หมาสามขา
ในความฝันคืนก่อน มีหมาสามขาเพิ่มเป็น 3 ตัวแล้ว

ตอนตีสอง เห็นมันตัวหนึ่งนอนอยู่กลางถนนเปลี่ยวที่นานทีจะมีรถผ่านมาสักคัน ซึ่งแต่ละคันแล่นเร็วกว่าเสียงและสิ้นสุดความเร็วตรงเสียงดังโครมคราม. หมาสามขาตัวที่มีหางกระดิกหางก่อนจะหอนโหยด้วยความถี่ที่มนุษย์ไม่สามารถได้ยิน แต่พวกหมาได้ยินจึงพากันหอนตาม

หมาสามขาตัวหนึ่งนอนบนฟุตบาทหยาบฝุ่น เสียงของความมืด พาคนเมาเดินงงงวยมานอนทับที่ของมัน มันลุกหนี

ฝูงมอเตอร์ไซค์วิ่งมาด้วยความเร็วชั่วร้ายและคำรามดังหยาบคาย หมาสามขาสะดุ้งด้วยเคียดแค้น มันถีบตัวเองให้ลุกขึ้นวิ่งไล่ แต่ไม่เคยทัน

บนถนนเล็กๆในซอยลึก แสงสีเหลืองของไฟข้างทางอาบแสงลงบนรอยเลือด ยามขี่จักรยานทับผ่านกองเลือดนั้น ไม่รู้สึกถึงความหนืดเหนียวแต่แว่วเสียงคนร้องไห้จึงรีบปั่นเผ่นรวดเร็ว

คนขาเดียวนั่งเหงาอยู่กับเสียงแมลงกลางคืน มิอาจลุกเดินได้เหมือนหมาสามขา อยากกลับบ้านแต่ก็กลับไม่ได้ ได้แต่นั่งเศร้ามองถนนเปลี่ยนผ่านไปมา. นานที หมาสามขาก็ใจดีเดินแวะเวียนมาเยี่ยม มาช่วยเลียเลือดที่ยังไหลไม่หยุด ช่วยปลอบกันและกันและร่วมสาปแช่งความเร็วไร้สาระพวกนั้นให้ฉิบหายลงนรกไปให้ไว






Create Date : 12 กรกฎาคม 2549
Last Update : 12 กรกฎาคม 2549 23:23:48 น.
Counter : 891 Pageviews.

22 comments
BUDDY คู่หู คู่ฮา multiple
(3 ม.ค. 2567 04:49:04 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
  
อ่านแล้วนึกถึง "หญิงกาน" ... หมาสามขาที่ผมเคยรู้จักตอนเรียนปีหนึ่ง

หญิงกาน... เป็นชื่อที่เด็กหอขนานนามเธอครับ ชื่อเต็มๆ มาจากพิการ

ถึงเธอจะมีสามขา แต่พอถึงเวลานอนตอนกลางคืน เธอต้องขึ้นบันไดหอพักชาย 1 เพื่อมานอนหน้าห้อง 222 ซึ่งเป็นห้องของผมเอง และเธอมักจะนอนขวางตรงหน้าประตูทุกครั้ง ...

ผมและเพื่อนร่วมห้องไม่มีใครไล่เธอไปให้พ้นทางเข้าออกห้องพักเลยครับ พวกเราเต็มใจที่จะเดินหลบ

ผมไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงต้องลำบากขึ้นมานอนบนชั้นสอง ซึ่งหมาสามขาอย่างเธอคงปีนขั้นบันไดไม่สะดวกนัก

เป็นหมาสามขาในความทรงจำของผมน่ะครับ เลยถือวิสาสะมาเล่าให้ฟัง

ปล. ผมขอประณามความเร็วอันชั่วช้านั่นด้วยคนครับ
โดย: King Of Pain วันที่: 13 กรกฎาคม 2549 เวลา:0:28:24 น.
  
3 legged dog... สวรรค์อาจคิดว่า มี 4 ขาแล้วมันเยอะเกินไป.. หรือลดขาที่สี่จะได้ไม่ต้องยกขานั้นเวลาจะฉี่ก็เป็นได้....

หรืออยากมีดีไซน์ เลยทำสามขาแบบ tripod หรืออยากเป็นสามง่ามแบบ trident....

น่าศึกษานัก เจ้าหมาสามขา
โดย: biggg วันที่: 13 กรกฎาคม 2549 เวลา:10:46:41 น.
  
ฮืออ อ่านวันนี้แล้วน้ำตาร่วงได้เลยค่ะ

แถวบ้านเมื่อก่อนก็มีอยู่ตัวนึง
เรียกเธอว่า "สามขา" แล้วก็ไปให้ข้าวทุกวัน

คิดถึงเธอจัง TT
โดย: หมาเลี้ยงแกะ วันที่: 13 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:21:27 น.
  

เมื่อก่อนหน้าปากซอยก็มีอยู่ตัวนึง
มันต้องเสียขาไปเพราะเป็นโรคมะเร็ง

พอเราย้ายบ้านเข้าไปอยู่ท้ายซอย
เลยไม่ได้เดินผ่านซอยเดิม
ก็ไม่ได้เห็นมันอีกเลย

ล่าสุดที่ถามข่าวคราวก็ได้ยินว่ามันไม่อยู่เสียแล้ว

สามขาแล้วยังอยู่ริมถนนน่าเศร้ายิ่งนัก
โดย: keyzer วันที่: 14 กรกฎาคม 2549 เวลา:2:32:02 น.
  
อ่านแล้วทำให้ผมน้ำตาซึมได้เลยครับ... วิถีมนุษย์ทำร้ายสัตว์โลกอย่างรุนแรงเหลือเกินครับ
โดย: นายเบียร์ วันที่: 14 กรกฎาคม 2549 เวลา:7:12:22 น.
  
เออ ผมมาร่วมสาปแช่งด้วยคน
โดย: ดำรงเฮฮา วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:4:17:47 น.
  
นักร้องนำวงR.E.M. เคยกล่าวไว้ตอนที่เพื่อนร่วมวงคนหนึ่งลาออกจากวงไป ว่า "หมาแม้จะเหลือ 3 ขา ก็ยังเป็นหมา" (กล่าวประมาณนี้ครับ)

เมื่อปีก่อน ในซอยโชคชัย4 ประมาณซอย50 - 52 มีหมา 3 ขา 2 ตัว ถามคนแถวนั้นได้ความว่าที่พวกมันขาหายไปข้างก็เพราะโดนรถชน และเมื่ออาทิตย์ก่อนระหว่างผ่านตรงซอยนั้นผมว่าผมเห็นหมา 3 ขาเพิ่มขึ้นมาอีกตัวนะ
โดย: lomocat วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:23:12:07 น.
  
คนไม่ได้เป็นเจ้าของโลกใบนี้เท่านั้น สิ่งมีชีวิตทุกอย่างมีสิทธิ์ที่จะอาศัยอยู่บนโลกนี้อย่างสงบสุขเท่าเทียมกัน


ร่วมประนามคนที่ไม่เป็นมนุษย์ด้วยค่ะ
โดย: azamiya วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:0:25:49 น.
  
คิดไปคิดมาเหมือนเพลงคาราบาว ที่ว่า น๊อตมี 4 ตัว ถอดมาล้อละตัวแล้วเอาไปใส่ให้ล้อที่ไม่มีน๊อต มันก็ยังวิ่งได้อยู่... เพลงชื่อไรจำไม่ได้ ที่ว่า ถึงจะบ้าแต่ว่าไม่โง่..

ไม่เกี่ยวกับหมาเท่าไหร่ แต่เกี่ยวกับจำนวน 3 และ 4
โดย: biggg วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:55:36 น.
  
คิดว่าคุณแมวน่าจะสนใจบทความนี้เลยเอาลิ้งค์มาแปะไว้ให้นะ

//www.matichon.co.th/art/art.php?srctag=0603010749


โดย: keyzer วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:17:37:24 น.
  
ขอบคุณครับคุณอ้อน บทความนี้ทำให้ผมคิดครับ

เรื่องนี้ผมยังไม่ได้ดูเลยครับ ดูแต่ "สุดเสน่ห์หา"พูดตรงๆว่าผมคุ้นกับหนังบรรยากาศแบบนี้มากๆ แต่ไม่ชอบนางเอกเพราะเห็นว่าหล่อนดูน่าเกลียด ถ้านางเอกเปลี่ยนเป็นผู้หญิงที่ดูธรรมดาๆ ความรู้สึกต่อหนังเรื่องนี้สำหรับผมจะเป็นบวกกว่านี้ครับ (ที่กล่าวนี้ คือ รู้สึกว่าเหมือนเขาจะเน้นความธรรมดามากเกินไปจนมันล้นไปในทางลบน่ะครับ ความเห็นผมคือ ความธรรมดาจะให้มันน่าดูสักหน่อยไม่ได้หรือ ในหนังBressonเท่าที่ดูมา ก็ไม่เห็นผกก.จะต้องบังคับความสามัญธรรมดาให้ต้องน่าเกลียดนี่นา / ผมอาจเห็นว่าหล่อนน่าเกลียดอยู่คนเดียวก็ได้ แฟนเก่าผมว่าหล่อนดูธรรมดาไม่น่าเกลียด เราเคยเถียงกันเรื่องนี้! ครับ ความคาใจต่อเรื่องนี้ทำเอาผมเขียนนอกเรื่องเรื่อยเปื่อยมาหลายบบรรทัด ขออภัย>)

พรุ่งนี้ ไม่แน่จะมาขยายความต่อครับ
โดย: Lo! cat IP: 124.120.171.100 วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:0:14:46 น.
  
มาลาก ล่อลวง แล้วก็หลอกล่อ .. อ๊ะ ไม่ใช่สิ
มาเชิญชวนไปฟังเพลงใหม่ค่ะ

ตอนนี้น่าจะฟังได้แล้วนะคะ

ปล. ชอบคำนี้จัง "สาวน้อยน่ารักกับหัวใจน่าหม่ำ"
กิกิ ฟังดูหัวใจเป็นขนมหวานมากเลยนะคะ

ปล. อีกที ฮืออ มาอัพเร็ว ๆ หมาสามขาเศร้ามากก TT
โดย: หมาเลี้ยงแกะ วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:17:55 น.
  
คุณแกะครับ เข้าไปฟังเพลงมาแล้วครับ เพลงน่ารักมาก ฟังแล้วรู้สึกตัวเองกลับเป็นหนุ่มน้อย และกำลังมีสาวน้อยมาตกหลุมรัก(เพ้อฝันมาก 55)

ตอนนี้ยังไม่อัพบล็อกครับ จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับบทความนี้ก่อน //www.matichon.co.th/art/art.php?srctag=0603010749 จะเขียนที่หน้านี้แหละครับ(ไม่มีคนอ่านก็ไม่เป็นไร อยากเขียน) เป็นบทความเกี่ยวกับหนังเรื่องสัตว์ประหลาด พอดีผมยังไม่ได้ดู เลยเว้นไปก่อน ที่จริงวันนี้ก็ว่าจะซื้อมาดูแต่ดันไปสอยradiohead boxsetมาแทน สัตว์ประหลาด ไว้ก่อน ไว้ก่อน(งบหมด)
โดย: lomocat วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:0:31:51 น.
  
ไม่อยากอ่านจนจบเลย มันดูเศร้าๆๆ

กับชีวิตจริงของมัน เฮ้อ!!!!!!!!!!!!

เศร้าๆๆ
โดย: บีลิตเติ้ลบิ้ก IP: 61.47.111.240 วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:36:07 น.
  
อ้างจาก
//www.matichon.co.th/art/art.php?srctag=0603010749

คุณเบน แอนเดอร์สันครับ ขอบคุณมากครับสำหรับบทความ"สัตว์ประหลาดอะไรวะ?"ของคุณที่ทำให้ผมต้องนั่งคิดและลงมือพิมพ์ข้อเขียนนี้

คุณเบน แอนเดอร์สัน ผมไม่ทราบว่ามีข้อคับข้องใจอันใดที่ทำให้คุณคิดคำว่า"พวกพล่ามในจอ"ขึ้นมา ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าเขาพล่ามอะไรอย่างไร เพราะไม่มีโอกาสได้ฟังอย่างที่คุณได้รับฟังมา

คุณครับ ผมก็รู้สึกอายมากๆที่ต้องบอกว่า ผมยังไม่มีโอกาสได้ดูหนังเรื่องสัตว์ประหลาดเลย ดังนั้นผมสัญญาว่าจะเตือนตัวเองตลอดขณะพิมพ์ข้อความโง่ๆนี้ ว่า "เราอาจคิดผิด เราอาจคิดผิดทุกอย่าง"

แต่ผมมีความเห็นนิดหน่อยว่าทำไม"สัตว์ประหลาด"ถึงไม่ประสบความสำเร็จด้านจำนวนผู้ชมในประเทศไทยซึ่งผมว่าอาจเป็นเพราะธีมของหนัง "เกย์" (ผมว่าบทความของคุณไม่ได้ให้น้ำหนักในจุดนี้เท่าที่ควร) ย้ำครับ! ผมยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ แต่คนที่รู้จักหนังเรื่องนี้ก็รู้กันว่าเป็นหนังเกี่ยวกับความสัมพันธ์รักรวมเพศ และจุดนี้แหละครับ ที่ผมคิดว่าเป็นตัวกรองคนดูลงไปเยอะ ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ในมุมมองของผมนะครับ การไม่เหยียดเกย์กับการไปดูหนังเกย์เป็นคนละประเด็นกัน สำหรับผู้ชายในบ้านนี้เมืองนี้การเข้าไปดูหนังเกย์ในโรงเป็นเรื่องที่ลำบากใจมากเลยครับ (ประสบการณ์ตีตั๋วเข้าชม Happy Together ยังฝังหลอนผมอยู่เลย) ผมเชื่อว่าอคติแบบนี้ยังมีอยู่ในหัวผู้ชมภาพยนตร์หลายคน และทำให้เราพลาดหนังเรื่องนี้ไปอย่างน่า(น่าจะ)เสียดาย

แต่ก็มีข้อแย้งอีกว่าแล้วทำไมหนังเกย์ที่โรงhouserama หรือ BBM ถึงขายดี อันนี้ผมว่ามันต่างกันที่หน้าหนังครับ เช่นโปสเตอร์หนังที่เฮ้าส์ ภาพโปสเตอร์สื่อถึงความเกย์ได้ชัดเจนสวยงาม จึงไม่ดึงดูดเกย์ที่ไม่สนใจหนังแนวนอกกระแสให้หันมาสนใจ

และผมมีข้อสงสัยว่า ชาวบ้านที่ทีมงานสารคดีพามาดูชอบหนังเรื่องนี้จริงๆหรือครับ เรื่องเข้าใจว่ามีเกย์ มีป่า อันนี้ใครๆก็เข้าใจได้ แต่เรื่องชอบไม่ชอบนี่มันคนละเรื่องกัน ตามความคิดผมนะ คนที่คุณพาเข้ากรุงเทพมาดูหนังเรื่องนี้ เขาย่อมรู้ความคาดหวังของทีมงาน หรือรู้ว่าตัวเองกำลังโดนเอามาเปรียบกับสติปัญญาแห่งกทม. แล้วจะให้เขาตอบว่าไม่เข้าใจ ไม่ชอบ งั้นหรือ? และอีกอย่างคือ พวกเขาทั้ง 4 มาดูอย่างจงใจเป็นพิเศษ ดังนั้นมันไม่ใช่การดูหนังธรรมดานะครับ พวกเขาดูหนังเรื่องนี้อย่างตั้งใจ และตื่นตัวเป็นพิเศษ จึงอาจจะเก็ตเรื่องราวได้มากกว่าความน่าจะเป็น(แต่ในความลึกระดับไหน?)

กับหนังบางเรื่อง บางทีต้องใช้ประสบการณ์หรือความเข้าใจเฉพาะจึงจะสามารถมองเห็นโจทย์(ผมเกลียดที่จะใช้คำนี้จัง) และถ้ามองไม่เห็นคำถามตั้งแต่แรก กระบวนการทำความเข้าใจย่อมไม่เกิด แล้วคำว่า"ยาก"จะเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ อีกเรื่องหนึ่งคือ การคุ้นภาพชีวิตจริงกับการเห็นภาพแบบนั้นในหนังมันเป็นคนละการรับรู้กันนะครับ ผมเชื่อว่าชาวบ้านที่คุ้นสนุกกับละครโทรทัศน์ คงมีไม่กี่คนหรอกครับ ที่จะรู้สึกสนุกตื่นตากับภาพชีวิตแบบเดียวกับพวกเขาในลักษณะเรียลิสติกบนจอหนัง

และจากข้อมูลที่เก็บจากร้านวีดีโอตามเขตใกล้กรุงเทพ ผมเข้าใจว่าผู้ที่สนใจหนังเรื่องนี้คงเป็นกลุ่มที่ติดตามหนัง เช่น พวกอ่านหนังสือหนังหรือชอบดูทีวีรายการหนังและสนใจหนังเรื่องนี้ก็เพราะมันได้รางวัลใหญ่เมืองคานส์ ถ้าคุณเหยียด"พวกพล่ามในจอ" ว่า "พวกเขากำลังมีปฏิกิริยากับรางวัลคานส์มากกว่ากับตัวภาพยนตร์เอง" ผมคิดว่าคนชานเมืองพวกนี้ก็เป็นเช่นนั้นเช่นกันนะครับ แล้วมันเป็นเรื่องเสียหายรึเปล่า? (แต่ผมรู้ว่าคุณเจ้ยเป็นที่สนใจในวงการมาเนิ่นนานแล้ว ตั้งแต่คราวหนังเรื่องดอกไม้ในมือมาร ตอนนั้นยังไม่มีคานส์เข้ามาเกี่ยว)

แล้วเรื่องที่คุณอ้างถึงเพื่อนชาวอินโดนีเซียผู้ใกล้ชิดป่า คุณบอกว่าเพื่อนคนนั้น "เข้าใจทุกอย่าง" ในหนังเรื่องนี้ แต่ผมเห็นคุณพูดถึงเพื่อนคนนี้เฉพาะเรื่องป่า(ถ้าเป็นอย่างที่ผมเข้าใจ น่าจะเรียกว่า"เข้าใจบางส่วน"มากกว่า) จะว่าไปเพื่อนผมที่ได้ดูสัตว์ประหลาด เขาก็ชอบฉากป่าตอนกลางคืนมาก ถึงกับบ่นว่าน่าเสียดายที่ผมไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรงหนังซึ่งน่าจะมีระบบเสียงที่ดีกว่าดีวีดี

ดังนั้นผมขอคิดเองเออเองบ้างนะครับ ว่าไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ระดับเคยสัมผัสป่ามาก่อนถึงจะเข้าใจหนังส่วนนี้ได้ เหมือนที่ผู้อ่านสามารถเข้าใจหนังสือ Heart of Darknessได้โดยไม่ต้องเคยไปเยือนแดนเถื่อนที่ไหนมาก่อน บางอย่างไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ตรง แต่มนุษย์สามารถใช้จิตนาการหรือปัญญาพาข้ามไปถึงจุดนั้นได้ใช่ไหมครับ(ถ้าไม่เช่นนั้นนิยายวิทยาศาสตร์ก็ไร้ความน่ะสิ)

ส่วนเรื่องเสือสมิง เด็กเจ็กกทม.อย่างผมก็รู้จักเรื่องพวกนี้บ้างเหมือนกันครับ ไม่ว่าเรื่องเสือสมิงตัวเมีย ตัวผู้ เสือที่กินคนแล้วกลายเป็นเสือสมิง ผู้หญิงมาหลอกให้นายพรานลงจากห้างยิงสัตว์ ฯลฯ ผมลองถามเพื่อนที่อยู่ต่างจังหวัดก็ทราบว่าเขาเองก็ไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้ดีไปกว่าผมเลย (รู้เหมือนๆกัน สงสัยอ่านมาจากหนังสือเล่มเดียวกัน) ดังนั้นประเด็นที่กทม.มี"มหาวิทยาลัยแต้จิ๋วที่ใหญ่ที่สุดในโลก" มันก็ไม่น่ามีความสำคัญอันใดต่อความเข้าใจหนังเรื่องนี้เลยนะครับ ตอนผมคุยกับเพื่อนที่ดูหนังเรื่องแล้ว ผมรู้สึกตื่นเต้นตอนที่เพื่อนเล่าถึงฉากในป่ายามค่ำคืน มันทำให้ผมนึกถึงทฤษฎีเกย์ข้อหนึ่งที่ว่า เราทุกคนล้วนมีความเป็นเกย์ซ่อนอยู่ในตัว ความเป็นเกย์จะถูกบีบออกมาหากถูกเร้า และสถานะเกย์จะถูกกำหนดโดยดูจากความเป็นเกย์ของเราว่ามี%เยอะแค่ไหน ถ้าเปรียบความเป็นเกย์คือสัตว์ประหลาด แล้วการเดินเข้าป่าลึกเปรียบถึงการเดินเข้าสู่ส่วนลึกในใจของเราเอง ในนั้นเราอาจเจอสัตว์ประหลาดครับ(ตกใจจนแต๋วแตก 55)

คุณยกย่องQuentin Tarantinoที่กล่าวว่า"มันเป็นหนังที่วิเศษ และผมก็ไม่เข้าใจมัน" แล้วคุณก็แขวะพวกพล่ามในจอว่าไม่กล้าพูด "เรารักคุณอภิชาติพงศ์เพราะว่าเราไม่เข้าใจเขา" แต่ประโยคประมาณนี้(แบบที่เครวตินพูด)ผมเคยได้ยินบ่อยๆนะครับ ทั้งที่หลุดจากปากผมเอง หรือจากปากเพื่อนกลุ่มที่ดูหนังด้วยกัน และมีวลีหนึ่งที่ผมชอบจากหนังสือฟิล์มไวรัสกล่าวว่า "ละไว้ฐานที่ไม่เข้าใจ" ผมเชื่อครับว่าในที่แห่งนี้มีคนที่เข้าใจความงามแห่งความคลุมเครืออยู่ครับ เยอะด้วย

น่าเศร้าครับ ที่ผมคิดว่าคุณไม่มีความเข้าใจในสิ่งที่คุณเขียนถึงมากพอ(มากเท่าที่คุณสรุปตัดสิน / และการใช้ภาษาไทยในบทความนี้ก็ต่ำกว่ามารตฐานนิดหน่อยด้วย)

ผมอาจเป็นสัตว์ประหลาดในความหมายของคุณก็ได้ แต่ผมก็รักมนุษย์นะครับ ผมเคารพในความถูกต้อง และเห็นความแตกต่างคือความงาม ถึงที่ผมเขียนมานี้อาจมีผิดมากมาย แต่ผมเชื่อว่าผมรัดกุมพอ ที่จะไม่ปล่อยความผิดพลาดไปทำลายความสุขสงบสันติใดใดไม่ว่าที่ไหนก็ตาม
โดย: lomocat วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:23:48:21 น.
  
อ่ะ ... เรื่องสัตว์ประหลาด ผมก็ยังไม่ได้ดูครับ
แต่ "สุดเสน่ห์หา" นี่ดูแล้วเหมือนกันครับ

เรื่องสัตว์ประหลาด มีอาจารย์ของผมท่านนึง ท่านชอบเสพหนังมาก ยังแนะนำให้ผมไปดูเลยครับ ถามว่าอาจารย์ท่านนั้นที่ดูหนังมาเยอะมาก ดูหนังของคุณอภิชาติพงศ์ แล้วท่านเข้าใจหรือไม่ อาจารย์ผมกล้ายอมรับว่าไม่รู้เรื่อง แต่ท่านบอกผมว่าควรดู ... หลายๆ ฉาก หลายๆ ภาพในหนังมันให้ความรู้สึกบางอย่าง ... อ้อ อาจารย์ผมเป็นผู้หญิงนะครับ

ปล. ผมยังไม่ได้บทความในเว็บมติชนเลยครับ แต่เห็นแล้วล่ะ ... บทความยาวมาก ถ้ามีเวลาจะเข้าไปอ่านครับ
แต่ผมไม่ชอบคำว่า พวกพล่ามในจอ เอาซะเลย



โดย: King Of Pain IP: 58.9.139.6 วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:1:22:58 น.
  
ผู้ชายหลายคนประสบปัญหาในการเดินเข้าไปชมหนัง
เกี่ยวกับเกย์ เรื่องนี้เรามองว่ามันเป็นความเป็นสังคมของโรงหนัง
ถึงไม่มีคำพูดจากคนที่ไปโรงหนังด้วยกัน
แต่มันจะมีกระแส(จิต)บางอย่างที่ส่งถึงกันผ่านอากาศ
เหมือนเวลาคนไปเป็นคู่มองคนไปดูหนังคนเดียว
เพียงแต่ระดับมันต่างกัน

สำหรับเรื่องประสบการณ์ตรงที่เกี่ยวกับหนัง
กับหนังบางเรื่องเราว่ามันไม่ต้องใช้ประสบการณ์ตรงเพื่อทำความเข้าใจ
หรือเข้าถึงหนังบางเรื่อง อย่างหัวใจมืด(Heart of Darkness)ที่คุณแมว
ยกตัวอย่างมา เราก็อ่านแล้วเข้าใจได้เทียบกับตอนนี้ที่อ่าน100ปีแห่งความโดดเดี่ยว
ที่ทำเอาเราเหนื่อยจังเวลาอ่าน ....

ความเข้าถึงหนัง มันมากกว่าการได้เข้าไปสัมผัสสังคมเดียวกับโลกในหนัง ยกตัวอย่างจากเราเองนี่แหละ ง่ายๆเลยนะเรามีปัญหาเข้าไม่ถึงหนังโรแมนติค
เราไม่เคยประทับใจหนังรักสักเรื่อง แม้จะชอบบางประโยคของJerry
McGuire แต่ก็ไม่เคยซึ้ง ร้องไห้ หลงรัก จนเรามาดูBrokeback
ที่ใครๆว่ามันเป็นหนังรัก แต่เราว่ามันเป็นหนังชีวิต ไม่ใช่หนังรักโรแมนติค

ก่อนเดินเข้าโรงเราก็ยอมรับเรื่องหนังเกย์ได้ มันเลยง่ายที่จะปล่อยใจไปกับเนื้อหา

บางทีการสำรวจคนเพียงบางกลุ่มก็เหมือนกับการทำโพลล์
ต้องเลือกกลุ่มตัวอย่างเพื่อให้ได้ผลตามที่ตั้งไว้



โดย: keyzer วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:45:29 น.
  
กลายเป็นซับบล็อกแล้ว ดีจัง นึกว่าจะไม่มีใครเข้ามาอ่านซะแล้ว
เกี่ยวกับหนังเกย์ ผมชอบหนังเกย์และผกก.ที่เป็นเกย์อยู่หลายเรื่องหลายคนครับ แต่การที่ผู้ชายจะเข้าไปดูหนังเกย์ในโรงปกติมีสิ่งน่าหวาดอยู่สองสามประการ อาทิ กลัวคนอื่นมองว่าเราเป็นเกย์ กลัวเกย์ที่อยู่ในโรง กลัวหนังจะมีภาพล่อแหลม(อันตรายต่อสายตา)

ตอนผมดูHappy Together ตอนนั้นระบบซื้อตั๋วของอีจีวียังไม่สามารถเลือกที่นั่งได้เอง ดังนั้นผมจึงได้ตกไปอยู่ระหว่างกลางชายหนุ่มที่น่าระแวง(เขาก็อาจระแวงผมเช่นกัน) ระหว่างดูหนังอยู่นั้นเข่าของคนที่น่าระแวงข้างๆก็เลื่อนมาชนกับเข่าผม เป็นสัมผัสที่ค้างนานสักอึดใจก่อนที่ผมจะขยับเข่าหลบ แต่อีกสักพักเข่านั้นก็เลื่อนมาชนผมอีก ถึงจุดนั้นผมเลยต้องนั่งหนีบขาดูหนังเรื่องนี้ตลอดจนหนังจบ (เรื่องระแวงนี้ไม่ได้เกิดกับผมคนเดียวนะ มีหลายคนครับที่รู้สึกอึดอัดกับการดู Happy Together แบบเดียวกับผม)

---
แต่ผมยอมรับว่าบางเรื่อง ถ้าเรามีประสบการณ์ในทางเดียวกับเนื้อหาหนัง จะเน้นอารมณ์ร่วมในหนังเรื่องนั้นได้มากทีเดียวครับ ขอยกตัวอย่างฉาบฉวยจากเฮ็มวี"โครตรักเอ็งเลย" ซึ่งผมดูแล้วก็รู้เลยครับ ว่านี่น่าจะเป็นหนังเรื่องแรกที่ทำให้ผมน้ำตาไหลได้ ผมมีประสบการณ์ประมาณนั้น แม้ไม่ถึงขนาดนั้นแต่ก็มากพอให้จิตนาการไปถึงดราม่านั้นได้

โดย: Lo! cat IP: 124.120.164.97 วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:24:40 น.
  
^
^
อ่านที่คุณ lomocat เล่าตอนไปดูหนังเรื่อง Happy Together แล้วรู้สึกได้ถึงความอึดอัดครับ 555 ...

ตอนผมไปดู Bad Education (คนเดียว) ที่สกาล่า ผมเลือกตีตั๋ว 120 เพื่อไปนั่งปลีกวิเวกคนเดียว พอเข้าไปในโรงก็รู้สึกว่า ตูนี่โง่จริงๆ ไม่รู้จะจ่ายแพงไป 20 บาททำไม สกาล่ามันก็ใหญ่พอสมควร วันนั้นคนดูก็น้อย ...

หนังเกย์เรื่องต่อๆ มาที่ผมอยากดู ผมก็ไม่คิดมากครับ ... เดินเข้าไปดูคนเดียวได้สบายมาก ...
โดย: King Of Pain วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:46:05 น.
  
ม.กรุงเทพจะมีฉายให้ดูพรุ่งนี้ (วันศุกร์) ผู้กำกับและนักแสดงจะมาพูดคุยด้วยนะ... สนใจก็แจ้งได้ครับท่าน...

เรื่องของโน๊ตอุดมที่ท่านว่าจะร้องไห้น่ะ
โดย: biggg วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:9:09:50 น.
  
ที่กล้วย หรือที่รังสิตวะ ถ้าพี่เสือว่างก็ไปดูแทนให้ที เผื่อจะมีเกร็ดอะไรน่าสนใจมาเล่าให้ฟัง / เรื่องนี้ตั้งใจจะดูรอบดึกๆคนเดียว ที่เมเจอร์รัชฯ (โรงแห่งความหลัง)
โดย: Lo! cat IP: 124.120.165.15 วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:23:17:32 น.
  
เป็นอาจารย์นี่มันดีจริงเว้ย
โดย: เสี่ยเอง IP: 203.113.41.4 วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:1:19:42 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Lomocat.BlogGang.com

lomocat
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด