Trader’s Diary: “เคล็ดลับของสุดยอดวิชา” คือ “ความว่างเปล่า” พุธที่ 17 มี.ค.53
วันนี้เป็นอีกวันที่ทำให้นักลงทุนหลายๆ คน เกิดความฉงน งงงวย ที่ต่างชาติระดมกระสุนไล่ซื้อเข้ามากับหุ้น Big Cap ยกอัด Bid เข้ามาเป็นล้านๆ หุ้น สิ้นวันจบด้วยการ Net Buy ของต่างชาติราวๆ 3 พันล้านบาท เป็นการยืนยันความมั่นใจในรอบขาขึ้นรอบนี้อย่างชัดเจนว่าไปต่อได้ไกลๆ แน่

แต่ในภาพระยะสั้น ช่วงบ่าย ทุกเครื่องมือส่งสัญญาณ Bearish Divergence อีกแล้ว เป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ที่ส่งสัญญาณเตือนว่า “อาจจะเกิดการปรับฐานในระยะสั้นได้”

ผมลองคำนวณต้นทุนเฉลี่ยของต่างชาติในรอบที่เริ่มซื้อติดต่อกันตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. จนถึงวันที่ 17 มี.ค. จากสูตรการคำนวณนี้

ต้นทุนเฉลี่ย = [(P1*Q1) + …..+ (Pn*Qn)] / (Q1 + ….. + Qn)

P1 …..Pn – ราคาปิด

Q1…..Qn – ปริมาณการซื้อของต่างชาติ

ต้นทุนใน SET ประมาณ “729.25” ส่วนต้นทุนใน S50H10 ประมาณ “510.47”

การคำนวณใน S50H10 นั้น ผมไม่ได้ใช้จำนวนสัญญาในการเปิด Long ในตลาด S50 มาใช้ เนื่องจากตัวเลขนั้นมันรวม 3 ตลาด ทั้ง S50, Single Stock และ GF ซึ่งอาจให้ตัวเลขที่คลาดเคลื่อนได้ จึงจำเป็นต้องใช้ปริมาณการซื้อขายในตลาดใหญ่มาใช้ทดแทนครับ

เป็นการประมาณการคร่าวๆ เพื่อหาต้นทุนเฉลี่ยในรอบนี้ของต่างชาติ แต่อย่าลืมว่า ต้นทุนเฉลี่ยในรอบก่อนๆ นู๊นซึ่งต่ำมากของต่างชาติ ก็อาจจะยังคงอยู่ครับ

การรู้ต้นทุนเฉลี่ยของต่างชาติอย่างคร่าวๆ ก็พอจะช่วยเราได้ หากตลาดเกิดปรับฐานลงมาแล้วมาอยู่โซนแถวๆ ต้นทุนเฉลี่ยของต่างชาติ การเก็บของให้ได้ “ต้นทุน” พอๆ กับต่างชาติก็จะเป็นเรื่องดีครับ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เมื่อวานมีความเห็นของคุณฉันรักการเล่นหุ้น ดังนี้
เป็น 2 วันหายนะของผม เป็น step ที่สะดุดล้มคำโต ผมตั้งใจว่า จะหยุดเทรดหนึ่งปี เพื่อลงโทษตัวเองที่ไม่มีวินัยในการตัดขาดทุน แต่อีกใจก็คิดว่า 1 ปีที่หยุดไป กับฝึกเทรด size เล็กๆไปเรื่อยๆ ตลอด 1 ปี อย่างไหนจะมีประโยชน์มากกว่ากัน

บทเรียนครั้งนี้ ผมคิดว่า เงิน ตัวเดียว ผมจัดการอารมณ์ความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับเงินไม่ได้ หรือคุณหมากเขียวคิดว่า เงินไม่ใช่สาเหตุ พอจะมีสาเหตุลึกๆ หรือถึงระดับจิตใต้สำนึกที่เราต้องเข้าไปแก้ไหมครับ

เมื่อก่อนเวลาขาดทุนหนักแบบนี้ จะรู้สึกเคว้ง หมดกำลังใจ คิดเราคงเอาดีทางนี้ไม่ได้ แต่เมื่อเห็นว่า มืออาชีพก็มีวันแบบนี้เหมือนกัน แต่ทัศนคติของมืออาชีพกับของเราไม่เหมือนกัน มืออาชีพเขาขาดทุนเพราะระบบและตัดขาดทุนเพราะระบบ แต่ผมเล่นแบบนึกเอาว่ามาน่าจะ...เวลาตัดขาดทุนก็เพราะใจทนทุกข์ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

บทเรียนครั้งนี้ คือ การขาดทุนหนักไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ไม่ใช่เรื่องหนักขนาดที่ต้องลงโทษตัวเอง เสียแล้วเสียไป ถ้าใจอยากเอาคืนจะเสียเพิ่มขึ้น เหมือนกำลังเล่นคร่อมจังหวะ ต้องหยุดก่อน พูดง่าย แต่ทำยาก เพราะแรงของความอยากได้คืน มันชนะ ผมคงต้องฝึกอีกหลายปี กว่าจะชนะใจตัวเอง

อยากถามคุณหมากเขียวว่า มีวิธีลัดไหม ที่จะชนะใจตัวเอง

แต่นึกถึงนิทานเซนเรื่องหนึ่งที่ลูกศิษย์ถามว่า อยากจะสำเร็จโดยเร็วใช้เวลากี่ปี อาจารย์ตอบว่า 5 ปี ลูกศิษย์บอกว่านานจัง เอาแบบที่สั้นกว่านี้ น่าจะกี่ปี อาจารย์ตอบว่า อีก 10 ปี

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผมได้ตอบคร่าวๆ ไว้ในกระทู้เดิมดังนี้
ตอนนี้ทำใจสบายๆ ครับ เกมส์มันจบไปแล้ว ค่อยหาจังหวะเริ่มเล่นเกมส์ใหม่

ปัญหาของคุณผมว่ามันน่าจะอยู่ที่คุณอาจจะยังหาโมเดลเทรด ที่มี System Trade อยู่ในนั้นไม่เจอ เลยเริ่มทำตามวินัยการเทรดไม่ได้ เพราะไม่มีโมเดล หรืออาจจะมีแต่ไม่มั่นใจที่จะใช้ตาม

ทำใจสบายๆ ครับ ผมว่ามีคนขาดทุนมากกว่าคุณเยอะ

ผมล่ะคนนึง.....

รถ BMW ผมหายไปหนึ่งคันจากการ Drawdown ของ MK 205

แต่ทำไมผมไม่เครียด กินอิ่ม นอนหลับ ไปออกกำลังกาย ไปช้อปปิ้ง ฯลฯ ได้

นั่นอยู่ที่วิธีการคิด และระบบเทรดนั่นเองครับ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วันนี้ผมขอตอบคำถามละเอียดเป็นข้อๆ ดังนี้ครับ

1. หยุดเทรด 1 ปี กับ เทรด size เล็กๆ ไปเรื่อยๆ ตลอด 1 ปี แบบไหนดีกว่ากัน

ผมแนะนำให้หยุดเทรดก่อน จนกว่าคุณจะค้นหาตัวเองพบว่า “คุณเหมาะกับการเทรดแบบใด” เล่นสั้น เล่นยาว เล่นเป็นรอบๆ เดย์เทรด ฯลฯ การจะค้นหาตัวเองให้พบ คุณจะรู้ตัวคุณเองว่าคุณชอบเทรดแบบไหนแล้วมีความสุข และขึ้นอยู่กับหน้าที่การงานของคุณว่ามีเวลาในการติดตามตลาดมากน้อยเพียงใด

เมื่อค้นหาตัวเองพบ ให้ค้นหาโมเดลเทรดที่เหมาะสมกับคุณ แต่ละคนมีโมเดลไม่เหมือนกัน บางคนใช้วิธีตามก้นต่างชาติ เล่นปีนึง 2-3 รอบใหญ่ๆ ก็ทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ บางคนดูตัวเลข Key Indicator ต่างๆ ของหุ้นรายตัว เล่นปีนึง 20-30 รอบ ก็ได้กำไร บางคนเล่นเดย์เทรด จบเป็นวันๆ ก็ได้กำไร บางคนใช้จิตวิทยาการลงทุนล้วนๆ วิเคราะห์พฤติกรรมผู้เล่นในตลาด ก็ทำกำไรได้ บางคนใช้ System Trade หรือระบบเทรดเข้ามาก็ทำกำไรได้ บางคนใช้วิธีผสมผสาน ดูพื้นฐาน แล้วค่อยมาหาจังหวะเข้าออกจากกราฟทางเทคนิค ก็ได้กำไรเหมือนกัน

ดังนั้นต้องค้นหาตัวเองและโมเดลที่เหมาะสมกับคุณให้พบ

จากนั้นลอง Paper Trade จนกว่าจะมั่นใจเต็มที่ แล้วกลับเข้ามาเทรดด้วย size เล็กๆ ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่ม size ขึ้นไปเรื่อยๆ ครับ

2. เงินคือปัญหาการเทรดของคุณหรือเปล่า

เงินก็เป็นปัจจัยหนึ่ง บ่อยครั้งเราจะเห็นว่า ทำไมเวลาเราเล่นเกมส์เทรดหุ้น หรือทำ Paper Trade มันทำกำไรได้กำไรดีจัง พอเล่นเงินจริงทีไร เจ๊งทุกที

หรือเวลาเล่น size เล็กๆ กำไรดีจัง พอเพิ่ม size ทีไร เจ๊ง ทุกที เลยทำให้แทนที่ Reward มันมากกว่า Risk กลับกลายเป็น Risk มากกว่า Reward ทั้งๆ ที่ Win มันมากกว่า Lose

แก้ไขโดยการเล่น size เล็กๆ ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่ม size ไปทีละนิดๆ ครับ

และ “ห้าม” มองที่ตัวเงินเด็ดขาดว่า “เราได้กำไรเท่านั้นเท่านี้” หรือ “เราเจ๊งไปเท่านั้นเท่านี้” แต่ให้มองที่ต้นทุนเป็น “จุด” แทน และต้องตั้ง Cut Loss ไว้ในใจเลยว่า

หากเราคิดว่าเราถูก แต่ดัน “ผิด” เราจะยอมรับผิดที่ “กี่จุด” เมื่อถึงระดับนั้น Cut ก็คือ Cut ครับ ไม่มี

“แต่ว่า”
“จะดีเหรอ”
“เดี๋ยวก่อนนา”
“อีกนิด อีกนิด”

ฯลฯ สารพัดข้ออ้างในจิตใต้สำนึกที่ไม่อยาก “เสียเงิน”

นั่นคือ “ตัวเงิน” คือ “ปัญหา” บางส่วนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง

แต่ “ปัญหาใหญ่” ของคุณที่ต้องไปรีบแก้ นั่นคือ

-ยังค้นหาตัวเองไม่พบว่าเหมาะกับการเทรดแบบใด
-ยังหาโมเดลเทรดที่เหมาะกับตัวเองไม่พบ
-ยังไม่ได้ทดสอบโมเดลเทรดนั้น จนทำให้ “เชื่อ” ในโมเดล และฝังเข้าไปในจิตใต้สำนึกได้
-ยังไม่สามารถสร้าง “วินัยการเทรด” ได้ เนื่องจากส่วนประกอบข้างต้นยังค้นหาไม่เจอ

“ความว่างเปล่า” อันเป็นเคล็ดลับของสุดยอดวิชา จึงเกิดขึ้นไม่ได้จากการที่ “วินัยการเทรด” ไม่ได้รับการฝึกฝน กระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเข้าไปในจิตใต้สำนึก

หาก “วินัย” ได้ถูกฝึกฝนจนฝังเข้าไปในจิตใต้สำนึกแล้ว คุณจะพบ “ความว่างเปล่า” ของ “จิต” ที่ถูกสั่งการโดยอัตโนมัติ เวลาคุณ “ได้เงิน” หรือ “เสียเงิน”

จิตของคุณจะสั่งการว่า “มันเกิดขึ้นจากกระบวนการสร้างระบบเทรดที่คุณออกแบบมาและทำตามอย่างมีวินัย” ไม่ได้เกิดจาก “โชคชะตา” “ดวง” หรือ “ความเก่งกาจ” ของคุณ

เมื่อคุณมีความสุขจากการกำไร จิตจะสั่งให้คุณระงับอารมณ์นั้นไว้และมีสติกลับมาว่า %Lose มันกำลังใกล้เข้ามา เมื่อคุณขาดทุนมากจนเป็น Max Drawdown จิตจะสั่งให้คุณระงับอารมณ์นั้นไว้และมีสติกลับมาว่า คุณทำตามระบบ และ %Win กำลังคืบคลานเข้ามาหาคุณ

เมื่อเป็นดังนี้ จิตของคุณก็จะกลับมาว่างอีกครั้งและพร้อมที่จะเริ่มเล่นเกมส์ใหม่ๆ และเก็บเกมส์เก่าๆ ไว้เป็นบทเรียนเตือนใจ

“การนั่งสมาธิ” สามารถช่วยคุณให้กลับมี “สติ” และ “ควบคุมอารมณ์” ได้ดีขึ้นครับ ลองดู

3. มีวิธีลัดหรือไม่

วิธีลัดน่ะมีครับ ผมแค่ให้ระบบเทรดผมไป หรือชี้แนะไปหาอาจารย์เก่งๆ นั่นแหละวิธีลัด แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหาก “กระบวนการสร้างวินัย” มันไม่เกิด

สมัยที่ผมเป็นหัวหน้าแผนก ทำหน้าที่สร้างทีมและเป็นโค้ชให้กับ Prop Trader ผมไม่เคยสอน “วิธีลัด” แต่ผมสอน “กระบวนการสร้างวินัย” ให้กับเทรดเดอร์

น้องๆ เทรดเดอร์หลายๆ คน ยังคงตามอ่าน blog ผมอยู่ คงจะนึกภาพออกได้ว่ามันเป็นอย่างไร

-ทำไมผมต้องให้ทุกคนมาแต่เช้า ทำ Market Overview ให้ผมอ่านก่อนตลาดเปิดทุกวัน
-ทำไมผมต้องมีกฎระเบียบต่างๆ อย่างเคร่งครัด ใครละเมิดหรือทำผิด “ต้องถูกแบน”
-ทำไมผมไม่สอน “วิธีทำเงิน” แต่ผมกลับบีบคั้นให้เทรดเดอร์ “มีวินัย”
-ทำไมผมชี้แนะด้วยถ้อยคำ “สั้นๆ” บางคนถอดความได้และนำไปทำเงิน บางคนกว่าจะนึกได้ต้อง “เสียเงินไปก่อน” บางคนฟังหูซ้ายทะลุหูขวาและด่าผมว่า “ผมไม่เคยสอนอะไรเลย”
-ทำไมผม “ต้องแกล้งโง่” ในบางครั้ง เพื่อให้เทรดเดอร์แต่ละคนเปิดไต๋ตัวเองออกมาให้หมดว่า “รู้อะไรมาบ้าง” แล้วผมค่อยไป “เติมเต็ม” ส่วนที่เค้าขาดหายไป หรือยังทำได้ไม่ดี
-ทำไมผมต้องคอยเบรกเทรดเดอร์ที่เสียเงิน ให้หยุด และออกไปล้างหน้าล้างตา ระงับอารมณ์ “อยากเอาคืน” ให้หมดก่อน แล้วค่อยกลับมานั่งหน้าจอ
-ทำไมผมให้การบ้านไปทำโดยไม่สอน ให้นำมาส่งแล้วค่อยชี้แนะแล้วกลับไปทำมาใหม่
-ทำไมผมให้เทรดเดอร์ที่เสียเงินหยุดเทรด แล้วมานั่งอ่านหนังสือที่ผมให้ และมาสรุปให้ผมฟังเป็นบทๆ
-ทำไมผมให้เทรดเดอร์นั่งเล่นเกมส์ในยามว่างได้ เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด

ฯลฯ เหล่านี้ เป็นกระบวนการสร้างวินัยให้ฝังเข้าไปใน “จิตใต้สำนึก” แทบทั้งสิ้น

วิธีลัดที่ผมจะแนะนำ และคิดว่าเป็นอาจารย์ที่ดีและมีกลุ่มลูกศิษย์มากมาย อีกทั้งแทบจะไม่ต้องเสียเงินเลย ให้คุณลองเข้าไปในเวบของคุณลุงโฉลก ซึ่งคุณ Durahan แห่งเวบ Thaigold.info ก็เป็นลูกศิษย์คนนึงของอาจารย์ท่านนี้ครับ

วันนี้ขอจบเพียงเท่านี้ หากมีคำถามเพิ่มเติม ผมยินดีตอบให้เท่าที่ความรู้ผมพึงจะมีครับ


"แมงเม่าของเมื่อวันวาน คือ เซียนหุ้นของพรุ่งนี้"




Create Date : 18 มีนาคม 2553
Last Update : 18 มีนาคม 2553 11:58:05 น.
Counter : 1127 Pageviews.

11 comments
  
โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 18 มีนาคม 2553 เวลา:12:44:09 น.
  
ขอบคุณ คุณหมากเขียมากที่กรุณาตอบอย่างละเอียด
สิ่งที่ผมได้รับวันนี้และเป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดถึงมันจริงจังมาก่อนคือ
ผมยังค้นหาตัวเองไม่เจอ ยังไม่มีระบบเทรดประจำตัว
เลยพลอยให้ระบบของวินัยยากไปด้วย เพราะไม่รู้จะยึดหรือจะตรวจสอบกับอะไร หรือจะยึดอะไรมาประเมิน
คือบางทีรู้ว่าเราทำผิด แต่ไม่มีคนบอก ไม่มีคนตรวจสอบ
เราก็แกล้งลืมมันไป เพราะไม่อยากรับผิดนั้น
เลยไม่ได้รับการแก้ไขเป็นชิ้นเป็นอัน

trading coach คงจำเป็นมากที่สุดสำหรับผมตอนนี้
หากผมมีโอกาสเหมือนรุ่นน้องที่คุณหมากเขียวฝึกให้คงดีไม่น้อย ผมจะรอโอกาสนั้นครับ

ต่อจากนี้ผมคงต้องหาระบบและฝึกวินัยอย่างจริงจังทุกส่วนเสี้ยวของชีวิต

หากได้ระบบที่ผมคืดว่าเหมาะสมแล้ว จะนำมาขอคำชี้แนะอีกนะครับ

การเทรดช่วงนี้ ผมหยุดอยู่ครับ
ใจยังไม่ปกติดี คงกลัว และ แหยงไปอีกพักใหญ่

ชอบทุกคำที่เขียน
โดยเฉพาะกับประโยคนี้
จิตของคุณจะสั่งการว่า “มันเกิดขึ้นจากกระบวนการสร้างระบบเทรดที่คุณออกแบบมาและทำตามอย่างมีวินัย” ไม่ได้เกิดจาก “โชคชะตา” “ดวง” หรือ “ความเก่งกาจ” ของคุณ


จะตามอ่าน blog ครับ

ขอบคุณครับ

โดย: ฉันรักการเล่นหุ้น วันที่: 18 มีนาคม 2553 เวลา:15:13:27 น.
  
อีกนิดครับ

โมเดลเทรด กับ system trade ต่างกันหรือไม่ อย่างไรครับ?
โดย: ฉันรักการเล่นหุ้น วันที่: 18 มีนาคม 2553 เวลา:15:16:44 น.
  
และยังไม่ค่อยเข้าใจนักกับ

""เมื่อคุณมีความสุขจากการกำไร จิตจะสั่งให้คุณระงับอารมณ์นั้นไว้และมีสติกลับมาว่า %Lose มันกำลังใกล้เข้ามา เมื่อคุณขาดทุนมากจนเป็น Max Drawdown จิตจะสั่งให้คุณระงับอารมณ์นั้นไว้และมีสติกลับมาว่า คุณทำตามระบบ และ %Win กำลังคืบคลานเข้ามาหาคุณ""
โดย: ฉันรักการเล่นหุ้น วันที่: 18 มีนาคม 2553 เวลา:15:23:01 น.
  
สำหรับความหมายของผม โมเดลเทรด คือ ตัวแบบอะไรก็ได้ที่เรายึดถือมาเป็นแบบในการใช้เทรด

ดังนั้น โมเดลเทรด ของผมจะประกอบด้วย

1.System Trade ที่ออกแบบ และทดสอบ Backtesting มาเป็นอย่างดี
2.ปัจจัยพื้นฐาน
3.การวิเคราะห์ Fund Flow
4.จิตวิทยาการลงทุน
5.การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้เล่นในตลาด
6.การวิเคราะห์ทางเทคนิค
โดย: หมากเขียว วันที่: 18 มีนาคม 2553 เวลา:16:14:58 น.
  
"เมื่อคุณมีความสุขจากการกำไร จิตจะสั่งให้คุณระงับอารมณ์นั้นไว้และมีสติกลับมาว่า %Lose มันกำลังใกล้เข้ามา เมื่อคุณขาดทุนมากจนเป็น Max Drawdown จิตจะสั่งให้คุณระงับอารมณ์นั้นไว้และมีสติกลับมาว่า คุณทำตามระบบ และ %Win กำลังคืบคลานเข้ามาหาคุณ"


แปลความ

ไม่สุข จาก กำไร ที่ได้

ไม่ทุกข์ จาก ขาดทุน ที่เสีย

เพราะมีสุข ก็ ย่อมมีทุกข์

เมื่อเก็บกำไรมาแล้ว %Win ใน Win-Lose Ratio จะถูกเพิ่มเข้ามา ดังนั้นโอกาสจะเกิด %Lose ในอนาคตย่อมมีมากกว่า

เมื่อขาดทุนไปแล้ว %Lose ใน Win-Lose Ratio จะถูกเพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้นโอกาสจะเกิด %Win ในอนาคตย่อมมีมากกว่าเช่นกัน

ไม่สุข และไม่ทุกข์ จากการเทรด ทำ "จิต" เป็นกลางๆ

นั่นคือ "เคล็ดลับของสุดยอดวิชา"
โดย: หมากเขียว วันที่: 18 มีนาคม 2553 เวลา:16:18:42 น.
  
ขอบคุณครับ
โดย: ฉันรักการเล่นหุ้น วันที่: 18 มีนาคม 2553 เวลา:16:35:59 น.
  
-ทำไมผมต้องให้ทุกคนมาแต่เช้า ทำ Market Overview ให้ผมอ่านก่อนตลาดเปิดทุกวัน

Market overview ทำอย่างไรหรอคับ อยากรู้อะ เผื่อไว้เป็นการสร้างวินัยให้ตัวผมเอง


-ทำไมผมต้องมีกฎระเบียบต่างๆ อย่างเคร่งครัด ใครละเมิดหรือทำผิด “ต้องถูกแบน”

อันนี้ก็อยากรู้ เผื่อไว้ลงโทษตัวเอง ว่าอันไหนผิด อันไหนไม่ผิดครับ
โดย: ยิ้มไว้เมื่อหุ้นลง วันที่: 18 มีนาคม 2553 เวลา:18:45:27 น.
  
"ไม่สุข และไม่ทุกข์ จากการเทรด ทำ "จิต" เป็นกลางๆ"
นั่นคือ "เคล็ดลับของสุดยอดวิชา"
.......................................
ขอบคุณครับ ตรงนี้ยากมากเลย ครับ
โดย: Brocobrocco วันที่: 18 มีนาคม 2553 เวลา:19:37:46 น.
  

มาให้กำลังใจครับ

แม้แต่ โปแกรมคอมพิวเตอร์ ทุกอย่างก็ต้องอัพเดท ปรับปรุง เวอร์ชั่นใหม่ๆๆกันตามกาลเวลา ไปตลอดเช่นกัน

โลกไม่หยุดนิ่ง เราก็ต้องสังเกตและ ปรับปรุงระบบของเราตามไปด้วย

ถ้าหลักการดี หาจุดอ่อนเจอ การแก้ไขคงไม่ยาก

มีเรื่องเล่าให้ฟัง

เป็นเรื่องจริงของไต๋เรือคนหนึ่ง ที่ได้แชมป์การจับปลาเป็นอันดับหนึ่ง ในอ่าวไทย ทำเงินให้เจ้าของ ปีละมากมาย (รายได้ไต๋ จะได้เพิ่มตามเปอร์เซนต์การจับได้มากน้อยด้วย )จนมาถึงจุดหนึ่งที่มีเงินพอประมาณ เขาได้ปรึกษากับคนที่รู้จัก ว่าอยาก สร้างเรือของตัวเอง
ทุกคนที่เคยเกี่ยวข้องโดยเฉพาะ เจ้าของแพปลา ที่มีผลประโยชน์ผูกพัน ถ้าเขานำปลาเข้ามาขายให้ก็สนับสนุน ความคิดของเขา

แต่เมื่อมาเป็นเจ้าของเอง และเป็นไต๋เอง จะว่าโชคหรือ อะไรไม่ทราบ เขาไม่เก่งเหมือนตอน ที่เป็นลูกจ้าง เมื่อก่อน
(เขามากระซิบบอกเพียงว่า ทุนที่ไม่ยาวพอ เมื่อพลาด
และการบริหารจัดการ ในเรื่องทั้งหมด ที่ไต๋ไม่ต้องทำแต่เจ้าของต้องทำนั้นแหละ ที่ทำให้ไม่สนุกเช่นก่อน )

อย่าซีเรียสนะครับ มองเห็นบีเอ็มวิ่งออกไป เมื่อก่อนอาจจะมองเห็นเครื่องบินแจทวิ่งไปยังเฉยๆๆ

นิทานสอนเพียงว่า เงินเขาเราไม่กลัว แต่พอเงินเรานี่แหละ ต้องทำใจให้ได้

ระบบอาจจะไม่มีปัญหา แต่เพียงเวลาปัจจุบัน มันไม่ปกติเท่านั้นเอง
โดย: หมอสัจจะ วันที่: 19 มีนาคม 2553 เวลา:6:49:32 น.
  
ค.ห.ของคุณหมอสัจจะดีมากครับ ผมขอนำขึ้นไปไว้ในตอนต่อไปนะครับ

ขอบคุณทุกๆ ค.ห. สำหรับคำถามผมจะตอบให้ในตอนต่อไป แต่ขอตอบเท่าที่ตอบได้ เพราะบางส่วนถือว่าเป็น "ความลับ" ของบริษัท ที่ถึงผมจะออกมาแล้ว ก็ไม่สามารถบอกได้ครับ
โดย: หมากเขียว วันที่: 19 มีนาคม 2553 เวลา:11:10:31 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Mhakkeaw.BlogGang.com

หมากเขียว
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]

บทความทั้งหมด