอโทษที่หายไปนานเลยนะคะ ตอนนี้อั๊พบล๊อกใหม่แร้ววววว เอากล้องคู่ใจตัวใหม่ไปเดินเล่นที่ลอนดอนมานิดๆหน่อยๆค่ะ ไว้ว่างๆจะเอาแบบเต็มรูปแบบเลยทีเดียว
โดย: PPpIRCU วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:19:30:34 น.
  
ที่ ร้ากกกกกกกกกกกกกกก

อาว รูป ลูก ของ เรา

มา หั้ย ชาว บ้าน

ที่ บลอก ของ เอม ดู เหยอ จ้า

ฮิฮิฮิ

ว่า จา ปิด ข่าว ซ้า หน่อย

แหม พรี่ ดุ่บ ก้อ

กัว คน มา จีบ เอม เหยอ ก้าบ

หนุ่ม

กา โหลก หนา

โคงส้างดี

ขน แน่น

4ขา แต่ ยัง ยก ขา ฉี่ ม่าย ค่อง

แบบ ป๋ม

สาว ที่ หนาย ก้อ กีสสสสสสสสสสสสสสส

เอม ชิน แว้ว ก้าบบบบบบบ

อืมมมมมมมมมมมมมมมมม

แต่ ยาง งาย นะ ก้าบ

กร้ออออออออออออออออ

กร้อออออออ

เอ่อ

ครืออออออออออออออ

ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

วัก

วัก พรี่ เนื่อ ขรู่ คน เดียว ก้าบบบบบบ

โอยยยยยยย

ลูก เรา ร้อง แว้ววววววววววว

เด๋ว ป้อ เอม ปาย ชง นม ก่อน ก้าบ

ปล

ตอน พรี่ ดุ่บ ปาย บิน

เอม พา ลูก ปาย ขรี้

ที่ สวน ของ มี้ แว้ว ก้าบบบบบบบบ
โดย: dogamania วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:20:41:17 น.
  
ชอบที่บอกว่าชีวิตคือความสงบที่ปลายทางครับ

ภาพสวยมาก และไอเดียคลิกเปิดรูปก็แจ่มไปเลยครับ
เยี่ยมครับ
โดย: Dr.Manta วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:22:45:18 น.
  
ก่อนอื่นต้องขอชมในความช่างคิดของคุณนะฮะ

แหม...คิดได้ยังไง ไฮโซจริงเชียว 555



ส่วนในเรื่องของชีวิต จำได้ว่าผมเคยเขียนบ่นๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้ว ว่าชีวิตคืออะไร

สำหรับคำตอยของผมน่ะหรือ ชีวิตมันก็ไม่คืออะไรหรอกฮะ มันก็คือชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไป ผมไม่ค่อยที่จะสนใจในการค้นหาว่าชีวิตคืออะไรมากนัก แต่ผมมักบอกตัวเองอยู่เสมอว่า ชีวิตเราต้องการอะไร และก็ดำเนินไปในสิ่งที่ราต้องการ น่าจะดีกว่า...


หรือเปล่า...


เนาะ ^ ^
โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 124.121.128.55 วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:0:07:37 น.
  
ชี วิด

ครืออออออออออออคลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

โดย: dogamania วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:4:08:42 น.
  
ร้ากกกกกกกกกกก

พรี่ ดุ่บ นา ก้าบบบบบบบบบบ
โดย: dogamania วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:4:10:50 น.
  
จริงอย่างที่ว่าฮะ...บางทีแค่อยากรู้ว่าชีวิตต้องการอะไร ยังไม่รู้เลย...

แต่ก็มีอีกบางกรณีคือรู้ว่าชีวิตต้องการอะไร...
แต่ก็ไม่สามารถกระทำในสิ่งที่ต้องการได้
อย่างนี้น่าอึดอัดกว่าหรือเปล่า...

ชีวิตไม่ง่ายเหมือนบะหมี่สำเร็จรูปจริงๆด้วย




แต่อย่างไรก็แล้วแต่...ผมว่าเรายังสามารถทำให้ชีวิตมีความสุขได้ล่ะเนาะ


ขอให้มีความสุขกับชีวิตเยอะๆนะฮะ...



ส่วนเรื่องร้านกาแฟ คุณปอยจะเป็นแค่คนอุดหนุนเองหรือฮะ นึกว่าอยากจะมาเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านเสียอีก...อิอิ

^ ^
โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 58.181.141.208 วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:7:09:49 น.
  
ชอบรูปแบบ Blog วันนี้จัง..

ที่สำคัญบังมีรูปแหล่มๆซ่อนอยู่อีกด้วย
มาเยี่ยมแล้วพาได้คิดเรื่องชีวิตคืออะไรด้วย..

ชีวิตเนี่ย..มันมีอะไรให้ค้นหาคำตอบเยอะเลยเนอะ..
อยากรู้ว่าเราทำให้มันค้นหายาก หรือ จริงๆมันค้นหายากเองเนอะ

น้อยปอยมีความสุขมากๆนะครับ..
ถ้าเกิดมี Flight ไปลอนดอนช่วง อาทิตย์สิ้นเดือนเราไปหาอะไรกินกันเปล่า
โดย: Little Knight วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:8:00:13 น.
  
นั่นน่ะสิ มันต้องลุยๆ ท้าทายกันหน่อย



ยิ่งสาหัส ยิ่งยากๆ ยิ่งชอบเลยชิมิฮะ


ส่วนเรื่องนั้น ผมถือว่าคุณพูดออกมาแล้วนะ

ห้ามคืนคำด้วย
โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 58.181.141.208 วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:12:04:15 น.
  
มาเจอด้วยข้อความและคำถามปรัชญา
ที่เหมือนจะตอบได้ง่ายๆ แต่ว่าก็ไม่ได้คิดออกมา
เป็นข้อๆ ได้เหมือนคำตอบข้อสอบอ่ะจ้ะ ..

ชีวิตคืออะไร .. นั่งคิดแล้ว ประมวลได้ว่า

"ชีวิตคือชีวิต ที่เราไม่สามารถให้เหตุผลได้"
กระมัง ... เหมือนจะเป็นคำตอบกวนๆ แต่ว่า
มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะค่ะ ...

ไมว่าจะสุข จะทุกข์ เวลาเราจนด้วยปัญญา
ตอบไม่ได้ว่าทำไมมันต้องเกิดกับเรา คำตอบและ
ประโยคที่คิดถึงบ่อยๆ เลยก็คือ ...

It's Life และต่ออีกหน่อยน๊าว่า Life is suck !!!

แบบนี้ล่ะคะ ชีวิก กำหนดไม่ได้ให้สวยหรู
ก็เพราะมันเป็นแบบนี้ล่ะคะด้วยรูปแบบของมัน
เราเองเท่านั้นล่ะคะ จะ suck กับความสุข หรือว่าทุกข์
นานๆ เราเองต้องตัดสินใจค่ะ ...


..........

กลับมาแล้วคะ หลังจากหายไปแบบ
ไม่เป็นทางการ 4 วัน อ่านหนังสือหมดไป 1 ตั้ง
แล้วก็ได้ทำอะไรอย่างที่ไม่ได้ซ้ำซากกับบล็อก
แต่สารภาพว่าเบื่อค่ะ อยากเข้ามาแวะอ่าน
อะไรดีๆ อย่างน้อยๆ ก็เหมือนว่าเราไม่ได้ห่างหาย
จากเพื่อนไปนานคะ ...

4 วันเองนะเนี่ย พูดเหมือนตั้ง 4 ปีแน่ะ
โดย: JewNid วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:18:40:25 น.
  
คนรักหนังสือ ไม่ว่าอยู่ไหนก็ต้องหาเอามาอ่านให้ได้ละครับ ตอนนี้ที่คูเวตเป็นไงบ้างครับ
โดย: nongmalakor วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:19:19:24 น.
  




35 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516
ขอร่วมไว้อาลัยวีรชน มา ณ โอกาส นี้
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:22:48:57 น.
  
สวัสดีครับน้องปอย


ลืมชมอ่ะ
ว่าไอเดียการทำบล้อกแบบนี้

เจ๋งเป็นบ้าเลยครับ





ท่าทางจะทำยากนะครับ 55555
พี่ก๋าคงไม่สามารถ 5555





พี่ก๋าได้รับโปสการ์ดน่ารักแล้วนะครับ
น้องปอยรอรับหมื่นตาด้วยนะ
คิดว่าสองสามวันเค้าคงเดินทางไปถึงกรุงเทพ
ด้วยไปรษณีย์ไทยครับ






โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:6:35:37 น.
  
ภาพเขียนพี่ก๋าไม่เคยมีหลักวิชาใดใดในนั้นเลยครับ
มีแต่ความอยากวาด
และวาดด้วยใจ

อิอิอิ


โปสการ์ดของน้องปอย
พี่ก๋าก็เชื่อว่านอกจากมันจะวาดขึ้นด้วยมือ
แล้วก็ยังวาดด้วยความรู้สึกดีดีอีกด้วย


นี่แหละครับ
ความ "น่ารัก" อยู่ตรงนี้


โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:8:10:31 น.
  
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

Art ตัว พร่อ

อาว รูป ลู่ก สาว เรา มา หั้ย ดู ก้าบ

แรก แรก มัน เปน เดก ชาย น่า ตี๋

ทาม มาย

เลี้ยง ปาย เลี้ยง มา

มาน กาย เปน เดก หยิ๋ง น่า ฟ้า หรั่ง

ด้าย ก้อ ม่าย ลู้ ก้าบ
อิอิอิ

ลู่ก เรา

โต ขึ้น

คง น่า เหมือน พรี่ ดุ่บ

แต่ หุ่น เปน เอม ก้าบบบบ
มี้ บอกว่า

จา ถ่าย ทอด พา ลัง ยุด

ยก ขา ฉี่ ก่ะ วิชา

นางงง มาน ปาก ม๋า
หั้ย ลู่กเรา ด้วย ก้าบ
โอวววววว

ท่า หั้ย มี้ เอม เลี้ยง ลู่ก เรา

คง อัน ตา ราย ก้าบ

ส่ง เลี้ยง เช้า

บ่าย กับ มา

จา ครบ 32 มั้ย เนี่ย

ฮู้ ยะ หิ้วววววววววววววววววววววววว

วัน นี้ พรี่ เอา ลูก ปาย เลี้ยง

เอม ออก ซิ่ง ดี ก่า

เอม ว่า จา ปาย ยก ขา ฉี่ ใส่ รด ข้าง บ้าน ก้าบ

55555555555555555

ยก ขา ฉี่ ปาย

คิด ถุง พรี่ ดุ่บ ปายยยยย

โม แลน ติก ฉุด ฉุด เยยยยย ก้าบบบบบบบบบ

จูฟฟฟฟฟฟ อาร์ต ตัว แม่

จูฟฟฟฟฟฟ อาร์ต ตัว ลู่ก ด้วย ก้าบ
โดย: dogamania วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:8:33:11 น.
  
ใช่ค่ะ วันที่ไปตอนเช้าแดดเปรี้ยงมาก ยังคิดเลยว่าทำไมแดดที่นี่แรงกว่าที่บ้านเรานะ พอตอนบ่ายเท่านั้น ฝนมาจากไหนไม่รู้ ไม่ทันตั้งตัวเลย คงจะเหมือนกับชีวิตของคนเราที่อาจจะเจออะไร ๆ ที่ไม่ได้คาดหวังผ่านเข้ามา แต่ชีวิตก็ยังดำเนินต่อไป

โดย: ตะไคร้หอม วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:8:47:44 น.
  
โอ๊ยยย ผมออกตัวล้อฟรีมานานแล้วนะเนี่ย




อิอิ
โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 58.181.141.208 วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:12:16:52 น.
  
สวัสดีจ้าหนูปอย
ช่วงนี้พี่นิดยุ่งค่ะ ไม่ค่อยได้เข้าบล็อค

ส่วนพี่ม๊า..ก็มีเรื่องวุ่น ๆ ค่ะ
พอดีช่วงนี้พ่อแม่ของพี่ม๊าไม่สบาย
ต้องไปตจว.หลายวันค่ะ...
โดย: ชีวิตมีลีลา วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:13:33:03 น.
  
นั่นซิ "ชีวิต คือ อะไร"

ขอบคุณที่แวะไปที่บล๊อกค่ะ
โดย: C&C_BamBoo วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:15:13:39 น.
  
เจ๋งมากเลยค่ะ ชอบ

ชีวิตคือ ทุกๆอย่างจริงๆ
โดย: akarima วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:19:41:24 น.
  
แวะมาทักทาย คุณปอย รู้ยังครับ ชีวิตคืออะไร
โดย: nongmalakor วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:19:50:33 น.
  


สวัสดีค่ะคุณปอย

เอากาแฟเย็นมาฝากค่ะ

คิดถึงคุณปอยจัง งุงิ ^ ^
โดย: Butterflyblog วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:20:08:34 น.
  
สำหรับฉันแล้ว....

ฉันขอเลือก..ชีวิตคือความสงบ ที่ปลายทาง
...ทุกวันนี้ชีวิตที่ต้องอยู่แดนไกล
...บางครั้งเปล่าเปลี่ยวและอ้างว้าง
...แต่เพื่อภาระและความรับผิดชอบ
...ทำให้ฉันหยุดไม่ได้
...แต่ ณ วันหนึ่ง ที่ใจฉันสงบพอ
.......ฉันจะไม่ดิ้นรน แต่ขออยู่ ณ ที่ที่ใจ ฉันใฝ่หา

....มารายงานตัวแล้วนะ น้องปอย
แบบว่าแอบหนีดูไบ ไปวิดน้ำที่เมืองไทย
เพราะว่า ที่บ้านน้ำท่วม...
ตอนนี้ก็ต้องมาหัวฟูเหมือนเดิมแล้ว

ไม่เจอกันตั้งนาน รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ

โดย: เด็กโคราช ณ ดูไบ (meephrom ) วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:20:36:28 น.
  
ขีวิตคือชีวิตง่ะ คำนิยามเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ บางทีก็ว่างเปล่า บางทีก็วุ่นวาย บางทีก็สับสน บางทีก็สุขสม ทุกย่างก้าว ผ่านการตัดสินใจ ปล่อยวาง ต้องใช้ความเด็ดขาด ใจเย็น อดทน เฝ้ารอ บางขณะเรียกรอยยิ้ม บางขณะเรียกน้ำตา

คุณปอยเป็นจั๋งไส๋ ข้อยสบายดี แต่ยุ่งชะมัดเลย คิดถึงจิ้งจก เอ้ย คุณปอยนะเนี่ย
โดย: veeda วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:21:39:01 น.
  
คุณปอยคะ กลับมาแล้วค่ะ
กลับมาพร้อมความคิดถึง อิอิ

เอ สรุปว่าในบล็อก ก็แค่เหงา อ้อนทายปริศนาไม่ออกสินะคะ
อายจังเลย เดี๋ยวขอกลับไปดูเพื่อแก้ตัวใหม่นะคะ

หนังสือสองเงาในเกาหลีเป็นของคุณหนึ่งในชาวโลกค่ะ
พอดีเธอก็ปิดบล็อกไปเสียแล้ว ยังไงลองสอบถามไปทางอีเมลดูนะคะ
แต่ถ้าให้เดาคิดว่ายังไงคุณหนึ่งก็คงไม่อยากได้คืน
เห็นเคยบอกว่าให้ใครอ่านต่อก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นคนในบล็อกหน่ะค่ะ
แต่อยากให้มีคนอ่านมากๆ ประมาณนี้

คุณปอยคะ อ้อนมาสารภาพผิดค่ะ
ทำที่อยู่คุณปอยหายไปไหนไม่ทราบ รบกวนบอกอ้อนใหม่ทางหลังไมค์ได้ไหมคะ
ตั้งใจว่าจะส่งหนังสือของคาโอริส่องเล่มคืนให้หน่ะค่ะ

ดีใจที่เห็นคุณปอยกลับมาเม้นท์บล็อกอีกนะคะ คิดถึงๆ
โดย: BeCoffee วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:22:19:03 น.
  
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

เราดันคิดไปว่า
ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยาชูกำลัง
ป๊าดโถ่...คิดไปได้เรา
ถ้างั้นหลับฝันดีจ้า
แวะมาทักทายยามดึกๆ
โดย: อุ้มสี วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:0:57:43 น.
  
ดีจ้าน้อยปอย ...

รึว่าบ่นกับเน็ตมากก็ไม่รู้อ่ะคะ เน็ตมันแรงกว่าปกติ
ขนาดว่า รร. ยังไม่เปิดเทอมนะคะเนี่ย แบบว่าฉิวเป็น
บางเวลาเชียว อ่ะ ไมได้สิ เน็ตเร็ว แรง ไม่บ่น
แต่ว่าชม ... (ต้องรีบบอกก่อน เดี๋ยวเค้าหาว่าเราบ่น
แล้วความแรงกลับมาเป็นปกติแล้วแย่เลย)


เรื่องอ่านหนังสือ เมื่อวานนี้ทั้งวันก็ไม่ได้อ่านหนังสือ
เลยอ่ะคะ เพราะว่ามัวแต่จัดการธุระอยู่ ก็เลยแบบว่า
วางเรื่องหนังสือไปก่อน เอาเน็ตก่อน แล้วก็อีกวันสองวัน
พอดีเรื่องบ้านไม่แล้วเสร็จหรอก แต่ว่าจะย้ายบ้าน
เช่าล่ะ จากที่อยู่เดิมตอนนี้อยู่ต้นทางของหมู่บ้าน
ตอนนี้ต้องย้ายไปท้ายซอยของหมู่บ้าน อากาศดีกว่า
เพราะว่าที่นั่นมีแอร์ เรียกว่าสบาย ๆน่ะคะ เลยแบบว่า
ช่วงนี้ว่างๆ ก็ต้องเก็บของย้ายบ้านก่อน เรียกว่า
ช่วงนี้มีอะไรทำเรือ่ยเปื่อยเลยล่ะคะ ... ก็สบายดีนะ
เพราะว่าไม่น่าเบื่อดีน่ะค่ะ



................

สำหรับเรื่อง resolution ของหน้าคอม มันก็คือ
การปรับความคมชัดของหน้าจอของเราน่ะคะ
ซึ่งตรงนี้ขนาดของจอมันสัมพันธ์กับการปรับความคมชัด
ของมอนิเตอร์ด้วย และก็แน่นอนว่า มันก็เหมือนกับ
เป็นการปรับความกว้างของบล็อกเรานั่นล่ะค่ะ
เพราะว่าบางทีแต่งบล็อกเราก็แต่เอาใจคอมเราเอง
แต่ว่าสว่นมาก ถ้าจะเป็นคอมคนอื่น เค้าอาจจะเห็นว่า
รูปร่างบล็อกมันจะยืด เรียกว่ากว้างกว่าจอคอมของเค้า
เวลาดูภาพ ดูบล็อกก็ต้องเลื่อน scroll เอาน่ะคะ ซึ่งอันนี้
บางทีจะดูไม่สวยเพราะมันเหมือนทำให้บล็อกยืด
พี่เลยต้องเขียนกำกับไปว่า บล็อกของพี่เองนั้นปรับ
ความคมชัดและความกว้างที่เหมาะสมเอาไว้เท่าไหร่น่ะคะ


ส่วนเรื่องของการปรับ resolution ของคอมนั้น น้องปอย
สามารถปรับโดยการคลิกขวา เวลาที่หน้าจอคอม
เราว่าแบบไม่ได้เปิดหน้าเวปอะไรไว้นะคะ แล้วก็เลือกตัวสุดท้าย
คือ properties แล้วก็เลือกตัวเลือกสุดท้ายคือ การตั้งค่า
หรือ settings คะ

คลิกเข้าไปแล้วจะเห็นตัว Screen resolutin น่ะคะ
ตรงนี้น้องปอยสามารถเลื่อนตรง less - more ได้ว่าจะเอา
ขนาดไหน ลองเลือกเล่นๆ ดูก็ได้ค่ะ แล้วก็เปลี่ยนที
ก็คลิกตรง ok ดู แบบว่าเลือกเพื่อจะดูความละเอียดของ
จอคอมของเรา ว่ามันเหมาะกับขนาดไหน จริงๆ
เลือกให้มันเหมาะกับสายตาเรานั่นล่ะค่ะพี่ว่านะ
เพราะบางทีเปลี่ยนแล้วตัวฟ้อนของทั้งหน้ามันเปลี่ยนไป
แบบว่าพอเลือกขนาดไหน ก็ลองเปิดตัวหน้าบล็อก
หรือว่าเวปไหนก็ได้อ่ะคะ ลองดู ไม่พอใจเปลี่ยนกลับ
คืนได้ตลอดเวลาน่ะคะ ...
โดย: JewNid วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:5:31:43 น.
  
สวัสดีครับ

หายหน้าไปนานครับ แบบว่าไม่กล้าสู้หน้าชาวบ้าน
เพราะไม่ค่อยได้อัพบล็อก
สบายดีนะครับ ชีวิตมันก็คือ.....นั่นแหละ

วันนี้เอาความเป็นจริงของบ้านเรามาฝาก
มากกว่าครึ่งประเทศมีสภาพแบบนี้

มีแต่รอยยิ้มของเด็กเท่านั้นที่ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อไป
โดย: นกหรรษา วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:12:19:15 น.
  
หวัดีดุ๊บดุ่บ ดุ๊บดั่บ หวัดดีดุ๊บดั่บ ๆๆๆๆๆๆๆ อิอิ
โดย: อืม...ครับ เชิญตามสบาย วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:13:01:27 น.
  
แอบเข้ามาดูชีวิตคุณปอย อิอิ สบายดีนะครับ
โดย: nongmalakor วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:17:00:16 น.
  
test

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket
โดย: Gold Dicker (คนเล็กของเล่นใหญ่ ) วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:21:03:08 น.
  
ไทยรบกับเขมร(หรือยัง) ขอเอาข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องการมาแสดงให้เห็นขอรับ

มันมีความเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้งมากๆ เกี่ยวกับเขาพระวิหาร - เกาะกูด - แนวเขตแดนจากบันทึกของฝรั่งเศสและสยาม - สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ - และเป้าหมายสุดท้ายก็คือแหล่งพลังงานธรรมชาติในอ่าวไทย (เป็นหนึ่งในสองเป้าหมายหลักสุดท้ายของตัวละครหลัก อีกเป้าหมายคือความเกี่ยวพันกับเรื่องละเอียดอ่อนที่สุดของคนไทย)

ขอเริ่มที่อาเจ๊ะห์ อเมริกา และติมอร์ตะวันออกก่อนนะครับ เพราะมีความเกี่ยวข้องกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

เครดิตข้อมูล

อ้างอิงจากบทความของคุณ บัณรส บัวคลี่ บล๊อกโอเคเนชั่น 24 กันยายน 2551


-----------------------------

ติมอร์ตะวันออก – เอกราชแต่ในนาม – และการรุมทึ้งของมหาอำนาจใส่สูท

@ ความทารุณโหดร้าย ของศตวรรษที่ 21 ไม่ใช่ การส่งทหารไปกดหัว ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
@ แต่เป็นการปล้น จนไม่เหลือซาก ในนามของการค้าเสรี และ การดำเนินงานเพื่อสิทธิมนุษยชน
@ นอกจากเอกราชปลอมๆ แล้ว ชาวติมอร์ ไม่ได้อะไรเลยจากการปลดแอกจากอินโดนีเซีย
@ อเมริกา /ออสเตรเลียคือผู้อยู่เบื้องหลังการบุกติมอร์ของอินโดนีเซีย และหักหลังอินโดนีเซียให้ติมอร์ประกาศเอกราช

เกริ่นนำ

สถาบันข่าวอิสรา มีรายงานเรื่อง “สถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ : บันได 7 ขั้น ตั้งรัฐปัตตานี” เมื่อ วันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2007 อ้างคำสัมภาษณ์ พล.อ.กิตติ รัตนฉายา ว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงพบเอกสารของผู้ที่เชื่อว่าเป็นแกนนำของแนวร่วมก่อความไม่สงบ นอกจากนั้นยังได้เปรียบเทียบแนวทางการต่อสู้ในพท.ภาคใต้กับการต่อสู้ในอาเจ๊ะห์ และ ติมอร์ตะวันออก เพื่อให้เห็นถึงความต่างและความ เหมือนของแนวทางการต่อสู้ที่ดำเนินการอยู่ในพท.ภาคใต้ตอนใต้สุดในขณะนี้

โดยสรุปความแนวทางการต่อสู้ของอาเจ๊ะห์ ว่า

1. การใช้เงื่อนไขปัญหาทางประวัติศาสตร์การปกครองชี้นำแนวคิดประชาชนเช่น ชี้ว่าอาเจ๊ะห์เป็นศูนย์กลางการเผยแพร่ศาสนาอิสลามในแหลมมลายูมาแต่อดีต หลักฐานที่ปรากฏคือ มหาสุเหร่า (BIG MOSQUE) รวมถึงความภูมิใจว่า ชาวอาเจ๊ะห์ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร
2. ยึดถือเจตนารมณ์การแบ่งแยกดินแดนมีการสืบทอด รักษา ดำเนินการมาโดยต่อเนื่อง
3. ใช้องค์การศาสนา กลุ่มประเทศอิสลาม ส่งเงินสนับสนุนการดำเนินการของขบวนการแบ่งแยกดินแดนอาเจ๊ะห์
4. รัฐบาลอินโดนีเซียได้นำความผิดพลาดในการแก้ปัญหาติมอร์ฯ มาเป็นบทเรียนในการแก้ปัญหาอาเจ๊ะห์ ทำให้การดำเนินการของขบวนการแบ่งแยกดินแดนประสบความยากลำบาก
5. การดำเนินการของขบวนการฯในอาเจ๊ะห์ใช้หลักการปฏิบัติในลักษณะกองโจร/การก่อการร้ายเพื่อสร้างสถานการณ์ที่เกื้อกูล เอื้ออำนวยต่อการดำเนินการทางการเมืองในเชิงรุก
6. ความขัดแย้งระหว่างทหาร – ตำรวจของรัฐ รวมถึงจุดอ่อนการเมืองระดับท้องถิ่นจนถึงระดับชาติ เกื้อกูลต่อการแบ่งแยกดินแดน
7. การสร้างความขัดแย้งกระทบกระทั่งระหว่างกำลังเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนเช่นเดียวกับสถานการณ์ในติมอร์ฯ ประสบความสำเร็จมากขึ้นเป็นลำดับมีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์อาเจ๊ะห์ในปี 2542 จำนวน 300 คน ในปี 2543 จำนวน 1,000 คน และปี 2544 จำนวน 1,500 คน ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นประชาชนทั่วไป
8. การดึงประชาคมนานาชาติมาแก้ไขปัญหาในอาเจ๊ะห์ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น โดยมีการชี้ให้นานาชาติเห็นถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามจับกุมฝ่ายแบ่งแยกดินแดน

ในส่วนของติมอร์ตะวันออก ได้สรุปแนวทางการต่อสู้ดังนี้

1.การใช้เงื่อนไขปัญหาทางประวัติศาสตร์ปกครองชี้นำแนวคิดประชาชน

2.ประชาชนของติมอร์ฯ นับถือศาสนาคริสต์ เป็นเงื่อนไขสำคัญประการหนึ่งในการพยายามแบ่งดินแดน รวมทั้งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ได้รับการสนับสนุนขององค์การ , ชาติตะวันตก

3.เจตนารมณ์ในการแบ่งแยกดินแดน มีการสืบทอดรักษาเจตนารมณ์มาโดยต่อเนื่อง แต่ความรุนแรงของการดำเนินการขึ้นกับปัจจัยสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย

4.ผู้นำองค์การ/ขบวนการแบ่งแยกดินแดนของติมอร์ฯ จะอาศัยอยู่ในต่างประเทศเพื่อบงการการเคลื่อนไหวของขบวนการ

5.องค์การด้านสิทธิมนุษยชน/สื่อมวลชนมีบทบาทสำคัญในการตีแผ่ความไม่ชอบธรรมในการปกครองติมอร์ฯ ของรัฐบาลอินโดนีเซีย

6.ปัญหาความผิดพลาดในการแก้ปัญหาของรัฐบาล เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ติมอร์ฯ สามารถแยกตัวได้สำเร็จ

7.ความสำเร็จของการตั้งประเทศติมอร์ฯ มิได้ใช้การปฏิบัติการในลักษณะกองโจร หรือการก่อการร้ายเป็นการดำเนินการหลัก แต่เป็นการดำเนินการเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เกื้อกูลด้วยการดำเนินการด้านการเมือง

8.ความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะทหาร – ตำรวจ เป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้การดำเนินการแบ่งแยกดินแดนประสบความสำเร็จ

9.การสร้างสถานการณ์ร้ายทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทบกระทั่งกับประชาชนเป็นแนวทางปฏิบัติหลักของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนติมอร์

10.การดำเนินการด้านการต่างประเทศของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนสามารถกระทำอย่างได้ผลในการดึงนานาชาติเข้ามาแก้ไขปัญหา

…………..

แท้จริงแล้ว ขบวนการแบ่งแยกดินแดนในอินโดนีเซีย ทั้งในอาเจะห์ และในติมอร์ตะวันออก มีปัจจัยเกี่ยวข้องอีกหลายประการที่ไม่ได้ถูกระบุในรายงานชิ้นดังกล่าว

การแบ่งแยกดินแดนใน 3 จังหวัดภาคใต้ มีทั้งส่วนคล้าย และส่วนต่างจากในประเทศอินโดนีเซีย

ปัจจัยสำคัญที่รายงานดังกล่าวไม่ได้นำมาพิจารณาร่วมคือ บทบาทของต่างประเทศ โดยเฉพาะมหาอำนาจ รวมถึงมิติของผลประโยชน์ระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคของติมอร์ตะวันออก

หากมีการเปรียบเทียบ กรณี 3 จังหวัดภาคใต้ กับเหตุการณ์ในอินโดนีเซีย สิ่งที่ต้องพิจารณาประกอบอย่างยิ่งคือ บทบาทของมหาอำนาจและผลประโยชน์ที่มหาอำนาจได้รับ ทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ

หากมองในมิตินี้ ข้อความที่ว่า “การดำเนินการของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนกระทำอย่างได้ผลจนทำให้สามารถดึงองค์กรนานาชาติเข้ามา” - - นั้นไม่จริง”....เพราะแท้จริงแล้ว มหาอำนาจต่างหาก ที่เป็นฝ่ายกำหนด

ปัจจัยสำคัญที่ติมอร์ตะวันออก แยกจากอินโดนีเซีย คือ ผลประโยชน์ของมหาอำนาจ แต่สำหรับเหตุการณ์ภาคใต้ของประเทศไทย นั้นเวลานี้เงื่อนไขปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ส่วนใหญ่คล้ายกับกรณีติมอร์ตะวันออกอย่างยิ่ง

การพยายามของประเทศที่สาม ลากประเทศไทยเข้าสู่โต๊ะเจรจามากกว่า 2 ฝ่าย เป็นแนวทางเดียวกับกรณีติมอร์ตะวันออกอย่างชวนคิด !!!

ฐานคิด
การแบ่งพื้นที่เกาะติมอร์ เป็น ติมอร์ตะวันออก(โปรตุเกส) และ ตะวันตก(เนเธอร์แลนด์) เกิดในยุคอาณานิคมหลังศตวรรษที่ 16 อาณาเขตดังกล่าวเป็นไปเช่นเดียวกับประเทศในโลกที่ 3 อื่นๆ คือ เมื่อได้รับอิสรภาพหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็มักจะยึดอาณาเขตเป็นประเทศอิสระ ตามแนวเขตเดิมที่มหาอำนาจอาณานิคมกำหนดไว้

สำหรับอินโดนีเซีย พื้นที่ส่วนใหญ่ในเกาะชวา สุลาเวสี สุมาตรา และหมู่เกาะอื่นๆ ตกเป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ ดังนั้นจึงถูกกำหนดให้แยกอาณาเขตกับ ติมอร์ตะวันออก มาตั้งแต่ครั้งได้รับอิสรภาพ เพราะโปรตุเกสยังไม่ยอมปล่อยมือจากติมอร์ตะวันออก

ฐานคิดที่โลกเกือบทั้งใบ ในนามของ U.N. ยึดถือ มองว่า ติมอร์ตะวันออกเป็นประเทศเอกราช หลังโปรตุเกสวางมือ

ขณะที่มองจากมุมของอินโดนีเซีย ถือว่า ประวัติศาสตร์ยุคก่อนอาณานิคมนับจากศตวรรษที่ 14 ควรจะผนวกพื้นที่เกาะติมอร์เข้าในอำนาจของอาณาจักรชวาด้วย

แท้ที่จริงแล้ว อาณาเขตที่ชาวติมอร์ตะวันออกยึดครองอยู่นี้ จะเป็นเช่นไร (อิสระหรืออยู่ใต้อาณัติใคร) ควรจะเป็นเพราะคนติมอร์กำหนด เป็นเบื้องแรก

หรือหากจะมีผู้ประกาศสิทธิ์เหนือพื้นที่ดังกล่าวในยุคปัจจุบัน อินโดนีเซีย ก็ควรได้สิทธิ์นั้นเป็นลำดับแรกสุดเช่นกัน

ปรากฏว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในติมอร์ตะวันออก นับจากศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน เกิดจากมหาอำนาจตะวันตกทั้งสิ้น

แม้กระทั่ง การถูกอินโดนีเซียเข้ายึด หรือ กระบวนการประกาศเอกราช ก็มีเงาของมหาอำนาจตะวันตกทาบทับอยู่แทบทุกขั้นตอน

ด้วยเหตุนี้ ...The Democratic Republic of Timor Leste - ติมอร์เลสเต้ (เลสเต้=ตะวันออก) ประเทศน้องใหม่ อันดับที่ 192 ของโลก (สมาชิกองค์การสหประชาชาติลำดับที่ 191) ที่เพิ่งประเทศเอกราชเมื่อ 20 พฤษภาคม 2545 เป็นดินแดนต้องสาป ตกอยู่ภายใต้การตักตวงผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจเหนือกว่ายุคแล้วยุคเล่า

จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังอยู่ในสภาพดังกล่าว เพียงแต่เปลี่ยนแปลงวิธีการปล้นชิง จากยุคไอ้เสือเอาวา เรือปืนมาปิด หรือ ส่งกองทัพไปยึด มาสู่ การให้เอกราชแต่บังคับทางอ้อมให้ต้องทำสัญญาให้มหาอำนาจมาแย่งชิงทรัพยากรต่อไปเรื่อยๆ

ยุคโปรตุเกส (2055-2518 รวม 463 ปี)

ติมอร์ตะวันออก มีเนื้อที่ พื้นที่ 14,874 ตารางกิโลเมตร ถือเป็นประเทศเล็กๆ มีขนาดเล็กกว่าจังหวัดอุบลราชธานี 15,744.8 ตร.กม. และใหญ่กว่าสุราษฎร์ธานี 12,891.5 ตร.กม. เล็กน้อย

ด้วยการที่ตกเป็นอาณานิคมของโปรตุเกสมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 หลังจากปี พ.ศ. 2055 เล็กน้อย (ตรงกับสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (พระเชษฐาธิราช- ในภาพยนตร์สุริโยไท คือองค์ที่เห็นดาวหางฮัลเลย์แล้วสวรรคต)

แท้จริงแล้วพื้นที่แถบนี้คือประเทศอินโดนีเซียปัจจุบันเป็นเขตอิทธิพลของฮอลันดา มากกว่า โปรตุเกส เพราะหลังจากนั้น ฮอลันดา จัดตั้งบริษัท ดัทช์ อีส อินเดีย หรือ Vereniging Oost Indische Compagnie-VOC ใน พ.ศ. 2145 เป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าปกครองอินโดนีเซียในฐานะอาณานิคม ในช่วงแรก บริษัท VOC ใช้วิธีเข้าไปมีอิทธิพลเหนือผู้ปกครองท้องถิ่น ต่อมา ใน พ.ศ. 2342 หลังจาก รัฐบาลฮอลันดาเข้าควบคุมกิจการบริษัท VOC รัฐบาลฮอลันดาก็ได้เข้าปกครองอินโดนีเซียในรูปแบบอาณานิคม โดยได้ทำสงครามย่อยๆ กับโปรตุเกสด้วย จนที่สุดมีการแบ่งพื้นที่ติมอร์ตะวันตก-ตะวันออก เพื่อแบ่งกันปกครอง

ส่วนโปรตุเกสนั้น ไม่ได้หยุดเฉพาะติมอร์ตะวันออก โดยได้รุกเข้ามาตั้งสถานีการค้าในทั้งเอเชียอาคเนย์ เช่น พ.ศ. 2054 เข้ายึดครองเมืองท่ามะละกา และ พ.ศ.2059 โปรตุเกส จึงส่ง นาย มานูเอล ฟัลเซา เข้ามา ตั้งห้างร้าน ค้าขาย ขึ้นใน เมืองปัตตานีด้วย

ต่อมาไม่นาน ก็หมดยุคโปรตุเกสเพราะเมืองท่าในแหลมมลายู อยู่ใต้อิทธิพลหลักของฮอลันดาในเวลาต่อมา

ขณะที่ ติมอร์ตะวันออกซึ่งห่างไกลออกไปนั้น ยังถือเป็นอาณานิคมโปรตุเกสจนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 20

ในยุคอาณานิคม - - ติมอร์ เป็นแหล่งไม้หอม ไม้กฤษณา และเครื่องเทศ รวมถึงเป็นสถานีการค้าที่สำคัญของโปรตุเกส

กระแสการปลดปล่อยตัวเองให้เป็นเอกราชจากประเทศอาณานิคมหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นทั่วโลก แต่สำหรับโปรตุเกส กลับไม่มีนโยบายปลดปล่อยอาณานิคมที่มีอยู่จำนวนมาก ดังนั้นในทุกทวีปอาณานิคมของโปรตุเกสจึงเริ่มทำสงครามกู้ชาติเพื่อปลดปล่อยตนเองตั้งแต่ปี 2504 (ค.ศ. 1961) เป็นต้นมา

รัฐบาลโปรตุเกสได้ทุ่มเททรัพยากรในการทำสงครามกับดินแดนอาณานิคมเหล่านั้นเป็นเวลายาวนาน เศรษฐกิจของโปรตุเกสจึงเสื่อมโทรมลงจนมีฐานะเป็นประเทศที่ด้อยพัฒนาที่สุดประเทศหนึ่งในยุโรป จนกระทั่งเกิดการปฏิวัติล้มล้างระบบเผด็จการในโปรตุเกสเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2517 (ค.ศ. 1974) (ต้นแบบการปฏิวัติเพื่อประชาธิปไตยที่หลายประเทศให้ความสนใจ)

การเมืองภายในระส่ำระสาย อาณานิคมส่วนใหญ่ในแอฟริกาจึงถือโอกาสเรียกร้องและได้รับเอกราชไป

จนอินโดนีเซียเข้าไปยึดครองกรณีติมอร์ตะวันออกในเดือนธันวาคม 2518 (ค.ศ. 1975)

เปลี่ยนมือ จากโปรตุเกส มาสู่ อินโดนีเซีย อีก 27 ปี

รอยต่อก่อนอินโดฯเข้ายึด : มีอเมริกาอยู่เบื้องหลัง

อเมริกา หนุนพันตรี(ยศขณะนั้น)ซูฮาร์โต ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองอินโดนีเซีย เมื่อพ.ศ. 2509

จนทำให้ ซูฮาร์โต้ กลายเป็นเผด็จการปกครองอินโดนีเซีย ยาวนานถึง ... ปี และเป็น 1 ใน 10 อภิมหาเศรษฐีตามการจัดลำดับของ ฟอร์ปในปี 1997 (2540) ด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 16,000 ล้านเหรียญ

ในยุคนั้นเป็นช่วงสงครามเย็นและเป็นห้วงของสงครามเวียดนาม คอมมิวนิสต์แผ่อิทธิพลในอินโดนีเซียผ่าน พรรคคอมมิวนิสต์อินโดนีเซีย Indonesian Communist Party (PKI)

ซูฮาร์โต้ ก็คือ ตัวแทนของอเมริกาเพื่อกวาดล้างคอมมิวนิสต์จากประเทศนี้ และด้วยวิธีการที่รุนแรง ถึงระดับที่ องค์การนิรโทษกรรมสากล เรียกว่า เป็น การสังหารหมู่ที่เลวร้ายที่สุดของศตวรรษ (“one of the worst massacres of this century.”) โดยประมาณว่ามีผู้ถูกสังหารระหว่าง 5 แสน-1 ล้านคน

นี่เป็นบันทึกประวัติศาสตร์เลือดที่บ่งบอกว่า อเมริกา ยอมให้มือเปื้อนเลือดเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตน

อีก 9 ปีต่อมา อเมริกา ก็สนับสนุนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งที่ติมอร์ตะวันออก

หลักฐานที่เพิ่งเปิดเผยต่อชาวโลก ตามเงื่อนไขของกฎหมายเปิดเผยชั้นความลับ ชี้ชัดว่า ประธานาธิบดี เจอรัลด์ ฟอร์ด และ นายเฮนรี่ คิสซิงเตอร์ รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น สนับสนุนให้ อินโดนีเซีย เข้ายึด ติมอร์ตะวันออก

ความลับดังกล่าวถูกเปิดเผยโดยโครงการ Project Censored ของมหาวิทยาลัย Sonoma State สหรัฐอเมริกา ซึ่งเปิดเผยข้อมูลจาก เอกสารลับสุดยอดที่เพิ่งพ้นจากระยะเวลาการจัดอยู่ในชั้นความลับในช่วงปี (2547-2548) ระบุว่า อดีตประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด และรัฐมนตรีต่างประเทศ เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ ให้ไฟเขียวแก่ประธานาธิบดีซูฮาร์โต ระหว่างการพบปะกันในจาการ์ตา เพื่อเปิดทางให้อินโดนีเซียบุกเข้ายึดครองติมอร์ตะวันออกในปี ค.ศ. 1975 (2518)

การรุกรานครั้งนั้น ทำให้ชาวติมอร์ล้มตายประมาณ 230,000 คน ประชากรอีก 1 ใน 3 ต้องตายจากความอดอยาก โรคร้ายและการปราบจลาจล

เป็นตราบาป ที่อเมริกาถูกสังคมโลกนำมาตอกย้ำถึงความไม่ชอบธรรม อยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่ครั้งใหญ่ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

สถานการณ์ในติมอร์ตะวันออก ก่อนปี 2518 ก็คล้ายๆ กับประเทศอาณานิคมอื่นๆ ที่เกิดมีขบวนการประชาชนเรียกร้องเอกราช รวมไปถึง กลุ่มอุดมการณ์ต่างๆ ที่ออกมาเคลื่อนไหว

ในปี 2517 โปรตุเกสได้ส่งสัญญาณว่าอยู่ในระหว่างการพิจารณาปลดปล่อยอาณานิคมของตน ที่ติมอร์ตะวันออกมีการส่งเสริมให้มีการจัดตั้งพรรคการเมือง โดยมีพรรคการเมืองที่สำคัญอยู่ 3 พรรค คือ

พรรค UDT ที่มีนโยบายการปกครองตอนเองแต่ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของโปรตุเกส

พรรค FRETILIN ที่มีนโยบายทางสังคมนิยมและต้องการแยกตัวเป็นเอกราช

พรรค APODETI ซึ่งมีนโยบายรวมชาติกับอินโดนีเซีย

ต่อมาเมื่อ มี.ค.2518 ได้มีการจัดเลือกตั้ง ผลปรากฎว่าพรรค FRETILIN (แปลเป็นอังกฤษ-The Revolutionary Front for an Independent East Timor) ชนะการเลือกตั้งทำให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น ต่อมาพรรค UDT และ พรรค APODETI ขอความช่วยเหลือจากประเทศอินโดนีเซียในการยุติสงคราม

เท่ากับเป็นการชักศึกเข้าบ้านโดยแท้ เพราะอินโดนีเซียจึงใช้ข้ออ้างจากการขอความช่วยเหลือดังกล่าวส่งกำลังเข้ายึดติมอร์ตะวันออกในเดือนธันวาคม 2518

สอดคล้องกับยุทธศาสตร์สกัดคอมมิวนิสต์ของสหรัฐอเมริกา เพราะ พรรค FRETILIN ที่นำโดยนาย โฮเซ่ รามอส ฮอร์ต้า (และมี ซานานา กุสเมา เป็นสมาชิก) ถืออุดมการณ์ มาร์กซ-เลนิน ถือเป็นฝ่ายคอมมิวนิสต์ ที่อเมริกายอมให้เกิดไม่ได้

หลังจากการยึดครองติมอร์ฯ พรรค Fretilin ได้ต่อสู้กับทหารอินโดนีเซียด้วยสงครามจรยุทธ์ตลอดมา

พรรค FRETILIN เป็นพรรคที่ชูอุดมการณ์สังคมนิยม ก่อตั้งโดย โฮเซ่ รามอส ฮอร์ต้า Jose Ramos-Horta. ซึ่งเป็นผู้นำจนถึงปี 1988 ได้ลาออกเพื่อลงสมัครเลือกตั้ง พรรคดังกล่าวเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องเอกราชก่อนอินโดนีซียเข้ายึดครอง และกลายเป็นพรรคที่ต่อต้านรัฐบาลอินโดนีเซียในยุคต่อมา เมื่อปี 1978 ผู้นำคนหนึ่งของ FRETILIN ชื่อ Nicolau dos Reis Lobato ถูกฆ่าตาย โดยเชื่อกันว่า เป็นฝีมือของนายทหารสายเหยี่ยวอินโดนีเชียน Yunus Yosfiah หรือ Muhammad Yunus Yosfiah ที่ต่อมาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลประธานาธิบดี ฮาบีบี. ในยุคที่อินโดนีเซียยึดครอง โฮเซ่ รามอส ฮอร์ต้า ลี้ภัยในต่างประเทศ ทั้งในยุโรปและอเมริกา ...และได้รับเสนอชื่อรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2539

น่าสังเกตว่า แม้อเมริกาจะสนับสนุนอินโดนีเซียให้ยึดติดมอร์ตะวันออก และไม่ต้องการให้พรรค FRETILIN เติบโต แต่อเมริกาก็นำตัว ฮอร์ต้า ไปฟูมฟักและเปิดให้เคลื่อนไหวอิสระเพื่อเรียกร้องเอกราชจากอินโดนีเซียพร้อมกันไปด้วย : (มีผู้มองว่า ฮอร์ต้า คือหมากตัวหนึ่งในเกมการปลดปล่อยติมอร์ออกจากอินโดนีเซีย ในชั้นแรกเปิดทางให้เคลื่อนไหวในโลกตะวันตก และสร้างชื่อเสียงในเรื่องสิทธิมนุษยชน รวมถึงการเสนอชื่อรับรางวัลโนเบล ทั้งๆที่ ฮอร์ต้า และ FRETILIN เป็นเป้าหมายถูกกำจัดออกไปในยุคที่อเมริกาให้อินโดนีเซียยึดติมอร์ตะวันออก )

ผลประโยชน์พลังงาน : เหรียญอีกหน้าของสงครามอุดมการณ์

การสนับสนุนให้ ซูฮาร์โต้ รัฐประหาร เพื่อกวาดล้างคอมมิวนิสต์อินโดนีเซียเมื่อปี 2509 รวมไปถึง การสนับสนุนให้ยึดครองติมอร์ตะวันออกเมื่อปี 2518 ในนามของการสกัดคอมมิวนิสต์

ด้านหนึ่ง – เป็นยุทธศาสตร์ทางการเมืองโลกในเวลานั้น เพราะยังอยู่ในยุคเผชิญหน้าของสงครามเย็น

อีกด้านหนึ่ง – อเมริกาเข้าไปตักตวงผลประโยชน์ทางธุรกิจพลังงาน ทั้งในอินโดนีเซีย และต่อมาในเขตติมอร์ตะวันออก โดยร่วมมือกับระบอบซูฮาร์โต้ อย่างแนบแน่น

บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ได้เข้าไปในอินโดนีเซีย ตั้งแต่หลังการยึดอำนาจ โดยในปี 1967 (2510) ซูฮาร์โต้ ประกาศนโยบาย New Order หรือ ระเบียบใหม่ มุ่งสร้างความเข้มแข็งทางการเมืองและเศรษฐกิจพร้อมกันไป ซึ่งนำไปสู่การจัดตั้งบริษัทที่ซูฮาร์โต้และทหารควบคุม เพื่อจัดการผลประโยชน์อินโดนีเซีย

บริษัทน้ำมันอเมริกัน อาทิเช่น Phillips Petroleum, Mobil Corp ฯลฯ ทำสัญญาร่วมทุนหรือแบ่งผลประโยชน์กับบริษัทน้ำมันแห่งชาติอินโดนีเซีย เปอร์ตามินา - Pertamina

นับจากปี 2510(1967) ที่เริ่มนโยบายระเบียบใหม่ จนถึงปี 2518 (1975)ที่อินโดนีเซียเข้ายึดติมอร์ตะวันออก มีบริษัทต่างชาติเข้าไปทำสัญญาพลังงานกับ Pertamina ประมาณ 35 กิจการ ส่วนใหญ่ เป็นบริษัทอเมริกัน

การยึดครองติมอร์ตะวันออก ที่รัฐบาลอเมริกันอยู่เบื้องหลังเป็นไปอย่างโหดร้ายทารุณที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ประมาณว่าประชากรประมาณ 200,000 คนถูกฆ่าตาย ด้วยวิธีการต่างๆ กัน เช่นต้อนชาวติมอร์ไปรวมกันอยู่ในโรงเรียนแล้วจุดไฟเผาทั้งเป็น แต่ อเมริกาไม่ได้รู้สึกรู้สา

กลับร่วมมือกับอินโดนีเซีย ตั้งหน้าตั้งตาตักตวงประโยชน์ในทะเลอินโดนีเซียต่อไป

กรณีฟิลิปส์ ปิโตรเลียม
@ขุดน้ำมันในติมอร์ตั้งแต่ยุคอินโดนีเซียยึดครอง
@อินโดฯไป อเมริกันยังอยู่

บริษัท ฟิลิปส์ ปิโตรเลียม ยักษ์ใหญ่พลังงานของอเมริกาในยุคนั้น รวมกิจการกับโคโนโค เมื่อปี 2002 (2545) ปัจจุบันรู้จักในนาม ConocoPhillips. มีสำนักงานใหญ่ที่ ฮูสตัน เท็กซัส ถือเป็นยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน 1 ใน 6 ของโลก ที่เรียกว่า "supermajor" ที่ประกอบด้วย
1.ExxonMobil (เอสโซ่)
2.Royal Dutch Shell (เชลล์)
3.BP (BP)
4.Total S.A.
5.Chevron Corporation
6.ConocoPhillips (COP)

ฟิลิปส์ ปิโตรเลียม มีตราสินค้าที่รู้จักกันดี นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 60 คือตรา “ฟิลิปส์ 66”
(ซึ่งมาจากชื่อถนนไฮเวย์หมายเลข 66 ซึ่งเชื่อมชิคาโก กับ ลอสแองเจลลิส ความยาว 3,943 กิโลเมตร)

ฟิลิปส์ เป็นบริษัทน้ำมันอเมริกันรายแรกๆ ที่เข้าไปหาประโยชน์ในอินโดนีเซีย หลังจากซูฮาร์โต้ ยึดอำนาจภายใต้การสนับสนุนของทำเนียบขาว ยุคประธานาธิบดี เจอรัลด์ ฟอร์ด (รีพับลิกัน) ในประมาณปีพ.ศ. 2510

หลังจากประเทศอินโดนีเซียบุกยึดติมอร์ตะวันออก เมื่อเดือนธันวาคม 2518 ฟิลิปส์ ปิโตรเลียม เป็นหนึ่งในกิจการที่กำลังเติบโตในประเทศนี้ โดยได้เจรจาสัญญาสัมปทานฉบับใหม่ในปี 2519 แบ่งกำไรกับบริษัทน้ำมันแห่งชาติ เปอร์ตามินา - Pertamina ของอินโดนีเซีย สัดส่วน 85-15% ในเวลานั้นฟิลิปส์ ผลิตน้ำมันดิบได้ถึงอย่างน้อย 40,000 บาร์เรล/วัน และกำหนดจะผลิตให้ได้วันละ 50,000 บาร์เรลในปี 2521

ฟิลิปส์ปิโตรเลียม เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ที่ฉายภาพผลประโยชน์ของธุรกิจพลังงานที่คาบเกี่ยวและมีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบายต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้เป็นอย่างดี .... ตัวแบบดังกล่าวถูกผลิตซ้ำด้วยบทเดิมๆ เพียงแต่เปลี่ยนฉาก (ประเทศ) และตัวผู้เล่นไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ยุคนิกสัน มาจนถึงยุคประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิ้ลยู. บุช ในปัจจุบัน

กลุ่มธุรกิจน้ำมันคือผู้สนับสนุนด้านการเงินให้กับนักการเมืองเพื่อการเลือกตั้ง ต่อจากนั้นอเมริกาก็มักจะมีนโยบายที่เอื้อให้บริษัทน้ำมันที่ทำมาหากินในประเทศต่างๆ เป็นการตอบแทน...มิหนำซ้ำ ตัวบุคคลที่เป็นนักการเมือง กับ ผู้บริหารบริษัทน้ำมัน ก็มักจะเป็นคนเดียวกัน เพียงแต่สวมบทบาทแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา

Melvin R. Laird รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม( secretary of defense)
ในยุคที่อดีตประธานาธิบดีนิกสัน (รีพับลิกัน) เดินทางมาเยือนอินโดนีเซียเมื่อปี 2510 พร้อมๆ กับงบประมาณช่วยเหลือทางการทหารจำนวนมาก หลังจากที่เขาหมดวาระเมื่อปี 1973(2516) ได้มานั่งเป็น กรรมการบริหาร (board of directors)ของฟิลิปส์ปิโตรเลียม นานถึง 17 ปีต่อจากนั้น



..........................

ยังไม่จบมีอีกหลายตอน

แล้ววันหน้าฟ้าใหม่จะเอาข้อมูลมานำเสนอต่อขอรับ

โดย: กรูเกลียดฝรั่ง (คนเล็กของเล่นใหญ่ ) วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:21:27:43 น.
  
ข้างบนยาวจัง

อิอิ

อ้อนเอาสั้นๆ แค่ "คิดถึง" ^^
โดย: BeCoffee วันที่: 16 ตุลาคม 2551 เวลา:7:52:08 น.
  
ชีวิตของเมย์ก็คือการได้เป็นแอร์ ได้ไปทำบุญที่วัดที่อยากไป ได้อยู่กับครอบครัว มีพ่อ กับ แม่ หมาและแมวเป็นต้น ได้แอบชอบผู้ชายคนนั้นคนนี้ไปวันๆ กินอิ่มนอนหลับในแต่ละวัน
คิดว่าชีวิตของแต่ละคนคงจะมีจุดมุ่งหมายที่ต่างกัน แล้วสิ่งที่จะทำให้ไปสู่จุดนั้นก็จะถูกดีไซน์ออกมาเป็นรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนนั้นๆไป
แท้ แด่ม .... เหมือนเป็นการตอบการบ้านเลยอ่ะคุณปอย
ว่าแต่.. แล้วชีวิตมันคืออะไรกันน๊อ
คุณปอยสบายดีมั๊ยคะ เป็นงัยมั่งช่วงนี้ ปีใหม่นี้จะได้ไปฉลองที่ไหนเนี่ย
โดย: เมย์ยีลัม IP: 125.26.178.158 วันที่: 16 ตุลาคม 2551 เวลา:11:04:27 น.
  
ไปถามเพื่อนในวงเหล้า มันตอบว่า "ชีวิตคือลมหายใจ" แล้วมันก็ดกเหล้าต่อ 555 คุณปอยมีความคิดเห็นอย่างไรครับ
โดย: nongmalakor วันที่: 16 ตุลาคม 2551 เวลา:14:31:54 น.
  
สวัสดีค่ะ
พี่ต้องขอโทษด้วยนะค่ะที่แวะมาหาช้าไปหน่อยพอดีช่วงนี้ภาระกิจเยอะค่ะ คนข้างกายไม่สบายนิดหน่อยเลยต้องไปคอยดูแลค่ะ

บ้างครั้งอาจจะเข้ามาหาช้าบ้างนะค่ะ ไม่ว่ากันนะค่ะ
ออพี่จะมาบอกโปรแกรมรูปค่ะ เดี๋ยวเข้าตามเว็บนี้เลยนะค่ะ มีให้เลือกเยอะเลย ลองทำเล่นดูนะค่ะ ขอโทษอีกทีนะค่ะที่มาบอกช้าไปหน่อย
//www.photofunia.com/ เข้าไปดูเลยนะค่ะในเว็บนี้ละค่ะ
โดย: paerid วันที่: 16 ตุลาคม 2551 เวลา:21:26:10 น.
  
"เธอคือลมหายใจ" ใครว่าเสี่ยว น่ารักดีออก ดูโรแมนติดด้วย
ถ้าคุณปอยไม่ว่างก็ไม่เป็นไรครับ ว่างเมื่อไรก็ค่อยเข้ามาทักทายกัน บ้านผมยินดีต้อนรับเสมอครับ เราผลัดกันเฝ้าบ้านแล้วกันเนอะ

ป.ล.เรื่องแทค ผมไม่รีบครับ เมื่อไรก็ได้ ถ้าผมว่างผมก็จะแวะเข้ามาบ้านคุณปอยเป็นประจำอยู่แล้ว ยังไงก็คงได้อ่านแน่ๆ อย่าลืมดูสุขภาพด้วยนะครับ
โดย: nongmalakor วันที่: 17 ตุลาคม 2551 เวลา:16:25:40 น.
  


ดีจ้า .. วันดีคืนดีแล้วพี่จะรีวิว converter ให้น่ะน้องปอย แต่เจ้าตัวนี้มันไม่ฟิตกับเลนส์ฟิก 50 f1.8 ของพี่อ่ะ ต่อได้กับเลนส์คิทและมาโครเลนส์ เอาไว้ถ่ายรูปเอามันน่ะ เพราะมันไม่คมชัดเหมือนใช้เลนส์อย่างเดียว พูดไปได้รูปออกมาแนวนั้นก็เก็ไปอีกแบบเนอะ
แต่ถ่ายเอามาต่อกับเลนส์คิทแล้วถ่ายมาโครได้ใกล้มากๆเลยอ่ะ แตต้องใช้ขาตั้งกล้องเท่านั้นเพราะมือถือถ่ายออกมาเยินเบลอโลด จริงๆพี่เองก็ถ่ายมาเหมือนกันแต่ด้วยความที่มันน่ามากเลยไม่ได้เอามาลงในบล็อคอ่ะจ๊ะ

โดย: มาเรีย ณ ไกลบ้าน วันที่: 17 ตุลาคม 2551 เวลา:17:13:44 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Missdoobdub.BlogGang.com

นางสาวดุ่บดั่บ
Location :
Vichy  France

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]