ฟ้าใสที่ตุรกี ตอนเช้าวันหนึ่งที่ Nemrut เราเพิ่งได้ยินชื่อ Mount Nemrut (อยู่ทางใต้ๆของตุรกี) ก็ตอนที่เปิดดูโปรแกรมทัวร์ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะพักที่เมือง Kahta และยอมตื่นแต่เช้า (ตี 3) เพื่อนั่งรถต่อไป Mount Nemrut ที่อยู่ไกลออกไป 40 กม. พอถึงที่ก็ยังต้องเดินขึ้น ~500 เมตรเพื่อไปยังยอดเขาให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น ที่นี่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 2000 กว่าเมตร เป็นระดับที่จิ๊บๆเพราะยังไม่ได้สูงขนาดที่ altitude sickness จะเป็นปัญหา แต่ก็สูงขนาดที่ลมแรงและเย็นสะใจ แถมเป็นช่วงเช้ามืดที่ยังไม่มีแดด ยิ่งทำให้หนาวขึ้นไปอีก คนตุรกีบางคนเอาผ้าห่มผืนใหญ่มาห่มตัวแทนเสื้อหนาว เราใส่เสื้อกันลมทับเสื้อหนาวบางๆที่มีฮู้ดทำให้ท่อนบนอุ่นสบาย แต่ท่อนล่างที่เป็นกางเกงยีนส์กลับรู้สึกว่าลมทะลุผ่านไปแบบง่ายๆ เราลืมเอาถุงมือมา แค่ถ่ายรูปบนยอดเขาไม่กี่นาทีทำเอามือเราแดง+เย็นเจี๊ยบไปหมดเลยค่ะ -___-
กษัตริย์ Antiochus I
(จากซ้ายไปขวา) นกอินทรี, Antiochus I, Kommagene (Goddess แห่งความมั่งคั่งและโชคดี), Zeus
Apollo, Heracles หรือ Hercules, นกอินทรี, สิงโต Nemrut เป็น Unesco World Heritage แห่งหนึ่ง ที่นี่เป็นสุสานของกษัตริย์ Antiochus I ของอาณาจักร Commagene (หนึ่งในอาณาจักรที่เกิดขึ้นหลังจากสิ้นยุคของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์) ยอดเขามีลานฝั่งตะวันออกและลานฝั่งตะวันตกที่มีรูปปั้นหินยักษ์หัวขาด ตรงกลางเป็นยอดเขาที่ถูกถมขึ้นซึ่งน่าจะเป็นที่ฝังศพที่ยังไม่ถูกค้นพบ ที่ลานฝั่งตะวันออกหัวยักษ์ถูกตั้งเรียงแถวตรงหน้ารูปปั้น มีหัวกษัตย์ Antiochus I,นกอินทรี, สิงโตและเทพเจ้าของกรีก, อาร์มีเนียและเปอร์เซีย เช่น Zeus, Apollo และ Heracles แต่ละหัวมีขนาดใหญ่กว่าคนอีก แสงค่อยๆสว่างจากยอดเขามายังรูปปั้นแล้วก็ไล่ลงมาถึงหัวรูปปั้นที่อยู่ข้างล่าง เปลี่ยนหินให้เป็นสีส้มตัดกับท้องฟ้าสีฟ้า ถ้ารูปปั้นยังอยู่ในสภาพเดิม ภาพของรูปปั้นยักษ์มองลงมายังคนที่อยู่ข้างล่างคงเป็นภาพที่น่าทึ่ง + อลังการมากๆค่ะ
คนรอพระอาทิตย์ขึ้นที่ Mount Nemrut
Mount Nemrut อาบ(แสง)แดด (ของจริงสีสดกว่านี้ค่ะ ^^) รูปปั้นที่ลานฝั่งตะวันตกก็มีสภาพเหมือนกับลานฝั่งตะวันออกคือหัวหลุด แต่หัวของรูปปั้นจะดูสมบูรณ์และสวยงามกว่า รูปปั้นที่นี่สีซีดเซียวไม่เหมือนอีกฝั่งเพราะไม่ได้โดนอาบด้วยแสงอาทิตย์ เวลาที่น่าดูอีกเวลาหนึ่งคือช่วงพระอาทิตย์ตกซึ่งแสงคงจะสวยไม่แพ้กับตอนพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ (ถ้าใครจะขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ควรพกขนมที่กินง่ายๆไปด้วย เพราะตอนเดินลง เรามีความรู้สึกว่าหน้าท้องแบนติดกับกระดูกสันหลังไปเลย ก็เล่นใช้พลังงานสู้ความหนาว, ลมแรงและการเดินขึ้นเขาไปจนเกลี้ยง……….)
Antiochus I ที่ลานฝั่งตะวันตก (ไม่บิ่นเหมือนลานฝั่งตะวันออก)
รูปปั้นทั้ง 2 ลานจะเรียงลำดับเหมือนๆกันค่ะ
แผ่นแกะสลักหินที่ลานฝั่งตะวันตก ไม่แน่ใจว่าเป็นรูปกษัตริย์หรือเทพเจ้า
วิวขาลง (ทำเอาหายเหนื่อยเลย!!) จาก Mount Nemrut พวกเราก็เดินทางต่อไปที่ Arsameia ซึ่งมีแผ่นแกะสลักหินรูปกษัตริย์ Mithridate จับมือกับ Heracles ระหว่างทางมีดอกไม้ป่าขึ้นเต็มไปหมด มีหลายสีหลายชนิด เราถ่ายรูปดอกไม้มากกว่าแผ่นแกะสลักหินซะอีก ^^
เสาหิน? ที่ Arsameia
แผ่นแกะสลักหิน Antiochos I จับมือกับ Heracles
ดอกไม้ป่าระหว่างทาง แถวนี้ยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีก 2 ที่ก็คือสะพานหินยุคโรมัน Cendere ที่เป็นสะพานโค้งข้ามแม่น้ำ kahta มีเสาหินที่ปลายสะพาน 3 ต้นจาก 4 ต้น ซึ่งเสาแต่ละต้นถูกอุทิศให้กับกษัตริย์ Lucius Septimus Severus, ภรรยากับลูกชาย 2 คน Geta และ Caracalla เหลือเสา 3 ต้นเพราะอีกต้นถูกทำลายหลัง Geta ถูกลอบสังหารโดย Caracalla และ Caracalla สั่งทำลายคำจารึกและทุกอย่างที่เกี่ยวกับ Geta (รวมทั้งเสาต้นนี้ด้วย) ทุกอย่างคงไม่ได้ถูกทำลายหมด เพราะนักโบราณคดียุคหลังจะรู้ข้อมูลพวกนี้ได้ยังไง?
หลายๆมุมของสะพาน Cendere
สะพานสมัยโรมันเทียบกับสะพานสมัยใหม่ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งสุดท้ายก่อนที่พวกเราจะกลับไปทานข้าวเช้าที่โรงแรมก็คือ Karakus Tumulus เป็นที่ฝังศพของสมาชิกสตรีของราชวงศ์ของอาณาจักร Commagene ซึ่งก็เป็นเนินเขาที่ถูกถมขึ้นแล้วก็มีเสาตามทิศต่างๆ ตอนที่ไปถึงแทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ได้ยินแต่เสียงลม เป็นที่ที่สงบเหมาะเป็นที่พักสุดท้ายจริงๆค่ะ (ที่นี่แทบไม่เหลืออะไรให้ดูเท่าไรค่ะ เพราะพวกโรมันนำหินที่นี่ไปสร้างสะพาน Cendere ส่วนหลุมฝังศพในเนินเขาก็ว่างเปล่า)
เสานกอินทรีซึ่งเป็นเสาที่ยังอยู่ในสภาพที่ดีเมื่อเทียบกับเสาต้นอื่น
หัวสิงโต มาชมรูปค่ะ
โดย: โอน่าจอมซ่าส์
วันที่: 12 กรกฎาคม 2555 เวลา:21:03:09 น.ภาพสุสานกษัตริย์ แปลกตามากค่ะ
ภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่ Mount Nemrut ก็สวยมาก ขอบคุณที่นำภาพมาแบ่งปันนะคะ โดย: Sweet_pills
วันที่: 13 กรกฎาคม 2555 เวลา:14:40:44 น. |
บทความทั้งหมด
|


























วันที่: 12 กรกฎาคม 2555 เวลา:21:03:09 น.
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [