'ทักษิณ'ทวิตร่วมยินดี'เจ้ย'สร้างชื่อสู่ไทย/บัญญัติ"เจ้ย"ศัพท์ฮิตใหม่/'เจ้ย'ย้ำนี่ไม่ใช่หนังการเมือง


//is.gd/cvXod

"ลุงมีระลึกชาติ"คงจะเห็นเหมือนผม ไม่ยอมเห็นประเทศไทยเป็นเสมือน banana republic ที่คนเดียวกดปุ่มไปทุกระบบ จนหมดสิ้นความเป็นธรรม และความน่าเชื่อถือ..ผมอยากถามลุงบุญมีว่า ประเทศไทบจะจบอย่างไร เพราะปากปรองดอง แต่ใจอำมหิตย์ เข่นฆ่าทุกรูปแแบบ ที่สำคัญดันไม่มีทั้งศีลธรรม และหลักนิติธรรม มีแต่เผด็จการ..

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 ของเมืองไทย



มติชนออนไลน์
25 พฤษภาคม 2553

"อภิชาติพงศ์" เฉลยสายสัมพันธ์ "บ้านนาบัว-ลุงบุญมีฯ" ย้ำนี่ไม่ใช่ "หนังการเมือง"

หลังจากสามารถสร้างประวัติศาสตร์เป็นหนังไทยเรื่องแรกที่คว้ารางวัล "ปาล์มทองคำ" รางวัลสูงสุดจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส "อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล" เจ้าของผลงานเรื่อง "ลุงบุญมีระลึกชาติ" ก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติอย่างต่อเนื่อง มติชนออนไลน์ จึงขอนำบทสัมภาษณ์ที่ผู้กำกับรายนี้มีกับ "เอ็มม่า โจนส์" แห่งสำนักข่าวบีบีซี และ "สตีฟ โรส" แห่งเดอะ การ์เดี้ยน มาเรียบเรียงใหม่และเผยแพร่ ณ ที่นี้

----------

"ลุงบุญมีระลึกชาติ" เป็นหนังที่ก่อให้เกิดคำถามขึ้นอย่างมากมายในหมู่ผู้ชม จากประเด็นเรื่องตัวละครสัตว์พูดได้เรื่อยไปจนถึงวิญญาณที่มีตัวตน รวมทั้งประเด็นเรื่องพรมแดนระหว่างโลกนี้กับโลกหน้า

อภิชาติพงศ์ให้สัมภาษณ์ว่า เขาต้องอธิบายประเด็นเหล่านี้หลายต่อหลายครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคำตอบต่อประเด็นดังกล่าวของเขาก็ไม่ได้มีลักษณะเหมือนเดิมทุกครั้งยามต้องเผชิญหน้ากับคำถามเช่นนี้
แม้สองในคณะกรรมการตัดสินรางวัลอย่าง "ทิม เบอร์ตัน" ผู้กำกับฮอลลีวู้ดชื่อดัง และ "เบนิซิโอ เดล โทโร" นักแสดงเจ้าบทบาท จะแสดงความเห็นว่า ลุงบุญมีฯได้ทำให้พวกเขาเข้าใจประเด็นเรื่องความตายจากมุมมองใหม่แบบ "ตะวันออก"

อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับชาวไทยกลับเห็นต่างว่า ความกลัวตายถือเป็นลักษณะร่วมกันของคนทั้งใน "ตะวันออก" และ "ตะวันตก" เพราะลุงบุญมีก็กลัวตายเช่นกัน "ผมต้องการจะสำรวจตรวจสอบว่าอะไรเกิดขึ้นก่อนและหลังความตายของคนเรามากกว่า"

หนังรางวัลปาล์มทองคำเรื่องนี้ไม่ใช่หนังอาร์ตธรรมดาทั่วไป แต่มีทั้ง "ลิงผี" "พระสงฆ์ที่ใช้โทรศัพท์มือถือ" และ "ฉากร่วมเพศระหว่างเจ้าหญิงกับปลาดุก" อภิชาติพงศ์เปิดเผยว่า เรื่องราวของหนังมาจากเรื่องเล่าเกี่ยวกับชายคนหนึ่งชื่อ "ลุงบุญมี" ที่อ้างว่าตนเองสามารถระลึกชาติได้เวลานั่งสมาธิ ซึ่งผู้กำกับที่เติบโตในภาคอีสานบอกว่า ตัวเองได้รับฟังเรื่องเล่าดังกล่าวมาจากเจ้าอาวาสของวัดแห่งหนึ่งในภูมิภาคดังกล่าว

ลุงบุญมีฯคือหนังเรื่องแรกของอภิชาติพงศ์ที่ไม่ได้มีเนื้อหาหลักเป็นเรื่องราวอัตชีวประวัติของเขาและครอบครัว ขณะเดียวกัน หนังเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ภาพยนตร์ชีวประวัติของลุงบุญมี ซึ่งเสียชีวิตไปก่อนหน้าที่ผู้กำกับมากฝีมือจะได้ยินเรื่องราวการระลึกชาติของแก แต่เป็นการจินตนาการถึงชีวิตของชายคนนี้ ผสมผสานไปกับประวัติศาสตร์ครอบครัวของอภิชาติพงศ์ รวมทั้งความทรงจำในวัยเยาว์ของเขาที่เกี่ยวพันกับหนังสยองขวัญเกรดบีและรายการโทรทัศน์

อภิชาติพงศ์ได้ยินเรื่องราวของลุงบุญมีขณะเดินทางไปสร้างสรรค์ผลงานศิลปะชุด "พริมิทีฟ" ที่บ้านนาบัว อ.เรณูนคร จ.นครพนม ซึ่งในช่วงทศวรรษ 2510 ได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองอย่างเหี้ยมโหดของทหารและรัฐไทย ที่มองว่าหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านคอมมิวนิสต์ ผู้กำกับเจ้าของรางวัลปาล์มทองคำปีล่าสุดพยายามรำลึกถึงประวัติศาสตร์แห่งการประหารชีวิต, การทรมาน, การข่มขืน และการถูกขับไล่ ที่เกิดขึ้นกับผู้คนในหมู่บ้านดังกล่าว ผ่านผลงานหนังสั้นและวิดีโอศิลปะแบบจัดวาง

แล้วลุงบุญมีระลึกชาติมีความสัมพันธ์อย่างไรกับผลงานศิลปะชุดดังกล่าว?

"มันคือการทำงานของความทรงจำสองแง่มุมที่เกิดขึ้นในภูมิภาคเดียวกัน" อภิชาติพงศ์ตอบ พร้อมอธิบายว่า ในขณะที่ประวัติศาสตร์ความรุนแรงที่บ้านนาบัว กลายเป็นเรื่องที่ผู้คนพยายามจะไม่จดจำ เพราะพวกเขาไม่ต้องการย้อนกลับไปพูดถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้น แต่ลุงบุญมีในเรื่องเล่ากลับสามารถจดจำอดีตชาติของตนเองได้อย่างมากมาย

"ลุงบุญมีฯ" กับ "พริมิทีฟ" แห่งบ้านนาบัว จึงมีความสัมพันธ์ยอกย้อนระหว่างกันด้วยประการฉะนี้



สุดท้ายแล้ว ดูเหมือนอภิชาติพงศ์จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทยในยุคปัจจุบันไปได้

นักวิจารณ์บางคนเปรียบเปรยไว้อย่างชวนคิดว่า สำหรับ "ชาติไทย" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะทางการเมืองปัจจุบัน การได้รับรางวัลปาล์มทองคำของหนังไทยเล็ก ๆ อย่างลุงบุญมีฯ อาจมีความหมายที่สำคัญยิ่ง จนอาจมีคุณค่า "เท่าเทียมกันกับการที่ทีมชาติไทยชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลโลก" เลยทีเดียว ขณะเดียวกัน ก็มีคนแสดงความเห็นว่า การตัดสินของกรรมการที่คานส์ในปีนี้อาจโอนเอียงไปตามกระแสที่ว่า หนังเรื่องนี้เดินทางมาจากประเทศที่กำลังเป็น "จุดเดือดทางการเมืองอย่างแท้จริง"

แม้อภิชาติพงศ์จะหวังให้รัฐบาลไทยสังเกตเห็นถึงความสำเร็จครั้งนี้ แต่เขาก็ยืนยันว่า ลุงบุญมีฯ ไม่ใช่หนังการเมือง เพราะแม้หลายคนจะพยายามเชื่อมโยงหนังของเขาเข้ากับสถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบัน แต่โดยพื้นฐานแล้ว เขาต้องการจะพูดถึงประเด็นที่มีความเป็นสากลมากกว่านั้น แน่นอนว่ารวมทั้งประเด็นเรื่องการกดขี่ และการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เช่น ระบบเซ็นเซอร์ หรือ ข้อห้ามต่าง ๆ ในการทำหนัง ซึ่งทำให้คนทำหนังอย่างอภิชาติพงศ์ต้องทุกทุกข์ทรมานมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม เจ้าของรางวัลปาล์มทองคำคนแรกของไทยกล่าวย้ำว่า หนังเรื่องนี้ไม่ได้อ้างอิงอยู่กับสถานการณ์การเมืองไทยในยุคปัจจุบันโดยตรง



"เจ้ย" ศัพท์ใหม่ของไทยแลนด์

ไทยรัฐออนไลน์
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
29 พฤษภาคม 2553


ยังไม่สายที่จะ 1. ขอแสดงความยินดี กับกลุ่มผู้กำกับภาพยนตร์ชาวเอเชียทั้ง 5 คน

มร.หวัง เสียวช่วย ชาวจีน, มร.อิม ซัง-ซู & มร.ลี ชาง-ดอง ชาวโสมใต้, มร.ทาเคชิ คิตาโน ชาวญี่ปุ่น และ นายอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล (สังคมชนชั้นบน-กลางของไทยยกให้เป็นมนุษย์สีแดงไปแล้ว!! เพราะบทสัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับการเมืองไทยของเขา) ที่ผลงานเอเชียนส์กระเทือนหัว ใจกับซีรีบรัม ต่อมหนึ่งซีกสมองส่วนหน้าของคณะกรรมการชื่อชั้นสูง ทำให้มี งานเอเชียผ่านเข้ารอบชิงมากสุด สำหรับงานประกวดภาพยนตร์ยิ่งใหญ่ของโลก "เทศกาลหนังเมืองคานส์ ครั้งที่ 63" ณ ฝรั่งเศสที่ม้วนพรมแดงเก็บหลังจัดงานเสร็จสรรพ 12 วัน แม้จะกร่อยไปนิ้ดส์ เพราะเชื้อเศรษฐกิจโลกป่วยยังไม่หาย ภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็งในไอซ์แลนด์ก็พ่นเถ้าถ่านกีดขวางการจราจรทางอากาศ



2.ขอแสดงความ ดีใจ กับ "เจ้ย" ชื่อเล่น ของผู้กำกับฯไทย ที่ไปเก็บแต้มชื่อเสียงทะลุขั้นเทพขึ้นเวทีโค้งคำนับรับรางวัลสูงสุด "ปาล์มทองคำ" จากเรื่อง "ลุงบุญมีระลึกชาติ" (ในบัตรเข้าชมทับศัพท์ภาษาคาราโอเกะว่า LUNG BOONMEE RALUEK CHAT) แล้วยิ้มแก้มฉีกจนเห็นฟันบนฟันล่าง...แม็กซี่ (ภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ขอบคุณ) เด้อขรับเด้อ!!! ดีใจกับนางเอกในท้องเรื่อง : วัลลภา มงคลประเสริฐ สาวอีสานตัวจริง NO เสริมสารพลาสติกปลอมปนเปื้อนตั้งแต่หัวจดเท้า พลอยฟ้าพลอยฝนโกอินเตอร์...แม็กซี่หลายๆค่ะ และดีใจด้วยสำหรับ นายลี ชาตะเมธีกุล (นักตัดต่อหนังยอดเยี่ยม @ ฮ่องกง การันตี) ไปร่วมเก็บแต้มตัวตนด้วย

3.ขอแสดงความเสียใจ กับ กระทรวงวัฒนธรรมไทย กับ กระทรวงพาณิชย์ไทย ที่ยกเงินผนวกกัน 430 ล้านบาทกับภาพยนตร์ไทยอิงประวัติศาสตร์ เพียงเรื่องเดียว!! เศษแบงก์ที่เหลือ 50 ล้านบาทก็เจียด (แต่ต้องคืน) ให้แก่หนังสั้น-สารคดี-หนังนอกกระแส-หนังทดลอง-หนังชุดหรือละครชุด-เกม และแอนิเมชั่น???

จึงกลายเป็นความไม่เข้าใจของ "เจ้ย" และผองพวกกับการแสดงออก+คำตอบของรัฐ พอๆกับชาวไทย (ส่วนใหญ่) ก็ไม่เข้าใจงานหนังของ "เจ้ย" (แต่สากลโลกเข้าใจ) ไม่แน่นะฮะว่า..."เจ้ย" อาจถูกบัญญัติในพจนานุกรมของกลุ่มงค์กรครือข่ายเว็บไซต์ ฯลฯ ซุกซนใส่คำไทยใหม่ว่า "เจ้ย" แปลว่า เข้าใจยาก ดั่งคำไทยเก่าว่า "เหวง" ที่กลับมาฮิต ในยุคไทยกำลัง "เยียวยา" หลัง "ขอพื้นที่ (กู) คืน" ก็เป็นได้เน้อ...อ.



======================



คอลัมน์ก่อนหน้า

V
V


"ดี้" เขียนจม.เปิดผนึกถึง "โจ" ผ่านเฟซบุ๊ก ยันจงรักภักดี

พร้อมให้อภัยน้อง แต่เตือนอย่าก่อความแตกแยก


V
V


//is.gd/cvWkI



=======================



คอลัมน์ยอดฮิต

V
V


"อภิชาติพงศ์" วิพากษ์ "ไทย" ที่เมืองคานส์ "ประเทศไทยเป็นประเทศ ที่มีความรุนแรง และมีมาเฟียครองเมือง"

//is.gd/cmLc3






















Create Date : 31 พฤษภาคม 2553
Last Update : 31 พฤษภาคม 2553 2:14:04 น.
Counter : 1409 Pageviews.

0 comments

Milansheva.BlogGang.com

Milan Sheva
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด