แองเงียว..เที่ยวเวียดนาม 5



แองเงียว..เที่ยวเวียดนาม 5


25 กุมภาพันธ์ 2551

วันสุดท้ายแล้ว (วันนี้เป็นวันที่จำอะไรไม่ได้มากที่สุด ) วันนี้เป็นวันแห่งการเดิน
ที่ไม่ใช่ "เดินตุ๊ก ๆ ติ๊ก ๆ" อย่างที่ไกด์บอก (ไกด์จะใช้ภาษาน่ารักเสมอ คำนี้หมายถึง เดินเล่น)

วันนี้ตื่นนอนเช้าเป็นปกติ ข้างนอกฝนตกพรำ ๆ พอชื้น ที่แรกที่เราจะไปคือสุสานลุงโฮ (Ho Chi Minh Mausoleum)
ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม แต่ไกด์ว่าจำลองแบบดอกบัวสามชั้น
วันที่ไปคือวันจันทร์ซึ่งปิด (เจ็บใจเป็นที่ยิ่ง) จึงไม่ได้เข้าไป ไกด์ว่าถ้าปกติต้องต่อคิว 2-3 ชั่วโมงกว่าจะได้เข้า

เงียบเหงาจริง ๆ ไม่มีคนเลย


เดินมาในส่วนด้านข้างก็จะเจอส่วนตรงนี้ เดิมไม่รู้ว่าเป็นอะไร
แต่ปัจจุบันเป็นทำเนียบรัฐบาล(ถ้าจำไม่ผิด) ซึ่งปิดไม่ให้เข้าไปใกล้ แต่เราก็ยังเห็นไกล ๆ
ตัวตึกเป็นสีเหลือง สร้างแบบฝรั่งเศษ เมื่อก่อนรัฐบาลเสนอให้เป็นที่พักของลุงโฮ แต่ลุงโฮไม่เอา
ด้วยเหตุผลน่ารัก ๆ ว่า "ไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้าน"
ที่เรียกลุงโฮ ก็เพราะคนเวียดนามนับถือ โฮจิมินท์เหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งมีรูปแบบการดำเนินชีวิตที่น่ายกย่อง
สมถะ สันโดษ กินอาหารแต่พอดี พออิ่ม บางวันก็งดเว้นจากเนื้อสัตว์ เพื่อเห็นแก่ผู้ยากไร้

ทำเนียบรัฐบาล


ในบริเวณเดียวกัน เป็นที่เก็บ รถของลุงโฮ บ้านที่ลุงโฮเคยอยู่


บ้านหลังนี้เป็นบ้านจำลองหลังที่นครพนม ซึ่งลุงโฮเคยได้มาอยู่ เป็นบ้านหลังเล็ก ๆ ทำด้วยไม้
แต่น่าอยู่มาก ชั้นบนมีเพียงสองห้องคือ ห้องนอนและห้องทำงาน




ตรงส่วนนี้ปัจจุบันเป็นที่ขายของที่ระลึก กำแพงสีสวยมาก ๆ



ออกมาแล้วเราไปต่อกันที่ วิหารเสาเดียว ( One Pillar Pagoda ) มีความเชื่อว่าคนที่มาไหว้ ถ้าขอลูกชายก็จะสมหวัง


เดินไหว้พระกันเยอะพอควรก็ไปต่อที่
วัดวั่นเมี่ยวหรือที่เรียกว่า วิหารวรรณกรรม หรือวัดโพธิ์แห่งฮานอย (Temple of the Literature) ที่นี่เป็นที่ที่เราชอบที่สุด
เดิมที่นี่ถือเป็น มหาวิทยาลัยแห่งแรกของฮานอย เป็นที่สอบจอหงวน โดยที่นักเรียนนั้นต้องมาร่ำเรียนที่นี่
ก่อนที่จะมีการทดสอบความรู้ ด้านในสุด เป็นที่ประดิษฐาน ขงจื๊อ ซึ่งมีคำกล่าวว่า
"การเรียนรู้นั้นไม่มีวันสิ้นสุด" จึงเป็นที่เคารพของคนเวียดนามเป็นอย่างมาก โดยจะมาไหว้เพื่อพรที่ว่า
"ถ้าเป็นนักเรียนก็เรียนไม่เบื่อ ถ้าเป็นครูนั้นก็สอนไม่เหนื่อย"

ด้านหน้าวัดวั่นเมี่ยว


ทางเดินเข้าสู่ภายใน สถาปัตยกรรมคล้ายจีนพอสมควร ส่วนด้านข้างนี้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของนักเรียน


ประตูการศึกษา มีความเชื่อว่าถ้าเดินผ่านประตูนี้แล้วจะฉลาด โดยสมัยก่อนเป็นทางเดินของกษัตริย์เท่านั้น


ด้านข้างจะมีแผ่นศิลาจารึก จารึก รายนามผู้สำเร็จการศึกษา สอบได้จอหงวน
โดยแผ่นศิลานี้จะอยู่บนหลังเต่า มีความเชื่อว่าให้เอามือไปลูบหัวเต่าแล้วจะได้ฉลาดเหมือนจอหงวนที่จารึกไว้


สระน้ำตรงกลางนี้ สมัยก่อนใช้เป็นที่อ่านหนังสือ ในคืนเดือนขึ้นแสงจันทร์จะสะท้อนน้ำสว่างไสวไปทั่วบริเวณ


ที่พักของนักเรียน (คล้าย ๆ โรงเรียนประจำ)


กะเรียนยืนบนหลังเต่า หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ (ภายในวัดชั้นใน)


หลังจากที่กินข้าวกันที่ร้านอาหารไทย ชื่อ "ทวี" เสร็จแล้วเราก็ออกเดินกันต่อโดยไปที่ Ly'King Statue (ลี ไท่ โต๋)
ผู้ก่อตั้งเมืองฮานอย อยู่ด้านข้างทะเลสาบคืนดาบ

อนุสาวรีย์ลีไท่โต๋


เดินข้ามถนนมาอีกฝั่ง อย่างทุลักทุเล เพราะไม่กล้าข้าม จนไกด์ต้องมาคอยกำกับว่า
อย่าทำท่าเลิ่กลั่ก ให้เดินไปเลย เดินเฉย ๆ เดี๋ยวรถจะหลบเราเอง
แถมยังบอกอีกว่า "ถ้ารถไม่หลบ เราก็ไม่ต้องหลีก" O_o เอาจริงเหรอเนี่ย
ส่วนที่ยากที่สุดคือการก้าวขาแรกออกไปเนี่ยแหละ กว่าจะข้ามได้ เฮ้อ
ไกด์ยังเพิ่มเติมว่า "อย่าไปสบตาคนขับเชียว เดินมองไปข้างหน้าอย่างเดียว"

ทะเลสาบคืนดาบ (Hoan Kiem Lake) อยู่ตรงข้ามกับอนุสาวรีย์ลีไท่โต๋ มีตำนานว่า
สมัยก่อน กษัตริย์กำลังสู้รบ แล้วมาล่องเรือแถวนี้ เจอเต่านำดาบขึ้นมาให้ แล้วนำไปสู้รบชนะ
จึงนำดาบมาคืนที่นี่ เต่าก็ขึ้นมารับดาบคืนลงไปใต้ทะเลสาบ
ปัจจุบันยังมีเต่าอยู่เป็นจำนวนมาก ล้วนมีอายุนับร้อยปี

เจดีย์ทรงเต่า(Tortoise Pagoda) เพื่อเป็นที่พักของเต่าศักดิ์สิทธิ์


เดินมาอีกหน่อยเพื่อจะข้ามสะพานไปวัดหงอกเซิน หรือวัดเนินหยก (Ngoc Son Temple) ที่เรียกเช่นนี้เพราะว่า
ในทะเลสาบจะมีสาหร่ายสีเขียว ลอยเป็นสายคล้ายสีของหยก

สะพานเทฮุก(สะพานแสงอาทิตย์) สีแดงแรงฤทธิ์


ข้ามมาแล้ว หน้าวัดเป็นอย่างนี้


ประตูด้านซ้ายมือเป็นรูปเสือค่ะ


ภายในวัด


ไหว้พระ เดินเล่นกันอย่างสบายใจเราก็ไปช้อปปิ้ง เนื่องจากทัวร์คณะนี้ไม่มีใครชอบซื้อของกันเลย
เป็นที่หนักใจแก่ไกด์เป็นที่ยิ่ง แต่ตามโปรแกรมก็ต้องเดินซะหน่อยพอเป็นพิธี

คล้าย ๆ ถนนข้าวสารบ้านเรา


กระเป๋าสีสรรสดใส


หน้ากากไม้


เดินกันพอเมื่อยก็ได้กันมาคนละนิดหน่อย สุดท้ายไกด์ก็พาไปกินไอติมร้านอร่อยเลื่องชื่อ
ถ้าใครไปไม่ถูก จำไว้ง่าย ๆ ให้ไปที่ Hanoi Opera House ยืนหันหน้าออกถนน หันหลังให้ Hanoi Opera House
ร้านไอติมก็อยู่ถนนด้านหน้าที่เราเห็นนั้นแหละ เดินตรงไปเลย อยู่ด้านซ้ายมือ


เดินตรงมาจากร้านไอติมเรื่อย ๆ ก็มาเจอ Hanoi Opera House ค่ะ (ใกล้โรงแรม Hilton ค่ะ)
เราไม่ได้เข้าไปข้างในเพราะไม่ให้เข้า จึงถ่ายแต่เพียงภายนอก


เนื่องจากว่าทัวร์นี้เป็นพวกไม่ชอบซื้อของ เวลาจึงเหลือมากมาย ไกด์จึงพาเราไปเที่ยวอีกสองวัด
วัดแรกเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในฮานอย Quan Thanh Temple ที่นี่เงียบ สงบมาก ๆ
คนก็น้อย เพราะไม่ได้อยู่ใน โปรแกรมทัวร์ทั่วไป อยู่ใกล้ๆ กับทะเลสาบ Trac Bach Lake







เดินเล่นกันออกมาเรื่อย ๆ เลียบทะเลสาบ เราแวะร้าน LOVE ซื้อการ์ดและของประดิษฐ์เล็ก ๆ น้อย ๆ
(คิดแทนไกด์ว่า คงจะบ่นในใจ "ทัวร์นี้ซื้ออะไรกันแปลก ๆ วุ้ย" 55)
แล้วก็ไปนั่งจิบชาขม ๆ ริมทาง ที่เป็นเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ (อยากนั่งตั้งแต่วันแรก)

เดินมาอีกหน่อยก็เข้าไปกินเค้ก มีเรื่องหน้าแตกอีกแล้ว (จะต้องมีซะทุกทีหรือไงนะ)
คือเราถามไกด์ว่า ถ้าจะเรียกพนักงานเก็บเงินต้องพูดว่าอะไร
ไกด์ว่า ต้องพูดว่า "แองเอย"
เราก็เอาเลย "แองเอย แองเอย " ในความหมายของเราก็ประมาณว่า check bill
แต่พี่พนักงานเดินเข้ามามองหน้าเรา เราก็บอกอีก "แองเอย" เขาก็มองเราอย่างงง ๆ
สุดท้ายเราต้องทำมือวน ๆ (ภาษาสากล) เพื่อให้เขารู้ว่าให้เก็บเงิน เขาถึงเข้าใจ
พอออกมานอกร้าน ไกด์บอกว่า "แองเอย แปลว่า พี่คะ พี่คะ"
อ้าว แล้วไมไม่บอกล่ะ เป็นที่ขำกันกลิ้งทีเดียว เราก็ไปเรียกเขา พี่คะ พี่คะ แต่ไม่ยอมพูดอะไรต่อ
แถมยังมีหน้ามาบอกอีกนะ ว่าถ้าออกเสียงผิดนิดนึง เป็น "แองเงียว" มันจะแปลว่า ที่รัก
เลยยิ่งฮากันใหญ่

เดินมาอีกนิดเป็นวัดที่อยู่บนแหลมที่ยื่นไปในทะเลสาบ West Lake ชื่อวัด Tran Quac Pagoda หรือวัดป้องกันประเทศชาติ
มีเจดีย์ 12 ชั้น สวยงามมาก เป็นวัดที่มาจากนิกายทางอินเดีย





หลังจากนั้นเราก็ต้องรีบไปกินข้าวเย็น กันและไปสนามบินโดยด่วน เราไปเช็คเป็นกลุ่มสุดท้ายเลย
โชคดีที่ทัน กลับมาถึงสุวรรณภูมิ สี่ทุ่มครึ่งได้ รู้สึกว่า กัปตันจะขับเร็วมากเลย ร่นเวลาไปตั้ง 15 นาที

จบทริปนี้อย่างงู ๆ ปลา ๆ มากเลย ข้อมูลก็แทบจะไม่ได้หา ไกด์เล่าอะไรก็ไม่ค่อยจะฟัง
หลับลูกเดียว แถมไปเที่ยวที่ไหน ๆ ก็อ่านภาษาเขาไม่ออก
แต่ก็เป็นทริปที่สนุก และมีความสุขอีกทริปหนึ่ง ด้วยคนที่ไปด้วยนั้น น่ารักทุกคน
ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี เข้ากันได้ดี แถมยังตลกไม่รู้จบ ฮากันได้ตลอดเวลา

เราสัญญากันว่าจะกลับมาอีกครั้ง
เวียดนาม แดนดินอันเป็นเสน่ห์แห่งมังกร



ผู้ร่วมเดินทางค่ะ

ทริปกัญชาพาตะลุย - เมื่อถึงเวียดนาม
ทริปกัญชาพาตะลุย - ฮาลองเบย์สู่นิงห์บิงห์
ทริปกัญชาพาตะลุย - ล่องฮาลองบกก่อนตกค่ำที่ไมโจว


เมื่อหกสาวแบกกระเป๋าไปเวียดนาม... วันแรก
เมื่อหกสาวแบกกระเป๋าไปเวียดนาม... เช้าแรกในเวียดนาม
เมื่อหกสาวแบบกระเป๋าไปเวียดนาม... อีกเช้ากับจักรยานอีกคัน


ซินจ่าว เวียดนามเหนือ - 1
ซินจ่าว เวียดนามเหนือ - 2
ซินจ่าว เวียดนามเหนือ - 3
ซินจ่าว เวียดนามเหนือ - 4





Create Date : 14 มีนาคม 2551
Last Update : 14 มีนาคม 2551 13:36:09 น.
Counter : 2373 Pageviews.

6 comments
Slow Life ในเมืองเลย Alex on the rock
(15 เม.ย. 2567 07:44:23 น.)
หาอะไรดับร้อนกับน้องถั่วแดงที่ร้านเย็น เย็น หวานเย็น สาขาMRTท่าพระ นายแว่นขยันเที่ยว
(12 เม.ย. 2567 00:32:31 น.)
ตลาดน้ำกวางโจว ดาวริมทะเล
(12 เม.ย. 2567 18:42:45 น.)
Mahar Shwe Thein Taw Pagoda, Royal Jasmine Hotel - Pyin Oo Lwin สายหมอกและก้อนเมฆ
(11 เม.ย. 2567 16:06:34 น.)
  
ตามไปเที่ยวต่อ

ยังดีที่ไม่พูดเพี้ยนเป็น แองเงียว นะเนี่ย
โดย: Jersey Girl วันที่: 14 มีนาคม 2551 เวลา:14:04:44 น.
  
สวยจังเลย
จะมีโอกาสได้ไปกับเขาบ้างไหมเนี่ย
โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 14 มีนาคม 2551 เวลา:16:58:24 น.
  
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ
โดย: rambujan วันที่: 14 มีนาคม 2551 เวลา:17:27:27 น.
  
พี่ทำบล็อกเสร็จแล้วนะ
ทำเสร็จ สัญญากับตัวเองเลยว่าต้องขยัน เก็บตังค์ ไปเว้ กับฮอยอัน คอยดูนะว่าจะสำเร็จมั้ย ฮ่าๆๆๆ
โดย: O-HO วันที่: 15 มีนาคม 2551 เวลา:9:48:55 น.
  
ฟานซีปันก่อนเลยดีกว่าพี่อ้อ
โดย: อ้นเอง IP: 124.121.190.242 วันที่: 16 มีนาคม 2551 เวลา:0:41:19 น.
  
แวะมาทัก มาทายสบสายตา
แวะมาบอกว่า ว่าขอบคุณ
แวะมาอิง มาอบ แอบไออุ่น
แวะมาให้คุ้น ให้เคยกัน


โดย: ณธีร์ วันที่: 17 มีนาคม 2551 เวลา:8:39:52 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Krapookkling.BlogGang.com

กระปุกกลิ้ง
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด