by merveillesxx





สมัยก่อนถ้าได้ข่าวว่าเพื่อนคนไหนกำลังจะไปเรียนต่อ ผมจะรู้สึกพารานอยด์มาก เพราะจะรู้สึกประมาณว่าเขาไปได้ดิบได้ดีกันแล้ว ไฉนชีวิตกูถึงดักดานอยู่ที่นี่เช่นนี้หนอ
แต่ ณ ปัจจุบัน หลังจากเอาชนะค่านิยม "การไปเรียนต่อเร็วๆ" และพอจะรู้เส้นทางชีวิตชัดเจนขึ้น (บ้าง) เวลาเพื่อนคนไหนไปเรียนต่อก็จะรู้สึกเฉยๆ เป็นเหตุการณ์ปกติสามัญมากทีุ่สุดเรื่องหนึ่ง
"รอง" คือเพื่อนรายล่าสุดที่กำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ (อเมริกา) ถึงแม้จะไม่แน่ชัดว่าจะได้เรียนต่อ อะไร ยังไง ที่ไหน (เจ้าตัวยื่นใบสมัครไปตามมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ยังไมไ่ด้รับการตอบรับ) แต่เจ้าตัวก็ขอไปใช้ชีวิตเก๋ๆ ที่นิวยอร์คก็แล้วกัน
รองเป็นเพื่อนสมัยมหาลัย (คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์) จากการคบกันมาร่วม 6 ปี ผมรู้สึกว่ารองมีข้อดีตรงที่เป็นคนที่ตัดสินใจอะไรได้แน่วแน่ ไม่ค่อยลังเล และที่สำคัญดูเหมือนเขาจะรู้จักการเป็นนายเหนือชีวิตตัวเองได้ดีทีเดียว พูดอีกแบบก็คือเขาใช้ชีวิตเป็นนั่นแหละ ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ผมรู้สึกอิจฉาเขาอยู่ประมาณหนึ่ง
แน่นอนการที่มานั่งเขียนบล็อกนี้ ทำให้ผมอดย้อนถึงสมัยเรียนมหาลัยไม่ได้ ความทรงจำของผมกับรองมีเรื่องตลกๆ อยู่หลายเรื่อง อย่างเ่ช่น ตอนปี 1-2 ที่อยู่หอที่ มธ.รังสิต ด้วยความที่รองอยู่หอโซนเดียวกัน รองก็เลยชอบมาที่ห้องผมบ่อยๆ
ไอ้ผมก็มีนิสัยไม่ชอบให้ใครมายุ่งย่ามพื้นที่ส่วนตัว แรกๆ ก็เลยไม่ยอมให้รองเข้ามา แต่หลังๆ ก็ผ่อนผันบ้าง ด้วยความที่ห้องผมมีนิตยสารต่างๆ นานาเยอะมาก รองก็เลยชอบมาทำเนียนนั่งอ่านบ้าง นอนอ่านบ้าง รองยังเคยบอกว่าห้องผมสะอาดดี พอเปิดประตูจะเข้าห้องน้ำ มันก็บอกว่าเกรงใจที่จะฉี่ เพราะสะอาดเกินไป 555 (สมัยนั้นมันเรียนน้อยและเวลาว่างเยอะ ผมเลยขัดห้องน้ำเป็นงานอดิเรก)
ถึงแม้รองจะไม่ใช่พวกคนดูบ้าหนังอาร์ตอะไร แต่รองยืม DVD ของผมไปดูหลายเรื่องเหมือนกัน รองมีความสนใจในภาพยนตร์ (และศิลปะอื่นๆ) เขาเลยมักจะชวนผมคุยเรื่องหนังอยู่เสมอ นอกจากนั้นรองยังเข้ามาอ่านบล็อกของผมเป็นประจำ ตอนเรียนจบไปแล้ว พอมาเจอหน้ากันก็ค่อยถามถึงผลงานด้านงานเขียนอยู่ตลอด ผมจึงรู้สึกดีที่รอง (และจริงๆ ก็เพื่อนทุกคนในกลุ่ม) ยอมรับสิ่งที่ผมทำและเป็น แถมยังสนับสนุน (โดยเจ้าตัวอาจไม่รู้ตัว) อย่างที่ผมเขียนลงใน facebook ของตัวเองว่า "Good luck! My friend, Thanks for always supporting my faith in film and art."
วันนี้หลังจากมีงานเลี้ยงส่งเล็กๆ กันในกลุ่ม ตอนขากลับผมนั่งรถใต้ดินมากับรอง เขาลงสถานีก่อนผม เราร่ำลากันพอเป็นพิธี เมื่อเขาลงจากรถไป ผมก็นึกถึงตนอสมัยปีหนึ่ง มันเป็นตอนที่ผมกับรองขึ้นรถ ปอ.29 ด้วยกัน ตอนนั้นเรายังไม่ค่อยสนิทกันมาก แต่การสนทนาในวันนั้น ทำให้ผมรู้สึกว่า คนๆ นี้เป็นคนที่จริงใจและไว้ใจได้
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าจากนี้ไปเราจะอยู่ต่างดินแดนกัน ผมก็รู้สึกว่าผมกับรองจะไม่ได้ห่างไกลอะไรกันมากมายนักหรอก เพราะเจ้าตัวเขาบอกว่า "กูตามอ่าน facebook ของมึงทุกวัน!"