นี่แหละชีวิต
ความรัก

ความรักทำให้มนุษย์ยอมทิ้งกฎเกณฑ์มากมายในชีวิต ทิ้งเพื่อน ทิ้งพี่ ทิ้งน้อง จนกระทั้ง ทิ้งความเป็นตัวเอง





เพื่อน

บางครั้งเวลาที่เพื่อนมีความรักมีแฟนมีความสุขแล้วลืมเรา เราก็ต้องบอกตัวเองว่า ก็เราเป็นแค่เพื่อนนี่นา
แต่ในวันที่เพื่อนมีความทุกข์จากรัก มีน้ำตา อยากได้บ่าใครสักคน เรากลับกลายเป็นตั้งเพื่อนขึ้นมาทันที





กลับมารักตัวเอง

ตอนที่เขาคบกันใหม่ๆ รักกันหวานชื่น เขาลืมเรา ไม่แคร์ความรู้สึก ไม่ใส่ใจ เราเสียใจอึดอัด เจ็บปวด หนีไปร้องไห้ในห้องน้ำทุกวัน บอกกับตัวเองว่าจะไม่ยอมปล่อยให้มันทำร้ายเราได้อีกแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้อย่างที่คิดไว้สักครั้ง จนวันนึงที่เราทำใจได้ คิดว่าคงไม่แคร์อะไรเขาอีกแล้ว

เวลาที่เขาลืมเรา เราก็แค่ไม่ลืมตัวเอง
เวลาที่เขาไม่รักเรา เราก็แค่รักตัวเอง
และจนสุดท้ายมีวันนึงที่คิดอย่างมารๆ ว่า "คอยดูเถอะเลิกกันเมื่อไหร่ฉันจะหัวเราะให้ฟันหลุด"

มีออยู่วันนึงพริ้วๆ ฝนตกหนัก เราเดินอยู่หน้าปากซอยบ้าน แว๊บนึงก็คิดขึ้นมาว่า แล้วมันก็ทิ้งฉันอีกแล้วสินะ ป่านนี้คงกำลังกินข้าวอยู่กับแฟน ไม่ก็เดินห้างเพื่อฆ่าเวลาฝนหยุด เพื่อนหนอเพื่อนทำกันได้
และในนาทีถัดมาเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ไม่ได้หวังว่าจะเป็นเพื่อนเพราะเรารู้ดีว่าเรามีค่าแค่ไหน ชื่อที่โชว์เป็นชื่อพี่สาว พอรับสายกลายเป็นหลานสาวที่อายุแค่ขวบครึ่งพูดยังไม่ค่อยชัด
"อามินต์ อามินต์ อามินต์ อัญคิดถึงอามินต์" (แค่คำแรก็ทำเอาเราปลื้ม เราตอบกลับไปว่าเราก็คิดถึงเขา)
"อามินต์อยู่ไหน" เด็กที่พูดติดกันได้ไม่กี่พยางค์พยายามถาม
"กรุงเทพค่ะ"
"ไปโรงเรียนเหรอคะ"อันนี้แปลไทยเป็นไทยแล้วนะคะ
"เปล่าค่ะ ทำงาน"
แล้วก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระ พยายามชวนเขาคุย ถามเรื่องกิน เรื่องเที่ยว จนสุดท้ายพี่สาวให้วางสาย
"อามินต์มาเร็วๆ นะ อัญรักอามินต์" แค่นี้แหละยิ้มแทบแก้มปริ
พอคุยกับพี่สาวถึงได้รู้ว่า หลานถามถึงเราบ่อยจนเขารำคาญเลยต่อสายให้คุยกันเอง อย่างน้อยก็ยังมีคนที่ไม่ลืมเรา
วันนั้นหลังจากวางสายกับพี่สาวเราบอกกับตัวเองว่า "เขา(เพื่อน)ก็แค่คนที่ไม่รักเรา"



เพื่อนเลิกกับแฟน

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง มันคงเป็นอย่างที่ใครหลายๆ คนเคยบอกมาว่าความรักที่เกิดขึ้นเร็วมากๆ มักจะจบลงเร็วแบบไม่ทันตั้งตัว

"เพื่อนเราเลิกกับแฟน"
วินาทีแรกที่รู้ จากที่เคยคิดว่าจะหัวเราะให้ฟันหลุด กลับกลายเป็น 'โผเข้ากอดมันแน่นและร้องไห้ไปกับมันบอกกับมันว่าไม่เป็นไร แกยังมีเราอยู่'
ทั้งที่เคยบอกกับตัวเองนับพันครั้งว่าถ้ามีวันนี้ฉันจะไม่แคร์มัน ฉันจะปล่อยมันร้องไห้คนเดียว ปล่อยให้มันรับผลจากการกระทำของมันที่มันเลือกแฟนตลอด และทิ้งฉันตลอด ฉันจะทำให้มันรู้ว่าในเมื่อมันทิ้งฉันมันก็จะไม่มีฉัน
แต่เอาเข้าจริงๆ เวลาเห็นน้ำตาของเพื่อน เห็นความอ่อนแอของเขา ฉันกลับทำใจดำปล่อยมือไม่ได้ ฉันไม่อยากหันหลังให้เขาในวันที่เขาต้องการใครสักคนที่สุด ทุกครั้งที่เขาวิ่งไปร้องไห้ที่ห้องน้ำฉันจะวิ่งตามเพื่อไปปลอบ โดยไม่สนใจว่ามันเคยมีวันนึงที่ฉันร้องไห้เพราะเขาในห้องน้ำห้องเดียวกัน
ฉันไม่ใช่เพื่อนที่ดี ออกจะเป็นเพื่อนที่เลวด้วยซ้ำ แต่ฉันจะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพราะวันนึง ถ้าฉันหรือเขาต้องจากไป ฉันจะได้บอกกับตัวเองอย่างเต็มปากเต็มคำว่า "ฉันทำดีที่สุดแล้ว"



หน้าที่นี่นา

ใครๆ ถามเราด้วยคำถามเดียวกันว่า ทำไมในเมื่อมัน(เพื่อนเรา)ทำกับแกขนาดนี้แล้ว เวลาที่มันเศร้าใจแกยังไม่ปลอบมันอีก แกไม่นึกถึงตอนที่มันทิ้งแก ไม่ใยดีแกเลยเหรอ
นึกสิ ทำไมจะไม่นึก แต่ไอ้ความสงสารเป็นห่วงเพื่อนกับเรื่องที่รู้สึกแย่กับเพื่อน บางครั้งเราก็ต้องแยกให้ออก ยังไงตอนนี้ให้ตายก็ไม่หายเคืองมัน

ตอนแรกที่เพื่อนเปลี่ยนไป เราเสียใจมาก แบบเสียใจสุดๆ แต่พอกลับมาคิดให้ตัวเองสบายใจ
ถึงแม้ในวันนั้นเราจะเสียเพื่อนที่รู้จักกันมาเกือบสิบปีและรักกันมากๆไป แต่เราก็ได้เพื่อนที่รู้จักกันแค่ปีเดียวและแสนจะห่วงเรามาอีกตั้งสองคน(เพื่อนสองคนที่ทำงาน) เราก็แค่จำไว้ว่าคนเราความรักมันเปลี่ยนเพื่อนให้กลายเป็นคนแปลกหน้าได้จริงๆ
เราไม่ได้เป็นคนดี หรือพยายามเป็นคนดี แต่บางครั้งการเป็นผู้ให้มันก็มีความสุขมากกว่าเป็นผู้รับร้อยเท่า

แล้วมันก็กลับมาคืนดีกัน
จากเหตุการณ์ที่เพื่อนมีปัญหากับแฟนห้าวันที่ผ่านมาทำให้เรารู้ว่า เพื่อนรักแฟนคนนี้มาก รักจนแทบจะขาดใจ ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ถ้าไม่มีเขา ตกลงนี่มันคือความรักหรือความหลง คือเพื่อนเราคบกับแฟนคนนี้มาแค่สามเดือน รู้จักกันตั้งแต่ตุลาปีที่แล้ว ทำไมความรู้สึกต่างๆ มันถึงได้เร็วจัง มันคือความจริงหรือเรื่องที่ฉาบฉวยเพราะความตื่นเต้น
อันนี้ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าในที่สุดเพื่อนกับแฟนก็กลับมาคบกันใหม่เพราะยังรักกันอยู่ บางครั้งคำว่ารักมันไม่พอหรอกนะ มันต้องมีความเข้าใจยอมรับ และต้องรู้จักอีกฝ่ายให้ดีด้วย แต่นี่ก็รู้ตัวว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเลิกกันสูง(นิสัยต่างกันหลายต่าง ครอบครัวก็ไม่ชอบ) แต่ก็ยังจะคบกันต่อ
ไอ้เราคงพูดได้แต่ว่า แล้วแต่แกละกัน ถ้าคิดว่าการคบกับมันทำให้ชีวิตแกดีขึ้นกว่าเดิมก็คบกันไปเถอะ แต่อย่าลืมรักตัวเอง
เพื่อนบอกว่า ต่อไปเราก็คงจะทำใจไว้แล้วล่ะ ถ้าต้องเลิกกันคงเจ็บน้อยกว่าคราวแรก ไอ้เราก็แอบเถียง(ในใจ)ไม่จริงหรอก แกจะเจ็บกว่าเดิมเพราะแกบอกตัวเองว่า เราสองคนคงจะรักกันมาก เลิกกันไปรอบนึงแล้วถึงต้องกลับมาคบกันใหม่
เพื่อนบอกเราว่า เราจะเที่ยวให้น้อยลง คนดีอย่างเราก็แอบแย้ง(ในใจ)ว่า คงยากว่ะเพราะแฟนแกเป็นคนไม่ติดบ้าน เที่ยวเก่งมาก ชอบเที่ยวดึกๆ อีก
เพื่อนบอกเราว่า เราจะคุยกันให้น้อยลงจะได้มีเวลาทำงานมากขึ้น งานจะได้ไม่ต้องเป็นดินพอกหางหมูเหมือนตอนนี้ เราแอบด่า(ในใจ)ไม่มีทาง เพราะแฟนแกสมาธิสั้นชอบชวนคุยตลอดเวลา เวลานัดเจอกันตอนเช้าก็ขึ้นสายตั้งครึ่งชมกว่าๆ เวลาไปกินข้าวกันตอนเที่ยงก็ขึ้นสายเกือบชม แล้วมันจะเหลือเวลาที่ไหนวะ

ดิฉันมารไหมคะ มองโลกในแง่ร้ายจริงๆ ก็มันสมควรนี่นา



ไม่เข้าใจ

ทำไมในเมื่อเขาหลอกเรา แล้วเราต้องหลอกตัวเองอีก
ทำไมในเมื่อเขาไม่แคร์เรา แล้วเราต้องไม่แคร์ตัวเองอีก
ทำไมในเมื่อเขาทำร้ายเรา แล้วเราต้องทำร้ายตัวเองอีก
ทำไมในเมื่อเขาไม่รักเรา แล้วเราต้องไม่รักตัวเองอีก





Create Date : 07 มิถุนายน 2551
Last Update : 7 มิถุนายน 2551 22:23:05 น.
Counter : 3967 Pageviews.

5 comments
you're halfway there พุดดิ้งรสกาแฟ
(11 ม.ค. 2568 13:23:07 น.)
ความสุขดุจทองคำ สมาชิกหมายเลข 7582876
(9 ม.ค. 2568 12:19:26 น.)
ไฮไลท์ บุนเดสลีก้า มึนเช่นกลัดบัค - บาเยิร์น มิวนิค nokeja
(12 ม.ค. 2568 11:41:09 น.)
เก็บตกการเดินออกกำลัง... tanjira
(9 ม.ค. 2568 14:11:34 น.)
  
เจิมๆๆๆ


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:22:39:17 น.
  
พี่ว่าบางทีเรื่องแบบนี้ถ้าเราไม่ประสบเองเราอาจจะไม่รู้ก็ได้นะ ช่วงเวลาที่เขาอยู่กันสองคน เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเขา เราเลยไม่รู้ว่ารักกันของเรามันมากมายแค่ไหน สมัยนี้เวลาเอามาวัดไม่ได้ด้วยล่ะ เพราะทุกอย่างมันรวดเร็ว คงเพราะคนเหงามากกว่าเดิม เลยต้องการคนข้างๆ ง่ายกว่าเดิม (มั้ย)
แต่ถ้าจะเลิกเร็ว ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะสุดท้าย เราจะเยียวยาและไปพบคนใหม่ได้ในเร็วๆ นี้เหมือนกัน

แต่การรักษาตัวและใจของแต่ละคนก็ใช้เวลาไม่เท่ากันเหมือนกัน มาตรฐานของเขา ก็ไม่เท่ากับมาตรฐานของเราด้วยแหละมินต์

ดังนั้นให้เราคิดยังไง เราก็จะไม่เข้าใจเขา ฮา จริงๆ นะคุณพี่คิดงั้นล่ะ

ถึงเราห้าม ถ้าเขาไม่อยากฟัง เขาก็ไม่ฟังแหละ ดังนั้นเราก็ต้องทำตามหน้าที่ของเราคือเป็นผู้สังเกตการณ์ ถ้าถึงเวลาที่เขาจะรักกันจริงๆ ก็ยินดีกับเขา ส่วนถ้าเขาเสียใจมา เราก็ยื่นเข่าให้เขาเช็ด อะไรอย่างนั้น

เขาถึงว่า ฟามมมรักทำให้คนตาบอดดด ได้นะจ๊ะ
โดย: นายน้อย IP: 58.9.123.36 วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:0:25:07 น.
  
เกาะขอบจอต่อไปอย่างอึดอัดใจ

ปล. อ่านเรื่องอัญน้อยแล้วชักคิดถึงเด็กชายแชมป์ขึ้นมาบ้าง
ไม่ได้เจอแชมป์ตั้งนานละ คิดถึงโคดๆ เรยยย

(ตีสามครึ่งงงง ช้านมาทำอะไรที่นี่ ตอนนี้ เวลานี้ ดี้ดีดีดี แด่ว แด่ว แด่ว)
โดย: เน็ต IP: 124.121.80.197 วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:3:34:05 น.
  

อืม... ความรักเป็นเรื่องว่ายากน่ะค่ะ

เมื่อความรักเข้ามาทางประตู.. เหตุผลก็บินออกหน้าต่างไป

บางคนมีความรักแล้ว มองโลกบิดเบี้ยว ไม่เห็นอะไรเลยแม้กระทั่งตัวเอง

บางคนมีความรักแล้ว มองโลกบิดเบี้ยว ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากตัวเอง

มันก็สุดโต่งกันไปสองด้านน่ะค่ะ... อยู่ที่เราว่าจะบาลานซ์มันอย่างไร (ยากนะเนี่ย 55+)

ในฐานะเพื่อน ทำได้แต่ ทำใจ + เข้าใจ + เตรียมใจน่ะค่ะ

:)

ปล. นานๆ มาที แต่มาแล้วโม้แหลกเลย อายนะเนี่ย 555+
โดย: p_jung IP: 125.24.10.159 วันที่: 14 กันยายน 2551 เวลา:11:23:01 น.
  
สวัสดีปีใหม่จ้ามินต์

โดย: YUI_MUNMOO วันที่: 31 ธันวาคม 2551 เวลา:0:29:47 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mintraminty.BlogGang.com

papermint
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด