พ่อค้าเร่แห่งท่าพระจันทร์ ![]() เรื่อง : รัน ![]() แสงสีหม่นเศร้าจากเสาไฟริมกำแพงรั้วธรรมศาสตร์ สาดกระทบกับน้ำฝนที่เจิ่งนองบนพื้น เกิดเป็นประกายระยิบระยับไปตามลานซีเมนต์กว้าง ฝนหลงฤดูตกลงมาตามคำพยากรณ์ของกรมอุตุฯก่อนหน้านี้ มันตกหนักมาตั้งแต่กลางวันและขาดเม็ดลงเมื่อเย็นที่ผ่านมา ผมยืนพิงเสาไฟต้นนั้น อัดบุหรี่ไฟแดงวาบท่ามกลางละอองฝนและลมเย็นฤดูหนาว ด้วยเจ็บใจตัวเอง ที่ดันทุรังออกมาขายของในวันที่สภาพอากาศย่ำแย่และใกล้สิ้นเดือนอย่างนี้ ความจริง... ก่อนออกจากบ้านในตอนเย็น หากผมเชื่อฟังคำทัดทานของแม่ ก็คงไม่ต้องเสียเงินค่ารถเมล์ เดินทางจากห้องเช่าที่สำเหร่มายัง ลานคนเดินท่าพระจันทร์ แห่งนี้ สู้เก็บเงินค่ารถ สมทบเป็นค่าเช่าห้องของครอบครัวที่จะต้องจ่ายในอีกไม่กี่วันยังจะดีเสียกว่า เพราะตั้งแต่ตั้งร้านมา เมื่อ 5 โมงเย็นจนถึงป่านนี้ ผมยังขายอะไรไม่ได้เลย ผู้คนไม่รู้หายไปไหนกันหมด ตอนนี้... คงเลยสี่ทุ่มไปแล้วกระมัง ร้านรวงละแวกท่าเรือข้ามฟากท่าพระจันทร์ พากันปิดหมดแล้ว บรรยากาศซึมเซาเงียบเหงาลงไปกว่าเดิม หลังวินมอเตอร์ไซค์ตรงหัวมุมถนนสลายตัวไปเมื่อชั่วครู่ คงเหลือแต่ร้านสะดวกซื้อสัญลักษณ์เป็นรูปตัวเลข ที่ไม่รู้จักหลับนอนราวกับคนกินยาบ้า ถัดจากวินมอเตอร์ไซค์ไปเท่านั้นที่เปิดอยู่ ![]() ลมแรงกระโชกผ่านร่าง จนสะท้าน ผมดีดก้นบุหรี่ทิ้งไปอย่างเซ็งๆ คิดในใจว่า วันนี้ ไม่มีโชคเอาเสียเลย แม้หน่วงเวลาขายออกไปนานกว่าปกติ ขณะที่เพื่อนพ่อค้าแม่ค้าต่างถอดใจ เก็บของกลับบ้านไปก่อนแล้ว ทิ้งผมให้อยู่เพียงเดียวดายกับความว่างเปล่าของลานคนเดิน ที่เวลานี้มีแต่คนเร่ร่อนกับหมาจรจัดป้วนเปี้ยนไปมา ค่าที่อยากขายสินค้าให้ได้สักชิ้นหนึ่งก็เท่านั้น ผมรู้สึกสิ้นหวังจนต้องถอนหายใจหนักๆ สะบัดหัวเร่าๆ อยู่ 2-3 ที ก่อนตัดใจ ทรุดตัวลงนั่งยองๆ เอื้อมมือไปกวาดข้าวของบนผ้ายางสีเขียวขี้ม้าตรงหน้า อันได้แก่ เสื้อยืดเด็กสี่ตัวร้อย ที่รับมาจากตลาดโบ๊เบ๊ เสื้อเชิ้ตเก่า กางเกงยีนมือสอง ตัดตอนมาจากเพื่อนพ่อค้าย่านสะพานพุทธ เอามายัดใส่ถุงทะเลใบใหญ่ ผ้ายางขนาดเมตรคูณ 2 เมตร ถูกสะบัดไล่น้ำ และพับเก็บเข้าไปในถุงทะเลเป็นลำดับสุดท้าย แบกถุงทะเลห้อยโตงเตงไว้ข้างหลัง ก้าวเท้าไปข้างหน้า พาหัวใจเหี่ยวๆไปตามทางฟุตบาทเล็กๆ ที่ทอดยาวไปยังป้ายรถเมล์หน้าร้านแว่นตาเวียงไทย ตรงข้ามวัดมหาธาตุ แลเห็นผู้คนไม่กี่คนยืนรอรถเมล์อยู่ที่ป้าย นานครั้งจึงจะมีลำแสงไฟจากรถบนถนนสาดเข้ามาเสียครั้งหนึ่ง แหงนหน้ามองฟ้าแลบแปลบปลาบกลางหมู่เมฆทะมึน ยินเสียงหวีดหวิวแทรกอยู่ในสายลม นึกกังวล ว่าฝนอาจตกลงมาอีกในไม่ช้า ถ้าเป็นจริง การเดินทางกลับบ้านของผมคงทุลักทุเลไม่น้อยเลยทีเดียว ![]() ระหว่างผ่านหน้าร้านสะดวกซื้อ ฉุกคิดได้ว่า ควรหาซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปติดตัวกลับบ้านด้วย กันเหนียวไว้ก่อนดีกว่า ข้าวมื้อเย็นยังไม่ตกถึงท้องเลยสักเม็ด ผมไม่อาจฝากความหวังไว้กับข้าวเย็นของแม่ได้มากนัก บ่อยครั้ง ที่น้องๆ ในวัยกำลังโตจะสวาปามกันจนหมดเกลี้ยง ไม่มีอะไรเหลือตกมาถึงผม หยุดสองเท้าที่หน้าร้าน ผลักประตูกระจกใสหนักอึ้งเข้าไป แอร์เย็นพรูออกมากระทบร่าง มีเสียง ติ๊ง ต่อง ดังขึ้นพร้อมกัน กวาดตามองไปภายในร้าน ไม่มีลูกค้าเลยสักคน คืนนี้ช่างเงียบเหงาจริงๆ ผมรำพึง พลางเหลียวมองทางขวามือ มองเห็นพนักงานขายหญิงกะกลางคืนในชุดสีเขียวแถบแดงคนเดิม ยืนอยู่หลังเคาเตอร์เหมือนเคย แต่ที่แปลกไปก็คือ คืนนี้ไม่มีหญิงสาวร่างอ้วนที่มักจะยืนขายคู่กับเธอเสมอ ไม่รู้ว่าหายหัวไปไหน ทิ้งให้เธอยืนขายอยู่คนเดียว หญิงสาวปรายตามาทางผม ส่งเสียงสดใส ราวกับหุ่นยนต์ที่ถูกติดตั้งโปรแกรมไว้ว่า สวัสดีค่ะ ร้าน.... ยินดีต้อนรับค่ะ ผมตรงไปยังด้านในของร้าน คว้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต้มโคลงปลาดุกย่างบนชั้นวางสินค้า ติดมือมาด้วย 2 ห่อ เอาไปวางไว้บนเคาเตอร์ หญิงสาวร้องบอกราคา หยิบมันใส่ถุงพลาสติกและยื่นคืนมาให้ ผมส่งธนบัตรใบละยี่สิบบาทที่เหลือติดตัวเพียงใบเดียวให้เธอ และรับถุงพลาสติกมายัดใส่ไว้ในถุงทะเล ส่วนเงินทอนเหรียญ 10 บาท หย่อนใส่กระเป๋ากางเกงยีน ก้าวเท้าตรงไปยังประตูเพื่อกลับบ้าน ![]() ฝนเทกระหน่ำลงมาพอดี เมื่อตอนที่ผมผลักประตูกระจกใสออกไป เม็ดฝนหนาหนักซัดเข้าใส่ร่างเต็มเปา ต้องผลุบตัวกลับเข้ามาในร้านดังเดิม นักขายหญิงทำหน้าตาเหรอหราตกใจ ผมโคลงหัวให้เป็นเชิงขออนุญาต และโดยไม่สนใจว่าเธอจะยอมหรือไม่ ผมเลี่ยงไปยืนที่ข้างๆ ประตู วางถุงทะเลพิงกับกระจกใสบานใหญ่ที่หน้าร้าน เหม่อมองเม็ดฝนที่ด้านนอก ความเงียบเข้าครอบครองภายในร้านแห่งนั้น เวลาผ่านไป และแล้วผมกับเธอก็เผลอสบตากันเข้าอย่างไม่ตั้งใจ ร่างของหญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย แล้วรีบแสร้งมองไปทางอื่น ทุกครั้งที่ผมแวะซื้อข้าวของกลับบ้าน ผมต้องพบเจอเธอเสมอ แต่เราไม่เคยพูดคุยกันสักคำ ผมเพิ่งสังเกตพบว่า เธอสวย ปากนิด จมูกหน่อย ภายใต้ดวงหน้าเรียบเรื่อย ผมยาวเหยียดตรง รูปร่างสมส่วน หน้าอกขนาดกะทัดรัดชูชันอยู่ใต้เสื้อฟอร์มเนื้อหนา สร้อยคอทองคำเส้นเล็กกับพระพุทธรูปองค์น้อยที่คอสะท้อนแสงไฟแวววาว ถึงตรงนี้ ตาเจ้ากรรมเผลอแวบมองไปที่นิตยสารดาราบนชั้นวางหนังสือใกล้ๆ ที่มีรูปดาราสาวในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยยืนกางแขนกางขาที่หน้าปก อากาศภายในร้านเย็นยะเยือกเหลือเกิน แต่เหงื่อเม็ดโตๆ กลับผุดพรายขึ้นเต็มหน้า เลือดในกายวิ่งพลุ่งพล่าน น้ำลายเหนียวหนืดคอขึ้นมาฉับพลัน และเริ่มหอบหายใจแรงราวกับคนที่วิ่งมาเป็นระยะทางไกล วินาทีเดียวกันนั่น ฟ้าก็ลั่นเปรี้ยงลงมา ทันใด ไฟฟ้าในร้านและย่านนั้นดับพรึบลง เสียงกรีดร้องตกใจของหญิงสาวดังเคล้าไปกับเสียงฝนที่ตกหนักด้านนอก เหมือนนรกเป็นใจ ไฟสำรองฉุกเฉินติดผนังที่จะทำงานอัตโนมัติ ให้แสงสว่างทันทีที่ไฟดับ เกิดขัดข้องไม่ทำงาน รถราบนถนนที่ก่อนหน้านี้ นานๆ ครั้งจะผ่านมาสักที เกิดว่างเปล่าลงพริบตา ไม่มีผู้คนเดินผ่านไปมา ในความลางเลือน มองเห็นหมาขี้เรือนตัวหนึ่ง วิ่งเหยาะๆ ฝ่าม่านฝนมานั่งอยู่ที่หน้าร้าน บริเวณนั้นคล้ายกลายเป็นเมืองร้างในพายุฝนไปชั่วขณะ หญิงสาวกรีดร้องแหวกความมืดและความสงัดเงียบขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อผมควักเอาไฟแช็กแก๊สออกมาจุด ดวงไฟเล็กๆ ผุดขึ้นในมือ พร้อมกับย่างสามขุมเข้าไปหาเธอ ดวงตาสวยคู่นั้นเบิกกว้างขึ้นราวกับเห็นภูติผีปีศาจ ขณะจับจ้องมายังผมที่กำลังเคลื่อนเข้าไปใกล้ทุกทีๆ มือเรียวงามทั้งสองยกขึ้นกุมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ห้อยคอเอาไว้แน่น ปากคอสั่นระริก กระถดร่างถอยห่างไปติดผนังด้วยท่าทีตื่นกลัว พึมพำอะไรบางอย่างฟังไม่ได้ศัพท์ เพียง 4 ก้าวเท่านั้น ผมก็มายืนเบื้องหน้าเธอแล้ว มีเพียงเคาเตอร์กั้นกลางเราสองเอาไว้ ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยขึ้น พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นพร่าว่า อ.อ.อ..เอ่อ คุณแม่ค้าครับ พ.พ.พ. พอจะมีเทียนไขเก็บไว้บ้างไหม ? เธอเป่าลมหายใจพรืดออกมาคล้ายระบายความอึดอัด แล้วจึงพยักหน้ารับอย่างหวาดๆ ตอบผมด้วยสุ้มเสียงเหน่อๆ แบบคนถิ่นอื่น ปนตะกุกตะกักว่า ม...ม ..มีค่ะ พลางเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักใต้เครื่องคิดเงิน หยิบเอาเทียนไขเล่มหนึ่งส่งมาให้ ผมจ่อไฟกับไส้เทียน หยดน้ำตาเทียนลงบนเคาเตอร์เบื้องหน้า และปักมันไว้ตรงนั้น หมุนตัวกลับมายืนในที่ของตัวเอง ![]() จากแสงเทียนวับแวม ลำดวน แก้วสูงเนิน ชื่อและนามสกุลบนป้ายชื่อที่หน้าอกบอกกับผมว่า เธอน่าจะมาจากต่างจังหวัดอันไกลโพ้น พลัดบ้านพลัดถิ่นเข้ามาทำมาหากินอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ จะดีกว่าไหมหนอ ? -ผมคิด หากเวลานี้เราจะได้พูดคุยกัน แลกเปลี่ยนทัศนะ ประสบการณ์ของกันและกัน เธอเล่าเรื่องบ้านเกิดให้ผมฟัง ส่วนผมก็จะเล่าเรื่องฝั่งธนบุรี ดินแดนพระเจ้าตาก ถิ่นกำเนิดของผมเป็นการตอบแทน มันคงสนุกดีพิลึก และช่วยให้เราผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปได้อย่างสุขสม มืดอย่างนี้ กลัวผีบ้างไหมครับ เอ...ไม่ทราบว่า ฆาตกรฆ่าข่มขืนที่อาละวาดอยู่ตอนนี้ ถูกจับได้หรือยังครับ ฯลฯ ผมควรยิ้ม และเริ่มต้นชวนเธอคุย ด้วยคำพูดเหล่านี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในเบื้องต้น ก่อนจะพูดคุยกับเธอในเรื่องอื่นๆตามที่ตั้งใจต่อไป ขณะอ้าปากจะพูดออกไปนั้น ผมก็ต้องยุติความคิดทั้งมวลลง เมื่อมองเห็นถึงความหวาดระแวงบนสีหน้าของเธอ สมองครุ่นคิดไปว่า เธอคงอยากจะหลุดพ้นจากช่วงเวลานี้ไปเร็วไว มากกว่าจะมัวมาพูดคุยกับชายที่อาจคุ้นหน้าบ้าง แต่ไม่คุ้นเคยเลยอย่างผม ถ้าผมยังคงดื้อดึง มันคงจะสร้างความอึดอัดระหว่างเราให้เพิ่มพูนขึ้นก็เป็นได้ ซึ่งบางที...ที่ผ่านมา เมืองหลวงอาจเคยสอนบทเรียนบางอย่างให้แก่เธอมาบ้างแล้ว เธอจึงต้องระมัดระวังตัวในทุกๆ สิ่งที่ผ่านเลยเข้ามาในชีวิต ยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ ผมไม่อาจตำหนิเธอในเรื่องนี้ได้เลยจริงๆ และแล้วไฟในร้านก็กลับมาสว่างไสวขึ้นดังเดิม สีหน้าของเธอพลันสดชื่นขึ้นทันตา สักพักหนึ่ง ฝนก็หยุดตก ผมขยับไปคว้าถุงทะเล ขึ้นมาแบกบ่า ตรงดิ่งไปที่ประตูเพื่อจะออกไป ทว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ได้ ผมกลับชะงักเท้าหยุดนิ่งราวกับรูปปั้นใกล้ๆ กับปากประตูนั่นเอง ใจเต้นตึกตักๆ อยู่ภายใต้เสื้อยืดคอกลมสีขาว เมื่อรถตุ๊กตุ๊กคันหนึ่งที่บรรทุกฝรั่ง 2 คนมาด้วย ขับปราดมาจอดเทียบที่หน้าร้าน ฝรั่งทั้งคู่ เจ้าของร่างใหญ่ยักษ์ ผมสีทองยาวรุงรังมาถึงกลางหลัง แต่งตัวรุ่มร่าม เจาะหู เจาะจมูกเต็มพรืดไปหมด สักสีเป็นรูปบ้องกัญชา จิ้งจก ตุ๊กแก ผู้หญิงเปลือยที่หน้าอกหน้าใจของเจ้าหล่อนใหญ่โตราวกับภูเขาเลากา ฯลฯ ลายพร้อยไปทั่วทั้งร่าง โซเซลงมาจากรถด้วยอาการมึนเมา ทั้งสองแหกปากพูดตะโกน ส่งเสียงดังลั่นไปหมด จนได้ยินเข้ามาถึงในร้าน หมาขี้เรือนที่มาหลบฝนอยู่หน้าร้าน ถูกหนึ่งในนั้นเตะกระเด็นกระดอนไปอย่างป่าเถื่อน มันส่งเสียงร้องเอ๋งๆ ก้องกังวานไปทั่วท้องถนน เตลิดหนีหายไปในความมืด ท่ามกลางเสียงหัวเราะสนุกสนานของพวกเขา แล้วทั้งสองจึงผลักประตูกระจกใสเข้ามา ฝรั่งทั้งสองพาร่างที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ผ่านร่างของผมที่สูงเลยเอวพวกเขามาเพียงนิดเดียว ตรงไปยังตู้แช่หลังร้าน หอบเอาเบียร์หลายขวด มาวางไว้บนเคาเตอร์ สายตาของทั้งคู่โลมไล้อยู่ที่ร่างหญิงสาวจนแทบจะละลาย พวกเขาพูดคุยอะไรกันบางอย่างที่คนจบ ป. 6 อย่างผมฟังไม่รู้เรื่อง แต่คิดว่า น่าจะเกี่ยวพันกับเธอที่กำลังยืนคิดเงินอยู่ตรงหน้า ร่างของเธอสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว กดเครื่องคิดเงินไปพลางอย่างลนลาน เมื่อจ่ายเงินเสร็จ ฝรั่งคู่นั้นก็จากไป ทิ้งไว้แต่เพียงแววตา เสียงหัวเราะ และรอยยิ้มประหลาด เดินถอยหน้าถอยหลังไปขึ้นรถตุ๊กตุ๊กที่ติดเครื่องรออยู่หน้าร้าน ![]() ในตอนนั้น ผมลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แม้เวลาจะผ่านไปเพียงไม่กี่นาที แต่สำหรับผม (และน่าจะรวมถึงเธอ) มันคล้ายยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์ และถ้าหากเมื่อสักครู่นี้ เธอจะได้ภาวนาร้องขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยคุ้มครองป้องกันภัยให้แก่เธอแล้วล่ะก็ ผมอยากให้เธอได้รับรู้ไว้ด้วยว่า ผมเองก็แอบเฝ้าภาวนาสิ่งนั้นให้แก่เธอ (และตัวผม) อยู่ด้วยเช่นกัน ขณะผลักประตูกระจกใสออกมา ครั้งนี้... เราต่างสบตากันอย่างตั้งใจ เธอยิ้ม ผมยิ้มตอบ และในรอยยิ้มนั้นมีคำขอบคุณเบาๆ ล่องลอยออกมาจากปากของหญิงสาว ห้วงเวลานั้น ผมคล้ายรู้สึกว่า กำแพงแห่งความหวาดระแวงที่กางกั้นเราทั้งสองมาตั้งแต่แรกเริ่ม มันได้พังทลายลงไปแล้วอย่างสิ้นเชิง .......................... ท่าพระจันทร์...เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ผมรักมาก จะยังไงก็ต้องกลับไปเสมอ...
แล้วคุณกอล์ฟละ มีสถานที่ในดวงใจไหม โดย: รัน IP: 124.121.235.239 วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:17:01:23 น.
อ่อ ลืมไป แล้วคุณน้องละครับ มีสถานที่ในดวงใจไหม
โดย: รัน IP: 124.121.235.239 วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:20:12:11 น.
ของผมก็คงที่บ้านนี่ล่ะครับสถานที่ในดวงใจ มีความหลังมากมาย T_T
*ตอนนี้บลอครูปภาพตรงโลโก้ไม่ขึ้นใครรู้สาเหตุช่วยบอกกันหน่อยคร้าบ โดย: เจ้ากอล์ฟ (ChronoCross
) วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:21:01:01 น.เอาไว้จะไปท่าพระจันทร์บ้าง
โดย: นางสาวผ้าขี้ริ้ว IP: 118.174.151.156 วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:21:24:49 น.
ท่าพระจันทร์เป็นสถานที่ที่ดิฉันเคยไปมาแล้วค่ะเป็นสถานที่ที่น่าประทับใจมาก..กับความทรงจำต่างๆ..มากมาย
บางครั้งเราอาจมองคนแค่ภายนอก..แต่ลึกๆแล้วซ่อนเร้นไปด้วยมิตรภาพ รอยยิ้มที่แสนจริงใจ.... โดย: หญิงสาวที่แสนซื่อ IP: 125.25.187.180 วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:21:55:59 น.
ชอบไปท่าพระจันทร์ตอนเย็นๆ ค่ะ ของขายเยอะ และบรรยากาศก้อดีด้วย
โดย: molly IP: 202.57.144.210 วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:10:53:25 น.
มาแล้วๆๆๆๆ
สถานที่ในดวงใจเหรอคะ อืม...ตอบง่ายๆ เลย ที่ที่มีคนที่เรารักอยู่ด้วยไง ...คงเป็นที่ที่อบอุ่นและมีความหมายน่าดูเลยเนอะ... โดย: น้องเจ้าค่ะ IP: 61.90.104.222 วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:21:46:30 น.
^
^ ^ ขอกระโถนที่คร้าบพี่น้อง โดย: เจ้ากอล์ฟ IP: 117.47.35.122 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:33:24 น.
ท่าพระจันทร์..
ยังไม่เคยไปเลยอ่ะค่ะพี่กอล์ฟ โดย: คนผ่านมา IP: 125.24.226.236 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:18:21 น.
ผมก้มีเรื่องราวดี ที่ท่าพระจันทร์มากมายเหมือนกันครับ
โดย: คนเคยอยู่ท่าพระจันทร์ IP: 222.123.158.28 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:05:09 น.
ท่าพระจันทร์คำนี้ ได้สอนและให้ผมเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง ครับ
โดย: aonjana IP: 124.120.14.91 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:33:33 น.
งานอ.ย๊าว..ยาว..ขอก็อบมาเป็นแนวในการเขียนส่ง อ.หน่อยนะเจ้าค่ะ....( เหมือนอัดยายซื้อขนมยายเลย..)
โดย: แล้วแต่จะเรียก.... IP: 203.156.21.73 วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:18:13:12 น.
นังหิน หล่อนแอ๊บแมนตั้งกะม่ะไหร่น่ะ
โดย: วะฮ่าๆ IP: 118.172.158.180 วันที่: 5 ธันวาคม 2551 เวลา:12:47:07 น.
เรื่องรัก4เส้าผ.ช. คนเดียว
อยุ่มาวันหนึ่งโรงเรียนก้อได้เปิดเรียนตอนนั้นเราอยุ่ป1 ซึ่งก้อมีเหตุกานหลายอย่างที่เราไม่คาดคิด พอเราเรียนจบป.1 ซึ่งเป็นตอนที่ฉันดีใจมากเมื่อรุ้ว่าตัวเอง ได้ที่2ตอนอยุ่ป.2เพื่อนของฉันก้อได้เกิดวามรัก เนื่องจากมีผู้ชายคนหนึ่งชื่อว่า*-*เฟม*-* ได้ถูกฟุตบอลตรงคอเค้าบาดเจ็บ เพื่อนสาวของเค้าชื่อว่า*-*สกิน*-* มาปลอบเฟม เฟมเจ็บมากจนนำแก้วมา แล้วกำจนแตกเพราะเฟมเจ็บมาก จนเฟมและสกินเปงแฟนกัน มาตอนป.3 เฟมเค้าก้อไม่ค่อยพูดอะไรมาก ตอนป.4 เค้าก้อยังทำตัวปกติ แต่ตอนป.5เหมือนเค้าจะนอกใจสกิน เค้าชอบเล่นกับ...น้ำ...เพื่อนของเค้าตอนเด็กๆ น้ำก้อเปงเพื่อนสนิทของสกินมาก แล้วไม่รู้ทำยางไงเค้าก้อมาสนใจ*-*มิกซ์*-* คนที่นิสัยเอาแต่ใจนิดหน่อย มิกซ์และเฟมก้ออยู่กลุ่มเดียวกานตลอด จนมาตอนป.6เฟมได้เจอกับสกินอีกครั้ง แล้วเค้าก้อกับมารักกัน มิกซ์และน้ำก้อเสียใจมาก ส่วนเฟมและสกินก้อมีความสุขมาก โดย: *-*.....................*-* IP: 61.7.241.30 วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:37:05 น.
โดย: opleee
วันที่: 1 มกราคม 2553 เวลา:0:13:22 น. |
บทความทั้งหมด
|

















ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
เสน่ห์ของท่าพระจันทร์
:)