ขั้นตอนการต่อเครื่องบิน จากประเทศไทย ถึงสหรัฐอเมริกา

มีหลาย ๆ ท่านสอบถามถึงความยุ่งยากในการต่อเครื่องบิน และด่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรของประเทศสหรัฐ เลยถือโอกาศนี้ทำ Blog ซะเลย เพราะว่าพิมพ์หลายครั้งแล้วค่ะ

ก่อนอีกต้องบอกว่า ไม่มีความยุ่งยากอะไรเลยค่ะ ทำใจให้สบาย Enjoy your flight ดีกว่านะคะ

เริ่มที่ดอนเมืองเลยนะคะ

ก่อนอื่นก็ตรวจดูว่าสายการบินของคุณจะออกจากอาคารไหนนะคะ ส่วนใหญ่การบินไทยและกลุ่ม Star Alliance จะอยู่อาคาร 1 ค่ะ ที่เค้าน์เตอร์เช็คอิน ปกติถ้าปลายทางคือสหรัฐอเมริกา สายการบินจะให้คุณเช็คกระเป๋าได้ 2 ใบค่ะ ใบละ 50 ปอนด์ (เมื่อก่อนเช็คได้ 70 ปอนด์) บางสายการบินอาจจะยังให้แบบนั้นอยู่ นอกนั้น คุณสามารถถือ Carry On ขึ้นเครื่องได้ บวกกับกระเป๋าสะพาย เป้ หรือกระเป๋า Note Book ค่ะ

ขณะเช็คอิน เจ้าหน้าที่ก็จะให้บัตรโดยสาร (Boarding Pass) ทั้งหมดจนถึงปลายทาง แล้วแต่ว่าคุณต้องต่อเครื่องกี่ลำนะคะ ถ้าต่อ 3 ครั้งก็จะได้ 3 ใบค่ะ หางตั๋วที่เช็คกระเป๋าเก็บให้เรียบร้อยนะคะ กรณีที่ถึงปลายทางแล้วกระเป๋าหาย จะได้เอาตั๋ว (Claim Ticket) ไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูว่า กระเป๋าของเราตกหล่นอยู่ที่ไหน หลังเช็คอินเรียบร้อย คุณก็พร้อมจะออกเดินทางค่ะ ไปจัดการซื้อ Airport Tax ได้ค่ะ ราคา 500 บาท บัตรนี้ต้องยื่นให้เจ้าหน้าที่ก่อนผ่านเข้าด่านตรวจหนังสือเดินทาง

ที่ด่านตรวจหนังสือเดินทาง บางครั้งเค้าก็จะถามว่าไปไหน บางครั้งก็ไม่ถามค่ะ แล้วแต่อารมณ์เค้ามั้ง แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะถ่ายรุปเราค่ะ จากนั้น เดินออกมา ก็จะเป็นร้านขายของปลอดภาษีค่ะ ถ้าไม่ซื้ออะไรก็เดินไปที่ประตูขึ้นเครื่องบินได้เลยค่ะ

ขึ้นอยู่กับสายการบินที่คุณใช้ว่าจะต้องไปทรานซิสที่ไหนนะคะ การบินไทยมีบินตรง กรุงเทพ - นิวยอร์ค และ กรุงเทพ - ลอสแองเจลลิส ค่ะ กรณีนี้คุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องต่อเครื่อง สายการบินส่วนใหญ่จะไปทรานซิสที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่นค่ะ เช่น สายการบินนอร์ทเวสต์ ยูไนเต็ด การบินไทย (ลำที่ไม่ได้บินตรง) ส่วนบางสายก็จะไปทรานซิสที่กรุงโซล หรือว่า ไทเป ค่ะ เราขออ้างอิงการทรานซิสผ่านโตเกียวนะคะ โดยสายการบินนอร์ทเวสต์นะคะ สายการบินส่วนใหญ่หลักการก็คล้าย ๆ กันค่ะ จากกรุงเทพถึงโตเกียว ระยะเวลาในการบินประมาณ 6 ชั่วโมงค่ะ ที่โตเกียวเป็นศูนย์กลางบิน (Hub) ของสายการบินนอร์ทเวสต์ และยูไนเต็ด และอีกหลาย ๆ สาย ก่อนเครื่องลง เจ้าหน้าที่จะประกาศว่าเครื่องบินลำไหน จะออกจากประตูที่เท่าไร พอเครื่องลง ทุกคนต้องขนกระเป๋าออกมาจากเครื่องค่ะ (แม้ว่าจะต่อเครื่องบินลำเดียวกันไปถึงอเมริกาก็ตาม) จากนั้นต้องผ่านด่านตรวจความปลอดภัย คือ ต้องเอาสมบัติบ้าของเราใส่เข้าไปในเครื่อง X-Ray อีกค่ะ ออกจากเครื่องปุ๊ป ก็เดินตามป้าย Connection Flight สีเขียว ๆ ไปเรื่อย ๆ นะคะ ก็ผ่านเครื่อง X-Ray จะมีเจ้าหน้าที่ขอตรวจบัตรโดยสารและหนังสือเดินทางค่ะ จากนั้นคุณก็จะผ่านเข้าไปยังห้องผู้โดยสารได้อีกครั้ง ดูว่าเที่ยวบินของคุณ จะออกจากประตู (Gate) ูที่เท่าไร แล้วก็เดินไปนั่งรออยู่แถว ๆ นั้นได้เลยค่ะ อย่่าลืมว่าที่ญี่ปุ่นเวลาเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมงนะคะ ดังนั้น ถ้าจะไปเดินเอ้อระเหย ให้ดูเวลาให้ดี ๆ ด้วย ถ้าทรานซิสกับนอร์ทเวสต์ แนะนำให้ไปที่ประตูได้เลยค่ะ เพราะเค้าจะเรียกผู้โดยสารเร็วมาก เคยมีเพื่อนเกือบตกเครื่อง เพราะมัวแต่ไปเดินในดิวตี้ฟรีค่ะ ไม่ได้เปลี่ยนนาฬิกาข้อมือ

เมื่อขึ้นเครื่องได้ จากนี้ไปไม่ว่าปลายทางของคุณจะเป็นเมืองไหนของอเมริกา คุณจะต้องนั่งอยู่บนเครื่องบินอีกอย่างน้อย ๆ 8-9 ชั่วโมงค่ะ บนเครื่องแอร์จะเอาใบเข้าเมืองมาแจก คนไทยที่ไม่มีใบเขียวจะรับ 2 ใบนะคะ ใบแรก I-94 (Arrival-Departure Record) กรอกให้ครบทั้งส่วนบนและล่างค่ะ ใบที่สอง คือใบศุลกากร Custom Declaration Form ใบนี้ถ้าไปกันเป็นครอบครัว (นามสกุลเดียวกัน) ให้คนใดคนหนึ่งกรอกพอค่ะ ถ้ามีเวลาให้กรอกให้เรียบร้อยไปเลย จะได้ไม่ต้องมานั่งห่วงกับมันอีก แนะนำให้นอนพักเยอะ (ถ้าทำได้) ไปถึงจะได้ไม่เหนื่อยมากค่ะ ดื่มน้ำมาก ๆ บนเครื่องนะคะ และถ้าเป็นไปได้ ควรลุกขึ้นเดินไปเดินมาบนเครื่องด้วยค่ะ

ที่อเมริกา เมื่อออกจากเครื่อง แนะนำให้เอาหนังสือเดินทางเก็บไว้ในกระเป๋า อย่าเพิ่งเอาออกมา เพราะจะมีเจ้าหน้าที่ของศุลกากร มาคอยรอหนังสือเดินทางของบางประเทศ เช่น ประเทศไทย เป็นต้น เค้าจะดึงไปเลย แล้วก็กาหัวกระดาษของเราไว้ (เคยโดนมาแล้ว) เค้าจะตรวจเป็นพิเศษ เนื่องจาก พี่น้องชาวไทยของเราบางท่านไปทำเรื่องไว้เยอะ คนหลัง ๆ เลยซวยไป

ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ถ้าคุณไม่คิดว่าคุณมีเจตนามาทำอะไรผิด ไม่ต้องไปกังวลเลยค่ะ เจ้าหน้าที่เค้าทำหน้าดุไปยังงั้นเอง และจะถามเสียงดุ ๆ ด้วย ถ้าคุณเป็นผู้หญิงแนะนำให้ใช้ยิ้มสยามไปเลยค่ะ ส่วนคุณผู้ชายไม่ทราบจะแนะนำยังไง คำถามเบสิค เช่น คุณจะมาอยู่กี่วัน มาทำอะไร พักที่ไหน ทำนองนี้ค่ะ บางครั้ง เค้าอาจขอดูตั๋วขากลับ (อันนี้ไม่เคยโดนนะ แต่คนอื่นบอกมา) ออกจาก ต.ม มา ก็ไปรับกระเป๋าที่สายพานค่ะ จากนั้นก็ลากไปให้ศุลกากรได้เลย เค้าก็จะถาม ๆ ว่า เรามีอาหารประเภทเนื้อสัตว์ หรือผักผลไม้หรือเปล่า ถึงแม้จะตอบว่าไม่มี เค้าก็อาจจะไล่เราไปเข้าถือตรวจเพิ่ม ผ่านเครื่องเอกซ์เรย์อีกครั้ง หรืออาจโดนตรวจกระเป๋าก็ได้

หลังผ่านศุลกากรออกมาได้ ถ้าปลายทางของคุณคือ เมืองนั้น ก็เดินตามป้าย Arrival ได้เลยค่ะ แต่ถ้าต้องต่อเครื่องไปอีกเมืองหนึ่ง สายการบินจะมีเค้าน์เตอร์สำหรับ ให้คุณโยนกระเป๋าขึ้นไปบนสายพาน จากนั้นคุณก็ไม่ต้องไปสนใจกับมันอีก จนกระทั่งถึงปลายทาง เมื่อจัดการกับกระเป๋าเรียบร้อย ก็เดินตามป้าย Connecting หรือว่า To Gates ค่ะ

Welcome to the USA