คิดไปเรื่อย บ้านนอกของฉัน เขตที่อยู่ เป็นเมืองที่หนาวแล้วฝนยังตกด้วย เม็ดฝนที่ละเอียดยิบไม่ทำให้เราเปียกโซกแต่ว่าก็ชุ่มได้ จะไม่มีนางเอกมิวสิคที่เดินลุยฝนแน่ๆ คือว่าช่วงตั้งแต่พฤศจิกา ถึงเดือนเมษาได้มั๊งไม่ต้องทำอะไรกันจริงจัง ต้นไม้ก็จะยืนหลับสลัดใบกันหมด เป็นช่วงเวลาที่หดหู่ใจ ใครไม่คิดแต่เราคิด จิตนาการไปเรื่อยๆ หญ้าก็แห้งเหี่ยวไป เดี่ยวช่วงซัมเมอร์ ที่มุมนี้จะเขียวขจีขั้นมาอีก ต้นไม้ช่างแข็งแกร่ง แม้ว่าความหนาวเย็นจะมีมากเท่าไรก็ยังทนได้ ภูเขา ต้นไม้ ลำธาร บรรยากาศมาก มองลำธารที่มีน้ำไหลริน คนก็เปรียนให้น้ำไหลเหมือนความทุกข์ที่ไหลมาแล้วไหลไป แต่ฉันอยากให้น้ำไหลเหมือนความสุขที่ไหลมาแล้วไหลไป เพราะว่ามันมีน้ำไหลทุกวัน ชีวิตก็คือชีวิต ที่นี่ตามไฟแดงจะมีคนถือบ้าย ที่บ้านเรา แถวสะพานลอย แบบนั้นเลย ไม่กล้าถ่ายรูปกลัวว่าจะถืออย่างอื่นมาส่งให้เราแทน เขาจะเขียนบรรยายว่าไม่มีบ้านอยู่ ขอให้ช่วยเหลือเงินคนละห้าสิบเซนต์หรือตามใจ คิดอีกแล้ว ว่าคนไหนๆ ในโลกก็ต้อดิ้นรนให้ชีวิตอยู่รอด สำหรับชีวิตที่เกิดจากชนบท ที่ไม่ต้องมีต้นทุนชีวิตสูง ไม่ได้เรียนโรงเรียนดังๆ ที่ค่าเทอมแพง แต่ว่าชีวิตก็เดินช้าๆ ไปตามขั้นตอน เดินไปตามทางที่มีชีวิตก็ไม่ได้ยุ่งยาก ไม่เล่นการพนัน ไม่ดื่ม คือรักษาศีลห้า ชีวิตก็จะปลอดภัย พ่อบอกอย่างนี้ เป็นคนไทย อยู่ที่ไหนๆ ก็รักษาศีลได้ตลอดเวลา ความรัก เลือกที่จะเข้าใจ ช่วงเดือนกุมภาเป็นวันแห่งความรัก ที่บรรยากาศสดใสหัวใจเบิกบาน สังเกตได้จากห้างที่ขายของ มีมุมสำหรับความรักโดยเฉพาะ พอเลยวันไปก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าบ้านนอกนี่ไม่ค่อยจะมีอะไรมาก เราว่าเป็นเรื่องที่บอกรักกันได้ทุกวัน แต่ว่า ใครจะสร้างสีสันอย่างไรแล้วแต่อีกเรื่อง แต่ว่าการเข้าใจเอาใจใส่นี่ขอให้อย่าลดลง มันเหมือนเป็นอาหารเสริม สำรับเราไม่ได้ทำงานก็ไม่มีความเครียดจากที่ทำงานก็ปรับตัวง่ายหน่อย แต่ก็ต้องปรับ เพราะว่าไม่มีสิ่งใดที่สมบูรณ์แบบ ขอบคุณที่อ่านนะค๊ะ ขอบคุณที่เมตตา |