เพาะเมล็ดแคคตัสครั้งแรกในชีวิต




สวัสดีค่ะ ต่อจากครั้งที่แล้วที่บั๊มเล่าถึงที่มาของการเลี้ยงแคคตัสจากเล่นๆจนเป็นงานอดิเรกเล็กๆนะค่ะ จากที่เลี้ยงแคคตัส/กระบองเพชรจนออกดอก เมื่อเลี้ยงไปเรื่อยๆวันดีคืนดี เจ้าแคคตัสของบั๊มมันก็ออกฝักแดงๆล้อมรอบต้น ด้วยความสงสัยเลยหาข้อมูลจึงได้รู้ว่าที่แท้เมันคือเมล็ดของแคคตัสซึ่งแต่ละสายพันธุ์จะมีรูปเมล็ดที่แตกต่างกัน และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บั๊มเข้าสู่ขั้นตอนหัดเพาะเมล็ดแคคตัส/กระบองเพชร เป็นครั้งแรก

เรามาเริ่มขั้นตอนการเพาะกันนะค่ะ

1. หาข้อมูลจากอินเตอร์เนต วิธีการเพาะเมล็ด

2. เตรียมอุปกรณ์ดังนี้

-ดินสำหรับปลูกแคคตัส (หาซื้อได้ที่จตุจักร)

-ถ่านหุ้งข้าว

-กระถาง

-ถัง/กะลามังที่ใส่น้ำเปล่าไว้ครึ่งถัง

-ถุงพลาสติกขนาดใหญ่

-ปุ๋ยออสโม่

เมื่อเราเตรียมอุปกรณ์รวมทั้งหาความรู้ให้ตัวเองแล้วเราก็มาลงมือทำกันเลยค่ะ

1. เริ่มจากนำฝักของแคคตัสสีแดงๆที่เห็นในรูปข้างบนนะค่ะนำมากรีดเพื่อเอาเมล็ดข้างในฝักนั้นอีกทีค่ะ เมล็ดที่อยู่ในฝัก(สำหรับบั๊มๆว่ามันเหมือนเม็ดแก้วมังกรสีดำที่เวลาเราทานแก้วมังกรแล้วมันจะติดตามซอกฟันเลยอ่ะค่ะ) อันที่จริงแล้วเท่าที่รู้มาแก้วมังกรก็เป็นตระกูลเดียวกับแคคตัส/กระบองเพชรด้วยนะค่ะ

2. นำเมล็ดที่ได้จากฝักมาล้างเอาเมือกใสๆออกให้หมดแล้วนำมาตากแดดหรือพึ่งลมให้แห้งก่อนประมาณ1-3 วัน แต่ของบั๊มทิ้งไว้เป็นอาทิตย์เลยค่ะเนื่องจากนิสัยขี้เกีขจของบั๊มเองอ่ะค่ะT0T" จะได้เมล็ดที่แห้งดีแล้วตามรูปข้างล่างนี้เลยค่ะ

3. จากข้อมูลที่บั๊มหามามันมีหลากหลายวิธีมากในการเพาะ บั๊มเลยเลือกวิธีที่แตกต่างกันมา 2 วิธีเพื่อเปรียบเทียบดูนะค่ะว่าวฺธีไหนจะใช้ได้ผลซึ่งขั้นตอนคล้ายกันหมดตั้งแต่การนำถ่านหุ้งข้าวทำให้เป็นก้อนเล็กๆรองไว้ก้นกระถางเพื่อกันรากเน่าค่ะ ต่อมานำดินสำหรับปลูกแคคตัสใส่ลงไปประมาณ2ส่วน4 ของกระถางหยอดปุ๋ยออสโม่ลงไปประมาณ5-10 เม็ด จากนั้นก็เติมดินลงไปอีก 1ส่วน คือง่ายเราจะไม่เติมดินจนพอดีปากกระถางนะค่ะ เพื่อที่จะได้มีพื้นที่ความสูงเมื่อแคคตัสงอกขึ้นมาค่ะ จากนั้นนำกระถางที่เราใส่ดินไว้เรียบร้อยมาจุ่มลงไปในถังน้ำเปล่าที่เตรียมไว้ให้น้ำท่วมกระถางแล้วหยิบกระถางขึ้นมาได้เลยนะค่ะ ซึ่งตอนที่บั๊มทำบั๊มทำไว้ 2 กระถาง จากนั้นมาสู่ขั้นตอนที่ว่าวฺธีการแตกต่างกันก็คือ กระถ่างที่1นำเมล็ดแคคตัสที่เราตากแห้งไว้มาโรยให้กระจากทั่วหน้าดิน แต่กระถางที่2 นำเมล็ดแคคตัสโรยหน้าดินเหมือนกันแต่แตกต่างกันตรงนำดินมากลบทับเมล็ดที่เราโรยไว้อีกครั้งหนึ่งแล้วรดน้ำตรงดินที่เรานำมากลบเมล็ดอีกครั้ง

4. นำกระถางที่โรยเมล็ดเรียบร้อยแล้วมาใส่ถุงขนาดใหญ่แล้วมัดปากถุงให้แน่นพอสมควรนำไปตั้งไว้ในที่ร่มหรือที่มีแดดรำไร ตามรูปข้างล่างเลยค่ะ

เป็นอันเสร็จกระบวนการเพาะเมล็ดแล้วค่ะ ต่อมาก็เหลือแต่ลุ้นว่าสิ่งที่เราทดลองแบบลองผิดลองถูกของบั๊มว่ามันจะ งอกขึ้นไหมนะ หรือจะผิดพลาดเน่าทั้ง2กระถาง สิ่งที่บั๊มทำไปทั้งหมดเนี๊ยะจะได้ผลหรือเปล่านะ บอกตรงๆนะค่ะบั๊มยังจำความรู้สึกครั้งแรกตอนเปิดปากถุงหลังจากตั้งทิ้งไว้ประมาณ1 อาทิตย์ว่ามันทั้งลุ้น ตื่นเต้น ดีใจ ไม่แน่ใจ และเมื่อบั๊มเปิดถุงหลังจากที่กลับมาจากที่ทำงานก็ได้เห็นสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก อันนี้อ่ะค่ะ

เป็นไงค่ะหน้าตาแปลกๆ น่ารักไหมค่ะสีเขียวๆหัวกลมๆเม็ดใสๆสำหรับตัวบั๊มเองบั๊มก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก ไม่แน่ใจว่าจะใช่ต้นแคคตัสน้อยหรือเปล่านะ เมื่อเปิดหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตยืนยันว่าใช่เจ้าแคคตัสน้อยแน่นอนแล้วก็ทำการปิดปากถุงแล้วก็นำไปเก็บที่เดิม

สรุป สิ่งที่บั๊มทดลองระหว่างการนำดินกลบเมล็ดกับไม่กลบ แคคตัสน้อยงอกขึ้นเหมือนกันค่ะ เพียงแต่กระถางที่มีดินกลบจะงอกขึ้นช้ากว่าอีกกระถางอาจเป็นเพราะว่าเขาจะต้องแทรกดินที่กลบเขาไว้อีกชั้นหนึงกว่าจะโผล่พ้นออกมาได้มั้งค่ะ อันนี้คิดเอาเองค่ะ^0^

ครั้งต่อไปบั๊มจะลงรูปการติดตามการพัฒนาการเติบโตของเจ้าแคคตัสน้อยกันนะค่ะใครมีข้อสงสัยหรือมีข้อแนะนำการดูแลแคคตัสอย่างไรมาเล่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้กันบ้างนะค่ะ เขียนใส่ลงในคอมเมนท์ได้เลยค่ะ และถ้าสิ่งไหนที่บั๊มรู้จากการเลี้ยงแบบลองผิดลองถูกของบั๊มเองบั๊มยินดีตอบเป็นอย่างยิ่งเลยนะค่ะ ขอบคุณนะค่ะที่ติดตามการเขียนบล็อคของบั๊มค่ะLadybump20




Create Date : 03 กันยายน 2557
Last Update : 6 มิถุนายน 2560 8:22:06 น.
Counter : 31946 Pageviews.

11 comments
บานแข่งกะซากุระ เธอ Heloniopsis orientalis สมาชิกหมายเลข 4313444
(10 เม.ย. 2567 19:35:55 น.)
สวนรถไฟ : นกจับแมลงตะโพกเหลือง ผู้ชายในสายลมหนาว
(9 เม.ย. 2567 10:26:41 น.)
นุ่งซิ่นชมสวน๑/๖๗ ตะลีกีปัส
(3 เม.ย. 2567 10:35:45 น.)
โจทย์ถนนสายนี้มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 348 - "ฉุกละหุก" ทนายอ้วน
(28 มี.ค. 2567 14:24:52 น.)
  
มาติดตามต่อค่าาา^^
cactusน้อยน่ารักจัง
โดย: LoveMoco IP: 58.181.149.27 วันที่: 15 กันยายน 2557 เวลา:14:49:56 น.
  
ขอบคุณนะค่ะคุณ LoveMoco ที่ติดตามอ่านอ่ะค่ะไว้เดี๋ยวบั๊มทำเฟรชบุ๊ค สำหรับแคคตัส คุณLoveMoco อย่าลืมนำเจ้าแคคตัสที่เลี้ยงไว้โพต์ส่งมาให้บั๊มดูบ้างนะค่ะ
โดย: LoveMoco (bumpza ) วันที่: 15 กันยายน 2557 เวลา:20:06:18 น.
  
ได้เลยค่า^^
โดย: LoveMoco IP: 58.181.149.27 วันที่: 16 กันยายน 2557 เวลา:10:18:47 น.
  
พี่ครับคือผมอยากลองปลูกบ้างครับ แต่กลัวว่า
อาจจะมีเชื้อรา เราใครใส่ แคปแทน ผสมน้ำ แล้วใช่กะถาง แช่ลงไปได้ไหมครับ.????
โดย: teerapat IP: 114.109.89.115 วันที่: 24 เมษายน 2558 เวลา:21:45:37 น.
  
ได้เลยค่ะถ้ากลัวเรื่องเชื้อราหรือรากเน่าเราสามารถใส่ยาลงไปผสมกับน้ำที่เราเตรียมจะแช่กระถางได้เลยนะค่ะแต่พี่ขอเตือนในเรื่องความแม่นยำเกี่ยวกับอัตราส่วนระหว่างน้ำกับยาให้ดีๆนะค่ะเพราะยาพวกนี้เป็นกลุ่มยาสารเคมีค่อนข้างมีอันตรายทั้งคนแลัะต้นไม้ค่ะพี่อ่านตำราบางเล่มเขาจะแนะนำให้เราลดปริมาณยาให้น้อยลงกว่าที่ฉลากเขียนไว้นะค่ะถึงจะเป็นผลดีกับต้นไม้ของเราอ่ะนะค่ะ ขอให้การลองปลูกครั้งนี้ของคุณteerapatประสบความสำเร็จนะค่ะ
โดย: คุณteerapat (bumpza ) วันที่: 25 เมษายน 2558 เวลา:19:36:00 น.
  
พี่ครับถ้าปลูกไปสักระยะแล้วเกิดเชื้อราต้องทำยังไงครับ พอดีตอนปลูกไม่ได้ใส่ยากันเชื้อราหน่ะครับ
และก็เริ่มมีตะไคร่เล็กน้อยแล้วล่ะครับ
ควรทำยังไงดีครับ

ขอบคุณครับ 🙏
โดย: i IP: 125.27.221.179 วันที่: 14 ธันวาคม 2558 เวลา:17:05:43 น.
  
คุณ i ค่ะ เชื้อราที่คุณi เห็นเป็นแบบไหนค่ะ ถ้าให้พี่เดาน่าจะเป็นลักษณะ ต้นอ่อนเน่า รึเปล่าอค่ะถ้าใช่ พี่จะเริ่มด้วยการแยกระหว่างต้นอ่อนที่เน่ากับที่ยังแข็งแรงดีอยู่ออกจากกันค่ะ โดยนำต้นที่แข็งแรง มาใส่ในกระถางใบใหม่ เครื่องปลูกก็ต้องใหม่ด้วยนะค่ะและก็ถือโอกาสนี้รดยากันเชื้อราซะเลยค่ะ ส่วนกระถางที่มีต้นเน่า คุณi ทำใจคงต้องปล่อยไปอ่ะค่ะ คงต้องใช้ทฤษฎีที่ว่า ยอมเสียไปบางส่วนเพื่อรักษาส่วนอื่นๆที่ยังดีไว้อ่ะค่ะ บางทีรดยากันเชื้อราก็แล้วต้นอ่อนก็ยังเน่าหรือตายได้อยู่เหมือนเดิมเลยค่ะ เพราะการเลี้ยงต้นอ่อนพวกนี้มันมีปัจจัยที่จะทำให้เขาตายเยอะไปหมดเลยค่ะ
ส่วนเรื่องตะไคร่เกาะถือว่าความชื่นในถุงมีพอสมควรถึงมีตะไคร่มาเกาะ ถ้ามีจำนวนตะไคร่มาเกาะเยอะและหนาจนเกินไปคุณสาามารถเขี่ยพวกนั้นออกไปได้ค่ะยิ่งเกาะหนาๆนะค่ะเวลาเขี่ยจะออกมาเป็นแพๆ เลยละค่ะ สิ่งที่ต้องระวังถ้าเห็นแล้วว่าในถุงเพาะเรามีตะไคร่ก็คือการรดน้ำต้นอ่อนค่ะ ให้สังเกตุหน้าดินไว้ด้วยค่ะถ้าหน้าดินยังแฉะๆก็อย่าเพิ่งรดน้ำนะค่ะ เพราะนั่นแสดงว่าดินยังอมน้ำดีอยู่ค่ะ ขอให้โชคดีเลี้ยงต้นอ่อนจนเติบโตนะค่ะ
โดย: i IP: 125.27.221.179 (bumpza ) วันที่: 15 ธันวาคม 2558 เวลา:7:54:33 น.
  
จะลองทำตามบ้างค่ะ อ่านเข้าใจง่ายดี
โดย: อะตอมกะอัญญาลูกแม่จอย IP: 27.145.167.20 วันที่: 27 ธันวาคม 2558 เวลา:19:57:35 น.
  
เพาะเมล็ดนี่ไว้ให้โดนแดดแต่พรางแสงแดด กับ ไว้ใต้ร่มไม้มีเงาไม่บังตลอดทั้งวันเลยนี่ แบบไหนดีกว่ากันครับ
โดย: โจ้ IP: 110.168.232.41 วันที่: 28 ธันวาคม 2558 เวลา:13:27:33 น.
  
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยค่ะว่าบั๊มเพาะเมล็ดทุกครั้ง1-3 เดือนแรกบั๊มไว้ในที่ร่มตลอดเลยค่ะ บั๊มใช้ความรู้สึกจาการที่เลี้ยงเจ้าต้นใหญ่ๆมาอ่ะแล้วเอามาปรับเลี้ยงเจ้าต้นเล็กๆพวกนี้ 1-3 เดือนแรกบั๊มจะไม่เคยยเอาเขาออกมาเจอแดดเลยค่ะ แต่พอเข้าสู่เดือนที่4 เริ่มค่อยๆให้เขาเจอแดดแบบพรางแสงค่ะเพราะแสงแดดจะทำให้ฟร์อมของต้นอ่อนเขาที่ และเวลานำต้นอ่อนมาโดนแดดก็วางทั้งถุงเพาะเลยค่ะยังไม่ควรเปิดปากถุงส่วนระยะที่ปลอดภัยที่จะให้เขารับแสงแดดแบบเปิดปากถุงได้น่าจะเป็นช่วงเดือนที่6-7 ไปแล้วอ่ะค่ะ เพราะช่วงนั้นต้นอ่อนจะเริ่มสร้างหนามเล็กน้อยแล้วค่ะ เมื่อมีหนาม ความแข็งแรงของต้นอ่อนและการสังเคราะห์แสงได้เองก็จะตามมาค่ะ อยากให้คุณโจ้ถือเป็นการเล่าสู่กันฟังมากกว่านะค่ะแล้วก็ลองนำไปปรับใช้กับวิธีคุณโจ้อีกทีอ่ะค่ะ ขอบคุณนะค่ะที่เข้ามาแวะชมบล็อกเล็กๆนี้อ่ะค่ะ
โดย: โจ้ IP: 110.168.232.41 (bumpza ) วันที่: 29 ธันวาคม 2558 เวลา:8:07:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Ladybump20.BlogGang.com

bumpza
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]